Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
29 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

องค์ที่ ๑๘ : รังลับ(๒)

      จอร์จรู้สึกคุ้นตาต่อสถานที่ต่างๆที่ผ่านมาตั้งแต่ก้าวเท้าลงมาจากบ่อดองศพ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกชายหนุ่มจึงได้เห็นภาพตราสัญลักษณ์รูปดอกมะลิสีดำเด่นตระหง่านอยู่กลางขอบวงกลมสีแดงเหนือซุ้มประตูโค้งขนาดยักษ์ เขาเดินตามทุกคนผ่านซุ้มประตูนั้นเข้าไปหยุดยืนอยู่ริมกำแพงชั้นในแล้วผู้กองเซอบีรุสก็พยักหน้าเรียกเขากับแมคให้เข้าไปหา หัวหน้าทีมยกสนับแขนติดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาของตนซึ่งมีภาพแผนที่แสดงตำแหน่งต่างๆในนี้ทั้งหมดขึ้นมาประกอบคำอธิบายก่อนจะพูดว่า
      “ดูจากแผนที่ของพวกเราจุดนี้พวกเราทั้งสองชุดต้องแยกกันไปปฏิบัติการ พวกชุดจู่โจมจะไปทางซ้ายมือ ผ่านห้องประชุมพล ห้องอาหาร ห้องโถงใหญ่ที่ใช้ฝึกซ้อมการต่อสู้ สนามซ้อมยิงปืน และบริเวณที่พักกำลังพลชั้นในสุดเข้าสู่ศูนย์บัญชาการของพวกมัน ส่วนพวกชิงตัวประกันคือแมคกับคุณจะต้องไปทางขวามือตามทางจากท้ายห้องประชุมผ่านห้องของแผนกพยาบาลไปยังห้องขังตัวประกัน เมื่อช่วยคนเสร็จให้รีบย้อนกลับทางเก่าและเข้าไปสมทบกับพวกผมที่ห้องควบคุมใหญ่ซึ่งอยู่ต่อจากห้องพักของพวกมันเข้าใจไหม”
      ทั้งสองคนพยักหน้าพร้อมกันแทนคำตอบ เมื่อผู้กองเซอบีรุสนัดแนะแผนการจนจบจึงออกคำสั่งให้ทุกคนเริ่มปฏิบัติการทันทีโดยให้ทหารสามคนของชุดโจมตีเคลื่อนที่นำคณะเข้าสู่ลานประชุมพลหลังกำแพงทางซ้ายมือ เขาเดินตามเจมส์กับนายทหารร่างยักษ์คนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ถือปืนยิงลูกระเบิดประจำหน่วยตามเข้าไปช้าๆและสามคนสุดท้ายทำหน้าที่ระวังหลังเดินตามเข้าไปเป็นชุดสุดท้าย ทั้งคณะเคลื่อนที่ผ่านผนังกำแพงชั้นในเข้าสู่ลานปูนโล่งเตียนที่กว้างขวางใหญ่ขนาดสนามฟุตบอลที่มืดสลัวอย่างเงียบกริบ
      ณ เวลานี้ปราศจากกำลังพลแม้แต่เพียงคนเดียวเฝ้าระวังอยู่เลยราวกับโชคกำลังเข้าข้างผู้กองเซอบีรุสเหมาะกับการเข้าโจมตีชนิดสายฟ้าแลบของการปฏิบัติการตามแผนที่กำหนดเอาไว้ ชุดจู่โจมทั้งหมดถูกความมืดสลัวของทางเดินด้านซ้ายมือกลืนกินร่างของพวกเขาไปทีละคน ส่วนจอร์จและแมคซึ่งเป็นชุดช่วยตัวประกันแยกตัวเข้าไปยังทางเดินที่มืดไม่แพ้กันทางด้านขวา
      ผู้กองเซอบีรุสนำกำลังพลชุดจู่โจมไปบนทางเดินที่มืดขมุกขมัวมีท่อเหล็กขนาดใหญ่ยึดติดยู่บนกำแพงยาวไปตลอดทาง เมื่อเดินจนสุดทางเป็นทางบังคับให้เลี้ยวซ้าย นายทหารที่นำอยู่ข้างหน้าส่งสัญญาณมือรายงานมาจากมุมกำแพงทางเลี้ยวว่ามียามของพวกมันสองคนกำลังเดินลาดตระเวนใกล้เข้ามา พวกมันหยุดยืนสูบบุหรี่สนทนากันอยู่ระหว่างทางโดยไม่ได้เอะใจเลยว่าศัตรูอยู่ใกล้แค่ไหน นายทหารคนหนึ่งจากชุดระวังหลังกับเจ้าหน้าที่เจมส์จึงถูกสั่งให้ออกมาทำหน้าที่เก็บกวาดเป้าหมายทั้งสองด้วยปืนไรเฟินติดอุปกรณ์เก็บเสียงตามคำสั่งของผู้กองเซอบีรุส เจมส์และนายทหารแม่นปืนจึงสลับตำแหน่งกันเคลื่อนที่ไปข้างหน้ายังมุมกำแพง บังเอิญที่เป้าหมายทั้งสองคนหยุดยืนอยู่ใต้แสงไฟดวงเล็กซึ่งกะพริบอยู่จึงเพิ่มความสะดวกให้เจมส์มากยิ่งขึ้นไปอีกในการเล็งยิงเป้าหมายได้อย่างประณีต เขาใช้ท่านอนราบเพื่อเล็งยิงคนทางซ้ายในขณะที่นายทหารแม่นปืนนั่งยิงคนทางขวาตามที่ผู้กองเซอบีรุสสั่ง ทั้งสองคนปล่อยกระสุนออกจากลำกล้องปืนพร้อมกันราวกับนัดไว้และร่างของยามลาดตระเวนก็สะดุ้งเฮือกไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมาก่อนจะล้มลงไปนอนกองทับกันบนพื้น
      เจมส์ส่งสัญญาณมือแจ้งผู้กองเซอบีรุสว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผู้กองเซอบีรุสจึงออกคำสั่งให้ทั้งหมดเคลื่อนที่ตรงเข้าหาร่างของพวกมันที่นอนจมกองเลือด พวกเขาเดินผ่านร่างของพวกมันไปอย่างไม่ไยดีมุ่งตรงไปจนสุดทางและเลี้ยวขวาอีกครั้งหนึ่ง ทางเดินตอนนี้เต็มไปด้วยลังไม้และถังสังกะสีวางชิดติดขอบกำแพงทั้งสองด้านเว้นระยะห่างตรงกลางไว้ให้คนเดินผ่านไปมาได้เท่านั้น สุดทางที่ไกลออกไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบเมตรมีประตูบานใหญ่เขียนป้ายบอกเอาไว้ว่าเป็นห้องอาหาร จากระยะที่พวกเขาอยู่มองเห็นแล้วว่ามีทางแยกเลี้ยวขวาออกไปได้อีกทางหนึ่งตรงหน้าประตูพอดี
      ผู้กองเซอบีรุสนำกำลังเคลื่อนที่อย่างเงียบที่สุดเข้าใกล้ประตูห้องอาหารที่มีเสียงสนทนาเล็ดลอดออกมา พวกเขามาหยุดอยู่ตรงกลุ่มลังไม้ใกล้ประตูบานนั้น เจ้าหน้าที่เจมส์มองสำรวจพื้นที่อีกครั้งหนึ่งจึงเห็นว่าห้องนี้มีประตูทางเข้าสองบานคือบานนี้กับบานที่ติดอยู่มุมกำแพงอีกด้านของผนังอันเดียวกัน ภายในห้องอาหารเต็มไปด้วยกำลังพลที่ง่วนอยู่กับการรับประทานอาหารและดื่มด่ำกับเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์อย่างสนุกสนาน พวกมันคุยกันไปกินกันไปเสียงดังโขมงโฉงเฉงแข่งกับเสียงโทรทัศน์ที่ติดตั้งอยู่บนกำแพงรอบด้าน
      จิ้งจอกเฒ่านัดแนะแผนการกับลูกทีมทั้งหมดอย่างรวดเร็วโดยแบ่งกำลังพลออกเป็นสองส่วนเพื่อเข้าจู่โจมพร้อมๆกัน หน้ากากกันก๊าซพิษถูกหน่วยรบพิเศษหยิบขึ้นมาใช้งานทันทีตามคำสั่งและการแบ่งกำลังพลเพื่อเข้าตีก็เริ่มขึ้นทันทีเมื่อหัวหน้าทีมให้สัญญาณมือ เจมส์คุมกำลังพลส่วนหนึ่งไปประจำยังประตูอีกบานด้านขวาเพื่อรอสัญญาณสุดท้ายจากผู้กองเซอบีรุสซึ่งคุมกำลังที่เหลืออยู่ที่ประตูบานแรก
      ขณะที่การเข่นฆ่ากันกำลังจะระเบิดขึ้น เจ้าหน้าที่แมคและจอร์จที่แยกทางมาจากลานประชุมพลได้มาถึงหน้าประตูสีขาวบานใหญ่ที่มีสัญลักษณ์กากบาทสีแดง ที่นี่ไม่มีเวรยามเฝ้าอยู่เลยแม้แต่คนเดียวข้างในนั้นมีเจ้าหน้าที่พยาบาลคนหนึ่งกำลังนั่งดูรายการโทรทัศน์และหันหลังให้กับประตูอย่างไม่ได้ระวังตัว แมคกระซิบให้จอร์จเป็นคนจัดการกับมันด้วยปืนยิงยาสลบโดยส่งสัญญาณว่าตนจะเป็นคนแง้มประตูให้เอง จอร์จพยักหน้าและรอจังหวะทันทีที่ประตูแง้มออกวินาทีต่อมากระสุนยาสลบก็พุ่งไปปักคาอยู่ที่คอของเป้าหมายอย่างแม่นยำและทั้งคู่ก็เคลื่อนที่ผ่านจากห้องนั้นไปอย่างระมัดระวัง
      ทางเดินที่มืดสลัวมีดวงไฟเล็กๆส่องแสงสีเหลืองนวล ทั้งสองเดินผ่านทางแยกสายหนึ่งไปสู่อาณาเขตห้องขัง มีประตูลูกกรงเหล็กบานหนึ่งกั้นแบ่งพื้นที่เอาไว้ ทั้งคู่มองเห็นห้องผู้คุมที่เปิดไฟสว่างจ้าอยู่ทางด้านซ้ายมือห่างออกไปไม่กี่ก้าว เสียงสนทนาของคนในนั้นดังผ่านหน้าต่างกระจกบานเลื่อนออกมาให้ได้ยินมันเรียกความสนใจของเจ้าหน้าที่แมคทันทีเพราะมีชื่อของผู้กองเซอบีรุสปะปนอยู่ด้วย
      แมคส่งสัญญาณให้จอร์จทำตามเขาคือย่อตัวจนต่ำเอาหลังแนบกำแพงและเคลื่อนที่เข้าหาหน้าต่างช้าๆโดยพยายามไม่ทำให้คนในห้องมองออกมาเห็นตัวพวกเขาได้ แมคพาชายหนุ่มเข้ามาฟังคำพูดของพวกมันอยู่ที่ริมกำแพงใต้หน้าต่างราวกับเสือร้ายที่ย่องเข้าหาเหยื่ออย่างเงียบกริบ
      “ฮ่ะๆๆ...นายเห็นสีหน้าของลูกน้องเจ้าเซอบีรุสหรือเปล่าตอนที่ล้อมพวกมันจนขยับตัวไปไหนไม่ได้ ไอ้มืดมันหน้าซีดจนขาวขาแข้งงี้สั่นเป็นลูกนกเลย ฮ่ะๆๆๆ”
      “ฮ่ะๆๆ...เห็นสิวะ สะใจจริงๆแต่ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมรองหัวหน้าถึงต้องปล่อยเจ้าเซอบีรุสไปด้วย ข้าล่ะอยากเอาลูกปืนยัดใส่หัวสมองของพวกมันนัก ชอบแส่หาเรื่องมาทำลายงานของพวกเราอยู่เรื่อย”
      “นายไม่รู้หรือว่ารองหัวหน้าอยากจะฆ่ามันมากกว่าพวกเราหลายร้อยเท่า เขาแค้นมันฝังลึกมาตั้งแต่ครั้งที่ต้มมันมาขยี้เล่นที่นี่แล้ว เพราะเขาทำงานผิดพลาดเรื่องแลกตัวประกันตอนนี้พวกเราจึงต้องเรียกเขาว่ารองหัวหน้า นี่ถ้าหัวหน้าใหญ่กับเจ้านายไม่สั่งกำชับเอาไว้ ข้าว่ารองหัวหน้าฆ่ามันที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ไปตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว”
      “อืม...เพราะอย่างนี้นี่เอง เจ้านายก็เหมือนกันไม่เห็นจำเป็นต้องหาหัวหน้าหน่วยคนใหม่มากินตำแหน่งแทนเขาเลย อันที่จริงข้าไม่ชอบหัวหน้าคนปัจจุบันนี้เท่าไหร่ ถึงจะเก่งและฉลาดแกมโกงกว่ารองหัวหน้าแค่ไหน ข้าก็ชอบไม่ลงอยู่ดี ยอมรับว่าแน่จริงอยู่เรื่องเดียวก็ตรงที่รู้ความเคลื่อนไหวของเจ้างั่งเซอบีรุสทุกฝีก้าวหรือว่าเขามีสายอยู่ในกลุ่มของพวกมันกันแน่ว่ะ แต่พวกเราไม่เคยมีใครเห็นหน้าไม่เคยทำงานร่วมกันจริงๆจังๆซะที ยังไงข้าก็ยังไม่อยากยอมรับอยู่ดี”
      “เอาน่าเรื่องสายการบังคับบัญชามันเรื่องของเจ้านายเขา เรามันแค่ลูกกะจ๊อกคิดไปก็ไร้ประโยชน์”
      จอร์จเมื่อได้ฟังและลำดับเรื่องราวทั้งหมดจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมในวันที่มะลิถูกลักพาตัวเจ้ารองหัวหน้าหน่วยจึงมีท่าทีเยาะหยันกินเหลี่ยมกับผู้กองเซอบีรุสอยู่ตลอดเวลาเช่นนั้น เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่สู้ดีนักถึงปฏิบัติการครั้งนี้มันอาจมีบางสิ่งบางอย่างไม่ชอบมาพากลแอบแฝงอยู่ด้วยจึงหันหน้าไปหาแมคเพื่อต้องการจะถามว่าควรทำอย่างไรต่อก็เป็นจังหวะเดียวกับที่แมคสวมหน้ากากกันแก๊สพิษเสร็จแล้วและหันมาพยักหน้าให้เขาทำตาม เมื่อเห็นว่าจอร์จสวมมันเรียบร้อยแล้วแมคจึงดึงระเบิดแก๊สน้ำตาออกมาจากเสื้อกั๊กปลดสลักและขว้างมันเข้าไปในห้องทันทีทางหน้าต่างบานที่เปิดอยู่ เสียงเอ็ดตะโรด้วยความตกใจดังขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เสียงปืนกลมือติดอุปกรณ์เก็บเสียงของแมคจะดังขึ้นมากลบเสียงของพวกมัน
      แมคยิงกราดไปยังร่างของพวกมันทั้งสองคนจนหมดแมคกาซี เมื่อสิ้นสุดการระบายอารมณ์โทสะของเขา ภายในห้องผู้คุมจึงแดงฉานไปด้วยเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่บนพื้นและตามผนังห้อง เศษกระดาษปลิวว่อนข้าวของกระจัดกระจาย ทันทีที่แก๊สสลายตัวแมคก็ผลุบหายเข้าไปในห้องเพื่อควานหาลูกกุญแจจากศพทั้งสอง
      อีกด้านหนึ่งของฐานทัพลับผู้กองเซอบีรุสส่งสัญญาณมือให้ทั้งสองทีมเริ่มปฏิบัติการ การกวาดล้างเหยื่อเริ่มด้วยระเบิดแก๊สน้ำตา8ลูกซึ่งถูกโยนเข้าไปจากทางประตูทั้งสองบานพร้อมกัน บางลูกตกลงไปใต้โต๊ะอาหาร บ้างก็กลิ้งไปไกลจนเกือบจะสุดห้องและอีกหลายๆลูกกระจายตัวกันไปตกลงบนจานข้าวของพวกมัน แต่ทุกลูกก็แสดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่คือปลดปล่อยแก๊สที่ทำลายประสาทตาทันที ทั้งห้องตลบอบอวลไปด้วยควันพิษ ทุกชีวิตในม่านควันตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นขยี้ตา เพียงไม่กี่วินาทีมัจจุราชผู้เป็นเจ้าของลูกระเบิดก็กรูกันเข้าไปกราดยิงปลิดชีวิตของพวกมันลงด้วยปืนกลประจำมือของแต่ละคน กำลังพลเกือบครึ่งร้อยที่สำเริงสำราญอยู่ในห้องอาหารเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้จึงเป็นราวกับลูกแกะฝูงใหญ่ที่ถูกเหล่าบริวารของจ้าวสุนัขจิ้งจอกละเลงเลือดอย่างง่ายดาย
      ภาพสยดสยองและการตายราวกับใบไม้ร่วงเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที กองปลอกกระสุนที่ตกอยู่เกลื่อนกลาดตามพื้นมากมายจนนับไม่หวัดไม่ไหว เมื่อร่างของคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ยังปลายสุดของห้องอาหารร่วงผ่อยลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ผู้กองเซอบีรุสจึงสั่งให้ทุกคนตรวจยึดพื้นที่อย่างรวดเร็ว ในบรรดาศพที่นอนจมกองเลือดนอกจากจะมีร่างที่อยู่ในชุดคอมมันโดสีดำเป็นจำนวนมากแล้วยังมีร่างของพ่อครัวและลูกมืออีกหลายชีวิตปะปนอยู่ด้วย เมื่อทุกคนตรวจจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้เหลือรอดชีวิตอยู่เลย ผู้กองเฒ่าจึงสั่งให้กำลังพลเคลื่อนที่ออกจากห้องอาหารเพื่อมุ่งสู่จุดหมายต่อไป
      กำลังพลทั้งหมดเคลื่อนที่ไปตามทางเดินที่สว่างมากกว่าเดิมโดยเพิ่มความระมัดระวังตัวขึ้นไปอีกตามคำสั่งผู้กองเซอบีรุส ไม่นานก็บรรลุถึงประตูทางเข้าห้องโถงขนาดใหญ่เทียบเท่ากับที่ประชุมพล แต่ลานกว้างหลังประตูบานนี้กลับไม่โล่งเตียน มันมีบังเกอร์จำลอง ถังน้ำมันสังกะสี ลังไม้ และซากรถยนต์เก่าหลายคันถูกจัดวางไว้กระจัดกระจายอยู่จนเต็มห้อง เหลือเพียงบริเวณตรงกลางเท่านั้นที่เป็นที่โล่งอยู่เพียงแค่จุดเดียวซึ่งกินพื้นที่ใหญ่ประมาณสนามบาสเกตบอลซึ่งซ้อนอยู่ในพื้นที่ของสนามฟุตบอล มันเป็นสถานที่จำลองเพื่อใช้ในการฝึกการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน
      ผู้กองเซอบีรุสสั่งให้ทุกคนเข้าไปในห้องทีละคนด้วยความระแวดระวังและพยายามเคลื่อนที่เข้าหาสิ่งกีดขวางต่างๆเหล่านั้นเพื่อใช้เป็นเกาะกำบัง เขาส่งสัญญาณมือสั่งให้กระจายตัวกันออกไปเป็นแถวหน้ากระดาน เมื่อกองกำลังทั้งหมดผ่านประตูเข้าไปและแอบอยู่ตามจุดต่างๆเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเตรียมตัวจะเข้าห้องเป็นคนสุดท้าย จากสัญชาติญาณยอดมือสังหารของเจมส์ เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่กดทับราวกับว่าตนกลับกลายเป็นลูกแกะที่หลงฝูงถูกหมาป่าจ้องจู่โจมได้ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาและสิ่งที่เขาสังหรณ์ก็เป็นความจริง ฝนกระสุนที่วิ่งเข้าหาพวกเขากระทบเข้ากับสิ่งกีดขวางที่ตอนนี้แปลสภาพเป็นเกราะคุมภัยทันทีที่ผู้กองเซอบีรุสผ่านประตูเข้ามาเป็นคนสุดท้าย
      “ปังๆๆๆๆๆ..........”
      เสียงปืนดังราวกับจุดประทัดซักหมื่นนัดติดต่อกันดังสนั่นหวั่นไหวมาจากอีกด้านหนึ่งของห้องโถงอย่างต่อเนื่อง ชั่วอึดใจต่อมาจึงสลับด้วยเสียงจากปากกระบอกปืนเอ็มสี่ติดที่เก็บเสียงของฝ่ายผู้กองเซอบีรุส การยิงตอบโต้กันอย่างดุเด็ดเผ็ดมันดำเนินไปเรื่อยๆราวกับการแสดงหนังแอ็คชั่นก็ไม่ปาน เจ้าหน้าที่เจมส์และนักแม่นปืนคนเดิมใช้ปืนไรเฟินประจำตัวเด็ดหัวของฝ่ายตรงกันข้ามด้วยความเมามันราวกับกำลังแข่งกันยิงเป้าเก็บคะแนนในโรงฝึก มีเพื่อนทหารช่วยกันยิงคุ้มกันให้อยู่ใกล้ๆเขาทั้งสองคน ส่วนผู้กองเซอบีรุสใช้ประสบการณ์เจนศึกและประสาทสัมผัสทั้งหมดในการควบคุมกำลังพลของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อหยุดลมหายใจของศัตรูที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย แต่ดูเหมือนว่ากำลังของฝ่ายเจ้าถิ่นจะหลั่งไหลมาเติมราวกับไม่มีวันหมดเพราะทางนั้นอยู่ติดกับสนามยิงปืนและที่พักของกำลังพลจึงกลายเป็นว่าศัตรูมีทั้งคนและลูกกระสุนหนุนเนื่องต่อเนื่องไม่ขาดระยะ ผู้กองเซอบีรุสรู้ว่าฝ่ายของตนคงรักษาสภาวะเช่นนี้ต่อไปได้อีกไม่นาน คงต้องยิงกันจนหมดกระสุนและตายก่อนแน่จิ้งจอกเฒ่าจึงเริ่มใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อหาทางพลิกวิกฤตการณ์ของตน




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2554
2 comments
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2554 13:55:45 น.
Counter : 538 Pageviews.

 

 

โดย: bk123 29 พฤศจิกายน 2554 14:43:20 น.  

 

ขอบคุณ bk123 ครับที่แวะเข้ามาอ่าน
คุณเป็นคนแรกเลยนะครับที่ทำให้ผมรู้ว่า
นิยายของผมมีคนอ่านอยู่จริงๆ
เพราะเข้ามาที่ไรเห็นแต่ตัวเลขคนเข้าชมแต่ไม่มีใคร
คอมเม้นว่าเข้ามาเพื่ออ่านนิยายจริงๆ
ขอบคุณอีกครั้งครับ

ปล.รอบนี้จะลงให้จนจบแน่นอนครับ
เพื่อจะได้ปล่อยมือไปเขียนเรื่องอื่นต่อซะที

 

โดย: วาโย (wayoodeb ) 30 พฤศจิกายน 2554 11:41:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wayoodeb
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




 
      
Friends' blogs
[Add wayoodeb's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.