เขียนอะไรมากมายในเชียงของก็เยอะแล้ว มีทั้งสาระและไร้สาระ มาวันนี้เลยอยากจะเขียนเรื่องของตัวเองบ้าง ก่อนหน้านี้เราเองก็เป็นนักเดินทางตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ชอบแสวงหาที่เที่ยวแบบง่ายๆ ธรรมชาติๆ แล้ววันหนึ่งจากคอลัมป์หนึ่งในหนังสือ อสท.(สมัยนั้น เป็นนิตยสารที่ติดอันดับท๊อปไฟท์เชียวล่ะ) มีที่พักแถวลำน้ำโขงที่น่ารักๆ อ่านแล้ว ชอบๆๆๆ และแล้วก็มาหลงเสน่หาของเธอ เมืองเล็กๆทางตอนเหนือของลุ่มน้ำโขง จนมาในวันนี้ก็มีร้านเป็นของตัวเองที่นี่ ร้านหนังสือ( Book cafe') ที่ชื่อ TRAVELLER CORNER หรือร้านมุมนักเดินทาง ในชื่อภาษาไทย เป็นเวลา10ปีกว่าๆแล้วซินะที่ย้ายถิ่นฐานมาเป็นคนลุ่มน้ำโขงแห่งนี้ ตั้งแต่บ้านเมืองยังเป็นบ้านไม้เสียส่วนใหญ่ จนตอนนี้มีSeven Elevenผุดขึ้นในเมืองแล้ว ร้านนี้ก็ยังคงเปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวอยู่เหมือนเดิม มีเรื่องราวการเดินทางมากมายผ่านเข้ามา จากเรื่องเล่าเกี่ยวกับการเดินทางของบรรดานักเดินทางเองว่า เส้นทางเดินทางของพวกเขา เริ่มต้นจากที่ไหน และผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง ในบางครั้งก็มีคราบน้ำตาอาบแก้ม เวลาที่พวกเขาเหล่านั้นแวะมาโทรศัพท์กลับไปหาที่บ้าน ด้วยระยะทางที่ห่างกันบวกกับความว้าเหว่และเดียวดาย ก็ทำให้อาการคิดถึงบ้านกำเริบขึ้นมา น้ำตาแห่งความคิดถึงมันจึงอาบแก้มน้อยๆของพวกเขา(ที่ร้านต้องคอยสังเกตุว่า...ใครมีอาการแบบว่าก็ต้องยื่นกระดาษทิชชู่ส่งให้บ้าง แต่ถ้าร้องเยอะแบบว่าแฟนขอเลิก ก็ต้องให้แบบเป็นกล่องทิชชู่กันเลยทีเดียว) ร้านของเราเปิดให้บริการหลายอย่างมาก ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบกันเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นร้านสำหรับนักเดินทางโดยเฉพาะ เพราะมีของที่นักเดินทางต้องใช้หรือต้องการแทบทั้งหมด ยกเว้น สิ่งเสพติดที่ผิดกฎหมายต่างๆ ไม่มีค่ะ บางคนว่า... เข้ามาในร้านนี้ไม่รู้ว่าขายอะไรบ้าง เพราะมันจิปาถะไปหมด บางครั้งฝรั่งบางคนเดินเข้ามา ชมโน่นหยิบนี่ ดูๆๆๆๆแล้วก็เดินออกไป หรือว่าที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้วนะ เชียงของเมื่อก่อนสมัยที่เฟื่องฟู GHผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดนั้น คนเดินทางส่วนใหญ่เป็นพวกแบ็คแพ็คแบบฮิปปี้ๆทั้งนี้ ประเภททัวร์ริสเพิ่งมาเห็นในปีหลังๆนี่แหละ ชีวิตของผู้คนที่นี่เรียบง่ายและเป็นมิตรมากกว่าหลายๆที่ ที่เคยแวะไปเยี่ยมเยือนมา ความเปลี่ยนแปลงที่มีมาเรื่อยๆก็มันจะนำเอาอะไรที่ไม่ค่อยเข้าท่าเข้ามาเหมือนกัน เสียดายอยู่เหมือนกันว่าเมืองนี้จะยั่งยืนได้นานเท่าไหร่ แต่จากการพูดคุยกับพี่ๆนักคิดแล้ว 5 ปีข้างหน้า เชียงของน่าจะมีชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืนกับเขาได้เหมือนกัน ถามว่าทำไมถึงไม่ยี่งยืนเสียแต่ตอนนี้ คำตอบก็คือคนเรามักจะรับสิ่งที่ง่ายๆได้เร็วกว่าที่ยากๆนะ กว่าจะเป็นชุมชนที่เข้มแข็งคงต้องใช้แรงกายแรงใจมากมายอยู่ ฉะนั้นมันคงจะยากกว่าการใดๆ แต่เราก็หวังไว้ว่า เมื่อถึงเวลานั้น ร้านของเราก็จะยังคงอยู่เช่นกัน