นักสู้ต้องมีวันชนะ
Group Blog
 
 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
17 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
เส้นทางสายปรารถนา




หลังจากพันทิปยึดล็อกอิน ปิดบล็อกไปสองปี
วันนี้ เขาคืนบล็อกที่ใช้ล็อกอินเก่าให้นักล่าฯแล้วค่ะ

แต่มันสายเกินไปที่จะหันหลังกลับ

ประกอบกับ ไม่รู้จะไปจัดการต่อได้อย่างไร เพราะลืมพาสเวิร์ดเดิมหมดแล้ว
ก็เลยคิดว่าจะทยอยเอาบล็อกเก่าๆมาเก็บไว้ที่บล็อกนักล่าน้ำตกที่เดียวดีกว่า

เริ่มด้วยเรื่องชีวิตตัวเองเรื่องนี้นะคะ







เวลาใครอวยพรให้เรา มักจะบอกว่า “คิดปรารถนาสิ่งใด ขอให้ได้สมดังปรารถนา”

ชีวิตที่ผ่านมา...ไม่เคยปรารถนาอะไร นอกจากได้ทำงานที่ตัวเองรัก




ตอนเด็กๆ ที่บ้านมีนิตยสารต่างๆมากมาย
ตัวเองอ่านแล้วก็อยากเป็นคนทำหนังสือ อยากเป็นบรรณาธิการ
อยากตอบจดหมายผู้อ่าน ...

ถึงขั้นออกหนังสือทำมือแบบเด็กๆขึ้นมาในหมู่พี่น้องซึ่งก็เป็นเด็กต่างจังหวัดจนๆ
ไปซื้อกระดาษสีขาวที่เขาขายเป็นรีม มานั่งตัด แล้วเย็บเป็นเล่ม ทำเป็นหนังสือ
ตั้งชื่อว่านิตยสาร “วิหคเหิร” (ตอนนั้นเขียนคำว่าเหินผิด)

ตั้งตัวเป็นบ.ก.เขียนเรื่องราวในนั้น ตอบจดหมายที่สมมุติขึ้นมาเองว่าเป็นผู้อ่านเขียนมา
มีพี่ชายกับน้องชายวาดภาพประกอบ...
มีพ่อกับแม่เป็นคนซื้อในราคาเล่มละ 2 บาท ให้น้องสาวตัวเล็กๆสองคนอ่าน(ดูรูป)
ซึ่งทั้งคู่ติดงอมแงม ...เฝ้ารอคอยวันหนังสือออกอย่างกระวนกระวาย

วิหคเหินออกมาได้นับสิบๆเล่ม เสียดายที่หายไปกับน้ำท่วมครั้งใหญ่

หลงเหลืออยู่เล่มเดียวที่เห็นอยู่นี้...








อายุของมัน มากกว่าเพื่อนในบล็อกหลายคนค่ะ...










เติบโตขึ้นมา...ลองผิดลองถูกด้วยงานอื่นเล็กน้อย

จากนั้นก็เดินมุ่งไปข้างหน้าแบบซื่อสัตย์ต่อตัวเอง

เมื่อมั่นใจ ก็เดินดุ่มๆไปด้วยใจแน่วแน่








แม้ว่าเส้นทางนี้จะเต็มไปด้วยความมืดมน

ก็ไม่เคยเปลี่ยนใจไปใช้เส้นทางอื่น






เส้นทางสายนี้ขรุขระสิ้นดี...
ต้องอยู่แบบคนไร้เส้นที่ไม่สำคัญในวงการ
เป็นนักข่าวกระจอกงอกง่อย เข้าที่ไหน เล่มนั้นเจ๊งหมด
ทำงานที่ไหน ถูกลอยแพ ถูกโดดเดี่ยว
ถูกเอาเปรียบ ถูกมองข้าม ถูกหยามเหยียด

ล้มลุกคลุกคลาน กินข้าวแกล้มน้ำตา








เส้นทางที่ร้อนระอุ คอแห้งเป็นผง...
แต่ก็เดินไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ไม่กระเหี้ยนกระหือรือ
ไปแบบเอื่อยๆ นิ่มๆ แม้มีไฟก็ซ่อนไว้ในแววตา
ไฟที่ร้อน สว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์...




เยือกเย็น เหน็บหนาว

แต่ก็ยังเดินฝ่าไปในเส้นทางกลางฝน









แล้ววันหนึ่ง ก็เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง








จบเสียที การเดินทางอันยาวไกล....








ในที่สุดชีวิตก็มาแน่นิ่งกับการเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสาร 3 เล่มพร้อมๆกัน

เส้นทางสายปรารถนาจบลงตั้งแต่ 14 ปีที่แล้ว

ทุกวันนี้ ก็ยังมีความสุขกับตรงนี้ ...ไม่ร่ำรวย แค่มีความสุขกับงานที่เรารัก

แค่นี้ก็พอแล้ว...ชีวิต










บล็อกนี้ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่ปรารถนายังไม่ถึงฝั่งฝัน

สู้ต่อไป เพราะนักสู้เท่านั้นที่จะถึงวันแห่งชัยชนะ








Create Date : 17 กันยายน 2553
Last Update : 8 มิถุนายน 2554 6:41:52 น. 51 comments
Counter : 2334 Pageviews.

 
แด่นักสู้ U R Born to Be เลยนะ
ขอลุกขึ้นยืนปรบมือเป็นเวลาสิบนาที




ล๊อคอินเก่ากลับมาแล้ว ต่อไปนี้จะได้อ่านงานดี ๆ ที่ไม่เคยอ่านเพราะมารู้จักกันตอนเป็นนักล่าน้ำตกแล้ว เป็นเรื่องน่ายินดีนะเนี่ย แค่เรื่องแรกก็เยี่ยมแล้ว อ่านแล้วได้กำลังใจอย่างดีเลยเชื่อว่ามันจะเป็นกำลังใจที่ดีให้กะใครต่อใครอีกหลาย ๆ คนด้วย

อ้อ อยากจะบอกว่า วิหคเหินเล่มนั้นเยี่ยมมาก ทำได้งั้ยเนี่ย ดูดีมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ที่สุดเลย


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:10:45:25 น.  

 
บล็อกของพี่วันนี้ทำให้ปรายร้องไห้...


โดย: ปราย IP: 113.53.209.57 วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:11:26:41 น.  

 
บล็อกนี้เพื่อนๆให้ใจกับมันมากเลยค่ะ

ต่างเข้ามาคอมเมนต์กันหลากหลาย เป็นเมนต์ที่มีค่ามากมาย

หลายคนน้ำตาซึม มาบอกเล่าเรื่องราวตัวเองด้วย

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเมื่อบล็อกถูกปิด นักล่าฯจึงออกอาการเสียใจนักหนา

เดี๋ยวจะทยอยเอาเมนต์เก่าๆของเพื่อนมาลงให้อ่านกันค่ะ




โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:11:48:42 น.  

 
สำหรับพี่อิงค์
อึ้งเลยครับที่เห็นหนังสือทำมือเล่มนั้น แสดงว่ามีใจรักและเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ
ความฝันของพี่ค่อนข้างชัดเจน และมุ่งไปสู่จุดหมายอย่างแน่นอน
ขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ ครับ

สำหรับผม
ผมหกคะเมนตีลังกาขึ้นๆ ลงๆ มาตลอดชีวิตครับ
มีทั้งช่วงที่สูงสุด ต่ำสุด จนที่ช่วงที่เรื่อยๆ ค่อนข้างหยุดนิ่ง
แต่ผมไม่ค่อยชอบพูดถึงมันเท่าไหร่
หลายๆ คนในบล๊อกจะรู้ว่าผมทำงานกราฟฟิค
แต่ผมก็ไม่เคยเอาผลงานของผมมาลงในบล๊อก
ที่นี่ผมอยากทำอะไรที่ผมไม่ได้ทำในชีวิตจริงมากกว่า
อย่างร้องเพลง ถ่ายภาพ วาดรูปตามใจตัวเอง
แล้วมันก็เป็นผลงานแบบสมัครเล่นที่ผมภูมิใจ
มันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด แต่ผมให้ใจกับมันมากๆ

(พลทหารไรอัน)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:11:49:35 น.  

 

ทำหนังสือทำมือกันเองตอนเด็กๆ นี่เป็นอะไรที่ดูแล้วน่าทึ่งมากเลยค่ะ ... น่าเสียดายที่หนังสือหายไปกับน้ำซะหมด ...

ตอนเด็กๆ ... เราเอาแต่เล่นซน จำไม่ได้ว่ามีฝันอะไรกะเค้ามั่งรึเปล่า ...

แต่ จำได้ว่าชอบแต่งกลอน ... แต่งเพลง ... วาดรูป ... ขีดๆ เขียนๆ บ้างแล้วแต่ค่ะ ... ก็ไม่เก่งซักอย่างแต่มีความสุขเวลาได้ทำอะไรทำนองนี้มากค่ะ

พอโตขึ้น ... อยากเป็นนักร้องในร้านอาหารเล็กๆ อบอุ่นค่ะ ... แบบเล่นเองร้องเอง เป็นกันเอง คนฟังไม่ต้องเยอะ เขิน ...


โตมาอีกหน่อยก็รู้สึกว่าชอบงานด้าน NGO ค่ะ ... จบปุ๊ปก็ลุยเลย

ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ก็ค้นพบว่าอยากทำงานด้าน multimedia ด้วย

ตอนนี้ก็เลยเอาทุกอย่างมารวมกัน ... ยังไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นไงเลยค่ะ

รู้แต่เพียงว่าการที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ... มันช่างดีจริงๆ


(yourstarlight)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:11:52:02 น.  

 
ตอนเด็กๆ อยากเป็นอะไรก็ได้ที่ดีกว่าวันนั้น ..
โตขึ้นมา ก็ยังอยากเป็นอะไรก็ได้ที่ดีกว่าวันนั้น ..
งานในฝันมีไม่มากหรอก เพราะฝันได้ไม่เกินวุฒิ ม.ต้น
แถมเป็นเจ้านายตัวเองก็ไม่มีทุน ไม่มีประสบการณ์ ด้านใดเป็นพิเศษ
ไม่อยากฝันเกินความเป็นจริง ..

วันนี้ ได้ทำงานตามที่คิดไว้หรือเปล่า ..
ต้องถามว่า เอาที่คิดตอนไหนล่ะ ...
ถ้าตอนที่มายื่นใบสมัครงาน (ที่สุดท้าย)
ก็ถือว่าได้ทำแล้ว ...
แต่ว่าเวลานึกอยากทำงานอย่างที่ชอบ (ตอนที่ยังรู้จักความฝัน)
มันไม่ที่ไหนรับ ...

ถนนสายชีวิตเมื่อมองย้อนไป
หลายครั้ง.. กู (พูดกับตัวเองนะ) ไม่น่าทำอย่างนั้นเลย
แล้วก็หลายครั้ง กู (พูดกับตัวเองอีก) โชคดีชะมัด เก่งอีกต่างหาก

ถนนข้างหน้าราบเรียบ ขรุขระ ช่างมัน ไม่สนหรอก
เลิกเดินแล้ว อายุเยอะ ใช้รถแทน
เตรียมล้อ เตรียมช่วงล่าง เตรียมอะไหล่ มาพร้อมที่จะซ่อม ถ้ามันพัง...ซ่อมไม่ได้ ค่อยใช้ขาเดินต่อ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่า
ยังเดิน (กัน)เป็นอยู่หรือเปล่า !!

สุดท้าย ... เดินเพื่อไปเจอคนข้างหน้า เพื่อถามว่า
"พี่ๆ..ที่นี่มันที่ไหนอ่ะ แล้วมันอีกไกลมั้ยกว่าจะสุดถนน"

(key)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:11:54:14 น.  

 

ทำไมน้ำตาถึงไหลออกมาได้นี่

ใครๆก็มีฝันได้ แต่น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้ทำตามอย่างที่ฝันไว้

ฝันของพี่อัยย์ ไม่มีวอกแวก จึงมุ่งมั่นจนสำเร็จ

แต่ฝันของบางคน (ยุ้ยเองแหละพี่) เปลี่ยนไปมา หลายอย่าง

จะเดินไปตามฝันไหนดีละนี่ เมื่อเลือกสักอัน กลับสะดุดคะมำ จนเป๋ไปมา โชคดีที่กรรมดีคงพอมีติดตัวบ้าง จึงไม่ถึงกับหลงไปสุดกู่

ชีวิตทุกวันนี้ ก็ยังบอกตัวเองไม่ได้เลยว่า รักที่จะทำอะไร รู้แต่ว่า จะทำให้ดีที่สุดในทุกวันเท่านั้นค่ะ

(หยุ่ยยุ้ย)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:11:55:26 น.  

 
ย้อนกลับไปในช่วงมัธยมต้น เส้นทางของปรายเริ่มจาก

การอ่านนิตยสาร I-SPY และ J-SPY ในวันหนึ่งของการ

แอบโดดเรียนพิเศษ แล้วเดินไปเจอหนังสือเล่มนี้ หยิบ

หนังสือขึ้นมาดูเปิดไปเปิดมา แล้วก็ตัดสินใจซื้อกลับบ้าน

หลังจากนั้นก็ยอมอดเงินค่าขนม เพื่อเก็บเงินซื้อหนังสือ

ในทุกๆเดือน และในทุกสิ้นเดือนก็จะไปยืนรอที่ร้าน

หนังสือด้วยความกระวนกระวายใจว่าหนังสือมาหรือยัง

ซื้อมาแล้วก็ต้องแอบอ่าน เพราะสมัยนั้นการอ่านหนังสือ

ดาราเป็นเรื่องใหญ่คุณพ่อคุณแม่ให้อ่านแต่หนังสือเรียน

เท่านั้น อยากเขียนจดหมายไปคุยกับพี่ บ.ก. แต่ไม่กล้า

ได้แต่เก็บไว้ในใจ ได้แต่แอบชื่นชมอยู่ห่างๆ จนกระทั่ง

เวลาผ่านไป 10 กว่าปี คนที่เราชื่นชม คนที่เราอยากเขียน

จดหมายไปคุยด้วย กลับมาพบเจอกันโดยความบังเอิญ

ขอพักการเขียนไว้ก่อนค่ะ ร้องไห้อีกแล้ว...


โดย: ปราย IP: 113.53.209.57 วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:11:56:07 น.  

 

ขอบคุณครับที่เล่าเรื่องราวดีๆ ผมชอบอ่านเรื่องราวของคนอื่น เพราะว่าเราจะไหนเส้นทางที่เหมือนบ้าง ต่างบ้างก็เข้าท่าดี

บางทีก็ได้กำลังใจเหมือนที่นี่

ชีวิตกว่าจะผ่านไปไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ผมว่ายังต้องสู้กันอีกหลายยก ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้วก็เดินต่อไป(พูดถึงตัวเองหมดเลย เอิ้กๆๆ)

พี่คับ เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ผมเคยทำการ์ตูนเล่มหนึ่ง เหมือนเรื่องปังปอนด์ หน้าบูดเบี้ยว มุกฝืดสนิท

ได้แค่นั้นแหละครับ ชีวิต

(ฤทัยนาวา)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:11:58:13 น.  

 

ว่าจะไม่เสียน้ำตากับบล็อกดราม่าบล็อกนี้แล้วนะ..

แต่...
ทั้งเนื้อหา (ของแต่ละคน)
ทั้งเสียงเพลง(ที่ประกอบ)

....น้ำตา...ไม่ไหวจะกลั้น....จริงๆ

(ทาสบอย)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:11:59:49 น.  

 

น่าทึ่ง ที่สามารถทำความฝัน บรรลุเป้าหมาย ได้..
วิหกเหิรลม...ฟังคล้ายชื่อบทเพลงเก่าๆ สมัยคุณแม่ ..นะครับ..
..คุณอัยย์ ..นับว่าเป็นผู้วาด ความฝันมาตั้งแต่ยังเยาว์...
..ส่วนผมเอง..นั้นความฝันสมัยเด็กบ้านป่า..คืออยากเป็นทหาร..เพราะตอนเด็กๆ จะพบเห็นการสู้รบ ระหว่าง ผกค. กับทหารไทย..
.. จบมัธยม..หนีจากบ้านเข้ากรุงฯ ..มาแบบไม่มีที่หมาย ( ถือว่าลำบากสุดๆ ยิ่งกว่าการทำไร่ข้าวโพดเสียอีก..ต้องอดออม ..เป็นกรรมกร ในโรงงาน..ย่าน สมุทรปราการ..
ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อย ..แต่ก้อรักเรียน ..เก็บเงิน ส่งตนเอง ร่ำเรียน จนจบ..และทำงานในสิ่งที่ตนเอง หวัง เมื่อตอน แบกปีบ พลาสติก..ตอนหนีจากบ้านมา นั่งรถไฟมาหัวลำโพง ..มีเงินติดตัว มา 700 บาท..ต้องไปอาศัยวัดอยู่ ครึ่งเดือน...
...ปัจจุบันยัง ขอบคุณ เงิน 700 บาท เมื่อปี 2534..เป็นเงินที่ รับจ้างถ่ายรูป เก็บรูปละ 10บาท ตอนนั้นเรียน ม.6"

(กิ่งโศก)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:00:53 น.  

 
ในชีวิตมีหลายทางเลือกให้เลือกเดิน . . .
ถ้าเป็นเธอ . . . เธอจะเลือกทางไหน??

ทางแรก . . . เป็นทางที่มีผู้คน เพื่อนมากมายแต่กลับ
รู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้าง . . . ไม่มีใครเข้าใจ
มีแต่การพูดจาทำร้ายจิตใจ . . .

ถ้าจะเลือกทางแรก อาจมีเหตุผลเพราะว่า . . .
กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว . . .
กลัวที่ใครจะนินทาว่าเป็น “หมาหัวเน่า . . . ไม่มีคนคบ”
กลัวสิ่งเหล่านี้หรือเปล่า? . . .


ทางที่สอง เป็นทางที่ไม่มีใคร อ้างว้าง
แต่ . . . ภายในใจของเรารู้สึกอบอุ่น . . . มีความสุข
กับการที่ได้เดินในทางที่สอง

ถึงแม้ว่า . . .
ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนมากมาย . . . มาเดินเคียงข้าง
แต่ . . . กลับรู้สึกว่าการที่อยู่ตัวคนเดียว ยังรู้สึกสบายใจ...มีความสุข มากกว่าอยู่กับเพื่อนมากมาย ที่เรารู้สึกว่า เค้าไม่เคยที่จะรักเราเลย . . .


“เลือกที่จะมีความสุข . . . อย่ากลัวที่จะโดดเดี่ยว”
ตัดสินใจคิดให้ดีว่า . . . จะเลือกทางไหน
ที่มันจะไม่ทำให้เราเสียใจในภายหลัง . . .!!

(ลุงแอ๊ด)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:01:58 น.  

 

เป็นกำลังใจให้ในทุกเส้นทางของทุกๆ คนนะครับ

เจ้าชายน้อยบอกว่า ถึงเธอจักต้องเดินอ้อมไกลว่าคนอื่น

... แต่นั่นก็ เป็นทางของเธอ

(ห่วงใย)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:02:59 น.  

 
ย้อนนึกถึงครั้งแรก ๆ ที่มีคนถามผมว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร?” ตอนนั้นผมอยากเป็นกระเป๋ารถเมล์ครับ ผมอยากห้อยโหนอยู่ที่ประตูรถเมล์ โบกมือไปมา อยากมีกระบอกเก็บสตางค์ที่เขย่าแล้วมีเสียงเร้าใจ ทำท่าเปิดปิดกระบอกสตางค์เสียงดัง ฉับ ๆ ด้วยความชำนาญ

แม่เป็นคน ต่างจังหวัดครับ เอาผมมาทิ้งไว้ที่บ้านย่าในกรุงเทพฯตั้งแต่เข้าอนุบาล 1 ด้วยความปรารถนาดีที่อยากให้ผมได้เรียนโรงเรียนดี ๆ ในกรุงเทพฯ ย่าชอบบอกว่าผมโง่เหมือนพ่อ(บ่อยครั้งที่ผมสงสัยว่า แล้วพ่อผมโง่เหมือนใคร?) ย่าบอกว่าโง่อย่างนี้โตขึ้นจะต้องไปเป็นเด็กเลี้ยงควาย ผมเกิดประกายความหวังใหม่ในชีวิต ผมอยากเป็นเด็กเลี้ยงควายครับ ผมอยากจะขี่ควายท่องไปในทุ่งกว้างเหมือนคาวบอย เหนื่อยก็พักนอนเป่าขลุ่ยบนหลังควาย มีนกเอี้ยงคู่ใจเกาะอยู่บนเขาควาย

เหล่า นั้นเป็นเพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆ งานที่ผมทำเป็นอาชีพอยู่หลายปีคืองานด้านกราฟฟิคส์ และงานโฆษณา โดยต้องอาศัยความสามารถพื้นฐานคือการวาดรูปและการโกหก ถามว่าเป็นอาชีพที่ผมใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กหรือไม่ จะว่าใช่ก็เห็นจะใช่ครับ

มัน เริ่มขึ้นตรงนี้ครับ... ย่าห้ามไม่ให้ผมไปเล่นกับเด็กข้างบ้าน โดยให้เหตุผลว่าเด็กพวกนั้นเป็นเด็กไม่ดี คบแล้วจะเสียคน ผมจึงต้องเล่นคนเดียวอยู่ในบ้าน และมักจะเล่นโลดโผนตามประสาเด็กผู้ชาย เป็นที่ขัดหูขัดตาย่ายิ่งนัก ย่ามีไม้เรียวที่บรรจงเหลาให้มีความเรียวยาวเหมาะมือเหน็บไว้ที่ข้างฝา เสียงไม้เรียวแหวกอากาศดัง เฟี้ยว..เฟี้ยว ตอนที่ย่าใช้ฟาดลงที่ขาผมทุกครั้งที่ผมเล่นโลดโผน ผมรู้สึกเหมือนทาสที่กำลังถูกโบย

เพื่อเลี่ยงจากการโดนตี ผมหันมาวาดรูปครับ แต่การวาดรูปก็ยังเป็นเรื่องไร้สาระในสายตาของย่าอีก ผมจึงต้องแสร้งว่าผมทำการบ้านอยู่ โดยเอาสมุดการบ้านมาซ้อนทับสมุดวาดเขียนไว้ในตอนที่ย่าเดินมาใกล้ พอย่าไปก็เอาสมุดการบ้านออกแล้ววาดต่อ รูปที่ผมวาดมักจะเป็นรูปเกี่ยวกับย่า ย่าตกบันได ย่าโดนน้ำร้อนลวก ฯลฯ บางครั้งก็วาดรูปแม่ผู้ซึ่งจะมาเยี่ยมผมเพียงเดือนละครั้ง แต่ผมไม่ค่อยชอบวาดรูปแม่เท่าไหร่หรอกครับ เพราะเมื่อผมวาดทีไรก็มักจะมีน้ำตาซึมออกมา

และนั่นคงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งวิชาชีพของผมล่ะมั้งครับ ?!?

(ตู้เพลงคนซน)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:04:28 น.  

 
มาอีกที

ตอนเด็กๆ ไม่ค่อยได้มีเวลาฝันอยากเป็นอะไร

เพราะพวกพี่ๆ คนโตๆ(ดันเจือกเป็นน้องเล็ก)มีความฝันกันท่วมท้นทุกคน
พี่ชายคนโต อยากเป็นคนถ่ายรูปในโลกกว้าง
พี่สาวคนโต อยากเป็นคนทำหนังสือ
พี่ชายคนรอง อยากเป็นศิลปินในแขนงศิลปะทุกสายงาน

ส่วนพี่สาวคนรองอยู่ใกล้กับเรา ฝันไม่ทันเหมือนกัน
จำได้แค่ว่า....

ตั้งหน้าตั้งตารอ "วิหคเหิร" กันแบบกดดันคนทำสุดๆ
ส่งงานเข้าร่วมกันหนังสือแทบทุกอย่าง
ได้รางวัลที ก็ปลื้มสุดริด (คู่แข่งไม่มีนี่ )

สรุปคือ ฝันของเรา คือได้ช่วยลุ้นให้ฝันพี่ๆ เป็นจริง ก็โอเคแระ..

(ทาสบอย)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:06:23 น.  

 

ได้ชมหนังสือเล่มเรื่องวิหกเหิรแล้ว ทำให้มีความสุขลึกๆครับ
ทั้งเล่มคงเป็นจินตนาการการเดินทางแห่งความฝันที่ไม่เคยผันแปร

สมัยเด็กๆ ผมเคยคิดว่าคนเราควรมีเครื่องหมายประจำตัว ผมจึงวาดเครื่องหมายประจำตัวที่นึกขึ้นเอง โดยเขียนบนกระดาษ เก็บไว้ในมุมหนึ่งของตู้โบราณ ซึ่งเป็นมุมที่กว่าจะเข้าถึงต้องฝ่าด่านต่างๆ เช่น ต้องเปิดนั่นเปิดนี่ กว่าจะถึงเครื่องหมายประจำตัวต้องใช้เวลาพอสมควร เพื่อให้ดูลึกลับ

ขอบคุณครับ

(Insignia_Museum)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:08:46 น.  

 

เข้ามาชื่นชมความฝันคนอื่นหน่อยนะคะ

... แต่สำหรับเรา ... ไม่กล้าฝันนะ เพราะกลัวผิดหวัง

เวลาผิดหวังก็จะเศร้า ทำให้เครียดแล้วก็แก่เร็ว(จากที่แก่อยู่แล้ว)

จนปัจจุบัน ถ้ามีคนถามว่า ความฝันของเราเป็นไง

ก็คงต้องตอบว่า "ไม่รู้" เหมือนเดิม

... น่าสงสารตัวเองจังแฮะ ... ทำไมไม่มีความฝันอย่างคนอื่นเค้าบ้างน้า

... งั้น ... ขอเป็นคนสนับสนุนความฝันคนอื่นแล้วกันค่ะ

ยังไง ... ก็ยังคงอ่านนิยายอยู่ ... แล้วก็ึคงอ่านต่อไป ... ต่อไป

(simaka)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:10:11 น.  

 
ความฝันของผมอาจไม่เหมือนคนอื่นนัก...
ทุกวันนี้ผมยังคงเดินตามความฝันนั้น พบกับอุปสรรคมากมาย อุปสรรคที่ว่าไม่ใช่อื่นไกล ล้วนมาจากใจของผมเอง
แต่ไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหน เหน็ดสักเพียงใด รวมทั้งต้องฝืนใจตัวเองแค่ไหน ผมก็จะก้าวต่อไป... ไม่หยุดยั้ง...

(ตั้งสติ)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:11:27 น.  

 
ตามมาเก็บฝันด้วยค่ะพี่

คิดถึงวันเก่าๆ เหมือนกัน และดีใจระหว่างเดินทางตามฝัน เจอกับพี่อัยย์ ได้รู้จักและร่วมงานกัน และยังเป็นเพื่อน พี่น้อง กันต่อไป

และก็เข้าใจความสุขของคนที่เดินตามฝัน

ฝันกันต่อไปค่ะ ว่า เราจะมีนิยายออกมาเรื่อยๆ

(จูนิ)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:13:15 น.  

 
เพื่อนๆคะ แม้ทางเดินของทุกคนจะไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ

แต่ไม่ได้แปลว่า ระหว่างทางจะไม่มีดอกกุหลาบให้เราชื่นชมสักดอกหนึ่ง จริงมั้ยคะ ?





นักล่าฯขอขอบคุณเพื่อนๆในอดีตที่มาแชร์เรื่องราวกัน

น้ำตาซึมอะค่ะ แต่ละคน เพราะบางทีชีวิตไม่ได้ตามฝัน

ความจริงมีอีกหลายเมนต์ติดดาว แต่เกรงจะยืดยาวเกินไป

นับแต่นี้ก็ขอให้เป็นเมนต์ปัจจุบันของเพื่อนๆละกันนะคะ




โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:29:16 น.  

 
อ้า...ลืมๆ ขอแถมลุงแว่นอีกคนละกัน

......................

มาเล่าฝันสมัยวัยเด็กมั่งท่าจะดี...

ตอนเด็กจริง ๆ นี่ อยากเป็นผู้ใหญ่ที่สุด !

เป็นเด็กนี่ไม่ดีเอาเสียเลย ไปไหนด้วยตัวเองก็ไม่ได้ ทำไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ ต้องขออนุญาตผู้ใหญ่ไปเสียทุกเรื่อง

ถ้าโตขึ้นนะ...คอยดู ฉันจะ...นั่น...โน่น...นี่... ให้สะใจเชียวละ

โตอีกหน่อย อยากเป็นศิลปิน...

นั่น แน่ะ ไอ้ยุคสมัยของเรามันมีศิลปินอยู่กี่อย่างล่ะ ดาราหนังเร๊อะ ไม่ไหว แอ็คท่าไม่เป็น กล้ามไม่ใหญ่พอ นักร้องเรอะ ไม่เห็นน่าสนุกเลย

ยืนร้องเพลงตัวแข็งทื่อแบบนั้น...

ศิลปิน ของเรานี่ต้องนี่เลย... นักพากย์หนัง... คนอาไร้ พูดได้ตั้งหลายเสียง ทั้งเสียงผู้ชายเสียงผู้หญิง ทั้งคนแก่ ทั้งเด็ก คิดฝันไปเรื่อย

เปื่อยเชียวละ....

ศิลปิน อันดับสองในใจก็นี่เลย ดารางิ้ว... อย่างเพิ่งขำ... ฝันจริงฝันจังเชียวนา... ไปฟังเพื่อนที่เป็นพวกลูกงิ้วเล่าว่าได้ไปแสดงถึงโน่นแน่ะ

มาเลเซีย ขึ้นเหนือล่องใต้ไปมาหมดแล้ว ไม่ต้องเรียนหนังสือ น่าสนุกออกจะตายไป ถึงเวลาก็แต่งหน้าใส่เสื้อผ้าสวยๆ มีเพชรประดับแพรวพราว ออกไปร่ายรำ ร้องงิ้ว และก็รบกันด้วยทวนด้วยดาบ มันน่าหลงใหลหยอกซะเมื่อไหร่.....

ฝันไปได้อีกพักใหญ่ พอเอาฝันไปเล่าให้แม่ฟัง.... โดนหวดก้น พร้อมกับโดนด่าอีกกระบุงโกย...

โตอีกนิด อยากเป็นนักร้องบ้างแล้ว อยากเป็นหัวหน้าวงดนตรีแบบครูเอื้อ แห่งวงสุนทราภรณ์.... แหมนะ ก็มันเท่สุด ๆ เลยเชียว ได้ออกมา

ยืนโดดเด่นอยู่หน้าวง เอาคันชักไวโอลินกำกับจังหวะ... ได้ออกทีวี ได้ออกแผ่นเสียงขาย... ฝันไปเรื่อย

รุ่นหนุ่มอีกหน่อย ริอ่านเขียนกลอน เอ..ฝีมือเราก็ใช่ย่อย เพื่อนฝูงมาไหว้วานให้เขียนกลอนรักหวานแหววส่งให้สาว ๆ ได้ค่าแต่งเป็นข้าว

แกงหนึ่งจานกับโอวเลี้ยงหนึ่งแก้ว เอ๊ะ เข้าท่าแฮะ... บ้าเขียนกลอนขึ้นมาอีกอย่าง ตะบี้ตะบันเขียนมันไปเรื่อย ส่งไปลงทั้งนิตยสารทั้ง

รายการวิทยุ เขียนส่งแล้วก็รอ.. รอหาย... จนสุดท้าย ได้ลงนิตยสารเล่มหนึ่ง ได้ค่ากลอนมายี่สิบบาท ดีใจจนนอนไม่หลับไปหลายคืน

แต่ นั่นก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว.... แต่ก็ยังอยากเขียนต่อ เขียนไปเรื่อย ทั้งกลอน เรื่องสั้น ฯลฯ เขียนเก็บบ้าง เขียนส่งบ้าง สนุกกับตัว

หนังสือไปคนเดียว....

เอาอีกแล้ว ปากอยู่ไม่สุข ดันเผลอไปบอกเล่าความฝันให้ผู้ใหญ่ฟังอีกแล้ว "ผมอยากเป็นนักเขียนครับ"

เท่านั้นแหละ โดนเทศนาอีกหลายกระบุง "...นักเขียนไส้แห้ง" ทุกคนพากันประณามหยามหมิ่นตั้งแต่ยังไม่ได้เป็น...

แล้วสุดท้ายก็โดนบังคับให้เรียนในสาขาวิชาที่ไม่เคยชอบเล้ย...

เอ้า เรียนก็เรียนสิ ยากอะไร ท่องหนังสือแล้วไปสอบให้ได้นี่ เป็นอะไรที่ง่ายที่สุดในชีวิตมนุษย์แล้วนะจะบอกให้...

จบ แล้วก็ทำงาน งานที่เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนมามั่ง ไม่เกี่ยวมั่ง เก็บความฝันวัยหนุ่มไว้ในลิ้นชักส่วนตัวจนความฝันนั้นเปื่อยยุ่ยไปแล้ว...

พอเกษียณตัวเองจากงานได้ ก็เลยมานั่งเขียน ๆ เขี่ย ๆ อีกครั้ง รื้อเอาฝันที่เปื่อยยุ่ยออกมาปัดฝุ่นดู...

อ้อ...ฝันนั้นยังสดใสมลังเมลืองอยู่เหมือนเดิม แม้หน้าปกจะเปรอะเปื้อนและขาดวิ่นไปบ้างก็ตาม....

"นักสู้ต้องมีวันชนะ" อ่านแล้วรู้สึกดีจัง...

อยากต่อท้ายประโยคอีกสักนิดว่า "นักสู้ต้องมีวันชนะ และชัยชนะไม่มีคำว่าสายเกินไป...."

ขอบคุณเนื้อที่ตรงนี้ ที่ให้เขียนในสิ่งที่อยากเขียนมานาน....

(ลุงแว่น)


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:31:57 น.  

 
อัดแน่นด้วยเนื้อหาสาระและกำลังใจ

ต้องมานั่งไล่อ่านอย่างละเอียดทุกตัวอักษร

เก๊าได้เวลาเดินทางแล้วล่ะ

ไปราชการ ตจว. กลับวันอา

กลับมาจะรีบมารายงานตัวด่วน !!!!





โดย: อิ่ม_Aim วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:13:14:59 น.  

 
หลังจากขึ้นม.ปลาย ก็มีโอกาสได้รู้จักครูภาษาไทยท่าน

หนึ่ง ครูเป็นคนที่ทั้งผลักทั้งดันให้ปรายเขียนกลอน

เขียนนิยายให้ครูอ่านเล่นๆ แต่ปรายก็ไม่แน่ชัดในหนทาง

ของตัวเอง เป็นเด็กบ้านนอกที่ไม่รู้อะไรเลยไม่รู้ว่ามี

อาชีพนักเขียน จนกระทั่งเอนทรานซ์ผลออกมาคือไม่ติด

ตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่เสียใจมาก ปรายเองก็มืดแปดด้าน

แต่ก็สรุปว่าส่งไปเรียนในกรุงเทพ จำได้ว่าขึ้นรถเมล์ไป

เรียนครั้งแรกปรายก็นั่งร้องไห้อยู่บนรถเมล์เพราะคิดถึง

บ้าน ยังปรับตัวไม่ได้ พอเรียนจบก็สะเปะสะปะอีก

สมัครงานหลายที่ได้บ้างไม่ได้บ้าง ในขณะที่คนอื่นๆ

ก้าวไปไกลแล้ว แต่ปรายยังย่ำอยู่กับที่ และหลงลืมเรื่อง

การเขียนไป เพราะเส้นทางที่เดินทั้งเขวทั้งมีอุปสรรค

ทางกายและจิตใจสารพัด และสุดท้ายลาออกกลับมาอยู่

บ้าน เช่นเดียวกันกับที่เพื่อนๆได้ดิบได้ดี แต่ปรายก็ยังย่ำ

อยู่กับที่อีกครั้ง เวลาเจอเพื่อน เพื่อนถามว่าทำงานอะไร

ปรายบอกว่าไม่ได้ทำ แต่เราอยากทำพวกการเกษตร

เพื่อนหัวเราะเยาะแล้วบอกว่า เสียดายที่เสียตังค์ไปเรียน

ถึงกรุงเทพ เรียนแล้วโง่กว่าเดิม เก้าลอเก้า...

สรุปจนมาถึงวันนี้ ปรายแน่ชัดในหนทางของตัวเองแล้ว

2 เส้นทางและจะมุ่งไป2 ทางข้างหน้านั้นไม่ท้อไม่ถอย...



โดย: ปราย IP: 118.172.187.175 วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:13:32:30 น.  

 
เรื่องราวขอบคุณอัยย์ ยกให้เป็นนักสู้ตัวจริงเลยครับ
เดินไปตามความฝันด้วยใจที่แน่วแน่
แม้เส้นทางนั้นจะขรุขระ และขวางหนามมากมาย
แต่สุดท้ายก็ไปได้ถึงฝัน ได้ทำงานที่ตัวเองรัก

ชอบหนังสือ วิหกเหิร สุดยอดจริงๆ


โดย: the mynas วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:13:47:40 น.  

 
ได้ทำงานที่รักนี่ดีที่สุดแล้วครับ หนังสือทำมือเล่นนั้นเก่ามากจริงๆ วาดสวยดีครับ

จำได้ว่า ล็อกอินทางชมพู โดนยึดไปช่วงนั้นผมยังอยู่ที่คุนหมิงอยู่เลย ตอนนั้นงง เพราะเข้าไปแล้วไม่เจอบล็อกพี่อัยย์ แต่ไปโผล่หน้าล็อกอินของเวปบล็อกแก๊งค์แทน

บล็อกทากชมพู เอาไว้ทำเป็นบล็อกคู่ขนานก็ได้ครับ เรื่องพาสเวิร์ดหาได้ครับ ถ้าจะหาจริง ขอแค่ยังจำชื่อล็อกอิน กับอีเมลที่ใช้สมัยบล็อกนั้นได้ก็พอ

ผมยังอยากทำบล็อกคู่ขนานเลย เอาไว้เขียนเรื่องการเมืองแบบเน้นๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:13:54:47 น.  

 
อีตาลุงแว่นคนข้างบนนี่ มันช่างกระไร...

คงจะว่างงานจัด ถึงมาได้พล่ามเรื่องตัวเอง ในบล็อกของชาวบ้านเสียยาวย้วย

ยาวกว่าที่เจ้าของบล็อกเขียนเสียอีก

ทีหน้าทีหลังเจอแบบนี้อีก แจ้งให้บล็อกแก๊งค์แบนมันเลยนะคุณอัยย์...


โดย: ลุงแว่น วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:14:01:45 น.  

 
อ่านแล้วมีความสุข หุหุ มีคนทำได้อย่างที่ฝัน น่ายินดีออก ว่าไม๊.. ระหว่างทางมันก็ต้องมีอุปสรรคเป็นธรรมดาอ่ะนะ

เราสิ ไม่ได้เป็นเหมือนที่ฝัน แต่ย้อนไปแก้ไม่ได้แล้วนี่ เก็บไว้เป็นงานอดิเรกแทนก็ยังดี

ทำปัจจุบันดีกว่า ไหนๆเลือกมาทางนี้แล้ว ยังไงก็ต้องทำต่อไปอยู่ดี ทำใจให้ชอบ และมีความสุขกับสิ่งตรงหน้าดีกว่า อย่าไปยึดติด ^^ ชีวิตมีอะไรให้เครียดอีกตั้งเยอะ 555

อ่านไปอ่านมาชักงง เขียนไรไปเนี่ย


โดย: koe IP: 202.28.12.97 วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:14:58:08 น.  

 

อ่านแล้วนึกถึงเพลงนาทีที่ยิ่งใหญ่เลยล่ะคุณอัยย์


โดย: อุ้มสี วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:15:16:26 น.  

 
พูดถึงบล๊อคนี้ "เส้นทางสายปรารถนา"
ผมยังจำตอนที่มาอ่านครั้งแรกได้
รู้สึกประทับใจครับ
คุณอัยย์ แสดงถึงความเป็น บ.ก. บริหาร ตั้งแต่เด็ก
อ่านแล้วมีความสุขยังไงไม่รู้

"วิหคเหิร" คำว่าเหิร แบบนี้เคยเห็นในเนื้อเพลงโบราณๆ หน่อย
ทำออกมาได้สวยดี ตั้งใจทำทั้งรูปเล่ม ภาพประกอบ
มีคนซื้อ คนอ่าน คนติดตาม ตอบจดหมาย เหมือนของจริง

ผมยังเคยบอกให้เจ๊ ว่าเอา รูปหนังสือพวกนี้มาลงให้ดูอีกสักครั้งสิ
แถมมันยังไปโยงใยเกี่ยวกับ เส้นทางชีวิตการทำงานของแต่ละคน
หลายคนมาอ่านก็คงมีกำลังใจกันบ้างแหละ
คนบางคนอย่างผม ยังไม่ค้นเจอตัวตนที่แท้จริงเหมือนกันครับ


โดย: dj booboo วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:16:45:42 น.  

 
มาอ่านอีกรอบค่ะ อ่านแล้วมีแรงมีพลัง


โดย: ปราย IP: 118.172.180.222 วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:17:40:56 น.  

 
วันนี้ลุงมาช้า

โอ...อ่านแล้วซึ้งมากครับ ชีวิตหนอชีวิต แต่ละชีวิตกว่าจะฟันฝ่ามาได้ แต่ตอนนี้สำเร็จถึงฝั่งฝันแล้วนี่ครับ ลุงว่าทางที่ดีจับลงใส่ในวรรณกรรมเยาวชนซะน่าจะดีนะครับ หรือไม่ก็สารคดีชีวิตก็ได้ เห็นแพรว นานมี จัดประกวดทุกปี หรือจะพิมพ์เอง อยากอ่านมากครับ

เพิ่งเห็นว่าคุณอัยย์มีฝีมือทางศิลปะ ออกแบบปกหนังสือได้โมเดิ้ลจัง ลุงทำไม่ได้แบบนั้น

อยากทราบที่สุดว่า พลาดอีท่าไหนที่ทำให้ถูกยึดบล็อก เผื่อลุงและคนอื่น ๆ ในนี้จะได้ระวังไว้บ้าง

แสดงว่าตอนนี้ถ้าจะเข้าไปที่บล็อก "ทากสีชมพ" ก็ไปได้แล้วซี

เอ้อ บล็อกใหม่ของลุงมีพาดพิงถึงคุณอัยย์ด้วย

ตอนนี้ยุ่งกับเขียนนิยาย "เมืองเทวดา" (ต่อจากเมืองผีดิบที่บรรณกิจพิมพ์เมื่อปี ๔๙ เขียนยากฉายหิบเลย ทำให้ไม่ค่อยได้เยี่ยมบล็อกต่าง ๆ แต่นั่งรอให้คนไปเยี่ยม ฮ่า ๆ


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:18:27:41 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะนักล่าฯ ที่น่ารัก
+============================+

เส้นทางเดินของชีวิตใคร.. ก็ชีวิตใคร (จริง ๆ นะ)

มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ชอบทดลองและเรียนรู้
หากได้ทดลองและเรียนในสิ่งที่ใจปรารถนาแล้ว
ต่อให้มีปัญหา อุปสรรคขัดขวาง ขอสู้ยิบตา
มนุษย์นักสู้ผู้ไม่เกรงกล้วสิ่งใด
กล้าและท้าทายสิ่งใหม่เสมอ

นักล่าฯ มีเส้นทางเดินของชีวิตที่น่าสนุกและตื่นเต้นค่ะ
แล้วเส้นทางหัวใจละ.. อยากรู้จังเลย
เขียนเล่าให้อ่านในบล๊อกฯ ด้วยนะคะ
บก. มือโปรฯ ต้องมีพล๊อตเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ

ปล. จะตามหา "เส้นทางรัก" ในนิยายของนักล่าฯ ด้วยค่ะ
ไม่แน่ใจว่า ห้องสมุดประชาชนจะมีให้ยืมหรือเปล่าน๊า อิอิ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:20:37:42 น.  

 
หวัดดีคุณทากชมพู

เมื่อเราค้นพบตัวเอง ก็พบแสงสว่าง

นักสู้ต้องมีวันชนะ

รักษาสุขภาพด้วย


โดย: กาแฟสดกะพรรณไม้งาม วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:21:12:54 น.  

 
ถ้าตอนนั้นเอาวิหคเหิรไปอ้างอิงตอนสมัครงาน ผมว่าที่ไหนก็รับครับ ^ ^


โดย: kirofsky วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:21:57:40 น.  

 
แวะมาย่ำอยู่กับเรื่องราวเก่า ๆ นานทีเดียว

กำลังที่แข็งกล้านำมาซึ่งความสำเร็จเสมอ..

แต่ที่ง่ายคือการขโมยเพลงไปโฟสในเฟซบุ๊คเรียบร้อย


โดย: ไกลเกินใจสายเกินแก้ วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:6:16:29 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่อัยย์

อ่านบล้อกพี่อัยย์กับเม้นท์คุณลุงแว่น
รู้สึกอยากอัพบล็อกอีกสัก 5 บล็อกในวันนี้ครับ

เกิดไฟขึ้นในใจเลย








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:7:53:12 น.  

 
เวลาเอางานเก่าๆ มา re-run
.....................
หลายคนรู้สึกว่า ตอนนั้นตรูเขียนอย่างนั้นไปได้อย่างไรวะ ทั้งสะเหร่อ ทั้งผิด
แต่งานของ "อััยย์" ปัดฝุ่นเมื่อไหร่
ก็ยิ่งทำให้คนอยากค้นหา ว่ามีเก่าเหลืออยู่อีกมั้ย



โดย: ซาตานสีส้ม IP: 61.90.93.49 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:8:25:00 น.  

 
ไปตามรอยเก่าที่บล็อกทางสีชมพูมาแล้วนะ

เด๋วไปอ่านอีก แบบว่าชอบอะไรที่เก่า ๆ ฮิ


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:10:26:19 น.  

 
ยินดีที่คุณอิงค์ นำชีวิตของตัวเอง ฝ่าฟันจนถึงจุดหมายที่ต้องการอย่างงดงามค่ะ
ขอให้เดินทางไปด้วยความมั่นใจ และปลอดภัย
ก้าวหน้าในหน้าที่การงานไปเรื่อยๆ
ตั้งโรงพิมพ์เองเมื่อไหร่บอกด้วยนะคะ

จะมาสมัครเป็นภารโรง



โดย: addsiripun วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:10:52:25 น.  

 
ว่าแล้วเชียว..จขบ. คนน่ารัก แอบสวยคนนี้ ต้องมีงอนอะไรซักอย่าง ตามไปตั้ง 2 ครั้งแล้วเพิ่งมา

แต่ ดีอ่ะ..มาช้าดีกว่าไม่มา

ยินดีจร้าที่ได้ทากสีชมพูกลับคืน เห็นลุงบูลย์ไหม เด่วนี้เขามีหนุ่มๆสาวๆไปจีบเยอะเหมือนกัน สำนวนตอบบล็อกก็สวิงสวายเป็นวัยรุ่นขึ้นเยอะเลย อาชีพนักเขียนก็งี้แหละนะ บางครั้งเมื่อรู้อายุจริงของเขาก็ตะลึง ไม่นึกว่าเขาจะเขียนหนังสือสำนวนวัยรุ่นได้ขนาดนี้

ขอชมหนังสือทำมือ น่ารักที่สุด ว่าแต่เสียดายนะที่งานอันล้ำค่าของเราเองในยุคนั้นมันได้หายไปหมด

อัยย์เชื่อไหมว่า ตัวเราเองก็มีหนังสือทำมือเช่นกัน เย็บเอง หน้าปกก็โหล่ยโท่ย รูปไม่มี เพราะวาดไม่เป็น แต่ในนั้นบรรจุเรื่องสั้นไว้เพียบ (ไว้อ่านเองเท่านั้น ไม่เคยมีใครได้อ่าน)

เพราะใฝ่ฝันมานาน อยากเรียนสื่อสารมวลชน อยากทำงานด้านนี้ อยากเขียนนิยาย อยากเขียนหนังสือ แต่ชีวิตก็พลินผัน เรียนไปอีกทาง ทำงานอีกทาง ก็ไม่ย่อท้อในความอยากเขียน สมัยเรียนอยู่ กทม. เขียนส่งสำนักพิมพ์ต่างๆ ไม่ได้ลงก็มี ได้ลงก็ตั้งมาก แต่..คำว่านักเขียนไส้แห้ง ยุคนั้นมันคงเป็นแบบนั้นจริงๆ ค่าเรื่องที่ได้มา ไม่พอยาไส้หรอก แถมบางสำนักพิมพ์นะ ตั้งค่าเรื่องไว้สูง เอาเรื่องของลงไปลงนับสิบ แต่จ่ายมาไม่ตรงตามนั้น แถมหลังๆทวงไป ไม่จ่ายเลยก็มี ทำให้ความใฝ่ฝันนั้นค่อยๆมอดดับลงไป เมื่อมาจับงานอีกอย่างหนึ่ง ที่ให้รายได้สูงกว่ามากนัก การเขียนหนังสือในรูปแบบเรื่องสั้น เริ่มต้นจะลดน้อยถอยลงไป แต่ประกายไฟยังคุโชนอยู่นะ

ก็ไม่คิดเหมือนกันว่า..คนไม่เคยใช้คอมคนหนึ่ง จะมาถึง ณ.จุดนี้ได้ มาเขียนเรื่องให้เพื่อนๆได้อ่านกันในเน็ต สนองความอยากเขียนของตัวเอง ไม่ได้เงินก็ไม่เป็นไร ขอความสุขใจในบั้นปลายชีวิตของชายผู้ใกล้สูงอายุคนหนึ่งก็พอ

เห็นไหม..อยากน้อยใจว่าเขียนเม้นท์ให้เพียงบรรทัดเดียว คราวนี้ยกมาเลยเป็นขบวนทาก 555


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:11:05:36 น.  

 
ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกโข จ เวรวา
อ่อนไป ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไป ก็มีภัยเวร

มีความสุขในการดำเนินชีวิต ด้วยหลักมัชฌิมาปฏิปทา ตลอดไป..นะคะ



ชีวิตเป็นของเรา ใครที่ไหนจะมาลิขิดชีวิตเราได้
ถนนชีวิต แม้จะมีขวากหนามมากมาย แต่ถ้าเรามุ่งมั่น
วันหนึ่ง เราก็จะสามารถเดินไปสู่จุดหมายปลายทางได้
ขอแต่เพียงอย่าท้อ...เหนื่อยได้ แต่ต้องไม่ท้อ...

คิดถึงเสมอ..ค่ะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:17:07:51 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่อัยย์
ขึ้นต้นทักทายแบบเหนือ ๆ
ทำเอาอมยิ้มไม่ได้ค่ะ

นั่นสิคะ ห่วงความรู้สึกน้องเต็นท์เหมือนกัน
อีกหน่อยความรักถูกหารสอง
แต่ยังรักเค้าเท่าชีวิตเหมือนเดิม
ตอนนี้ก็เริ่มคุยเรื่องน้องให้เต่นเต็นท์
รู้สึกคุ้นเคยและเริ่มชินที่จะมีน้องอีกคน

อ่านบันทึกพี่อัยย์แล้ว
รู้สึกชื่นชมพี่อัยย์จังเลยค่ะ
การที่มายืนตรงจุดนี้ได้ ได้ทำความฝัน
ที่ตัวเองฝันใฝกลายเป็นจริง หรือใกล้เคียงนั้น

มันเหมือนเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่
ในชีวิตของคน ๆ หนึ่งที่ได้เกิดมา
แล้วได้คิด ได้ทำ ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

จินซะอีก ไม่เคยมีความฝัน
ไม่เคยไล่ล่าความฝัน ไม่มีใครคอยแนะ
ไม่ใครคอยจุดประกาย ด้วยวิถีชีวิต
ความเป็นอยู่ในชนบท ไม่ได้มี
ทางเหลือ หรือ ตัวอย่างให้เห็นมากนัก

รู้ว่าแต่ว่าต้องเรียน เรียนให้ดี
เรียนให้จบ ให้พ่อแม่ภูมิใจ อย่าได้เสียสะตังค์ซ่อม
เพราะพ่อแม่จะเดือนร้อน

ตอนเรียน ป.ตรี ต่อเนื่อง
ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย
จดไว้ที่สมุดว่า เกียรตินิยม
และก็คว้ามาได้สองปีเลย
มันเป็นความภูมิใจเล็ก ๆ ตอนเรียน
แถมไม่รบกวนเงินพ่อแม่

แต่ไม่เคยรู้ว่าเลยว่า อยากทำงานอะไร
ตอนนั้นมีงานทำบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
มีงานทำ มีเงินใช้ มีเงินเรียน ดีใจแล้วค่ะ

น่าภูมิใจนะคะ ที่พี่อัยย์
รู้จักตัวเอง และไล่ล่าความฝัน
ปักธงไว้ตรงไหน ก็ไปถึงฝันด้วย
ด้วยสองมือ สองขา ของตัวเอง
สุดยอดไปเลยค่ะพี่

เสียดาย ที่ตอนเด็ก ๆ ถ้ามีอะไรมาจุดประกายฝัน
หรือมีคนแนะแนวทาง จินคงจะมีความฝัน
กับเค้าบ้าง แต่ก็นั่นแหละเนอะ
การมีชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น
มีคนที่รักอยู่รอบกาย
มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
แค่นี้ ก็เพียงพอแล้ว สำหรับชีวิตคน ๆ หนึ่ง

ไม่มีอะไรที่ไม่ได้มาด้วยการไม่ต่อสู้
หรือเพียรพยายามเดินหา
จินเองเชื่อมั่นในพรแสวง มากกว่าพรสวรรค์
และก็ไม่เคยเห็นหนทางที่โรยไปด้วย
กลีบกุหลาบเลยค่ะ ทั้งตัวเองและเพื่อนสนิท
มีแต่อุปสรรค์ ขวากหนาม มาเป็นระลอก ๆ
ให้คอยแก้ คอยเรียนรู้ และอยู่กับมัน
ให้มีความสุข (ให้ได้)

วันพรุ่งนี้ หมอนัดตรวจอุลตร้าซาวน์ครั้งแรกค่ะ
คงจะดูตัวอ่อนของเด็ก และฟังเสียงหัวใจ
เรื่องเพศคงต้องรอ อีก 2-3 เดือนถึงจะรู้
ตอนนี้ก็กิน กิน กิน และก็ง่วงนอน อิอิ
ทำงานเออเร้อ บ่อย ๆ ค่ะพี่ ^^






โดย: JinnyTent วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:17:21:14 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ คุณอัยย์ ระยะหลังๆนี่ไม่ค่อยได้เข้าไปทักทายเยี่ยมเยียนใครเลยค่ะ มัวแต่มีปัญหามาให้แก้ คุณอัยย์คงสบายดีนะคะ คิดถึงเสมอค่ะ



โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:20:39:16 น.  

 
เสาร์สวัสดีค่ะคุณอัยย์


ถ้าไม่ได้เข้ามาวันนี้คงเสียดายมากกกกกกกกกกก
ความมุ่งมั่นตั้งใจของคุณอัยย์เป็นฝันที่เดินได้ถึงปลายทาง
น่าชื่นชมจริงๆค่ะ


ชอบหนังสือทำมือของเด็กหญิงอัยย์จัง
โอจ๊อด...มันยอดมาก






***** คนเราก็เหมือนกับนาฬิกาที่ไขลาน
ไม่ว่าจะไขนานแค่ไหน ในที่สุดลานก็ต้องคลายออก
จนนาฬิกาหยุดเดิน


รถเมื่อหมดน้ำมันก็ต้องหยุด .... เครื่องบินเมื่อไม่มีน้ำมันก็ต้องตก


เราทุกคนไม่ว่าจะอยากอยู่ต่อไปหรือไม่....ในที่สุดก็ต้องหยุด
ชีวิตมันหยุดตามธรรมชาติคือตาย .....
ธรรมชาติทำหน้าที่หยุดให้เราอยู่แล้ว *****




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:20:45:07 น.  

 
น้อยคนนักครับที่ จะชัดเจนกับความฝันของตัวเอง
และทำจนความฝันที่มีเป็นความจริง
นับถือครับ
นับถือ คุณพี่อัยย์ จริงๆๆ
ทำให้ผมลองมองย้อยกลับไปเด็กๆๆ ว่าผมฝันอะไร
ผมมีฝันมากมาย อยากเป็นหมอดูเท่ห์ดี อยากเป็นเจ้าหน้าที่ห้องสมุด เพราะชอบอ่านหนังสือ อยากเป็นนักกีฬาเก่ง เพราะอยากเล่นกีฬาเป็น(เอ่อนะ เล่นกีฬาไม่เก่งจะเป็นนักกีฬายังไงนะ) แต่ไม่รู้ว่าความฝันทั้งหมดมันหายไปตอนไหน
ปัจจุบันเลยเป็นเพียงคนทำงานกินเงินเดือนราชการ ตัวเล็กคนหนึ่งเท่านั้น เฮ้อออออ

นับถือครับกับการทำให้คามฝันเป็นจริง


มาตามไปเที่ยวนะครับ คลิ๊กที่รูปเลยครับ



โดย: Sleeping_prince วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:22:48:09 น.  

 
... คิดถึง

... กลับมาแล้วได้อ่านความเห็นของตัวเองแอบเขินนะคะเนี่ยะ

... เพลงประกอบบล๊อกเข้ากับเนื้อหาแล้วก็ยังหาเพลงมาใส่ได้เพราะทุกที อ่านเรื่องไป ฟังเพลงนี้ไป ทำให้อินมากกว่าเดิมเข้าไปอีก


โดย: SIMAKHA วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:0:15:51 น.  

 
เห็นหนังสือเล่มนี้ทีไร นึกถึงความฝันในวัยเด็กทุกที
คิดว่าเคยคอมเม้นต์ไปแล้วว่า ชอบหน้าปกมาก

น่าดีใจที่ความฝันคุณอัยย์ไม่ได้หล่นหายไปไหน
ถึงแม้จะใช้เวลา แต่ประสบการณ์ที่ได้คงเกินคุ้ม


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:1:10:57 น.  

 
ตามรอยกลับไปบล็อกเก่าค่ะ
อ่านแล้วก็คิดถึงความรู้สึกเดิมเวลาได้อ่านบล็อก
แต่ยังหาบล็อกหนังสือวิหคเหิรไม่เจอ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:1:18:32 น.  

 
กลับมาอ่านอีกรอบค่ะ...


โดย: ปราย IP: 113.53.115.31 วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:19:00:08 น.  

 
โชคดีมากกกก..ได้ทำอาชีพที่ฝันอยากเป็น
ดีใจที่ได้รู้จักผู้หญิงยอดเยี่ยมสามารถทำฝันให้เป็นจริงได้ สุขใดจะเท่าได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักล่ะ

เราอยากเป็นนักข่าวค่ะ
อยากเป็นนักข่าวถือไมค์หน้ากล้อง
ซึ่งตอนนี้มันเป็นได้แค่ในฝัน(ตลอดกาล)
..
โชคชะตาลิขิตไม่ให้เป็น
พลาดโอกาสตลอด..
รอบแรกไม่สามารถ..จะงัยล่ะอาชีพฮ๊อตซะขนาดนั้น
รอบสองไม่มีสิทธิเพราะไม่ได้เรียนคณิต

ต้องทนเรียนในคณะที่ตัวเองไม่ชอบ
หมดสิทธิสอบแค่เรียนภาษาไม่ได้เรียนคณิต

ท้ายสุด ขอแสดงความยินดีกับทากชมพูด้วยค่ะ
พอทราบว่าได้กลับคืนมาสิ่งแรกที่ทำคือแอดทันที

(ปอลิง..เปิดตู้เย็นค้นหาบลอกนี้ตั้งนานนนนแน่ะ)



โดย: อิ่ม_Aim วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:17:35:38 น.  

 
กลับมาอ่านอีกที แล้วก็ต้องร้องไห้ทุกครั้งไป


โดย: ปราย IP: 182.52.144.105 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:50:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นักล่าน้ำตก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




เป็นนักธรรมชาตินิยม

และ...เจตนารมณ์ยังคงเหมือนเดิม



( มี คนกำลังแวะเข้ามา )
New Comments
Friends' blogs
[Add นักล่าน้ำตก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.