ตอนที่กลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อหน้าร้อนที่ผ่านมาหน่อยให้cdเพลงของสองวัยกลับมาด้วยหลายแผ่นเลยเอ๊ะ..ฤๅว่าพวกเราจะเริ่มแก่กันแล้ว?ตอนที่กินข้าวกันสุมหัวกันก็คุยแต่เรื่องเก่าๆนี่ยังจะเอาเพลงเก่าๆมาให้ฟังรำลึกความหลังกันอีกฉันก็ทำเป็นบ่นไปงั้นเองที่จริงน่ะดีใจ ก็ฉันเป็นแฟนเก่าสองวัยนี่นาเพลง"ลูกหมูใส่รองเท้า"เป็นเพลงหนึ่งที่ฉันและพวกเพื่อนๆสมัยปี๑ ในวัยหน่อมแน้มชอบเอามาร้องเล่นกันลูกหมูใส่รองเท้าสองวัยในเช้าแจ่มใสวันหนึ่งซึ่งเป็นวันน้ำนองลูกหมูก็อยากจะลอง..อยากจะลองเล่นโคลนแต่แล้วก็ต้องคันเท้าพยาธิไชเข้าเท้ามันลูกหมูคิดได้โดยพลันต้องป้องกันทันทีจึงทำรองเท้าด้วยไม้ใช้เชือกเป็นสายชั้นดีเร็วๆมาช่วยกันสิจะได้ของดีเสียงดังก่อบกิ๊บก่อบ ก่อบกิ๊บก่อบก่อบกิ๊บก่อบ กิ๊บก่อบกิ๊บก่อบ กิ๊บก่อบ กิ๊บก่อบฟังๆเสียงฉันเดินสิฟังๆเสียงฉันเดินฟังๆเสียงฉันเดินสิก่อบก่อบก่อบฟังๆเสียงฉันเดินสิฟังๆเสียงฉันเดินฟังๆเสียงฉันเดินสิก่อบก่อบก่อบ.....ติ่วติวติ๊วติวติ่วติวติ่วเกริ่นอยู่ตั้งนานที่จริงไม่ได้มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับลูกหมูใส่รองเท้าเลยแต่ด้วยความสามารถพิเศษส่วนตัวฉันก็พยายามโมเมโยงให้เข้ากันจนได้เพราะเรื่องที่จะคุยต่อไปมันก็เป็นเรื่องของ หมู:-Dเมื่อหลายเดือนมาแล้วฉันเห็นดินขนมปังที่ร้าน๑๐๐เยนจึงซื้อติดมือมาด้วย กะว่าจะเอามาปั้นอะไรเล่นกับอากิมะลิแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เอาออกมาเล่นซะทีจนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั่งดูทีวีแล้วมันมีโฆษณาหนึ่งสร้างโดยclay animation(มั้ง)เป็นตัวหมูน่ารักดีเปรยๆกับมะลิว่า เออ หมูนี่น่ารักดีนะแล้วก็เกิดอารมณ์เปลี่ยวกระทันหัน(ว้าว)เกิดอยากปั้นดิน(ให้เป็นดาว)ขึ้นมาน่ะค่ะก็เลยเอาดินที่ซื้อมาออกวางบนโต๊ะเปิดกล่องออกดูให้ชัดๆโอ้โห...ดินไรเนี่ย สีตอแหลมากขอบอก เอิ๊กๆๆฉันไม่ค่อยชอบสีฉูดฉาดทนไม่ไหวก็เลยเอาดินสีขาวเป็นmainและผสมดินสีตอแหลอื่นๆอย่างละนิดเดียวสีที่ผสมเสร็จแล้วเลยออกมาหวานเชียว"ปั้นหมูนะ...ปั้นหมู"มีรีเควสต์มาขนาดนี้แล้ว...มีหรือ มารดาจะไม่ตามใจท่านผู้ชมในที่สุด...มารดาที่เกริ่นๆว่าจะปั้นดินให้เป็นดาวก็ปั้นดินให้เป็นหมูหวานๆได้ ๑ ตัวมะลิเขาก็ปั้นเล่นด้วยได้ยีราฟและสิงโตสีสดใสมาอีก ๒ ตัว...ในขณะที่มะลิก็ดูจะชื่นชมเจ้าหมูหวานที่ฉันปั้นไม่รู้จบซะทีฉันกลับแอบคิดชมลูกตัวเอง...มะลิเก่งจังงานของมะลิออกมาpureกว่าที่ฉันทำเยอะเลยง่ะฉันสัมผัสความนิ่งในขณะที่ใจจดจ่อกับการปั้นได้นั่นคงเพราะจิตเป็นสมาธิ มุ่งไปที่ดินที่มือกำลังปั้นนั่นเองแต่ฉันลืมที่จะตามรู้ จึงเกิดอาการเผลอเพลินไปกับภวังค์นั้น ขาดสัมปชัญญะ ลืมตัวเองก็มันเพลินนี่นะ...อะน่า ไม่เป็นไร หนนี้รู้ตัวว่าเผลอก็ดีมากแล้วพอรู้ว่าเผลอ นั่นก็คือ มีสติรู้ตัวนั่นแหละหนหน้าเอาใหม่เนอะฮื่อ...หนหน้าปั้นดินขนมปังใหม่หนหน้าตามรู้ทันจิตใหม่:-)
ฉันเป็นเพียงผู้หญิงหัวโตคนนึง....เป็นเรื่องน่าดีใจสำหรับทุกเช้าที่ตื่นมาพบว่าตัวเองยังมีลมหายใจ