........สวัสดีครับ..เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ...ห่างหายไปนาน กับการ อัพบล็อก เรื่อง " พระศรีกับตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช " ...ไม่รู้ว่าแฟน ๆ ลืมกันไปรึยัง..ว่ายังมีภาค ๓ (ยุทธหัตถี) ต่ออีก ๑ ภาคนะจ๊ะ...ช่วงนี้เวลาในการถ่ายทำ ภาคที่ ๓ กำลังเริ่มคืบคลานเข้าใกล้ความเป็นจริงเข้ามาทุกที...ผมก็เลยคิดว่าเราน่าจะมาอุ่นเครื่องด้วยการติดตาม ความเป็นไปของตัวละครหลักกันสักหน่อยจะดีกว่า..ว่าตอนนี้บรรดาบุคคลเหล่านั้นกำลังทำอะไรกันอยู่บ้าง..แล้วเรื่องราวแห่งความมันส์ของการเริ่มถ่ายทำในภาคที่ ๓ นั้น..ผมก็จะได้นำมาอัพเดทให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันต่อไปเร็ว ๆ นี้........
........เอาที่คนแรกกันก่อนครับ..ว่าที่เสธ.เบิร์ด พ.ต.วันชนะ สวัสดี..ซึ่งปัจจุบันกำลังเข้ารับการศึกษา ในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำชุดที่ ๘๖ จึงทำให้เราได้รับทราบข่าวสารของ พี่เบิร์ด น้อยลงเนื่องจากเวลาหลัก ๆ ของพี่เบิร์ดช่วงนี้ต้องทุ่มเทให้กับการศึกษา เพราะหลักสูตรเสนาธิการ เป็นหลักสูตรที่สำคัญและมีผลกับแนวทางการรับราชการในอนาคตเป็นอย่างมาก...ช่วงนี้ใครคิดถึงหรือว่าอยากเจอพี่เบิร์ด ก็สามารถแวะเวียนไปเยี่ยมได้ที่ รร.เสนาธิการทหารบก ถนน เทอดดำริ แถว ๆ สามเสน น่ะครับ..เพราะพี่เบิร์ดเรียน จ.-ศ. ระหว่างเวลา ๐๗๓๐-๑๕๓๐ น....แต่ไม่แน่ใจว่าพี่เบิร์ดจะมีเวลาเจอน้อง ๆ รึเปล่าเพราะ รร.เสธ.มีเวลาในพักระหว่างเรียนน้อยมากครับ...
........คนที่ ๒ ก็คือ พี่ต๊อด พ.ท.วินธัย สุวารี ซึ่งช่วงนี้สำนักข่าวหัวยุ่ง รายงานว่า ปัจจุบัน พี่ต๊อดซุ่มซ้อมเรียนแอคติ้งและร้องเพลงอย่างหนัก...ทั้งนี้เนื่องจากในภาคที่ ๓ นั้น พระเอกาทศรถ มีบทที่จะต้องเล่นดราม่า เยอะมาก ๆ อีกทั้งเพื่อเป็นการพัฒนาน้ำเสียงอันนุ่มนวลของพี่ต๊อดให้ ดูทรงพลังยิ่งขึ้น...สำหรับน้อง ๆ ที่อยากเจอพี่ต๊อด..พี่ก็ขอแนะนำว่าให้ติดตามงาน Road show ของ ยามาฮ่า เพราะพี่ต๊อดมั่กจะไปป้วนเปี้ยนดูแลเวที แสงสีเสียง ให้กับงานของ ยามาฮ่า เกือบทุกงาน...
........คนที่ ๓ ก็คือ ลุงปราปต์ ปราปต์ปฏล สุวรรณบาง...คนนี้ค่อนข้างจะ ฮ็อตที่สุด เพราะว่าหลังจากภาพยนตร์ในภาคที่ ๒ ออกฉาย พี่แกก็มีผลงานตามออกมาติด ๆ อีกสองสามเรื่อง ที่ผมได้มีโอกาสได้ติดตามดู ก็เรื่อง คู่แรด ซึ่งแกเล่นได้น่าถีบมาก ๆ ฮ่า ๆ(อุ้ย..เอาเรื่องส่วนตัวมาเขียนอีกแล้ว..)..ปัจจุบันนี้..ได้ข่าวว่าพี่แกว่างเว้นจากการทำงานพอสมควรแล้ว..ซึ่งจากการโทรคุยกันล่าสุด ทราบว่าตอนนี้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ต้มมาม่า ต้มไข่ รับประทาน เพื่อฟิตร่างกายให้พร้อมในการถ่ายทำ ตำนาน..ในภาคที่ ๓ ซึ่งตอนนี้ พวกเราคงจะพบเจอตัวพี่ปราปต์ได้ยากหน่อย..เพราะว่าต้องเก็บเนื้อเก็บตัว..แต่สำหรับน้อง ๆ ต่างจังหวัด ก็ยังคงสามารถพบเจอพี่ปราปต์ ได้ตามสนามฟุตบอล..ที่มีการแข่งขันฟุตบอลดารา อยู่เสมอ ๆนะจ๊ะ..
........คนที่ ๔ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก " พระราชแมนยู " คุณพระปีเตอร์ ขวัญใจสาว(แก่) ๆ ฮ่า ๆ ....ซึ่งตอนนี้ผมได้อนุมัติหลักการเปลี่ยนนามเรียกขาน จากเดิม " ไอ้แห้ง " เป็น " ไอ้อวบ " เรียบร้อยไปแล้ว..เนี่องจากว่าล่าสุดหลังจากการถ่ายทำภาพยนตร์ในภาคที่ ๒ จบลง..ตอนนั้นผมน้ำหนัก ๘๕ กก.ปีเตอร์ น้ำหนัก ๗๑ กก. แต่มาบัดนี้...หลังจากทีปีเตอร์รับประทานช้างตายเข้าไป ๑ ตัว น้ำหนักปีเตอร์ก็เพิ่มมาเป็น ๘๕ กก. และ ผมลดลงมาเหลือ ๗๓ กก. ดังนั้นจะเรียก " ไอ้แห้ง " เหมือนเดิมเห็นทีจะไม่ได้แล้ว...ซึ่งอันที่จริงแล้วปีเตอร์ทำการเพิ่มน้ำหนักตัวเองเพื่อที่จะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการรับบท "แงซาย " ในภาพยนตร์เรื่องต่อไป ของ ท่านมุ้ย...ดังนั้นการเพิ่มน้ำหนักของปีเตอร์จึงเป็นการจงใจเพิ่ม เพื่อที่จะพัฒนาไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อในภายหลัง...อันนี้ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง..แต่ก็มีข้อกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของไขมันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ของปีเตอร์...เพราะถ้าเกิดลดไม่ลงแล้วหล่ะก็....เฮ่อ..ปีเตอร์..นายจะต้องร้องเพลงนี้แน่ ๆ " ...จะมีใคร ๆ รักคนหน้าตาอย่างฉัน.." ฮ่า ๆ ๆ ..ปัจจุบันพบเจอปีเตอร์ได้ ที่ฟิตเนตแถว ๆ คลองตัน...ซึ่งคาดว่าเร็ว ๆ นี้ปีเตอร์ อาจจะต้องถึงกับหอบหมอนกับที่นอนไปนอนอยู่ฟิตเนส..เพราะลดน้ำหนักไม่ทันก็เป็นได้...ฮิ..ฮิ..
........ฮ่า ๆ มาถึงคนสุดท้าย...ว่าจะไม่แล้วเชียวนะ..ก็เจอกันอยู่ในบล็อกบ่อย ๆ รู้ข่าวกันตลอดนี่นา..เลยกะว่าจะไม่พูดถึงแล้ว...เดี๋ยวจะโดนแซวอีก......เอ้า..เอาซะหน่อย...คนสุดท้าย...ก็ผมเองงัย..ฮ่า ๆ พี่ต้น..น้องต้น..ลุงต้น..เอาตามถนัดแล้วแต่จะเรียกแล้วกันนะจ๊ะ..ตอนนี้ก็กำลังเพลิดเพลินกับการปฏิบัติงาน ที่กองยุทธการกองทัพภาคที่ ๔ ...ซึ่งมาถึงวันนี้ผมก็ปฏิบัติราชการที่นี่มาได้ ๕ สัปดาห์แล้ว....แต่ถึงจะทำงานมาได้ ๕ สัปดาห์..ตอนนี้ผมก็ยังคงมึนๆ งง ๆ อยู่เหมือนเดิม เพราะว่าผมไม่มีพื้นฐานความรู้ด้านภาคใต้เอาซะเลย..ช่วงนี้เลยต้องฟิตหน่อยเพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจ(ฟังดูเอางานเอาการเนอะ..ฮ่า ๆ )........ปกติผมมาทำงานเวลา ๐๗๑๕-๐๗๓๐ น. แล้วก็จะกลับเวลาประมาณ ๒๐๐๐-๒๔๐๐ น....อื่ม...พิมพ์ถูกแล้ว..พิมพ์ไม่ผิดหรอกน่า...ก็นั่นหล่ะ..เวลาทำงานของเสธ.ใหม่..ทุ่มเทงัย..ต้องทุ่มเท..เพราะว่าไม่รู้เรื่องเป็นเสธ.จะตอบว่าไม่รู้ไม่ทราบไม่ได้อ่ะ...แต่อันที่จริงแล้วที่ผมทุ่มเทน่ะ..ก็เพราะว่ามีแผนอยู่ในใจ..ฮ่า ๆ เห็นป่ะทุกอย่างต้องมีที่มาที่ไป...อยากรู้ใช่ป่ะ..ว่ามีแผนอะไร....เฮ่อ..ว่าจะไม่เล่าแล้วนะเนี่ย..เอ้า..เล่าก็เล่า....คือแผนผมเป็นงี้...แผนของผมน่ะวางต่อเนื่องมาจากแผนของกองถ่ายนเรศวร(เอ้า..ต้องเอาแผนกองถ่ายมาแฉอีก..จะซวยไปกันใหญ่มั๊ยเนี่ย) ........คือ กองถ่ายจะเริ่มถ่ายทำกันอีกที วันที่ ๒๒ พ.ย. นี้(ซึ่งไม่ชัวร์อ่ะ..เพราะ ๒๒ พ.ย.ตาเบิร์ด สอบ ๑..จะถ่ายได้งัยฟ่ะ)...ก็มีถ่ายคิวเดียวหล่ะ..เพราะว่ามีปัญหาเรื่องจะต้องรื้อฉากบางฉาก เพื่อก่อสร้างฉากใหม่..แล้วก็จะเริ่มลุยกันอีกทีตอนประมาณเดือน ม.ค. ๕๑ ซึ่งจะลุยถ่ายยาวเลย...ก็เรียกได้ว่าจะเปิดกล้องภาค ๓ อย่างเป็นทางการน่าจะประมาณเดือน ม.ค.๕๑ จากประสบการณ์ในกองถ่าย ๓ ปีกว่า ๆ ผมก็พอจะคาดเดาได้ว่า ถ้าเริ่มถ่าย ม.ค.๕๑ กว่าจะถ่ายจบถ้าเร่งกันจริง ๆ ก็น่าจะปลายปี ๕๑ หรือต้นปี ๕๒...ถ่ายเสร็จส่งเข้าแล็ปตัดต่อ,ทำ CG ,บันทึกเสียง, ถ่ายซ่อม ใช้เวลาอีกประมาณ ๖-๙ เดือน..ก็น่าจะได้ดูภาค ๓ ตอนประมาณปลายปี ๕๒....ฮ่า ๆ อันนี้คาดการณ์จากความเห็นส่วนตัวนะ..เดี๋ยวนักข่าวเอาไปเขียนข่าวผมจะโดนท่านเขกหัวเอาอีก...........เอ้า..กลับมาที่เรื่องของผมดีกว่า...ถึงไหนแล้วหว่า..อ๋อ..ทุ่มเท....ที่ผมต้องทุ่มเททำงานตอนนี้..เพราะผมมีแนวทางรับราชการที่วางไว้ว่า..เมื่อถึงเดือน ม.ค.๕๑ ผมจะกลับไปถ่ายภาค ๓ ผมก็จะไม่ได้มาปฏิบัติราชการที่ กองทัพภาคที่ ๔ ซึ่งจะต้องอยู่เมืองกาญจน์หรือ กทม.เป็นเวลานาน ๆ ผมก็จะทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่กองยุทธการกองทัพภาคที่ ๔ ด้วยการ เป็นตัวแทนประชุมที่ กองบัญชาการกองทัพบก ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกองทัพภาคที่ ๔ แทนพี่ ๆ ที่ต้องเดินทางจากนครศรีธรรมราช เพื่อมาประชุมที่ กทม.ซึ่งปกติแล้วใน ๑ เดือนมีการประชุมเกือบ ๑๕ วัน..เรียกได้ว่าเข้า กทม.ทุกอาทิตย์...ดังนั้นจึงเป็นการประหยัดเวลาในการเดินทางของพี่ ๆ ประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่ายในการเดินทางของกองทัพ....และผมเองก็ยังทำตัวให้เป็นประโยชน์ได้ ๒ ทาง...คือ ถ่ายหนังด้วย..ทำงานให้กองทัพภาคที่ ๔ ด้วย..และผมก็ได้อยู่ กทม.หรือไม่ก็เมืองกาญจน์นาน ๆ ด้วย...จุ ๆ รู้แล้วอย่าไปบอกใครนะ..เดี๋ยวแผนพลิก..........ดังนั้น..ตอนนี้ผมเลยต้องพยายามอย่างที่สุดที่จะเอาข้อมูลเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับกองทัพภาคที่ ๔ ยัดใส่ในหัวให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้..เพื่อที่ว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงผมจะสามารถเข้าประชุมแทนพี่ ๆ ได้ทุกเรื่อง...เพราะถ้าผมไม่รู้เรื่องแล้ว..ผมก็จะกลายเป็นบุคคลที่ไร้ประโยชน์สำหรับกองทัพภาคที่ ๔ ทันทีทีมาถ่ายหนัง...ดังนั้นตอนนี้จึงของปลีกวิเวกอยู่ นครศรีธรรมราช เพียงลำพังไปก่อน..ไว้ให้เข้าที่เข้าทางจะชวนน้อง ๆ มาเที่ยวเมืองนครฯ กันนะจ๊ะ...
..ถ้าทหารไม่เสียสละหรือเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อประเทศชาติแล้ว ประชาชนจะหวังได้จากผู้ใดอีก..