“บททำร้ายคนดูมากกกก ลุ้นจนมือหงิก แต่สุดท้ายเรื่องราวก็ทำให้เราได้เรียนรู้ไปด้วย ตอนแรกโคตรตลก ดูไปดูมาซึ้งเฉย สนุกมาก!”
ภาพยนตร์เรื่อง LOVE ROSIE เป็นผลงานการกำกับของ Christian Ditter ผู้อำนวยการสร้างและผู้เขียนบทภาพยนตร์ชาวเยอรมัน ซึ่งมีภาพยนตร์ที่โด่งดังอยู่อีกมากมายเช่น The Crocodiles, How to Be Single, Vorstadtkrokodile และ LOVE ROSIE
ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายครั้งแรกเมื่อปี 2557 ก็ต้องยอมรับว่าตัวบทอาจจะไม่ได้กระแทกใจคนดูทั่ว ๆ ไปเข้าอย่างจัง แต่สำหรับคนบางกลุ่มหรือใครที่ชอบภาพยนตร์สไตล์นี้บอกได้เลยว่า “นี่มันโคตรจะโดน”
LOVE ROSIE นำแสดงโดย ลิลี คอลลินส์(รับบทเป็น โรซี่ ดันน์) และแซม คลาฟลิน(รับบทเป็น อเล็กซ์ สจ๊วต) ซึ่งเรื่องราวความรักของตัวละครเมื่อดูจนจบแล้วใครหลายคนก็คงจะคิดเหมือนกันว่า “ความรักที่ดี ควรเกิดในเวลาที่เหมาะสมด้วย” เพราะมันเป็นคำอธิบายเรื่องราวความรักของทั้งสองคนได้แบบแจ่มแจ้งแดงแจ๋ที่สุดเลยก็ว่าได้
เรื่องราวชุลมุนของความรักที่ไม่ลงตัวเสียทีเกิดขึ้นกับสองเพื่อนซี้ต่างเพศอย่าง โรซี่ และ อเล็กซ์ ด้วยความที่ทั้งคู่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กดังนั้นคำว่า ‘ระหว่างเรา’ จึงไม่มีคำว่าชาย-หญิง แล้วความสัมพันธ์จะพัฒนาไปมากกว่านั้นได้อย่างไรในเมื่อคำว่าเพื่อนมันค้ำคออยู่ และนั่นคือสิ่งที่ อเล็กซ์ นึกคิดอยู่ทุกวัน ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้ก็คือดูแลและอยู่เคียงข้างเพื่อนสุดเฮี้ยวของเขาไปแบบนี้ตลอดไป
เมื่อทั้งคู่โตเป็นวัยรุ่นแน่นอนว่าการเข้าสังคมและมีความรักคือสิ่งที่ทุกคนต้องพบเจอ โรซี่ เองก็เป็นหญิงสาวที่มองหาความรักสุดเพอร์เฟ็กต์ให้กับตนเอง แต่น่าเสียดายเพราะเธอไม่เคยมอง อเล็กซ์ มากกว่าเพื่อนนั่นจึงทำให้เธอต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่เรียกว่าเป็นบทเรียนที่สุดในชีวิตของเธอ
เมื่องานปาร์ตี้จบ high school ไม่ใช่จุดจบแต่เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เพราะโรซี่ได้มีอะไรกับชายหนุ่มครั้งแรกแต่พลาด(ฉากนี้ผู้กำกับแสบมากต้องไปดู)ทำให้เธอตั้งท้องกับคนที่เพิ่งคบกันไม่นาน
ดังนั้นเมื่อระหว่างโรซี่กับอเล็กซ์ไม่ได้มีแค่กำแพงของคำว่าเพื่อนกั้นอยู่เท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมีลูกกับสามีเข้ามาขวางทั้งคู่ให้ไกลห่างออกไปอีก เรื่องราวของทั้งสองคนจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาบรรจบกัน
ในส่วนตรงนี้ภาพยนตร์ได้นำเสนอออกมาครบรสมาก เพราะถึงแม้เรื่องราวจะดูเป็นประเด็นที่หนัก แต่ผู้กำกับได้ถ่ายทอดผ่านตัวละครและสถานการณ์ที่ขบขันทำให้เรื่องราวไม่หนักเกินคนดูจะรับไหว แต่ก็ยังสามารถสร้างอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครได้อย่างดีเยี่ยม เพราะถ้าใครที่ดูมาจนถึงช่วงที่ทั้งคู่แยกกันก็จะรับรู้ถึงความ ‘ไกลเหมือนใกล้ ใกล้เหมือนไกล’ ทั้งคู่เลย มันเป็นความรู้สึกอึดอัดแต่ก็พร้อมจะเข้าใจ แต่ก็ยอมรับไม่ได้ที่ทั้งคู่ต้องแยกกัน แต่ก็ยังอยากให้ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก ด้วย
ทั้งหมดนั่นก็คือความอึดอัดที่มันสะสมอยู่ในใจของคนดูทุกคนแน่นอน เพราะหากเราเป็นโรซี่ถ้าต้องเลือกระหว่าง อเล็กซ์ ผู้ชายที่ดูแลเรามาทั้งชีวิตและคือคนรักในแบบที่ตามหา กับครอบครัวและสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ ที่ยังไม่ลืมตาดูโลก แน่นอนว่าเราก็คงจะมีคำตอบในใจ และมันก็เป็นคำตอบที่ทำให้เส้นทางความรักของเพื่อนสองคนนี้ห่างไกลออกไปอีก
ในระเวลากว่า 12 ปี อเล็กซ์และโรซี่ต่างก็ไปมีชีวิตของตัวเองทั้งคู่แต่งงานและสร้างครอบครัวที่ใครก็คงจะวาดฝันไว้ว่าสมบูรณ์แบบ หากแต่ความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ชีวิตครอบครัวของทั้งสองคนไม่ได้มีความสุข ในยามที่ทุกข์ใจอเล็กซ์และโรซี่ต่างก็ยังคิดถึงและห่วงใยกันอยู่เสมอ แต่ก็ยังไม่อาจจะข้ามเส้นของคำว่าเพื่อนไปได้ทำให้ทั้งคู่ยังคงเป็นได้แค่เพื่อน ถึงแม้ว่าสิ่งที่หล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะมีเพียงคำว่ามิตรภาพก็ตาม
และจากที่บรรยายมาทั้งหมดเราจะเห็นได้เลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีการดำเนินเรื่องแบบตื่นเต้นลุ้นระทึกจนทำให้เราต้องหัวใจเต้นแรง แต่เป็นการดำเนินเรื่องที่ค่อย ๆ ให้คนดูเรียนรู้เรื่องราวและปัญหาต่าง ๆ ไปพร้อมกับตัวละคร ดีใจ ทุกข์ใจ เครียด เศร้า กลัว ผิดหวัง และอีกมากมายที่ตัวละครทั้งสองต้องพบเจอ
จนท้ายที่สุดก็คือทำให้เราเติบโตไปพร้อมกับทั้งคู่ด้วยนั่นเอง
ดังนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ใช่หนังรักโรแมนติก คอมเมดี้ ธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง แต่เรียกได้ว่าเป็นคัมภีร์ชีวิตที่มันคล้ายคลึงกับเรื่องจริงอย่างที่สุด ดังนั้นใครหลายคนที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แน่นอนว่านอกจากจะได้รับความสนุก และความฟินกลับไปแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราแอบอมยิ้มออกมาจากโรงหนัง ก็คงเป็นข้อคิดดี ๆ ที่ทำให้เราเข้าใจคำว่า ‘ความรัก’ มากยิ่งขึ้น
ทำให้น่าติดตามคะ..