ดอกไม้ในความคิด
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2551
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
17 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 

City Lights Bookstore : ร้านหนังสือชวนหอนของบุปผาชน



ซานฟรานซิสโก..

เมืองแห่งสีสันและความหลากหลาย

เดินทอดน่องไปตามถนน

อาจได้ยินเสียงแซกโซโฟนแผ่วโหยมากับสายลมยามเย็น

หรือคุณอาจเดินสวนคู่เกย์ที่ควงแขนมา

พร้อมหมาหน้าตาน่าเกลียด (แต่ราคาแพงระยับ)

ควรระวังหลังเล็กน้อย เพราะ พวก Homeless มักประชิดขอเงิน

หากพลั้งเผลอ ขอไม่ได้ก็กรรโชกเอาดื้อๆ

.

.


อย่าลืมทอดตาลงต่ำๆ มองพื้นเพราะทุกย่างก้าว

นอกจากขี้หมาประปรายแล้วยังมีขี้คน !!!

เปรอะรอยกลางเสียงสบถด่าของยามเฝ้าหน้าโรงแรมห้าดาว

ที่ต้องเอาน้ำชำระล้างแทบทุกเช้า

นั่นอาจจะเป็นสัจธรรมจากคนจรสู่แขกโรงแรมเริดหรูก็ได้ว่า

สุดท้ายเรานั้นไม่แตกต่างกัน !

.

.


ฝูงฮิปปี้เดินปะปนไปกับฝูงชน ดุจดั่งดอกไม้หลากสี

ท่ามกลางกองทัพสูทสีขรึม

ความฝันล่องลอยอยู่ในดวงตาฉ่ำเยิ้ม

อาจจะอยู่ระหว่างเดินทางกลับไปที่แหล่งซ่องสุมลือชื่อ

บนถนนสายบุปผาชน Haight-Ashbury

รับรองว่า ที่นี่มีบ้องกัญชาหลากสีหลากสไตล์ในราคามิตรภาพ





ซานฟรานซิสโก..

ที่นี่ เราอาจจะไม่ได้กลิ่นดอกไม้บนหมวกรวยรื่นเหมือนดั่งในบทเพลง

หากแต่อาจได้กลิ่นกัญชาอวลซ่านมาตามลมทะเล

ที่พัดโชยมาจากซานฟรานซิสโกเบย์

ท่าจอดเรือแรกที่คนจีนจากเซี่ยงไฮ้ลอยทะเลมาด้วยแววหวัง

ไหวระริกในดวงตาว่า ณ แผ่นดินอีกฝั่งฟากหนึ่งนี้ปูลาดด้วยทองคำ

จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า คนที่เดินสวนไปมานั้น หน้าตาเป็นจีนเสียหกในสิบ

ที่เหลือเป็นฝรั่งและเม็กซิกัน

.

.


ฉันกระโดดขึ้นรถรางต้นสายจาก Union Square

ดิ่งมาไชน่าทาวน์ แล้วเดินตามกลิ่นกัญชาขึ้นมาแถบ North Beach

ตีนพามาหยุดยืนหน้าร้านหนังสือเลขที่ 261 บนถนนโคลัมบัส

City Lights Bookstore

ร้านหนังสือสำหรับคนรักการอ่านและรักการ “หอน”






อาจจะเป็นร้านเดียวในโลกที่แปะป้ายว่า Books not bombs

(หนังสือไม่ใช่ลูกระเบิด)

และ Have a seat and read a book

(หาที่นั่งแล้วอ่านหนังสือสักเล่ม)






ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ร้านนี้เป็นรังเก่าของพวกกวี Beat Generation

อย่าง Jack Kerouac และ Allen Ginsberg

ผู้ซึ่งเป็นหัวหอกแห่งการ “หอน” ในยุค50’s






City Lights Bookstore ไม่ใช่เป็นแค่ร้านหนังสือ

หากแต่เป็นแหล่งเพาะกวีบุปผาชนในยุค 50’s และสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน








ร้านนี้ก่อตั้งโดย ปีเตอร์ ดี มาร์ติน ( Peter D. Martin ) และกวีลอเรนซ์

เฟอร์ลิงเกตติ (Lawrence Ferlinghetti) ในปี 1953

.

.


กวียุค Beat Generation เกิดขึ้นในยุค 1950s -1960s

เปรียบเสมือนคบเพลิงแห่งปัญญาที่ลุกโพลง

รุ่งโรจน์จรัสจ้าทั่วอเมริกาจนทุกคนต้องจับตามอง







เนื่องจากในยุคนั้น เป็นยุคสงครามเย็นระหว่างอเมริกาและรัสเซีย

วรรณกรรมและศิลปวัฒนธรรมตกอยู่ในความมืดมนซึมเซา

ประชาชนถูกทำให้ “เชื่อง” โดยปราศจากการตั้งคำถาม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำถามเรื่องสงคราม

หากใครอยากวิพากษ์สังคมอาจถูกตั้งข้อหา “เป็นภัยต่อสังคม” ได้ง่ายๆ









หากแต่เหล่ากวี Beat กล้าลุกขึ้นมาท้าทาย

และวิพากษ์ทั้งสังคมอเมริกาและสังคมโลก

เพื่อมุ่งหวังปลุกจิตวิญญาณอเมริกันชนให้กลับคืนสู่เสรีภาพ

แห่งการตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์






บทกวีกลุ่ม Beat เน้นความไร้ฉันทลักษณ์ ไร้รูปแบบตายตัว

ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้คำสละสลวย

ขอเพียงแต่สามารถกระชากความคิดและอารมณ์

ให้ตระหนักถึงสาระแห่งการดำรงอยู่เท่านั้นพอ



กวีที่โด่งดังในยุค Beat คือ Allen Ginsberg (1929-1997)

เกิดที่รัฐนิวเจอร์ซี่ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

และเป็นแกนนำในการก่อตั้งกลุ่มนักเขียน Beat

ที่สร้างงานวรรณกรรมทวนกระแสและวิพากษ์สังคมอเมริกายุคนั้น

อย่างถึงแก่น






กวีนิพนธ์เล่มแรกคือ Howl (หอน)

เมื่อตีพิมพ์ครั้งแรก อัลเลนถูกจับ ด้วยข้อกล่าวหาใช้ถ้อยคำหยาบคาย

ส่วนเฟอร์ลิงเก็ตติ ผู้พิมพ์หนังสือเล่มนี้ก็โดนจับด้วยเช่นกัน

ในข้อหาก่อความไม่สงบให้สังคม

เพราะทางการคิดว่าเสียง”หอน” นั้นทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม

ทำให้สองกวีต้องเข้าไปนั่งเขียนบทกวีในคุกอยู่พักหนึ่ง


.

.

แต่ต่อมา หนังสือเล่มนี้

กลายเป็นกวีนิพนธ์ที่โด่งดังเล่มหนึ่งแห่งโลกวรรณกรรม

และได้รับการแปลหลายภาษาทั่วโลก

ด้วยเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การเมืองและสังคม ทั้งต่อต้านสงครามเวียตนาม

อีกทั้งตัวอัลเลนเองก็เคยถูกจับหลายต่อหลายครั้ง

จากการประท้วงต่อต้านสงครามเวียตนาม

และครั้งที่เป็นสีสันให้โลกวรรณกรรมต้องจดจำไปนานคือ

อัลเลนเคยโดนจับข้อหาแก้ผ้าอ่านบทกวีในที่สาธารณะ

.

.


ต่อมา อัลเลนได้หันมาสนใจปรัชญาตะวันออกและท้ายที่สุดได้เปลี่ยนมา

นับถือศาสนาพุทธ






ในทุกมุมของร้าน จะมีคนนั่งอ่านหนังสือกันเงียบๆ

หากโชคดี อาจจะได้เจอเจ้าของร้าน ลอเรนซ์ เฟอร์ลิงเกตติ

เดินมาทักทายลูกค้า

หรือถ้าอยากจะถกปรัชญาหรือวิวาทะกันต่อ

บล็อคถัดไปเป็นคาเฟ่สุดแสบทรวง

เหมาะอย่างยิ่งในการไปนั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือแบบ chill chill











หนังสือหลายเล่มที่ไม่สามารถพบตามร้านหนังสือทั่วไป

สามารถพบได้ในร้านแห่งนี้ โดยเฉพาะหนังสือแนว “แสวงหา” ทั้งหลาย

และชั้นบนเป็นชั้นที่จำหน่ายหนังสือบทกวีทั้งหมด

ผู้ที่เป็นกวี เคยเป็นกวี อยากเป็นกวี

หรือกำลังจะเป็นกวีไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

.

.

ผลของการ “หอน” ทำให้ร้านนี้กลายเป็นสถานที่สำคัญ

ทางประวัติศาสตร์วรรณศิลป์ของอเมริกา

และเป็นสถานที่สำคัญทั้งของเหล่าบุปผาชนและคนทั่วไป

จากทั่วทุกมุมโลกมาเลือกซื้อหนังสือเล่มที่ตนต้องใจ

กลายเป็นสถานที่หนึ่งในซานฟรานซิสโก

ที่ต้องหาโอกาสมาเยือนโดยเฉพาะหนอนหนังสือ










ด้วยเสียงหอนครั้งแรกในฐานะกวี และกวีรุ่นหลังได้สืบทอดลีลาการ “หอน”

จากรุ่นสู่รุ่น มาจนถึงปัจจุบัน

ทำให้ร้านหนังสือแห่งนี้กลายเป็นตำนานแห่งการ “หอน” มาจนถึงทุกวันนี้






เดินเอื่อยๆ ออกมาจากร้านพร้อมหนังสือหลายเล่มของนักเขียนในดวงใจ

อย่างงานของ มิลาน กุนเดอรา

และรวมบทกวียุค Beat Generation ในถุงกระดาษสีดำประทับตราร้าน

ฉับพลัน ฉันอยากแหงนหน้าสู่ท้องฟ้า

แล้วโก่งคอ “หอน” ให้สุดเสียง









เผยแพร่ครั้งแรก นิตยสาร "Fight"

ฉบับที่ 1 ปีที่ 1 พศ 2551





ตีพิมพ์ครั้งแรก : นิตยสาร "หัวใจเดียวกัน"

ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 2552





เจริญขวัญ : เรื่องและภาพ




ยกเว้นภาพโปสเตอร์

ทั้งสองภาพนี้ จากอินเตอร์เนตค่ะ




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2551
7 comments
Last Update : 15 กันยายน 2552 23:25:02 น.
Counter : 1770 Pageviews.

 

กลับอเมริกาแล้วเหรอคะพี่

เออหนอ...เมืองไทยน่าจะมีร้านหนังสือสำหรับคนเขียนกวี คนรักบทกวี และคนที่อยากเป็นกวีบ้างนะคะ

ร้านหนังสือบ้านเราจะเห็นบทกวีก็สามปีครั้งนั่นล่ะค่ะ

เศร้านักเชียว

 

โดย: นกที่ไม่มีเสียง 17 มิถุนายน 2551 6:19:05 น.  

 

ชั้นว่าแล้ว ว่าทำไมหมู่นี้บล็อกแก๊งเข้ายาก เข้าเย็น
เธออัพบล็อกนี้เอง

มาเล่าเรื่องร้านหนังสือบ่อยๆ น้า
ได้ความรู้ดี

ปอ ลอ อยากเห็นหมาหน้าตาแพงระยับว่ะ

 

โดย: grappa IP: 58.9.193.193 17 มิถุนายน 2551 10:54:24 น.  

 

" "
อยากไปอ่านหนังสือที่นั่นจัง

" "

 

โดย: b a i t o e y* (เจ้าจันทร์ผมหอม ) 17 มิถุนายน 2551 14:38:00 น.  

 

เจ้าป้าอัพบล็อก !!!!

 

โดย: Febie 17 มิถุนายน 2551 21:34:59 น.  

 

เขียนได้น่าติดตามเชียวพี่บี แต่เราไม่มีความรู้เรื่องหนังสือพวกนี้เลยอ่ะ เลยได้แต่ดู แต่ไม่กระดิก ฮิฮิ ....

สตรอเบอร์รี่น่ะเราไปเก็บเช้าวันเสาร์ก่อนไปบ้านพี่นิสา เรายังห่อไปให้ชิมเลย แต่เจ๊มัวแต่คุย เจ๊เลยมองข้ามมันไป อ่ะซิ ตอนนี้ก็เหลือไม่มาก แล้วค่ะ หนุ่ม ๆ เอาไปปั่นกินน้ำกันเกือบหมดแล้ว

 

โดย: Tristy 18 มิถุนายน 2551 9:26:09 น.  

 

ไม่ค่อยรู้จักหนังสือ แต่ชอบบรรยากาศร้านนี้จังค่ะ หน้าร้านเท่มาก
เมืองไทยมีมั้ยน้าร้านแบบนี้..

 

โดย: โยษิตา 9 กรกฎาคม 2551 22:37:37 น.  

 

มีคนแนะนำให้มาเยี่ยมชมค่ะ เขียนได้สนุก น่าอ่านมากนะคะ
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: ละเวง IP: 58.9.236.242 11 กันยายน 2551 11:20:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Kala_mydog
Location :
Indiana United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




**งานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซต์นี้
เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว
ห้ามกระทำการดัดแปลง แก้ไข
หรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน
โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์
หากผู้ใดมีความประสงค์
จะนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ ตีพิมพ์
หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด
โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง**



สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539
ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง
ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ
ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด



"เจริญขวัญ" (kala_mydog)

Friends' blogs
[Add Kala_mydog's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.