หน้าตาไม่ดี......แล้วหนักหัวใคร.....แค่เป็นคนดีก็พอแล้ว....จริงมั๊ย???
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
ดินสอกดแห่งคำสัญญา....เรื่องนี้อ่านแล้วเศร้าเลยขอเอามาลง

ดินสอกดแห่งคำสัญญา
อ้างอิงจาก Mini_K_Online

คนที่ผมรัก .. ดินสอกด .. น้ำตา .. และคำสัญญา ~ ที่มาของนักเขียนคนนึง ที่ไม่ได้เริ่มแค่การอยากลองแต่ง แต่สิ่งที่ทำให้เค้าแต่งนิยาย.. คือคำสัญญา ที่ให้ใว้ต่อคนที่จากไปแล้ว

เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้น.. เมื่อตอนที่ผมขึ้น ม.ปลาย หลังจากที่ผมติดโควต้า ได้เรียนในชั้นม.ปลายของ
โรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในตัวเมืองของจังหวัดบ้านเกิดผม ที่นี่ เป็นโรงเรียนสำหรับคนที่จัดว่า “ รวย ”
หรือไม่ก็ “ พ่อ-แม่ เป็นคนใหญ่คนโต ” จะมาเรียนกัน ส่วนผมน่ะเหรอ.. ผมก็แค่ลูกชาวไร่ธรรมดา ที่มีฐานะแค่
กลางๆ แต่แค่โชคดีที่ตอนม.ต้น ผมทำคะแนนใว้ถึงขั้น เลยได้มาเข้าเรียนที่นี่กะเค้าด้วย.. การเรียนในเทอมแรก
ของผมดูราบเรียบมาก ที่นี่สังคมดูแปลก ไม่เหมือนอย่างที่ผมเคยเห็น มันเต็มไปด้วยการแข่งขัน ผู้หญิงและผู้ชาย
จะคบเพื่อนเพศเดียวกัน มีเพียงไม่กี่คนที่คบเพื่อนต่างเพศ ทั้งห้องถูกแบ่งออกเป็นก๊กต่างๆ ซึ่งสามารถสังเกตได้ว่า
กลุ่มนี้สนิทกัน ทุกคนจะปรับตัวเข้าหากันได้ไม่ยาก เว้นเพียงแต่ .. ผม คนเดียว
ตอน ม.4 เทอมแรก ผมยอมรับว่าผมทำตัวไม่ค่อยดี ผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนเลย เพราะช่วงนั้นเกมส์
ออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมอย่าง RO (แรคนาร๊อค ออนไลน์) ทำให้เด็กวัยหัวเลี้ยวหัวต่อย่างผมหลงไหลมันจนแทบ
จะไม่ได้สนใจการเรียน และการบ้านที่ครูให้เลย ตอนนั้นผมคบใครไม่ได้ซักคน เพราะเพื่อนๆ ที่คุยด้วย ล้วนแต่เป็น
เด็กเรียนทั้งนั้น จึงไม่มีใครรู้เรื่องแรคหรอก สรุปว่า ผมไม่ค่อยมีเพื่อนที่สนิทจริงๆ จังๆ ซักคนเดียว แถมเมื่อจบ
เทอมนั้นผมก็ต้องพบกับเรื่องที่ไม่ดีนัก เมื่อผลการเรียนที่เคยอยู่ตัว พอดูได้ กลับกลายไปเป็น.. แย่มาก (ไม่ขอเอ่ยออก
มาเป็น ตัวเลข -_- ) สิ่งนั้นทำให้ทุกคนในห้อง เริ่มมองผมด้วยสายตาแปลกๆ จากนั้นเป็นต้นมา
ในท้ายที่สุด ผมก็รู้ว่าเพื่อนๆคิดอะไรอยู่ เพราะผมรู้สึกว่าทุกคนมองผมเหมือนไม่ได้มีตัวตนอยู่ใน
ห้อง ผมพยายามทวงถามกับเพื่อน คนที่ผมคิดว่าน่าจะสนิทที่สุด(แม้ว่าจะไม่มากก็ตามที) ว่าทำไมเพื่อนๆทำแบบนี้
กับผม เค้าก็ให้คำตอบที่ผมไม่อยากได้ยินออกมา..

“ ก็นาย มัน Low Class นี่ คนแบบพวกเราไม่ลดตัวลงไปคบหรอก ”

นี่คือคำตอบที่ผมได้รับ แล้วผมก็เข้าใจแล้ว ว่าไอที่เพราะผมมันจน แล้วก็ไม่ตั้งใจเรียนแบบพวกเค้า
แถมใช่ลูกคนใหญ่คนโต ไม่ได้เป็นลูกนายพัน ไม่ได้เป็นลูกเจ้าของกิจการร่ำรวย มันทำให้ผมถูกมองว่า.. ผมเป็น สวะ
ผมรู้สึกผิด.. และพยายามแก้ตัว ด้วยการกลับมาตั้งใจเรียน ลดเวลาที่ใช้เล่นเกมส์ออนไลน์ลง และพยายามกลับมา
หากลุ่มเพื่อนๆ แต่ว่าสิ่งที่ผมพยายามทำเพื่อแก้ตัวนั้น กลับกลายเป็นแค่เพียงลมวูบเดียว ไม่มีค่าอะไรเลย เพราะพวก
เค้าก็ยังไม่ยอมรับผมอยู่ดี นั่นทำให้ผมต้องพบกับความเลวร้ายมากมาย หลังจากนั้นเป็นต้นมา

เมื่อมีงานที่ต้องทำเป็นกลุ่ม ผมมักจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับคับให้เข้ากลุ่ม แถมเป็นครูที่เลือกกลุ่มให้
เพราะไม่มีใครยอมรับผมเข้ากลุ่มเลย เพราะพวกนี้คิดว่าผมคงจะเข้าไปกินแรงไม่ยอมทำงาน ผมมีสภาพเหมือนกับ
เด็กเลี้ยงแกะ.. ที่ทำผิดไปหนนึงแล้ว ไม่มีใคร ยอมกลับมาใว้วางใจอีก.. บางวิชา ที่อาจารย์ ไม่ได้จริงจังมาก ผมจะ
ต้องทำงานกลุ่มเพียงคนเดียว งานที่คน 7 - 8 คน ต้องรับผิดชอบ (ห้องเรียนผม มีนักเรียน 46 คน) ผมต้องทำเอง
ทั้งหมด แต่จะทำไงได้ เรามันคนนอกสายตานี่นา.. กิจวัตรประจำวันต่างๆในโรงเรียน ผมก็ต้องทำเพียงลำพัง
ทานอาหาร คนเดียว เดินไปห้องเรียนต่างๆ คนเดียว ทำเวรเพียงคนเดียว.. มีอยู่อย่างเดียวที่ผม อยากจะทำคนเดียว
แน่นอน นั่นคือ เข้าห้องน้ำ -_-
ผมใช้ชีวิต แบบ ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม รู้สึกเหงา และ ทรมาณ ทุกครั้งที่เห็นคนอื่นมีเพื่อน และหัวเราะ
ไปกับเพื่อนของเค้า เป็นแบบนี้ มา เทอมนึงเต็มๆ (ม.4 เทอม 2) จนผมขึ้น ม.5 มีนักเรียนใหม่ย้ายมาเข้าโรงเรียนของ
ผมคนนึง เธอได้มาอยู่ที่ห้องผมด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก ผมยาว ตัวเล็ก สูง 160 เอง เธอเป็นคนผิวขาวมาก
จนแทบจะพูดได้ว่า ซีด แต่ก็พอจะมองสีชมพูอ่อนมีเลือดฝาด จากใบหน้าของเธอได้ และข้อมูลอีกข้อที่ผมรู้ คือ
เธอเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรง เธอเรียนเก่งมาก มีคะแนนนำเพื่อนๆในห้องผมไปไกลลิบ เธอได้รับการต้อนรับเป็นอย่าง
ดี เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียว ของ นายแพทย์ ที่ย้ายมาทำงานในโรงพยายาบาลในตัวเมือง ซึ่งถือว่ามีระดับพอที่
พวกเค้าจะยอมรับ.. ผมได้แต่มองเธอ.. แล้วก็นึกในใจไปคนเดียว ว่าเธอช่างโชคดีเสียจริง ที่มีโอกาสได้มีเพื่อน
ผิดกับผม ที่ต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียว.. เอ้อ ผมลืมบอก.. เธอชื่อว่า “ กุ้ง ” ครับ

ในช่วงม.5 เทอม 1 ในช่วงแรกๆ ผมยังคงใช้ชีวิตแบบไร้เพื่อนตามปกติ แต่สิ่งที่ผมเป็นถูกสังเกตเห็น
จนได้โดยสายตาของกุ้ง เธอดูออกว่าเพื่อนๆ แบนผม ทุกครั้งที่ผมทำงานคนเดียว เธอชอบมองหน้าผมแปลกๆ
แววตานั่นดูอ่อนโยนมาก ส่วนผมเมื่อได้มองแววตานั้นแล้ว ก็จะหลบสายตา แล้วก้มหน้าทำงานที่คนหลายๆ คน
ช่วยกันทำ ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นไม่นาน กุ้งก็ออกจากกลุ่มที่เธออยู่ ซึ่งประกอบไปด้วย เด็กเรียน 3 คน แรด 4 ตัว
(ขอโทษนะเพื่อน แต่มันเป็นงั้นจริงๆนิ) และเธออีกคน รวมเป็น 8 โดยให้เหตุผลว่า “ เราไม่ชอบเสียงดัง ” ด้วยความ
ที่เป็นคนที่ร่างกายอ่อนแอ การได้รับเสียง กรีดร้อง วี๊ดว้ายกระตู้วู้ จาก แรดในกลุ่มจึงเป็นการรบกวนเธอมาก แต่ผม
ก็ไม่สามารถเดาได้ว่า เธอจะออกจากกลุ่มทำไม แล้วก็ ไปอยู่กับใคร..
เธอ เลือกผม.. เธอมาขอรวมกลุ่มกับผม.. เธอบอกว่าสงสารผม เพราะเห็นผมอยู่คนเดียวเสมอ ผมดีใจมาก
จนเผลอกอดเธอ นั่นทำให้เธอหน้าแดงแล้วก็ผลักผมจนล้ม ก่อนจะพูดว่า “ ไหนๆ มีงานกลุ่มอะไรบ้าง วันนี้เราจะช่วยทุกอันเลย ”
หลังจากที่มีเธอเข้ามาช่วย งานของผมก็เบาลงมาก.. ผมรู้สึกดีขึ้น มันไม่เหงาเหมือนก่อน ผมมีคนคุยด้วย มีที่ปรึกษา
มีคนที่จะเดินคู่ไปด้วยกัน เพื่อจะรับประทานอาหารกลางวัน แต่ยังไม่ต้องการคนที่จะเข้าไปในห้องน้ำพร้อมผมนะ -_-
อยู่มาวันนึง เธอก็ถามผมว่าทำไม ไม่มีคนคบ ผมพยายามเลี่ยงไม่ยอมตอบ หรือเปลี่ยนเรื่องเสมอ แต่เธอก็ไม่ละความพยายาม
เธอสืบจนรู้.. ว่าผม ติดแรคงอมแงม ตอนนั้นผมยังยอมรับว่า ผมนั้นยังคงไปเล่น Rag ในช่วงเย็นของทุกวันอยู่ แม้ว่า
มันจะไม่มากเท่าสมัยก่อน แต่ก็รู้สึกได้ ว่ามันค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะผมมีเพื่อนแล้วมั้ง? ต่อมความตั้งใจ
ของผม จึงค่อยๆ ทำงานลดลง เธอยืนยันว่าจะทำให้ผมหยุดล่น Rag ให้ได้ อย่างน้อย ก็ให้ผ่านพ้นช่วงสอบเอนต์ทรานซ์
ไปก่อนจึงจะวางใจ.. แล้วเธอจะทำไงล่ะ..
วันต่อมา.. เธอซื้อดินสอกด ยี่ห้อ “ ร๊อตติ้ง ” ซึ่งเป็นดินสอคุณภาพดี มาให้ผมแท่งหนึ่ง แล้วบอกผมว่า..

“ กุ้งชอบอ่านนิยายมาก.. เคแต่งนิยายให้กุ้งอ่านหน่อยสิ จะได้ไม่มีเวลาไปเล่นเกมส์ ”

* ผมชื่อ เค นะครับ

เธอใช้วิธีนี้หักดิบอาการติด Rag ของผมซึ่งนั่นทำให้ผม ต้องเข้าห้องสมุดบ่อยมาก เพื่อเริ่มอ่านนิยายแนวต่างๆ
แล้วนำมาเป็นแนวทาง ในการแต่งนิยายในแบบฉบับของผมเอง ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมคนที่เคยไม่ค่อยสนใจเรื่อง
การอ่านแบบผม จึงยอมเข้าห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือมากมาย แบบนี้ได้ อาจจะเป็นเพราะผมให้ความสำคัญกับกุ้งมากสินะ
กุ้งเป็นคนที่มีอิทธพลต่อผมมากไม่ว่าจะทางด้านไหนไปเสียแล้ว เธอเป็นคนที่มีพระคุณต่อผม ให้อะไรหลายๆ อย่างกับผม
เธอ ช่วยผมทำงาน ยอมให้ผมลอกการบ้าน ซื้อขนมมาแจกผมเวลาผมนั่งทำงาน และ เธอ ก็ยอมเป็น เพื่อน กันผมด้วย
เหตุนี้ ไม่ว่าเธอขออะไร ผมก็จะทำให้ โดยไม่มีข้อแม้ การที่เธอของให้ผมแต่งนี้ยายให้เธอ ทำให้ผม ไม่มีเวลาไปเล่น Rag
จริงๆ จนผมเริ่มรู้สึกว่า ถ้าไม่ได้เล่นมันก็ไม่ได้เป็นอะไรไป
ผมเริ่มแต่งนิยายไปให้กุ้งอ่าน ทุกๆ แนว ใช้เวลา มากบ้าง น้อยบ้าง พยายามแต่งเต็มที่ แต่ว่าแต่ละเรื่องออกจะ
เป็นเรื่องสั้น เพราะว่ามันยาวแค่ 1 - 2 หน้ากระดาษ หลังจากที่กุ้งอ่านนิยายของผม เธอก็จะวิจารณ์ซะมันพังยับเยินอย่างเช่น
“ ตัวละครบุคลิก ไม่แน่นอน นิสัยเปลี่ยน ” - “ เขียนมั่ว เชื่อมเรื่องได้แย่ ” - “ เขียนคำผิดบ่อยจัง ” อะไรทำนองนี้.. นั่นทำให้ผม
ยิ่งจมดิ่งลงไปในความพยายาม ที่จะเขียนนิยายที่กุ้งชอบให้ได้.. แม้ว่าจะโดนเธอวิจารณ์แบบนั้น ผมก็ยังรู้สึกดีได้

เพราะว่า.. เธอจะ ยิ้มให้ผม แล้ว พูดว่า “ ขอบใจนะ ” ทุกครั้ง

บางที ที่เราทะเลาะกัน ตอนที่อยู่ด้วยกัน เธอจะเรียกผมว่า
“ บึ้งคุง ”ส่วนผมจะเรียกเธอว่า “ ไอจัง(เลย) ” เพราะปกติ ผมก็ไม่ได้หน้าตาหล่อเหลามากจึงไม่เด่นอยู่พอแล้ว แถมถ้าผม
อารมณ์ไม่ค่อยดี ผมมักจะคิ้วขมวด ส่วนเธอ ผมหาข้อตำหนิบนใบหน้าเธอไม่ได้ แต่พบว่า ด้วยเพราะเธอเป็นคนที่ไม่ค่อย
แข็งแรง การไอของเธอจึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง.. นี่เป็นที่มาของคำเรียกของผมกับเธอ ซึ่งมันจะทำให้เราทั้งคู่ หัวเราะออกมา
และลืมเรื่องที่น่าปวดหัวไปได้

ยิ่งผมคบเป็นเพื่อนกับเธอ เรายิ่งผูกพันกันมากขึ้นเรื่อยๆ เธอมักจะพูดว่า “ ชอบเคจัง ” แต่ผมก็ฟังแบบไม่ได้
คิดอะไรมาก ผมยังคงเขียนนิยายให้เธออ่านไปเรื่อยๆ ซึ่งท้ายที่สุด ก็จะโดนวิจารณ์ซะเสียหายหมด.. ถ้าคุณเป็นผู้ชาย
หากมีคนมาทำแบบนี้ คุณคงจะต้องพยายาม ทำให้เค้ายอมรับให้ได้ จริงมั้ยล่ะ ? ผมพยายามเขียนนิยายอย่างตั้งใจที่สุด
ให้เธอทุกวัน ซึ่ง ในบางวัน เธอจะไม่ได้มาวิจารณ์นิยายผม เพราะเธอจะไม่สบาย และขาดเรียน บ่อยๆ นั่นทำให้วันๆนั้น
ของผม ดูแย่ลงไปมากทีเดียว.. ที่จริงผมก็ยอมรับว่าเธอน่ารัก แต่ไม่กล้าจะคิดว่า เธอชอบผมจริงๆ เพราะเธอเคยบอกว่า
จะยอมมาเป็นเพื่อนกับผม แต่เธอไม่เคยพูดว่า.. เธอจะยอมเป็นมากกว่านั้น ผมรู้สึกสงสารเธอ อยากปกป้องเธอ อยากดูแล
เธอ อยากให้เธอมีรอยยิ้ม เพราะเธอคือที่พึ่งทางใจ สิ่งเดียวของผมในตอนนี้ ผมจะรู้สึกไม่ดีเลย หากเห็นว่าเธอเป็นลม
เธอเป็นลมบ่อยๆ เพราะร่างกายอ่อนแอ กุ้งเป็นลมบ่อยมากกว่าเพื่อนๆ ในห้องเป็นรวมกันซะอีก สิ่งนี้ทำให้ผมกลัวมาก
เพราะไม่อยากจะคิดในทางลบ ว่ามันคือ สัญญาณเตือน อะไรซักอย่าง..
ผมพยายามบอกตัวเองว่า เราจะเป็นเพื่อกันไป อีกนาน และคิดว่า ที่กุ้งเป็นลมบ่อย ก็คงแค่อาการ ของคนที่
ไม่ค่อยสบาย ตามปกติ .. ในวันๆ นึง ของช่วงที่ไกล้จะหมด เทอม 1 ของ ม.5 ผมเริ่มทนไม่ไหว เพราะว่านิยายที่ผมแต่งไป
มากมาย นั้น ไม่เคยได้รับคำชม จากกุ้งเลยแม้แต่เรื่องเดียว.. จนผมต้องถามเธอ

“ กุ้งง่ะ ทำไมไม่ชมเคบ้าง ติตลอดเลย ”

เธอบอกว่า

“ แล้วเค อ่ะ เคยถามกุ้งมั้ย? ว่ากุ้งพูดจริง หรือ พูดเล่น ”

นั่นไงเล่า -_- ใช่ ผมไม่เคยถามเธอจริงๆ แล้วเธอก็เฉลยว่า ที่เธอ ไม่เคยบอกชมผม เพราะกลัวว่าผมจะได้ใจ
จะคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว จนไม่สนใจนิยายอีกต่อไป.. แล้วกลับไปเล่น Rag ต่อ ที่ทำแบบนี้ ก็เพื่อจะให้ผมยังคงจดจ่อ อยู่กับ
นิยาย เป็นแผนการเพื่อช่วยผม อืม.. เป็นแผนการที่รู้สึกว่าฟังเฉลยแล้วเจ็บปวดทีเดียว แต่มันก็ช่วยผมได้มาก.. ตอนนี้ผมมีแต่
เรื่องนิยายในหัว มากกว่าเรื่อง Rag แล้ว ตอนนี้ผมชอบการแต่งนิยายมากกว่าการเล่น Rag ผมกล้ายืนยันกับตัวเอง เย็นวัน
ที่ผมถามนั้น เธอก็บอกว่า.. จะแต่งนิยายให้ผมเป็นการขอโทษ.. เธอนัดผมให้ไปหาเธอที่ ริมอ่างเก็บน้ำของโรงเรียน ที่ๆ
ผมกับเธอ นั่งด้วยกันประจำ..

วันต่อมาในตอนเช้า.. เธอก็หยิบกระดาษแผนนึง ขึ้นมา มันมีอักษรเขียนใว้ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มันยาว
พอๆ กับนิยายเรื่องแรกที่ผมแต่งให้เธอ เมื่อผมได้รับมาแล้ว ผมเห็นว่ากุ้งหน้าแดง แล้วก็หลบไปนั่งที่โต๊ะ ห่างไปอีก 2 โต๊ะ
ทิ้งให้ผมอ่านนิยาย ที่ตัวละครเพียงสองตัว นั่นคือผมกับเธอ เล่าลายละเอียดและความรู้สึก ตั้งแต่วันแรกที่พบผม จามาถึงวัน
เมื่อวานนี้ หัวใจผมเต้นแรงขึ้น เมื่อได้อ่าน ประโยคสุดท้ายที่เขียนใว้ในเรื่อง ซึ่งทำให้ผมรู้ว่า ทำไมเธอไม่เขียนชื่อเรื่องใว้

' รู้ตัวซะทีสิ เค เราชอบนายนะ ชอบมากเกินกว่าเพื่อนแล้ว '

มันทำให้ผมแทบจะไม่กล้าอ้าปาก.. ผมยืนนิ่ง จนเธอเดินมาหาผม เพราะรู้ว่าผมคงอ่านจบแล้ว.. เธอถามว่า
จะยอมคบกับเธอรึเปล่า ผมตอบรับ ทันที นี่คือสิ่งที่ผมเคยหวัง แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้.. หลังจากวันนั้น ผมก็เริ่มคบกับเธอ
จริงจัง และไม่ต้องวุ่นวาย ตามไปแก้ข่าว ที่โน่นที่นี่ ว่าผมกับกุ้งไม่ได้เป็นแฟนกัน กุ้งชอบป้อนขนม กับ ผลไม้ให้ผม ตอนที่
ผมกำลังแต่งนิยาย หรือ ทำงาน อยู่ แล้วก็ชมว่า นิยายที่ผมแต่ง มันดีขึ้นเรื่อยๆ ผมมีความสุขมาก.. มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก
จริงๆ กุ้งชอบมาทวงนิยายจากผม จนผมเรียกเธอว่า “ คนตามต้นฉบับ ” และจะหอมแก้มผม 1 ครั้ง ต่อ นิยาย 1 เรื่องที่ผมแต่ง
นั่นทำให้ผม บ้ามาก จนบางวันแต่งจบไปได้ตั้ง 3 เรื่อง (เรื่องสั้นนะ) เพื่อแลกกับการประทับริมฝีปากนุ่มๆ จากปากเธอ ที่แก้ม
ของผม ฟันเฟืองแห่งความสุขของผมหมุนวนไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง ช่วงที่จะสอบปลายภาค ของม.5 เทอม 2 มันเป็นช่วง
เวลาที่ผมกับกุ้ง กำลัง ติวกันอยู่เพื่อเตรียมสอบ เพราะวันนี้ คือ วันสอบวันแรก ระหว่างที่ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่.. กุ้งก็เป็นลม
ไป นั่นทำให้ผมตกใจ แต่ไม่มากเท่ากับช่วงก่อนๆ เพราะผมเห็นเธอเป็นลมบ่อยๆ อยู่แล้ว ผมรีบไปพยุงกุ้ง.. แล้วส่งเธอไป
ห้องพยาบาลของโรงเรียน.. ระหว่างที่พาเธอไป ผมเห็นอะไรบางอย่าง.. ที่มันผิดปกติ ผมเห็นเลือด ไหลออกมาจากรูจมูก
ข้างนึงของเธอ.. ซึ่งปกติไม่มี หลังจากที่เธอเข้าไปในห้องพยาบาลแล้ว.. ผมก็ได้ยินเสียงของครูประจำห้องพยาบาลพูดว่า
“ อาการหนักนะ.. เอาไปโรงพยาบาลเถอะ บอกผู้ปกครองด้วย.. ” นั่นทำให้วันนั้นผมสอบไม่ค่อยได้เลย เพราะผมมัวแต่นึก
ถึงกุ้ง.. ในเย็นของวันวันสอบวันที่ 2 ผมเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่กุ้งรักษาตัวอยู่ ซึ่งพ่อของเธอเป็น หมอของที่นั่น..
ผมพบกับพ่อของกุ้งหลังจากที่ผมไหว้ท่านเสร็จ ท่านบอกผมว่า.. “ เราเค สินะ กุ้งพูดถึงบ่อยๆ ” ผมพยักหน้าแต่ไม่ได้
พูดอะไรเพิ่ม “ ทำใจก่อนนะ เค ” ผมพยายามไม่คิดในทางลบ.. แต่ก็คงจะไม่ได้แล้ว.. “ กุ้งเป็นเนื้องอกในสมอง..
ตอนนี้.. รักษาไม่ทันแล้ว ” พ่อกุ้งพูดแล้วก็เอามือถอดแว่น แล้ว ปาดน้ำตาที่ไหลออกมา.. “ พ่อเป็นหมอแท้ๆ แต่
กลับปล่อยให้เกิดเรื่องกับลูกตัวเองซะได้.. ” ... ผมล้มทั้งยืน ล้มตัวลงบนโซฟาในห้องที่กุ้งนอนไม่รู้สึกตัวอยู่.. พ่อกุ้งนำตัวกุ้ง
กลับไปที่บ้านในช่วงหัวค่ำวันนั้น.. ผมนอนไม่หลับ..ในคืนนั้นคิดแต่ว่า จะพยายามไปเยี่ยมกุ้งทุกวัน.. ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไง
เพราะพ่อกุ้งบอกว่า กุ้งมีเวลาน้อยเต็มที.. ผมจึงอยากจะอยู่ไกล้เธอให้นานเข้าใว้.. ก่อนที่จะไม่สามารถทำได้..

วันสุดท้ายของการสอบ.. ผมไม่สามารถ คุมสติของตัวเองได้ ข้อสอบ 260 ข้อ ถูกมั่วหมด แบบที่
เป็นอัตนัยจะมีคำตอบที่ว่า ' ไม่รู้ ' เขียนลงไปในช่องว่างทุกอันผมอยู่จนได้รับอนุญาติให้ออกจากโรงเรียนได้ เพื่อที่จะ
รีบกลับบ้านแล้วไปหากุ้งต่อ แต่ว่าเย็นวันนั้น ฝนตกหนักมาก.. พ่อกับแม่ผม ไม่ยอมให้ผมออกไปข้างนอกบ้าน เพราะ
ฝนตกฟ้าคะนองอย่างหนักผมต้องกระวนกระวาย นานหลายชั่วโมง อยู่ในบ้าน ก่อนที่จะยอมเสี่ยง แอบหนีออกไป
จากบ้านผม ทั้งๆ ที่ฝนกำลังตกอยู่.. โดยหยิบกระเป๋านักเรียนเอาไปบังฝน ผมวิ่งไปยังบ้านกุ้ง ด้วยความยากลำบาก
มันทั้งหนาว และเหนื่อย ผมไปถึงบ้านกุ้งตอน 4 ทุ่ม..เมื่อไปถึงบ้านกุ้งแล้วผมก็ไหว้ พ่อกะแม่กุ้ง ทั้งๆ ที่ตัวกำลังเปียกโชก..
แม่กุ้งใจดีมาก ท่านเอาเสื้อผ้าของ พ่อกุ้งมาให้ผมเปลี่ยน..ผมขอที่จะขึ้นไปหากุ้งหลังจากนั้น ซึ่งท่านทั้งคู่ ก็ไม่ได้ห้าม..
ผมหยิบเอาของในกระเป๋าที่เอามาด้วย แล้วก็เดินขึ้นไปบนนั้นทุกก้าวย่างเต็มไปด้วยความกลัว.. กลัวว่าจะต้องเจอคนที่ผมรัก
ในสภาพที่เธอจากไปแล้ว.. ซึ่งถ้าหากเป็นไปได้ ผมอยากยืดเวลาที่มันจะเกิดขึ้น ให้มันช้ากว่านี้ให้ได้มากที่สุด.. ผมเปิดประตู
เข้าไปในห้องกุ้ง ปิดมัน แล้วก็เดินตรงไปหากุ้ง..
เธอ.. นอนนึ่ง.. แต่ยังหายใจอยู่ หายใจอย่างแผ่วเบา.. หน้าซีด ริมฝีปากแห้งผาก.. เป็นภาพที่ทำให้
ผมรู้สึกไม่ดีเลย ผมได้แต่มอง.. นั่งลงข้างๆ เตียงของเธอ แล้วก็ยื่นมือไปจับมือเธอที่วางใว้ข้างนอกผ้าห่มเอาใว้ บีบมันเบาๆ
ผมนั่งอยู่นาน จนเผลอหลับไปตรงนั้น.. จนกระทั่ง.. ผมรู้สึกว่ามือถูกบีบ.. ผมตื่นขึ้นมา แล้วก็เห็นว่ากุ้งกำลังลืมตาอยู่...
ตอนนั้นไกล้จะเที่ยงคืนแล้ว... ฝนยังคงตกอยู่ แต่ไม่หนักมาก.. เธอบ่นให้ผมฟังด้วยเสียงที่แผ่วเบา.. ว่าเธอปวดหัวมาก..
แถมตัวก็หนักไปหมด จนแทบจะลุกไม่ขึ้นผมเลยบอกให้เธอ นอนพัก แต่เธอกัลบบอกผมว่า..

“ เค แต่งนิยายให้กุ้งใว้รึเปล่า.. เอามาเล่าให้ฟังหน่อยสิ กุ้งอาจจะดีขึ้น.. ”

ผม.. ไม่ได้เตรียมมา.. สิ่งที่ผมเอามา.. คือ ดินสอ ที่เธอเคยให้ผม.. ผมไม่รู้จะเล่าอะไรให้เธอฟังจนนึกถึง
นิยายที่เธอใช้บอกรักผม.. ผมเลยเล่าเรื่อง ที่มี ผม กับ เธอ เป็นตัวละคร เล่าความรู้สึกของผม ให้เธอฟัง ตั้งแต่ตอนที่
ผมเจอเธอครั้งแรก ไปจนถึงตอนที่ผมบอกว่าจะคบกับเธอ มีบางช่วงที่ผมพูดถึงตอนที่เราทะเลาะกัน.. เธอจะหัวเราะออกมา
นิดหน่อย แต่หลังจากหัวเราะ ก็จะกลายเป็น ไอถี่ๆ แทน.. ก่อนที่จะ กลับไปสู่อาการนึ่ง เพื่อฟังต่อ.. บรรยากาศนี่มันช่างทำให้
ผมเศร้าใจยิ่งนัก.. มันทั้งเศร้า ทั้งกลัว.. ในท้ายที่สุดที่ผมจะจบเรื่อง ผมก็จบด้วยการจบลงด้วยคำพูด...

“ เครักกุ้งนะ สัญญาว่าจะเขียนนิยายให้กุ้งอ่านตลอดไป.. ”

กุ้งยิ้ม.. หลังจากที่ผมพูดจบ เธอบอกว่า เป็นนิยายที่ดีมาก.. จู่ๆ เธอก็เกิด หายใจขาดห้วง.. มีอาการเกร็ง
และกระตุก ไปตามตัว สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวด เธอหลับตาแน่น จนเกิดรอยย่นที่หางตา กัดฟันแน่น.. น้ำตาผมเริ่มไหล..

“ กุ้ง !! กุ้งเป็นอะไรไป.. อย่าเป็นอะไรนะ ”

ผมรู้ว่าถึงพูดยังไง ก็คงจะไม่สามารถช่วยเธอได้.. ได้แต่มองคนที่ผมรักกำลังมีท่าทีที่เจ็บปวด นั่นทำให้
หัวใจผมแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ถึงเธอจะมีสีหน้าที่ผ่อนคลายลงแต่ก็ยังสังเกตได้อยู่ว่า คงจะอดทนกับความเจ็บปวดที่
เกิดขึ้นอย่างมาก.. เธอบอกให้ผม เอาหน้าเข้าไปไกล้ๆ เธอ ผมทำตามทันที.. เธอ.. พยายามยืดตัวขึ้น.. แล้วหอมแก้มผม..
อย่างที่เธอเคยทำทุกครั้งหลังจากอ่านนิยายของผม และยังกระซิบ ด้วยเสียงอันแผ่วเบา.. เบามาก จนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ผม
ก็พยายามฟังสิ่งที่เธอพูดถึงแม้จะมีเสียงฝนตกรบกวนอยู่ตลอดเวลา..

“ ขอบใจนะ ” เธอหายใจขาดห้วงอีกหน แต่ก็กัดฟันพูดต่อไปว่า “ กุ้งอยากอ่านอีกเยอะๆ จัง.. น่าเสียดายที่.. ทำ ไม่ได้ ”

เธอพูดทีละคำ ในช่วงท้ายๆ เสียงแผ่วและสั่นเครือ.. น้ำตาผมไหลออกมามากมาย.. มือเรายังจับกันแน่น
ผมจับมือนี้มาตั้งแต่ 4 ทุ่มแล้ว.. ไม่ปล่อยมันเลยแม้แต่วินาทีเดียว.. และอยากให้มือนี้ยังรับรู้ได้ว่า อีกฝ่ายกำลังบีบมือผมอยู่
ไปเรื่อยๆ แต่ว่า.. กุ้งก็ทิ้งตัวลงไปบนที่นอน.. มือที่บีมผมอยู่ไม่มีแรงบีบที่ผมรับรู้ได้อีกแล้ว.. ผมพยายามเรียกเธอ..

ทั้งๆที่รู้ว่าเธอ.. หยุดหายใจ .. เรียบร้อยแล้ว

ผมร้องให้เสียงดัง.. น้ำตาไหลพราก แล้วก็ตะโกนสุดเสียง... จนพ่อกับแม่กุ้ง ตามขึ้นมา.. ท่านยืนอยู่ที่ประตู.. แม่กุ้งเป็นลม
ไปเลย..หลังจากที่ผมพยักหน้า เป็นภาษาที่อ่านได้ง่ายๆ ว่า ' กุ้งจากไปแล้ว ' พ่อกุ้งนำแม่กุ้งไปปฐมพยาบาล ส่วนผมยังคงอยู่
กับคนที่ผมรัก เธอกำลังนอนหลับอยู่.. ผมบอกตัวเอง.. ผมพยายามหยุดร้องให้ จนได้.. แล้วก็เดินไปหยิบของที่ผมวางใว้บน
หัวเตียงกุ้ง นั่นคือดินสอกด ที่เธอเคยให้ผมใว้.. ผมถอนเอาผมเส้นนึงของเธอ ออกมา.. แล้วม้วนใว้กับตรงกลางตัวดินสอกด..
พันทับด้วย เทปใส.. แล้วก็เข้าไปนั่งไกล้ๆ ร่างของกุ้ง กระซิบที่ข้างหูเธอ.. ทั้งๆที่รู้ ว่าเธอคงจะไม่ได้ยิน

“ กุ้งไม่ต้องห่วงนะ.. ไม่ว่าเคจะเจออุปสรรค์อะไรก็ตาม.. เคก็จะพยายามทำนิยายทุกเรื่องที่เคแต่งให้มันจบลง
ให้ได้.. เพราะเครู้ว่า กุ้งชอบนิยาย.. และคงจะตามอ่านนิยายที่เคแต่งเสมอ ดินสอนี่จะเป็นตัวแทนกุ้ง ร่วมสร้างสรรค์เรื่อง
ราวดีๆ ไปด้วยกันกับเค แล้วกุ้งจะได้อ่านนิยายของเค อีกแน่นอน.. เคสัญญา.. ”

หลังจากงานศพกุ้งผ่านพ้นไป ผมไม่รู้ว่าผมจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไรเพียงลำพัง.. ผมต่อสู้กับ
ความเศร้า ความเหงาอย่างเต็มที่ เท่าที่เด็กผู้ชายคนนึงจะทำได้.. ผมหลงทางอยู่ไม่นาน กุ้งก็กลับมานำทางผมอีกหน..
พ่อกุ้ง นำจดหมายมาที่โรงเรียน 2 ฉบับ ฉบับนึงให้ผม อีกฉบับ ให้ครูประจำชั้น.. คาบโฮมรูม 10 โมง ของวันนั้น
อาจารย์อ่านจดหมาย ที่กุ้งเขียนใว้ตอนเธอยังอยู่.. ให้ทุกคนฟัง.. เนื้อความเป็นการขอร้อง ให้ทุกคนช่วยดูแลผมแทนเธอ..
อย่าทอดทิ้งผม นั่นทำให้ผม น้ำตาไหลเป็นคนแรก ตามมาด้วยกลุ่มผู้หญิงในห้อง และ ครูประจำชั้น พวกเพื่อนผู้ชาย
มีเสียงหายใจฟืดฟาด.. น้ำตาคลอกันหมด.. ถึงแม้พวกเค้าจะไม่ได้ร้องให้เสียงดัง แต่ผมก็ดูออกว่า ทุกคนกำลังร้องให้
ให้กับกุ้ง.. และพร้อมจะทำตามคำขอ .. ผมพบกับช่วงเวลาที่ผมรอคอย ผมมีเพื่อน มีสังคม ทุกคนในห้องดูแลผมเป็น
อย่างดี พวกเราสามัคคีกันมาก หากมีงานการแข่งขันระหว่างห้อง ห้องของพวกเราจะได้รางวัลอันดับหนึ่งเสมอ..
ตลอดช่วง ม.6 .. กุ้งมีพระคุณต่อผมมากจริงๆ แต่ในทางกลับกัน ผมกลับทำอะไรให้เธอได้ไม่มากพอที่จะเท่ากับที่เธอ
ทำให้ผม.. เธอคือ นางฟ้า ของผม จริงๆ.. ไม่นานหลังจากนั้นผมก็เปิดจดหมายที่กุ้งให้ผมแล้วอ่าน.. เธอบอกผมว่า..

' เค.. กุ้งต้องขอโทษด้วยนะ.. กุ้งเป็นคนที่เห็นแก่ตัวจริงๆ ที่จริงกุ้งรู้ตัวนานแล้ว ว่าจะต้องไปในวันใดวันนึง
แต่ เค ทำให้กุ้งได้รู้จักความรู้สึกดีๆ จนกุ้งไม่สามารถที่จะต่อต้านความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เค ได้ไหว ทำให้กุ้ง.. บอกรักเคไป
และนั่นทำให้ในอนาคต ไม่วันใด ก็วันนึง กุ้งจะเป็นสาเหตุ ให้เคต้องอยู่เพียงคนเดียวลำพัง.. แถมยังอาจจะเหงามากด้วย..
กุ้งขอโทษเคจริงๆ กุ้งอยากบอกว่า ถ้าในอนาคต ที่ไม่มีกุ้งแล้ว กุ้งอยากให้เค อย่าปิดใจตัวเอง มันไม่มีประโยชน์หรอก
ที่จะขังตัวเองอยู่ในความรู้สึกที่ไม่ดีตลอดไป ถ้าเคทำแบบนั้น กุ้งจะร้องให้นะ...กุ้งอยากให้เค ค่อยๆ ค้นหา คนที่เค
คิดว่าใช่.. คนที่เคแน่ใจ ว่าเค้ารักเคจริง เหมือนที่กุ้งเคยรัก.. และเล่าเรื่องราวของกุ้งให้เค้าฟังด้วย ให้เค้าได้เข้าใจ
เรื่องราวของเรา.. อยากให้เคยิ้มและมีความสุข นี่คือคำขออีกข้อ ของกุ้ง หวังว่ามันจะไม่มากเกินไปจนเคทำไม่ได้..
กุ้งมีความสุขมาก ที่ได้อยู่ร่วมกับเค.. กุ้งชอบนิยายที่เคแต่ง และหวังว่าเคจะแต่งมันไปเรื่อยๆ แต่งให้คนๆ นั้นอ่านด้วยนะ
หวังว่าเค้าคงจะชอบนิยายเหมือนกุ้ง.. กุ้งมีเวลาน้อยเต็มที.. เมื่อเคอ่านจดหมายฉบับนี้กุ้งคงจะจากไปเรียบร้อยแล้ว..
สิ่งสุดท้ายที่อยากจะเขียนถึงเคคือ.. กุ้งรักเคมากนะ '

จากนั้นเป็นต้นมา.. ผมก็เริ่มต้นเขียนนิยาย.. ด้วยดินสอกด แท่งนั้น.. ผมเขียนชื่อเรื่องของนิยาย กว่า
20 เรื่อง ด้วยดินสอแท่งนี้ล่ะเพื่อที่จะให้มันเป็นตัวกระตุ้น.. ว่าผมจะต้องเขียนทั้งหมด ทุกเรื่องให้จบ.. แล้วค่อยๆ
แต่งมันไปทีละเรื่อง.. ปัจจุบัน ผมแต่งจบไปแล้ว 2 เรื่องและกำลัง โพสอยู่ในเวปหลายๆ เวป บางที่ก็นำมา Re - Write
และตั้งใจใว้ว่า จะแต่งใว้ให้ครบทุกเรื่อง.. ตามคำสัญญาที่ผมเคยให้ใว้กับเจ้าของเส้นผม ที่พันอยู่บนดินสอกดแท่งนี้.....



Create Date : 16 กรกฎาคม 2550
Last Update : 18 กรกฎาคม 2550 12:29:46 น. 1 comments
Counter : 360 Pageviews.

 
เศร้าจัง


โดย: hero1308 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:17:44:43 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คุณนายตระกูลี ฮูหยินตระกูลอู๋
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นู๋คลับ...เฮ้...มามาเล๊ย
Friends' blogs
[Add คุณนายตระกูลี ฮูหยินตระกูลอู๋'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.