<<
กันยายน 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
15 กันยายน 2564
 

XX3MyYdiary Part 7

7 ก.ย.
ผมนั่งไล่ดูรูปของวงเราในทวิตเตอร์  ยิ่งคอนเสิร์ตใกล้เข้ามา  งานโปรโมทก็ยิ่งถี่  แล้วดูเหมือนทุกงาน  ก็มีโมเม้นต์ของผมกับสาม ให้แฟนคลับเก็บรูปเอามาลงอวดกัน  หลายรูปที่เป็นมุมที่ผมกำลังสนใจอย่างอื่น  และมีสามอยู่ข้างๆ  มองผมด้วยดวงาเป็นประกายวิบวับตามมาด้วยคอมเม้นท์จำนวนมหาศาล  พูดถึงความน่ารัก ความเป็นคู่จิ้น  จิ้นที่แปลว่า จินตนาการ ที่แปลว่า มันไม่ใช่เรื่องจริง
พวกเขามีความสุขกับท่าทีของเรา 2 คน เพราะเขาแน่ใจว่า มันไม่จริง
แล้วถ้าวันหนึ่ง มันจริงขึ้นมา  พวกเขาจะยังรู้สึกว่านี่คือเรื่องน่ารักอยู่มั้ย  เขาจะคิดกันยังไง   ถ้าความจริงคือเรื่องตรงกันข้าม
ผมไม่ได้อยากแคร์ใครขนาดนั้น  แต่ไม่แคร์พวกเขาก็ไม่ได้  ความฝันตั้งแต่ผมยังเด็กมากๆ  ฝันที่จะได้อยู่บนเวทีใหญ่ ได้ร้อง ได้เต้น ได้ทำโชว์ให้ทุกคนมีความสุขไปกับผม  มันไม่มีวันเป็นจริงได้เลย  ถ้าไม่มีพวกเขา  แต่บางทีการมีพวกเขาให้ต้องแคร์แม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่สุด  มันก็ทำให้ผมเหนื่อย  สับสน  ไม่แน่ใจว่า ผมควรเป็นที่ตัวเองชอบ  หรือ ควรทำตัวอย่งที่เขาชอบ
ครั้งหนึ่ง ผมเคยลองพยายามเป็นแบบที่เขาชอบ  เพราะผม่ไม่อยากได้ยินว่า เขาเลิกชอบเพราะผมเปลี่ยนไป  ผมทำอยู่ได้ไม่นาน  ก็ต้องเลิกไปเอง  เพราะการเสแสร้งอย่างนั้น  แม้แต่ผม  ยังไม่ชอบตัวเองเลย  ผมแค่อยากให้ทุกคนที่เห็นผม สัมผัสผม มีความสุข  ผมก็ทำได้แค่  ส่งความสุขออกไปในแบบของผม
ถึงตอนนี้  ผมว่า  คนที่ยังเป็นแฟนคลับผม  ก็คงเข้าใจในสิ่งที่ผมเป็น  คนที่ไม่ชอบตัวตนของผมก็คงถอยกันไปมากแล้ว  แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่า  การที่ผมรักสาม  มันอยู่ในความเข้าใจของพวกเขาด้วยมั้ย
แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น  สามรักผมมั้ย  รักผมแบบเดียวกับที่ผมรักเขามั้ย
ผมเคยนึกอยากถาม  แต่ผมก็กลัวคำตอบ  ถ้าคำตอบคือใช่  แล้วเราจะคบกันแบบไหน  ต้องแอบซ่อนเรื่อยๆไป บอกใครไม่ได้รึเปล่า  ถ้าคำตอบคือ ไม่...  แค่จินตนาการว่าได้คำตอบนั้น  ผมก็เจ็บจนน้ำตาซึม  หากความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนไป  แล้ววงเราจะเป็นยังไง  ความฝันของผม  ความรักของผม  จะมีวันได้อยู่บนเส้นทางเดียวกันมั้ย
บางที  แค่อยู่กับความรู้สึกนี้ไปเรื่อยๆ มันอาจจะดีอยู่แล้วก็ได้  ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบมันเลย
ผมไม่คิดว่าผมแข็งแรงพอจะรับมือกับความรู้สึกสูญเสียขนาดน้นได้
สำหรับผมในเวลานี้  การได้มีความหวังเล็กๆว่าอาจจะได้มีเขาในสักวันหนึ่ง  ก็ดีกว่าอยู่กับความจริงว่า ไม่มีเขา  ไม่ว่าความหวังนั้น มัตะเลื่อนลอยแค่ไหนก็ตาม
ผมก็แค่ต้องเข้าใจ  รักได้ แต่ครอบครองเป็นเจ้าของไม่ได้
 
อีกแค่เดือนกว่าๆ  ก็จะถึงวันงานคอนเสิร์ตของวงเราแล้ว  แต่ผมกลับพลาด
ผมไม่ควรเสียสมาธิ  จนลงผิดท่า  นั่นทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ  และหมอบอกผมว่า ถ้าอยากขึ้นคอนิสิร์ต  ก็ต้องหยุดซ้อมเต้น 2 อาทิตย์  ผมแทบอยากจะร้องไห้  ทำไมต้องมาเกิดขึ้นตอนนี้  ผมอยากทำทุกโชว์ให้ดีที่สุด  ให้สมกับที่ทุกคนเสียสตังค์มาดูพวกผม  แต่ที่ผมทำได้ตอนนี้  คือ ซ้อมร้องเพลง  แล้วก็นั่งดูเพื่อนซ้อม Perform  หลายครั้งที่ผมพยายามลองเต้นเบาๆ  แต่สามมักจะหันมาเจอ  แล้วก็บอกให้ผมนั่งนิ่งๆ  ครั้งสุดท้ายที่ผมยอมนั่งนิ่งๆตามเขา  คือ เขาบอกว่า  ถ้าผมยังจะเต้นอีก  เขาจะจับผมมัดไว้กับเก้าอี้
ผมอึดอัดจนบอกไม่ถูก  หลายๆโชว์ที่เราเคยแยกซ้อมในส่วนของแต่ละคน  ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็เริ่มซ้อมเพื่อประกอบร่างให้เป็นโชว์เต็มๆ  แต่ผมกลับซ้อมไมได้  และผมก้ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีก  เมื่อมีการประชุม  แล้วทุกคนก็ตัดสินใจว่า จะต้องปรับโชว์บางอย่าง  เพื่อให้เหมาะที่ผมจะทำได้  และไม่เป็นภาระกับร่างกายจนเกินไป  ไม่มีใครอยากเสี่ยงให้ผมไปเจ็บบนเวที  จนแสดงต่อไม่ไหว
ทุกคนเป็นห่วงผม  ผมรู้  แต่ยิ่งรู้  มันก็ยิ่งรู้สึกแย่
 
คืนนั้น  ผมนั่งในห้องซ้อมคนเดียวอยู่เป็นชั่วโมงหลังจากทุกคนเลิกซ้อมกันหมดแล้ว  ผมเสียใจกับเรื่องนี้จริงๆ  ผมพลาดนิดเดียว  แต่มันทำให้ทุกคนต้องเหนื่อยกว่าเดิม  ต้องทำงานเพิ่ม  เพราะผม  ถึงผมรู้ว่า  หน้าที่ของผมคือทำใจและไปต่อ  การจมอยุ่กับความรุ้สึกผิดนี้มันไม่มีประโยชน์อะไร  แต่ผมก็ต้องการเวลาอยู่ดี
แต่ถึงจะดึกขนาดนั้นแล้ว  ตอนผมค่อยๆลงบันไดมาถึงข้างล่าง  ก็เจอสามอยู่ตรงประตูทางออก  สามเดินตามมาที่รถผมอย่างเงียบๆ  อยู่ๆผมก็รู้สึกว่า  ไม่ไหวแล้ว  ผมหันไปกอดสาม  กอดแน่ๆอย่างอยากจะหาที่พึ่ง  ซบหน้าลงกับบ่าเขา  แล้วผมก็ร้องไห้  สามกอดตอบผม  ลูบหลังผมเบาๆเหมือนจะปลอบใจ  นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกอ่อนแอลงไปอีก
สามดันไหล่ผมออก  ซับน้ำตาให้  แล้วถามผมว่า ไหวมั้ย
น้ำเสียงอย่างนั้น  แววตาอย่างนั้น  ชั่วแวบหนึ่งนั้น  ความอยากรู้ก็มีอำนาจมากกว่าความกลัว
ผมแนบปากกับปลายคางของสาม  เขาชะงักไปชั่วขณะ  แต่ก็ไม่ได้หลบ ไม่ผลักผมออก  เขายังกอดผมนิ่งๆอยู่อย่างนั้น  จนผมถอนริมฝีปากออกมา
“คุณต้องกลับไปพักแล้วนะ นี่มันเลยเวลานอนคุณมาเยอะแล้ว  ขับรถไหวมั้ย”
ผมพยักหน้า  รอยน้ำตายังชื้นอยู่ที่แก้ม  สามใช้นิ้วแตะเบาๆ  ก่อนเปิดประตูรถ ดันตัวผมเข้าไปนั่ง  เขาบอกผมว่า
“คุณไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น  เราทุกคนก็แค่ต้องทำไปตามสถานการณ์ ยังมีเช้าที่สดใสรอเราอยู่ทุกวันน่ะแหละ  เชื่อผม”
สามปิดประตูรถแล้วยังบอกให้ผมโทร.หาเขาด้วยตอนที่ผมถึงบ้านแล้ว
ผมนอนหลับสนิทจนเลยเวลาที่ตั้งใจจะตื่น  ถึงจะเลยเวลาเช้าไปมากแล้ว  แต่อากาศก็ยังสดใส  สดใสเหมือนแววตาของสาม  อบอุ่นเหมือนอ้อมกอดของสาม
ความหลังในใจผม  ส่งแสงเรืองรองพอๆกับแสงที่ส่องลอดม่านเข้ามาในห้องผม


Create Date : 15 กันยายน 2564
Last Update : 15 กันยายน 2564 0:31:08 น. 0 comments
Counter : 615 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com