วลีวิไล
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
15 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add วลีวิไล's blog to your web]
Links
 

 
บทที่ 8 ผ้าห่มอุ่นรัก




ในที่สุดก็อัพแล้ว ^___^





วัยรุ่นหนุ่มสาวภายใต้การนำของมิล่าถูกแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม กลุ่มแรกทำหน้าที่หาไม้แห้งมาทำฟืน สมาชิกส่วนใหญ่จึงเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างกำยำแข็งแรง มีสาวๆ บ้างแต่ก็เป็นสาวน้อยร่างใหญ่พอที่จะทำงานแบกหามได้ กลุ่มที่สองทำหน้าที่หาเปลือกไม้ สมาชิกเป็นเด็กโตที่รู้จักเส้นทางในป่าและรู้จักต้นไม้ชนิดต่างๆ ที่จะนำมาทำสีย้อมผ้า กลุ่มที่สามหาไม้ไผ่มาทำราวสำหรับตากผ้า ส่วนกลุ่มสุดท้ายทำหน้าที่จัดหาอาหารสำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็น แต่ละคนที่อยู่กลุ่มนี้แค่เห็นรูปร่างก็รู้ได้เลยว่าทำไมเลือกที่จะเป็นฝ่ายจัดหาเสบียง

“กลุ่มสุดท้ายนี่ ... อวบระยะสุดท้ายกันทั้งนั้น” มิล่ากระซิบบอกมีร์ แต่ดูเหมือนคนในบริเวณนั้นจะได้ยินกันหมด

“โอ๊ย คุณพี่มิล่าขา คุณพี่สวยมาก ผอมมาก หุ่นดีมากนะคะ” ใครคนหนึ่งในหมู่แม่ครัวรุ่นเยาว์โวยวาย หุ่นตุ้ยนุ้ยกับแก้มยุ้ยตาหยีขัดกับเสียงเล็กๆ ราวกับมาจากคนละคน

“ของมันแน่อยู่แล้ว ... ใช่ไหมคะพี่มีร์” มิล่าตอบอย่างมั่นใจแล้วหันไปพยักพเยิดกับ ‘คนหล่อ’ ซึ่งได้แต่ยืนยิ้มแหยๆ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

“รีบไปกันดีกว่ามั้ยคะพี่มิล่า จะได้มีเวลาทำงานมากๆ อย่าลืมว่าเราต้องกลับมามัดลายผ้าและย้อมสีผ้าให้เสร็จอีกนะ พวกหาฟืนเค้าไปโน่นกันแล้ว” หนึ่งในทีมหาเปลือกไม้โพล่งออกมาเมื่อเห็นท่าทางมิล่าจะโปรยยิ้มหวานให้หนุ่มน้อยหน้ามนมากจนเกินเหตุ มิล่าหันไปมองก็พบว่ากลุ่มหาฟืนเดินนำไปแล้ว

“ตายแล้ว ไม่ได้ๆ เดี๋ยวงานช้าเพราะกลุ่มเราจะเสียชื่อมิล่าหลานสาวคนสวยของนายบ้าน เรารีบไปกันเถอะค่ะนายน้อย พี่มีร์มานี่เร็วค่ะ ตามมิล่ามาเร้ว..ว..ว..”

มิล่านำกลุ่มเดินลัดถนนเข้าไปในเขตหุบเขา ทั้งมีร์และศวัสธรซึ่งเลือกเข้ากลุ่มนี้เพราะอยากรู้เรื่องการเลือกไม้มาทำสีย้อมผ้าต่างก็เดินตามไปเงียบๆ เสียงหนุ่มสาวเดินคุยกันเบาๆ ถึงสิ่งที่ตัวเองจะทำให้พ่อแม่ทำให้ศวัสธรสนใจฟังเป็นพิเศษ

ทั้งหมดเดินกันไปเรื่อยๆ ไปตามทางรกชัฏ กิ่งไม้และหญ้าป่าที่ขึ้นสูงเป็นอุปสรรคในการเดิน แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ยากลำบากมากนัก หนุ่มน้อยสองคนที่เดินแซงมิล่าขึ้นไปเพื่อทำหน้าที่กรุยทางใช้มีดลักษณะคล้ายกริชคมกริบฟันกิ่งไม้และใบหญ้าที่รกเรื้อพอเป็นช่องทางให้เดินได้สะดวก ศวัสธรและมีร์เดินถัดจากมิล่าตามด้วยวัยรุ่นชายหญิงอีกสามสี่คน

ระหว่างทางมิล่าก็ชี้ชวนให้ดูต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา อธิบายว่าคือต้นอะไร ใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง มีพืชหลายชนิดที่มีสรรพคุณทางยา ซึ่งมีร์และศวัสธรเองก็ไม่ทราบมาก่อน ทั้งสองจึงฟังอย่างตั้งใจมาก

เมื่อทั้งหมดเดินมาถึงทางแยก มิล่าให้กลุ่มชายหนุ่มที่เดินนำหน้าแยกไปทางซ้ายซึ่งเป็นทางขึ้นเขา กลุ่มที่ตามหลังมามีสาวๆ มากหน่อยเดินตรงไปด้านหน้าซึ่งน่าจะเป็นทางที่เดินสบายที่สุด ส่วนตนเองนำทางศวัสธรและมีร์ลงเขาไปด้านล่าง ไม่เหนื่อยในการที่ต้องต้านแรงโน้มถ่วงของโลกแต่ลำบากตรงที่จะต้องทรงตัวให้ดี ไม่เช่นนั้นก็อาจจะลื่นไถลลงไปด้านล่างได้

“แว้กกกกกก”

เสียงร้องของมีร์ดังไปทั่วป่า เมื่อเจ้าตัวเล็กก้าวพลาดเพียงนิดเดียวหากยังผลให้ลื่นล้มก้นจ้ำเบ้า ร่างเล็กยังไม่ทันลื่นไถลลงไปตามทาง ดีที่ศวัสธรคว้าข้อมือไว้ได้ทัน

“กำลังจะบอกพี่มีร์อยู่เชียวค่ะว่าให้ระวังเพราะพื้นดินแห้งแบบนี้มันค่อนข้างลื่น”

“ขอบใจนะมิล่า ดีที่ไม่บอกซะตอนพี่ลงไปอยู่ข้างล่างโน่น” มีร์แกล้งกัดเบาๆ แบบไม่ได้โกรธเคืองอะไร มิล่าหัวเราะแหะๆ ทำตาเล็กตาน้อย

“โถ พี่มีร์ มาๆๆ เดี๋ยวมิล่าปัดกางเกงให้”

“ไม่ต้องๆ พี่ปัดเองได้”

มีร์ร้องลั่นรีบจัดการกับกางเกงที่เปื้อนฝุ่นของตนเอง ศวัสธรส่ายพระพักตร์เมื่อเห็นสองคนวุ่นวายกันไม่เลิก รัชทายาทแห่งปุระตาราดำเนินลงไปตามแง่งหินเพื่อให้ฉลองพระบาทสามารถยึดพื้นไว้ได้ โดยมีเด็กคลุกฝุ่นไต่ตามลงไปติดๆ ส่วนมิล่านั้นแทบไม่ต้องเป็นห่วง แม้เด็กสาวจะมีรูปร่างอวบท้วมหากการทรงตัวกลับดีเยี่ยม ไต่ตามลงไปอย่างคล่องแคล่วว่องไวด้วยความเคยชินกับพื้นที่

เพียงครู่เดียวเมื่อลงไปถึงพื้นด้านล่าง ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากขึ้นอยู่ในระยะห่างกันพอประมาณ มิล่าสอดส่ายสายตาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินตรงไปยังไม้ยืนต้นขนาดความสูงราวห้าเมตรซึ่งอยู่ข้างทาง ไม้ต้นนั้นมีกิ่งก้านไม่มากนัก ใบเป็นรูปรีคล้ายรูปไข่ปลายออกแหลมๆ มนๆ

“เฮ้ มิล่าทำอะไรน่ะ ไปถากต้นไม้แบบนั้นมันมิตายหรอกหรือ” มีร์ร้องถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสาวน้อยมิล่าใช้มีดคมกริบฟันฉับๆ ลงบนเปลือกไม้

“เราต้องการเปลือกไม้ เอาไปใช้เป็นสีย้อมผ้าไงคะ”

“อ้าว เหรอ ... ทีแรกนึกว่าเก็บจากที่มันแห้งตายแล้วซะอีก”

มีร์ออกอาการเขินที่ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มออกไป มิล่าส่งยิ้มหวานให้ “สดๆ นี่แหละค่ะ สีสดและติดทนนาน”

“นี่มันต้นอะไรหรือ” คนอยากรู้ยิงคำถาม

“ลิ้นฟ้าค่ะ” มิล่าตอบ แล้วอธิบายต่อ “เป็นพืชสารพัดประโยชน์ เมล็ดใช้ทำยาแก้ไอ ยาระบาย ส่วนเปลือกก็ใช้ผสมกับสุราเป็นยาทาแก้ปวด ฟกช้ำ นอกเหนือจากที่เราจะเอาไปย้อมผ้าให้เป็นสีเขียว”

มีร์ชะโงกหน้าไปดูเปลือกไม้ที่ตกลงบนผ้าใบผืนใหญ่ที่มิล่าปูเอาไว้ที่โคนต้นก็พบว่าเปลือกไม้ที่ชื่อว่าลิ้นฟ้านั้น มีเนื้อในสีเหลืองอมเขียว ดูสว่างสดใส ลองเอานิ้วแตะดูก็มีสีเหลืองติดมือมาด้วย

“เอ้า ซนได้อีกนะเจ้า”

ศวัสธรซึ่งประทับอยู่ใกล้ๆ ซัดผัวะเข้าให้ที่หลังมือ มีร์รีบชักมือกลับ หน้างอหงิก “จับแค่นี้ก็ไม่ได้”

“นี่ไม่ใช่ของเล่น ยื่นมือไปอย่างนั้นหากพลาดพลั้งมีดเหวี่ยงมาโดนเข้าจะเป็นอย่างไร” เจ้าชายเอ็ด แต่พอทอดพระเนตรนัยน์ตาซุกซนแสนจะเอาเรื่องของอีกฝ่ายก็ทรงดำริบางอย่างขึ้นในฉับพลัน “เอาล่ะ ไหนๆ ก็มือเปื้อนแล้ว จะลองทำดูบ้างไหมล่ะ”

เด็กคลุกฝุ่นฉีกยิ้ม ด้วยเห็นเป็นเรื่องน่าสนุก รีบพยักหน้าหงึกๆ จนคนเอ่ยคำอนุญาตต้องกลับมาใคร่ครวญในใจ ... คิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ ...

“มิล่า ขอยืมมีดของเจ้าให้มีร์หน่อยสิ”

เด็กสาวยิ้มให้ก่อนจะยื่นมีดส่งให้ มือเล็กบางที่ดูเหมือนจะไม่เคยผ่านงานหนัก จับด้ามมีดเงื้อจนสุดเอื้อมยังผลให้ศวัสธรรีบคว้าข้อมือเล็กๆ นั้นไว้

“ใครใช้ให้เจ้าเงื้อซะสูงขนาดนั้น แค่ระดับนี้ก็พอ” ว่าแล้วก็ทรงโอบไหล่จากด้านหลัง สองพระหัตถ์กระชับสองมือเรียว แล้วช่วยกำกับว่าควรยกสูงขึ้นเพียงไม่เกินไหล่ จากนั้นฟันฉับลงบนเปลือกไม้ เพียงพลิกข้อมือก็สามารถงัดให้เปลือกไม้หนาฉีกออกจากลำต้น ฟันอีกสองสามครั้งเปลือกไม้ส่วนนั้นก็หล่นลงผ้าใบที่รองรับอยู่กับบนพื้น

ไออุ่นจากร่างกายที่ทาบอยู่ด้านหลังทำให้มีร์ต้องกลั้นหายใจ นึกภาวนาให้ใจของตัวเองไม่สั่นเพราะหวั่นไหว แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ ยังคงจับข้อมือเตรียมจะฟันเปลือกไม้ต่อไปอีก

“นี่ท่าน สอนแค่นี้ก็ทำเป็นแล้ว” มีร์กลั้นใจบอกออกไป ยังผลให้ข้อมือถูกคลายออกโดยพลัน

“งั้นก็ทำต่อไป เราจะลองไปหาเปลือกไม้จากต้นอื่นๆ ทางด้านโน้น” ศวัสธรรับสั่ง “แล้วก็ดูให้ดีๆ ล่ะ ฟันลงไปพอประมาณ เมื่อเจอเนื้อไม้ขาวๆ ก็ให้หยุด เข้าใจหรือไม่”

มีร์พยักหน้า

“ตอบ!” ศวัสธรตรัสเสียงดัง จนอีกฝ่ายตอบกลับแทบจะทันควัน

“รับทราบครับ”

“อีกอย่าง ... ลอกเปลือกแต่ละต้นแค่พอประมาณ ไม่ต้องเอาออกมาทั้งหมด เดี๋ยวต้นไม้จะตายซะก่อน”

“ครับ!!” มีร์รับคำเสียงดังกว่าเดิม

คนตัวโตเดินจากไปแล้ว คนตัวเล็กยังคงสนุกกับการฟันเปลือกไม้ จนได้ปริมาณพอสมควรจึงก้มลงไปเก็บเปลือกไม้ใส่ถุงที่เตรียมไว้

“พี่มีร์คะ” มิล่าร้องเรียก พร้อมยื่นกระบอกไม้ใส่น้ำเต็มเปี่ยมมาตรงหน้า “เอาน้ำนี่ราดลงไปบนดิน แล้วเอาขี้เลนป้ายตรงที่เราฟันเปลือกไม้ ป้ายให้ทั่วเลยนะคะ”

“ทำไปทำไมหรือมิล่า”

“รักษาเนื้อไม้ค่ะ เป็นความเชื่อที่คนโบราณทำกันมา เหมือนเราเป็นแผลก็ทายาใช่ไหม นี่เราไปฟันเขาจนเป็นแผลก็ต้องทายาให้”

มีร์อมยิ้มกับความเชื่อของชาวบ้าน ไม่ว่าในความเป็นจริงวิธีการนี้จะมีส่วนช่วยให้ต้นไม้หายเจ็บหายป่วยหรือไม่ แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาจากความคิดและการกระทำของคนเหล่านี้คือความอ่อนโยน มีเมตตา และกตัญญูรู้คุณ



====================================================================



วัยรุ่นหนุ่มสาวที่ไปหาไม้ไผ่ ฟืน และเปลือกไม้ทยอยกันกลับมาที่ลานกลางบ้าน กลุ่มเด็กหนุ่มช่วยกันจัดการกับก้อนหินใหญ่ซึ่งนำมาตั้งเป็นสามเส้า แล้วนำฟืนที่หามาได้ก่อเป็นกองไฟ ถังขนาดใหญ่บรรจุน้ำสะอาดถูกยกมาตั้งบนเตาสามเส้า ระหว่างรอให้น้ำเดือดหนุ่มสาวก็ช่วยกันสับเปลือกไม้ที่ได้มาให้ละเอียด มีร์สังเกตเปลือกไม้ที่กลุ่มอื่นหามามีสีออกแดงเข้มบ้าง สีส้มจัดคล้ายหมากสุกบ้าง มิล่าเห็นอาการสนใจของคนรูปหล่อจึงอธิบายให้ฟังว่า เปลือกไม้แต่ละชนิดให้สีต่างกันอย่างไร
“นอกจากสีสันที่เราสามารถกำหนดได้จากเปลือกไม้ที่เลือกใช้ เรื่องลวดลายของผ้าเราก็จะกำหนดกันเองค่ะ ที่มิล่าไม่แบ่งให้มีกลุ่มคนมัดลายผ้าก็เพราะแต่ละคนต่างก็ต้องการที่จะคิดลายของตัวเอง เดี๋ยวระหว่างที่เราต้มเปลือกไม้ซึ่งต้องทิ้งเอาไว้จนเดือดจัดเพื่อให้สีออกมามากที่สุด เราก็จะมีเวลาที่จะมัดลายผ้าค่ะ ผ้าแต่ละผืนจะมีลายไม่เหมือนกัน เป็นสิ่งพิเศษที่เราสร้างขึ้นมาด้วยมือเราเอง”

“อย่างนี้ก็เรียกได้ว่ามีชิ้นเดียวในโลกเลยสิ”

“ใช่ค่ะ ของขวัญชิ้นเดียวในโลกที่เราจะมอบให้คนที่เรารักที่สุดคือพ่อกับแม่ของเราเอง”

“ดีจัง” มีร์พึมพำ รอยยิ้มระบายเต็มหน้า “พี่อยากทำบ้าง แต่ไม่มีผ้า”

มิล่าฉีกยิ้มกว้างบอกให้มีร์ช่วยสับเปลือกไม้ไปก่อนแล้วตัวเองก็วิ่งตื๋อออกไป ครู่ใหญ่มิล่าก็กลับมาพร้อมผ้าสองผืน ซึ่งดูยังไงก็คงไม่สามารถนำมาทำผ้าห่มได้

“มีผ้าที่ใช้ทำผ้าพันคอเหลืออยู่ค่ะ นี่สำหรับพี่มีร์” มิล่าส่งผ้าในมือให้มีร์หนึ่งผืน

“แล้วผืนนั้นล่ะ” คนที่เพิ่งรับผ้ามาไว้ในมือถามอย่างรวดเร็ว

“ของนายน้อยค่ะ เดี๋ยวมิล่าเอาไปให้นายน้อยก่อนนะคะ” ว่าแล้วแม่สาวน้อยผู้ร่าเริงก็เดินตรงไปหาศวัสธรซึ่งกำลังทรงงานอยู่กับกลุ่มหนุ่มๆ ที่กำลังทำราวตากผ้าจากไม้ไผ่อยู่อีกด้านหนึ่ง



====================================================================



อาหารมื้อกลางวันฝีมือแม่ครัวยุวชนถูกจัดการอย่างรวดเร็ว ด้วยความหิวบวกกับความเหน็ดเหนื่อยของทุกคนทำให้เจริญอาหารกันมาก เหล่าบรรดาแม่ครัวมือยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ด้วยความภูมิใจในฝีมือ

เสร็จจากอาหารแล้ว ก็ได้เวลาที่จะนำผ้ามามัดลาย แต่ละคนเตรียมอุปกรณ์กันมาหลากหลาย ที่มีกันทุกคนก็คือกิ่งไม้กับเชือกป่านสำหรับมัดผ้า มิล่าสอนให้มีร์เข้าใจหลักการง่ายๆ ของการมัดย้อม นั่นก็คือ สีที่ใช้ย้อมจะไม่ซึมเข้าไปในผ้าส่วนที่ถูกมัด ดังนั้นลวดลายที่เกิดขึ้นก็จะมาจากการมัดผ้าในรูปแบบต่างๆ ซึ่งไม่มีข้อกำหนดตายตัว ใครอยากออกแบบลวดลายอย่างไรก็สามารถทำได้

มีร์หยิบผ้าฝืนขนาดกว้างเท่าสองฝ่ามือยาวประมาณเมตรครึ่ง ที่ได้มาจากมิล่านำมาพับตามยาวแบบสลับฟันปลาแล้วใช้เชือกมัดเป็นปล้องตามขวาง

“ลายอะไรคะพี่มีร์”

“พี่หวังว่ามันจะออกมาเป็นตาราง”

มีร์ตอบพลางมองไปที่ผลงานของตัวเองอย่างไม่มั่นใจนัก

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ มิล่าเชื่อว่าต้องออกมาสวยแน่ๆ ก็พี่มีร์เป็นคนทำนี่นา”

รอยยิ้มให้กำลังใจของสาวน้อยร่างอวบทำให้มีร์มั่นใจมากขึ้น มัดผ้าต่อไปเรื่อยๆ จากด้านหนึ่งไปจนสุดอีกด้าน ก่อนจะนำไปหย่อนลงในถังน้ำสีจากเปลือกไม้ซึ่งเดือดพล่านอยู่บนเตาสามเส้า

“อีกนานไหมกว่าจะเอาออกได้” มีร์ถามเด็กสาวที่ใช้ไม้ยาวกดผ้าลงไปจนจมน้ำสี ไอร้อนระอุขึ้นมาปะทะผิวหน้า หากอากาศที่หนาวเย็นเป็นทุนเดิมทำให้เด็กคลุกฝุ่นรู้สึกว่าความร้อนจากเปลวเพลิงในเตาไม่รุนแรงเท่าที่ควรจะเป็น

“เราต้องต้มจนสีเข้าเนื้อค่ะ อย่างน้อยก็สักสองสามชั่วโมง เสร็จแล้วก็นำมาล้าง ถ้าเรานำผ้าที่ต้มแล้วไปใส่ในถังน้ำด่างจากขี้เถ้าจะทำให้สีที่ได้ต่างจากล้างด้วยน้ำเปล่า ถมยังทำให้สีติดทนนานด้วยค่ะ” เด็กสาวอธิบาย

มีร์ช่วยสาวๆ อยู่สักพักใหญ่ มิล่าก็เดินยิ้มแป้นมาหา

“พี่มีร์คะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ระหว่างรอให้สีเข้าเนื้อผ้า...สนใจไปดูพระอาทิตย์ตกกันมั้ย”

“ที่ไหนเหรอ” มีร์ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“หน้าผาอีกฟากหนึ่งค่ะ นั่งรถไปใช้เวลาไม่นาน ที่นั่นมีวิวสวยๆ ให้ถ่ายรูป แล้วก็มีวัดถ้ำ ไปไหว้พระกันนะคะ”

มีร์เหลียวซ้ายแลขวามองหาใครอีกคนเพื่อถามความเห็น มิล่าพอจะเดาออกว่าพ่อรูปหล่อของหล่อนมองหาใครจึงรีบรายงานทันที

“นายน้อยรออยู่ที่รถแล้วค่ะ ที่มิล่ามาตามนี่ก็เป็นคำสั่งนายน้อยค่ะ”

“สั่งอีกแล้ว พี่ไม่ไปได้มั้ย” คนไม่ชอบถูกสั่งถามเสียงขุ่น

“ไปเถอะค่ะพี่มีร์ คิดซะว่าไปเที่ยวกับมิล่านะคะ” สาวน้อยว่าพลางก็ฉีกยิ้มหวานเยิ้ม มีร์ยักไหล่ก่อนจะเดินตรงไปยังทิศทางที่รถจอดอยู่



====================================================================



จุดชมพระอาทิตย์ตกที่มิล่าพูดถึงเป็นภูผาอีกด้านหนึ่งซึ่งใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ไม่เกินยี่สิบนาที หลังจากจอดรถไว้บริเวณลานแคบๆ ขนาดพอจอดได้สักสองสามคันเด็กสาวอารมณ์ดีก็เดินนำหน้าศวัสธรและมีร์พาเดินไปตามทางเล็กๆ ที่สองฟากเต็มไปด้วยต้นไม้ใบครึ้ม ถนนขรุขระคล้ายลูกรังไปจบลงตรงทางขึ้นเขาสูงชัน ป้ายด้านหน้าบริเวณนั้นเขียนด้วยตัวอักษรโย้เย้ประสาชาวบ้าน “ผาตะวันลับ”

มีร์แหงนมองบันไดที่สกัดจากหินก้อนใหญ่ ทำกันง่ายๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคนที่ต้องการขึ้นไปบนจุดชมพระอาทิตย์ตก ความสูงชันของมันทำให้คนตัวเล็กแอบทอดถอนใจ

“เป็นไง แหยงล่ะสิ”

ศวัสธรแสร้งรับสั่ง แน่นอนว่าได้ผล คนที่ดูเหมือนจะถอดใจกับความสูงรีบส่งเสียงออกมมาทันที

“ใครแหยงกันขอรับท่าน แค่นี้เอง โธ่เอ๊ย จิ๊บจิ๊บ”

“ใช่ค่ะพี่มีร์ มิล่าคิดว่าคนหล่อและแข็งแรงอย่างพี่มีร์จะต้องเดินขึ้นไปได้อย่างสบายๆ ไม่ทันเหนื่อยหรอกใช่ไหมคะสามร้อยหกสิบห้าขั้นแค่นี้เอง”

“หา!!! มิล่า ว่ายังไงนะ ... สะ สามร้อย ... หกสิบห้าขั้น ... พูดเป็นหนังการ์ตูนไปได้ ...”

มีร์ร้องลั่นตาเหลือก อยากจะทรุดลงไปเดี๋ยวนั้น โอ...สามร้อยหกสิบห้าขั้น ... กว่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ตก คนที่ปีนขึ้นไปจะตกลงมาก่อนพระอาทิตย์มั้ย

“ไม่พูดเล่นหรอกค่ะพี่มีร์ สามร้อยหกสิบห้าขั้น เท่าจำนวนวันในหนึ่งปีพอดีเป๊ะเลย” มิล่าตอบ ฉีกยิ้มหวานจนตาหยี “สบายมากใช่ไหมคะ”

“สบาย...สบายมาก” มีร์กัดฟันตอบเพื่อรักษาฟอร์ม เมื่อเหลือบไปเห็นคนตัวโตยืนอมยิ้มอยู่ใกล้ๆ ทั้งที่ความจริงในใจกำลังคิดว่าทำไมหนึ่งปีถึงไม่มีสักร้อยวัน

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องรอช้า ขึ้นไปเลยดีกว่า จะได้ทันเวลาพระอาทิตย์ตก” เจ้าชายรัชทายาทรับสั่งเสียงเรียบ ก่อนจะทรงผายพระหัตถ์ มิล่าเดินนำขึ้นไปเป็นคนแรก มีร์ก้าวตาม และศวัสธรเสด็จปิดท้ายขบวน



====================================================================



บันไดหินสกัดค่อนข้างสูงชันแถมยังคดเคี้ยว ชาวบ้านนำกิ่งสนมาทำเป็นราวบันไดอย่างง่ายๆ เพื่อใช้ยืดเป็นหลัก แน่นอนว่ามีร์ได้ใช้บริการโหนราวบันไดอย่างเต็มที่ เดินขึ้นไปสักร้อยขั้นก็มีจุดพักเป็นลานเล็กขนาดนั่งได้สักสองถึงสามคน เด็กคลุกฝุ่นลงไปนั่งหอบ ไม่สนใจว่าจะมีต้นหญ้าขึ้นรกอยู่รายรอบ

“ประเดี๋ยวก็คันหรอกมีร์ หญ้าทั้งนั้น”

“ก็มันเหนื่อยนี่ท่าน โหย...เหลืออีกตั้งสองร้อยกว่าขั้นเชียวนะ ขอพักนิดนึงเหอะ” มีร์ว่าพลางเทน้ำในกระบอกลงคออั้กๆ ดื่มรวดเร็ว

“เอ้า ดูทำเข้า ประเดี๋ยวก็สำลักกันพอดี”

ไม่ทันขาดคำคนที่ถูกพูดถึงก็สำลักน้ำพรวดออกมา ไอแค้กๆ จนหน้าแดงก่ำไปหมด มิล่าแทบจะถลาเข้าไปลูบหน้าลูบหลังด้วยความเป็นห่วง

“พี่มีร์เป็นไงบ้าง ให้มิล่าช่วยมั้ยจ๊ะ”

“ไม่เป็นไร สำลักแค่นี้เอง” มีร์รีบโบกมือห้าม ด้วยไม่ประสงค์จะให้เด็กสาวมาถูกเนื้อต้องตัวมากจนเกินไป “ขอผ้าสะอาดสักผืนมาเช็ดหน้าก็พอ”

มิล่ายังไม่ทันได้หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนออกจากกระเป๋า ก็ปรากฏผ้าสีเข้มส่งมาให้ตรงหน้าคนที่เพิ่งเอาน้ำล้างหน้าตนเองไปเมื่อครู่ ที่แท้มือใหญ่นั้นเป็นของศวัสธร

“สะอาด ยังไม่ได้ใช้” ทรงรับสั่งเมื่อเด็กคลุกฝุ่นเงยหน้าขึ้นสบตา “รับไปสิ”

มีร์ทำท่าลังเลอยู่เสี้ยววินาที ในที่สุดก็ยื่นมือออกไปรับ “ขอบคุณครับ”

เช็ดหน้าเช็ดตาเสร็จแล้ว ทั้งสามก็เคลื่อนขบวนต่อไปยังจุดหมาย การเดินเริ่มช้าลงด้วยความล้า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะศวัสธรทรงเผื่อเวลาเดินทางเอาไว้แล้ว เมื่อขึ้นไปถึงบริเวณจุดชมพระอาทิตย์ตกดินจึงยังเหลือเวลาอีกราวสิบห้านาที

“มิล่า อยากถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไหม”

เจ้าชายรัชทายาททรงรับสั่งถาม สาวน้อยอารมณ์ดีเบิกตาโตแล้วยิ้มกว้าง

“นายน้อยจะถ่ายให้หรือคะ โอ๊ย มิล่าดีใจ จะมีรูปถ่ายสวยๆ แล้ว”

ศวัสธรทรงแย้มพระสรวล ด้วยเอ็นดูเด็กสาวผู้นี้นัก เสียดายเด็กฉลาด มีน้ำใจ แต่ไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนสูงๆ หากเป็นไปได้พระองค์จะหาทางให้มิล่าและเยาวชนในหมู่บ้านได้เรียนต่อเมื่อจบชั้นมัธยมปลาย แต่หากจะให้เงินเปล่าๆ คงจะง่ายเกินไปและดูไร้ค่า อาจจะต้องตั้งเป็นกองทุนให้เป็นทุนไปเรียนแล้วกลับมาพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของตนเอง ... กองทุนเช่นนี้ควรมีไว้สำหรับนักเรียนทั่วประเทศ ...

“พี่มีร์มาถ่ายรูปด้วยกันเร้ว..ว..” มิล่าตะโกนเสียงใส ยังผลให้เจ้าชายทรงผินพระพักตร์ไปทอดพระเนตรคนถูกเรียก

มีร์เดินมายืนเต๊ะจุ๊ยวางมาดเท่สูดลมหายใจเข้าแล้วกอดอกอย่างผึ่งผาย เด็กสาวยืนเคียงข้างยิ้มกว้างราวกับจะให้เห็นฟันครบสามสิบสองซี่ สองคนแอ็คท่าถ่ายรูปโดยมีเจ้าชายรัชทายาทเป็นช่างภาพกิตติมศักดิ์ นั่งบ้างยืนบ้าง หันหน้าหันข้างเป็นที่สนุกสนาน

“นายน้อยถ่ายรูปบ้างไหมคะ มิล่าเป็นตากล้องให้เอง”

ศวัสธรทรงส่งกล้องในพระหัตถ์ให้เด็กสาว ทรงสอนวิธีใช้อย่างง่ายๆ มิล่าพยักหน้าหงึกหงักประหนึ่งเข้าใจเป็นอย่างดี ก่อนจะถอยห่างจากรัชทายาทไปตั้งหลักตรงที่มั่น

“พี่มีร์ ถ่ายคู่”

เสียงเรียกนั้นทำให้มีร์สะดุ้งโหยง

“ไม่ต้องก็ได้มั้ง” มีร์ว่า หากเสียงทรงอำนาจของอีกคนดังขึ้น

“มาสิ”

นั่นทำให้มีร์ต้องเดินไปยืนข้างนายน้อย เสียงมิล่าร้องบอกให้ยืนชิดๆ หน่อย แต่มีร์ก็ยังเว้นระยะห่าง มิล่ายังไม่พอใจไม่ยอมกดชัตเตอร์ ศวัสธรจึงทรงคว้าหมับเข้าที่หัวไหล่แล้วรั้งร่างเล็กกว่าเข้ามาประชิดตัว

“แชะ แชะ แชะ”

มิล่ากดชัตเตอร์อย่างสนุกมือ ศวัสธรทรงแย้มพระสรวลกว้าง ขณะที่คนโดนโอบไหล่ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรถูก จึงได้แต่ฉีกยิ้มบ้าง แยกเขี้ยวบ้าง แม้แต่ทำหน้าทะเล้นก็ยังมี

ถ่ายรูปเสร็จแล้ว มีร์ก้าวเดินฉับๆ ไปหาที่นั่งรอดูพระอาทิตย์ลับฟ้าบนโขดหินใหญ่โดยมีมิล่าตามไปนั่งใกล้ๆ ขณะที่ศวัสธรทรงเลือกที่จะแยกไปประทับ ณ โขดหินอีกก้อน ทรงเลือกทำเลนี้ด้วยทรงเล็งเห็นบางสิ่งซึ่งมีร์และมิล่ามิได้นึกถึง

แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหมดลงแล้ว เมื่อสุริยาดวงกลมโตสีส้มค่อยๆ เคลื่อนหายลับไปกับเหลี่ยมภูผา ศวัสธรบันทึกภาพงามนั้นไว้ด้วยกล้องดิจิตอลคู่พระหทัย ทรงเหลือบทอดพระเนตรคนตัวเล็กซึ่งนั่งทอดสายตาไปสุดขอบฟ้า เสี้ยวหน้าด้านข้างได้รูป จมูกปากสวยรับกันราวช่างปั้นจากสวรรค์สรรสร้างมา

เสียงชัตเตอร์ที่ดังระรัวจนผิดสังเกตทำให้มีร์หันมามองที่มาของเสียง เป็นจังหวะเดียวกับที่ศวัสธรทรงเก็บกล้องพอดี

“นายน้อยทำอะไรครับ”

“ถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน เจ้าข้องใจสิ่งใดหรือ”

“เปล่านี่ ก็แค่ถาม” มีร์บ่นอุบอิบ

“ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ ยังมีงานรออยู่ ใช่ไหมมิล่า”

เจ้าชายทรงผินพระพักตร์ไปยังเด็กสาวซึ่งนั่งมองพระอาทิตย์ตกอยู่ใกล้ๆ กับที่มีนั่งอยู่ มิล่าฉีกยิ้มกว้างก่อนจะตอบ “ใช่ค่ะนายน้อย งานใหญ่เสียด้วยซีคะ”

ว่าแล้วเด็กสาวร่างอวบก็หยิบไฟฉายกระบอกเล็กออกมาจากกระเป๋าผ้าที่สะพายพาดบ่ามาด้วย เปิดสวิทช์แล้วสาดแสงไฟเดินนำกลับไปตามทางเดิมที่ปีนขึ้นมา ศวัสธรทรงหยิบไฟฉายที่ทรงพกมากับสนับเพลาส่องไฟเพิ่มให้อีกดวง มีร์หันไปมองแล้วนึกชมทั้งสองคนที่เตรียมพร้อมกันดีแท้ มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่ไม่ได้คิดจะตระเตรียมอะไรมาเลย



====================================================================



เมื่อทั้งสามกลับมาถึงลานทำผ้าห่มก็พบว่าเข้าสู่ช่วงที่ผ้าย้อมสีต้มนานจนได้ที่ วัยรุ่นหนุ่มสาวช่วยกันนำผ้าร้อนจัดออกจากเตา ใส่ลงไปในถังน้ำด่างหยุดการทำงานของสีธรรมชาติ จากนั้นนำผ้าไปแกะลายที่มัดไว้ ซักน้ำสะอาดอีกครั้งก่อนจะนำมาตากบนราวไม้ไผ่ ซึ่งแม้จะสร้างไว้เพื่อการใช้งานชั่วคราวแต่ก็แข็งแรงรับน้ำหนักได้ดี

“เราจะรอจนผ้าแห้งค่ะ คงจะเป็นช่วงสายๆ ของวันพรุ่งนี้ จากนั้นเข้าสู่งานสุดท้ายคือการยัดเส้นใยแล้วเย็บปิดเป็นอันเสร็จกระบวนการ” มิล่าอธิบาย มือก็ตากผ้าไปด้วย

มีร์มองดูผ้าสีสวยถูกตากเรียงกันเป็นทิวแถวยามที่แสงไฟจากกองเพลิงสาดส่อง ลวดลายของผ้าแต่ละชิ้นไม่ซ้ำกัน เป็นงานที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ผ้าลายตารางสีเขียวขี้ม้าของมีร์ตากอยู่ปลายสุดของราวสุดท้าย แม้ช่องตารางที่ออกมาจะไม่สม่ำเสมอนักแต่คนทำก็ภูมิใจมาก ยืนยิ้มจนแก้มปริ

... ถ้ามีโอกาสได้ทำอีกครั้งจะไม่ทำแค่ผ้าพันคอแบบคราวนี้ จะทำผ้าห่มผืนใหญ่คิดลายแปลกๆ ... ว่าแต่ เอ ... จะทำกี่ผืนดีนะ ...

“พี่มีร์ พี่มีร์ ... พี่มีร์!!”

เด็กคลุกฝุ่นถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของมิล่าดังอยู่ใกล้ๆ

“อะไรเนี่ย ใจลอยไปถึงไหนๆ”

มีร์เอามือลูบศีรษะตัวเองแก้เก้อ “เรียกพี่ทำไมเหรอ มิล่า”

“ไปทานข้าวได้แล้วค่ะ อาหารค่ำเสร็จแล้ว”

“ทานข้าวแล้วทำอะไรต่อ”

“ก็คงนั่งคุยกันสักพัก แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านพรุ่งนี้ค่อยมาทำงานที่เหลือค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ มิล่าให้ที่บ้านจัดที่นอนให้นายน้อยกับพี่มีร์เรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะค่ะมิล่าหิวจะแย่อยู่แล้ว”

มีร์มองหาคนตัวโตก็เห็นกำลังเดินอยู่กับพวกเด็กหนุ่มอย่างเป็นกันเอง จึงเดินตามสาวน้อยร่างอวบไปสมทบกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่ทยอยกันเดินไปยังจุดรับประทานอาหารด้วยความรู้สึกดีอย่างประหลาด



====================================================================



ห้องพักที่มิล่าจัดไว้ให้ทำให้มีร์อึดอัดเล็กน้อย ด้วยความที่หลานสาวนายบ้านจัดให้นอนห้องเดียวกับ ‘นายน้อย’ เหตุผลก็คือบ้านนี้หลังไม่ใหญ่ มีห้องว่างสำหรับให้แขกพักเพียงห้องเดียว แม้ว่ามีร์จะอาสาออกมานอนข้างนอก แต่ก็ไม่มีใครเห็นด้วย เพราะอากาศยามค่ำคืนที่นี่หนาวเหน็บเกินจะทานทน

“ไม่ไหวหรอกเจ้าหนู จะพาให้ไม่สบายเสียเปล่าๆ” นายบ้านออกปาก และยืนยันให้มีร์นอนในห้องนายน้อย โดยจัดที่นอนไว้หน้าเตียง

คืนนี้สำหรับมีร์จึงผ่านไปแบบกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย ออกไปนอนข้างนอกก็ไม่ได้ ครั้นจะนอนข้างในอย่างสบายใจก็ไม่ได้อีก

เด็กคลุกฝุ่นเลื่อนที่นอนซึ่งแต่เดิมอยู่ชิดปลายเตียงไม้เตี้ยขนาดสำหรับนอนคนเดียว ไปอยู่ริมสุดมุมห้องไกลเตียงมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มุมเข้าไปในที่นอนแล้วคลุมผ้าห่มหนาโผล่ออกมาแค่ลูกตาและจมูกพอหายใจ

ศวัสธรซึ่งนั่งสนทนากับนายบ้านจนดึกเมื่อเสด็จเข้ามาในห้องเห็นหนอนดักแด้ซุกตัวอยู่มุมห้องก็ดำเนินเข้าไปหยุดอยู่ใกล้ๆ ทรงย่อวรกายลงพินิจคนนอนหลับอย่างเอ็นดู ปรารถนาจะเอื้อมพระหัตถ์ไปปัดผมยุ่งที่ปรกหน้าให้แต่ก็ทรงเปลี่ยนพระหทัยในที่สุด

... เด็กเอ๋ย หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ ...

คนตัวโตขึ้นเตียงไปแล้ว และดูเหมือนจะผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา มีร์โผล่หน้าออกมาจากผ้านวมยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะหลับตา ... เพื่อที่จะ “หลับ” จริงๆ เสียที ...



====================================================================



รุ่งอรุณของวันใหม่เวียนมาอีกครั้ง ศวัสธรตื่นบรรทมและเสด็จออกไปแต่เช้า ส่วนคนที่นอนคุดคู้อยู่มุมห้องลุกขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นานนัก มีร์จัดการกับตัวเองก่อนจะไปโผล่ที่ห้องครัวพร้อมกับมิล่าเพื่อช่วยมารดาของเด็กสาวทำอาหารเช้า

ศวัสธรเสด็จกลับมาพร้อมกับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อคืนนี้อากาศหนาวจัดและมีหมอกลงหนา ผ้าที่ตากไว้ยังคงมีความชื้นอยู่ไม่น้อย ทุกคนภาวนาขอให้วันนี้มีแดดแรง ผ้าจะได้แห้งเร็วๆ

ระหว่างรอเวลาให้ผ้าแห้ง มิล่าพานายน้อยและมีร์ไปเดินสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติของหมู่บ้าน แล้วเลยขึ้นไปที่เรือนเพาะต้นกล้าไม้สน มีเด็กๆ ติดตามไปด้วยกว่าสิบคน ทั้งมีร์และเด็กน้อยเล่นกันอย่างสนุกสนาน อากาศยามเช้าแม้จะหนาวเย็น แต่การเดินขึ้นเขาบนทางสายลูกรังช่วยให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น มีร์รู้สึกเหนื่อยแต่การได้สูดอากาศบริสุทธิ์พาให้หัวใจแช่มชื่นไม่น้อย

“ชอบแบบนี้จังเลย” มีร์กระโดดโลดเต้นราวกับเด็กน้อยเมื่อขึ้นไปถึงยอดดอย “สวยจัง”

“ชอบก็มาบ่อยๆ สิคะพี่มีร์ ให้นายน้อยพามาก็ได้” มิล่าว่า

“ไม่ต้องหรอก พี่มาเองก็ได้”

ศวัสธรทรงส่ายพระพักตร์ ... ดื้อรั้นเป็นที่หนึ่ง ...

มิล่าเดินนำขึ้นไปที่เรือนเพาะกล้าไม้ กล้าสนต้นขนาดความสูงราวฟุตครึ่งเรียงรายอยู่ในเรือนเพาะชำ ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นผู้ดูแลอธิบายว่าเป็นของหมู่บ้านขึ้นมาทำไว้เพื่อขยายพันธุ์ทดแทนต้นสนที่ถูกตัดไปใช้งาน ปกติก็จะเป็นชาวบ้านที่อาสาขึ้นมาปลูกป่ากันนานๆ ครั้ง ตัดทีก็ปลูกที

“เราน่าจะให้เด็กๆ ขึ้นมาที่นี่บ่อยๆ นะครับนายน้อย ให้ครูพามาสักเดือนละครั้ง มาปลูกต้นไม้กัน น่าสนุกออก เป็นการสอนให้พวกเขารักต้นไม้ รักธรรมชาติ ให้เขาได้ปลูกป่าเอง ดูแลป่าของเขาด้วยตัวเองมันน่าภูมิใจออกจะตายไป”

“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะพูดอะไรเข้าทีกับเขาก็เป็น” ศวัสธรหันไปรับสั่งกับมีร์ เล่นเอาเจ้าตัวหน้าหงิก “เราเห็นจะต้องหารือเรื่องนี้กับนายบ้านปู่ของเจ้าเสียแล้วล่ะ มิล่า”

ประโยคหลังนั้นทรงรับสั่งกับหลานปู่ของนายบ้านแห่งรากิเต เด็กสาวฉีกยิ้มเห็นด้วย “พี่มีร์นี่ความคิดสุดยอดไปเลยค่ะ”

มีร์ยักไหล่ หันไปหลิ่วตากับคนตัวโตที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หัวขบวน ทำนองว่า ... ของมันแน่อยู่แล้ว ...

ศวัสธรทรงรับสั่งให้ผู้ดูแลเรือนเพาะชำลำเลียงต้นกล้าออกมา แล้วเรียกเด็กๆ เข้ามาช่วยกันหยิบต้นกล้าออกไป “เด็กๆ เรามาช่วยกันปลูกต้นไม้ คนละสองต้น ไหวไหม”

“ไหวครับ/ค่ะ” เด็กน้อยร้องรับแทบจะพร้อมกัน

“ถ้าอย่างนั้น ... พวกเรา ... ลุยกันเล้ย” มีร์นำคณะออกเดินไปยังพื้นที่ที่เตรียมไว้สำหรับปลูกต้นไม้ เด็กๆ พากันร้อง “เย้!” แล้วออกวิ่งไปเป็นทิวแถว ท่าทางจะสนุกกันใหญ่ล่ะคราวนี้



====================================================================



คณะของศวัสธรลงจากเขาเข้าไปถึงลานกลางหมู่บ้านในเวลาเกือบสิบเอ็ดนาฬิกา พอดีกับผ้าที่ตากไว้แห้งเกือบจะครบทุกผืน สาวๆ รายงานว่ามีบางผืนที่ยังชื้นอยู่บ้างเล็กน้อย ครั้นจะนำมายัดขนสัตว์ทั้งที่ยังชื้นอยู่ก็ไม่ควรทำเพราะอาจจะทำให้ขึ้นราในภายหลัง มิล่าจึงบอกให้ใช้แผนสองนั่นคือนำไปรีดเพื่อให้แห้งเร็วขึ้น

เมื่อจัดการกับผ้าที่จะใช้ทำผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว หนุ่มๆ ก็ทำหน้าที่ยัดขนสัตว์ที่เตรียมไว้ จากนั้นสาวๆ ทั้งหลายก็ช่วยกันเย็บปิดปากและเย็บตามจุดต่างๆ อย่างละเอียดเพื่อไม่ให้ขนสัตว์ภายในผ้าห่มนวมเหล่านี้เคลื่อนที่ไปมา อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของลวดลายที่ทำให้ผ้าสวยงามขึ้น

บางคนนำลูกปัดสีสวยมาปักเป็นลายเพิ่มเติม บางคนก็นำไหมพรมถักเป็นรูปดอกไม้มาเย็บติดตรงกลางบ้าง ตรงหัวมุมผ้าห่มบ้าง สุดแท้แต่จะใช้ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน บางคนไม่มีวัสดุข้างต้นก็ใช้เส้นด้ายที่มีอยู่นั่นเอง เดินเส้นเป็นลวดลายซึ่งก็ดูสวยงามแบบเรียบง่ายได้เช่นกัน

บ่ายแก่ๆ ราวสิบห้านาฬิกาเศษทุกอย่างก็เรียบร้อย อุปกรณ์ถูกเก็บเข้าที่ ผ้าที่จากเดิมเป็นเพียงผ้าธรรมดาบัดนี้กลายมาเป็นผ้าห่มนวมผืนงามที่มีเพียงผืนเดียวในโลก ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร วัยรุ่นหนุ่มสาวช่วยกันม้วนผ้าห่มของแต่ละคนวางเรียงกันเป็นชั้นๆ ... สวยงาม และน่าภาคภูมิใจ ...



====================================================================



พิธี “ห่มรัก” ถูกจัดขึ้นหลังอาหารมื้อค่ำบริเวณลานกลางบ้านรากิเต ทุกครอบครัวในหมู่บ้านมารวมตัวกันที่นี่พร้อมอาหารคาวหวานซึ่งต่างก็นำมารับประทานร่วมกัน เป็นการจัดงานสังสรรค์เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างคนในหมู่บ้านไปในตัว

กองไฟใหญ่ถูกจุดไว้กลางลาน มีชาวบ้านนั่งล้อมเป็นรูปครึ่งวงกลมสองฟาก ฟากหนึ่งเป็นผู้เฒ่าผู้แก่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่า ส่วนอีกฟากหนึ่งคือกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวและเด็กๆ ในมือของทุกคนกอดผ้าห่มซึ่งตั้งใจทำกันมาตลอดสองวัน

มิล่าในชุดพื้นเมืองนั่งอยู่บนแท่นไม้สนขนาดประมาณหนึ่งตารางเมตร ซึ่งวางอยู่ตรงรอยต่อของครึ่งวงกลมทั้งสอง ขณะที่ศวัสธรและมีร์ซึ่งเป็นแขกของหมู่บ้าน นั่งบนแท่นไม้แบบเดียวกันแต่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมิล่า นั่นหมายถึงทั้งสองทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมระหว่างปลายทางของครึ่งวงกลมอีกด้าน

ตรงหน้าของเด็กสาวร่างอวบคือเครื่องดนตรีพื้นเมือง เรียกว่า “ระตา” มีลักษณะเป็นเครื่องสายคล้ายพิณ ศวัสธรไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมิล่าในมาดนิ่งสุขุมและดูเป็นการเป็นงานเช่นนี้มาก่อน พระองค์ยิ่งทรงทึ่งมากขึ้นเมื่อมิล่ากรีดนิ้วลงบนสายระตา ... เสียงดังกังวาน สะกดทุกคนในที่นั้นให้หยุดนิ่ง ...

มิล่าสูดลมหายใจเข้าก่อนจะกรีดนิ้วแล้วกางวงแขนออกอย่างชดช้อย เป็นสัญญาณให้รู้ว่า พิธีอันศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้แล้ว

เสียงกังวานใสจากเครื่องสายของมิล่าเริ่มขึ้นเป็นบทบรรเลง พลิ้วไหวราวสายลมพัดใบไม้ปลิว ก่อนจะค่อยๆ ทอดจังหวะให้กับบางสิ่ง ...

... เสียงร้องเพลงจากลูกๆ ทุกคน ...

... สายใยรักเชื่อมใจถึงใจ ผูกเราไว้ด้วยรักสมัครสมาน
สายใยรักที่ถักทอทุกวัน เกี่ยวใจฉันให้ผูกพันอยู่กับเธอ
สายใยนี้ไม่มีเสื่อมคลาย ผูกเราไว้ด้วยหัวใจไม่แปรผัน
สายใยนี้ที่ถักทอทุกวัน เกี่ยวใจฉันมั่นรักเธอมิคลาย

*อ้อมกอดนี้ที่แสนอบอุ่น เกื้อการุญมิสิ้นจางหาย
อ้อมกอดของใครเล่าเฝ้าคุ้มภัย พ่อแม่ใช่ไหมโอบอุ้มเราตลอดมา

ผ้าห่มน้อยจะแทนหัวใจ แม้ไม่ยิ่งใหญ่เทียบเท่าภูผา
ผ้าห่มน้อยมิอาจเทียมแผ่นฟ้า แม้ไม่สูงค่าแต่มาจากใจ
ผ้าห่มนี้อุ่นไอรักเรา ลูกขอเป็นเงาติดตามตลอดไป
ผ้าห่มนี้โอบรักเราไว้ ขอมอบแทนใจให้พ่อแม่เอย...

เพลงจบลงพร้อมกับที่ลูกๆ ทุกคนรวมทั้งมิล่าลุกขึ้นเดินตามกันไปอย่างเป็นระเบียบไปทรุดลงแล้วคุกเข่าตรงหน้าบิดามารดาของตน ผ้าห่มที่บรรจงประดิษฐ์ด้วยความรักถูกส่งมอบให้กับผู้ให้กำเนิด พ่อแม่ลูกต่างโผเข้าสู่อ้อมกอด ไม่ต้องมีคำพูดใดด้วยหัวใจของคนทั้งหมดในที่นั้นล้วนเต็มตื้นไปด้วยความรัก

ศวัสธรทอดพระเนตรใบหน้าของผู้เป็นพ่อแม่ซึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม บ้างก็มีน้ำตาแห่งความสุข มีร์ปาดน้ำใสที่ไหลซึมออกมาตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ ภาพอันงดงามท่ามกลางแสงจันทร์และแสงไฟประทับอยู่ในห้วงลึกของหัวใจ แม้อากาศในคืนนี้จะเหน็บหนาว หากหัวใจของมีร์ในยามนี้ช่างแสนอบอุ่น



====================================================================



“ดีจังนะ” เสียงทุ้มดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้มีร์หันไปมองคนข้างๆ ที่ตัวโตกว่า

“ใช่ครับ ดีจังเลย”

“เป็นประเพณีที่นอกจากจะต้องรักษาไว้แล้ว ยังคู่ควรแก่การเผยแพร่อีกด้วย” ศวัสธรตรัสอย่างจริงจัง ทรงมีแผนสำหรับการเผยแพร่ประเพณีดีๆ อย่างนี้ และยังเห็นว่าจะต้องสืบสานประเพณีอื่นๆ ของแต่ละท้องถิ่นให้แพร่หลายสู่เยาวชนให้มากขึ้น การเดินทางในครั้งนี้ไม่เสียหลายเลย

“นายน้อย”

“หืม์”

“คือว่า เห็นชาวบ้านเค้ามอบผ้าห่มกันแล้วมีร์ก็อยากมีส่วนร่วมบ้าง อ้ะ...ให้” มีร์ยื่นผ้าสีเขียวขี้ม้าที่ซุกเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงให้คนตัวโต “ถือว่ามีร์มอบให้ผู้อาวุโส”

ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของคนตัวเล็กแสบฉายแววเจ้าเล่ห์ ศวัสธรมุ่นพระขนงก่อนจะรับสั่ง

“หนอย...เจ้าเด็กแสบเราอายุมากกว่าเจ้าเท่าไรกันเชียว”

“ไม่เท่าไหร่หรอก แค่เกือบสิบปีเท่านั้นเอง”

“รู้ได้อย่างไร” ศวัสธรทรงดักคอ มีร์หุบปากฉับ

“ก็...ดูจากหน้าตาท่าทางท่านคงสักสามสิบได้กระมัง เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องคิดมากเลย” แม้จะรู้ตัวว่าพลาดแต่ก็ยังแถไปได้อีก

“เราน่ะไม่คิดมากหรอก เจ้าต่างหากล่ะที่คิด” เจ้าชายรัชทายาททรงคลี่ผ้าที่มีร์พับไว้อย่างไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก ก่อนจะทรงยื่นกลับไปตรงหน้าคนตัวเล็ก

“พันคอให้เราด้วยสิ”

“เอ่อ” มีร์ทำหน้าราวกินยาขมเข้าไปทั้งกำมือ “พันเองดีกว่ามั้ยท่าน”

“แปลว่าไม่เต็มใจให้?”

มีร์ทำปากจิ๊กจั๊กก่อนจะรับผ้ามาถือไว้ แหงนมองคนตัวสูง เป็นทำนองว่า เอื้อมไม่ถึง ศวัสธรจึงทรงโน้มพระศิระลงมา คนตัวเล็กค้อมศีรษะเพื่อขออภัย สองมือเรียวคล้องผ้าอ้อมพระศอแล้วตวัดชายผ้าด้านหนึ่งพาดพระอังสา

“เท่มากๆ” มีร์ว่า พร้อมเอามือกอดอกชื่นชมผลงานตนเอง “ฝีมือจริงๆ ใครทำกันนะ ฮี่ๆ”

“เจ้าขี้โม้เอ๊ย” เจ้าชายรับสั่ง ยื่นพระหัตถ์ไปยีผมยุ่งๆ ของคนที่กำลังยิ้มกริ่ม มีร์เหวี่ยงมือขึ้นปัดป้องโดยอัตโนมัติ ก่อนจะนึกได้ว่าสิ่งทำไปนั้นอาจจะดูไม่สุภาพกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าแถมยังอยู่ในสถานะ ‘เจ้านาย’

“ขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไร เราสิควรจะขอโทษเจ้า เราไม่สุภาพกับเจ้าก่อน” ศวัสธรรับสั่งตอบ แย้มสรวลน้อยๆ แล้วทรงล้วงลงไปในกระเป๋าภูษา หยิบผ้าที่ทรงย้อมสีด้วยองค์เองออกมาคล้องคอให้กับอีกฝ่าย ผ้าพันคอสีโอโรสหวานใส ลายสวยแปลกตาเกิดจากฝีพระหัตถ์ขององค์รัชทายาทแห่งปุระตารา

“เราให้เจ้า”

มีร์เงยหน้าสบตากับคนตัวโต เห็นดวงดาวระยิบอยู่ภายในพระเนตรเข้มคมคู่นั้น

“ผ้าสีนี้ดูสดใสดี เหมาะกับเจ้า”

มีร์อยากจะฉีกยิ้มกว้างๆ แต่ก็สะกดกลั้นเอาไว้

“ก็งั้นๆ” คนปากแข็งแกล้งทำหน้าเหมือนไม่ได้ยินดีอะไรกับสิ่งที่ได้รับ แถมน้ำเสียงก็สุดแสนจะกวนประสาท

“ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เอาคืนมาก็ได้” ศวัสธรทรงเอื้อมพระหัตถ์หมายจะดึงผ้าออกจากคอคนตัวเล็ก หากมือเรียวบางคว้าหมับมือใหญ่เอาไว้อย่างทันท่วงที

“เรื่องอะไรจะคืน ให้แล้วให้เลยสิท่าน” มีร์ลอยหน้าลอยตาพูด “แค่นี้ทำน้อยใจไปได้”

“เราไม่ได้น้อยใจ เราแค่จะบอกว่า ขอบใจนะที่ไม่ยอมส่งผ้าคืนเรา เก็บเอาไว้ให้ดีล่ะ หึๆ”

น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของคนตัวโตทำให้คนตัวเล็กสะดุดหู เมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยชัยชนะของอีกฝ่ายก็รู้ตัวทันทีว่าเสียรู้...อีกแล้ว...



====================================================================



พิธีกรรมอันสวยงามจบลงแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นบรรยากาศแห่งความรื่นเริง เหล่าวัยรุ่นได้รับอนุญาตให้ร้องรำทำเพลงได้จนถึงยามสอง เสียงเพลงพื้นเมืองดังไปทั่วบริเวณ หนุ่มสาวออกมาเต้นรำตามแบบโบราณ ศวัสธรประทับบนพระแท่นทอดพระเนตรประชาชนของพระองค์ด้วยความปีติ

คนนั่งข้างๆ มองดูภาพเดียวกันด้วยความรู้สึกที่ไม่แตกต่าง เมื่อมีร์เหลือบมองคนตัวโตก็อดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มให้ด้วยความรู้สึกบางอย่างซึ่งเจ้าตัวก็บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร

สายลมเย็นที่ลอยเอื่อยมาปะทะผิวหน้าทำให้มีร์รู้สึกหนาว แม้ว่าตรงหน้าจะมีกองไฟให้ความร้อนและแสงสว่างแต่ก็ยังไม่อาจทำลายความหนาวเย็นในระดับที่เริ่มจะเข้าใกล้ศูนย์องศา

เหยือกสีเข้มซึ่งรู้กันดีว่าภายในบรรจุสุราพื้นบ้านที่ชาวบ้านหมักกันเองเพื่อไว้ใช้ดื่มแก้หนาวถูกยกมาเสิร์ฟโดยมิล่าเด็กสาวอารมณ์ดี มีร์หันไปสบตากับนายน้อยก็พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

“หนาวๆ แบบนี้ดื่มสักหน่อยจะช่วยให้ดีขึ้นค่ะ ไม่ต้องกลัวเมานะคะ แค่สามสิบห้าดีกรีเท่านั้นเอง ถือว่ายังอ่อนมาก”

มีร์กลืนน้ำลายเอื๊อก นึกในใจว่าอ่อนตรงไหน ครั้นจะไม่ดื่มก็คิดว่าจะดูกระไร เด็กคลุกฝุ่นลองจิบเพียงนิดเดียว ความร้อนจากน้ำใสเป็นตาตั๊กแตนในถ้วยทรงสี่เหลี่ยมใบเล็กส่งผ่านจากช่องปากผ่านลำคอไปถึงกระเพาะ มีร์รู้สึกร้อนวูบ

“เป็นไงคะ อร่อยมั้ย ถ้าไม่ชอบเหล้าหมักแบบนี้ มิล่ามีไวน์พิเศษ ลองดูมั้ยคะ”

“เอ่อ”

โดยไม่รอคำตอบ มิล่าวิ่งตื๋อไปคว้าขวดทรงสูงสีน้ำเงินซึ่งตั้งอยู่กลางวงของพวกสาวๆ แล้วกลับมาฉีกยิ้มอารมณ์ดีอย่างเคย แก้มใสๆ เป็นสีแดงเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์

น้ำสีม่วงเข้มจนเกือบจะเป็นสีดำถูกเทลงในถ้วยตรงหน้าศวัสธรและมีร์ คนเทคะยั้นคะยอให้ลองชิมจนทั้งสองขัดไม่ได้จึงยกขึ้นดื่มพร้อมๆ กัน

“อร่อย...ใช่ไหมคะ”

รอยยิ้มจากนายน้อยและมีร์เป็นสิ่งที่มิล่าใช้ตัดสินแทนคำตอบ หลังจากนั้นไวน์แก้วแล้วแก้วเล่าก็ถูกรินไปเรื่อยๆ พร้อมกับการพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ มากมายจนแทบจะลืมกันไปเลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด





โปรดติดตามตอนต่อไป









Create Date : 15 เมษายน 2552
Last Update : 21 เมษายน 2552 5:17:57 น. 69 comments
Counter : 1466 Pageviews.

 
มาแล้วตูมตามมาแล้ว ฮา ไปอ่านก่อนน้า


โดย: น้องบุ๊ง IP: 125.25.249.27 วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:20:58:58 น.  

 

น้องบุ๊ง

กี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสส น้องบุ๊ง
มาเร็วมากมายม้ายยยยยย 555+




โดย: วลีวิไล วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:21:15:20 น.  

 
เขาเรียกว่ารู้ใจกันค่ะ ฮา แอบหวานนะเนี่ย ชอบๆ หวานๆแบบนี้ เอาอีกๆ
อากาศร้อนๆ ฝน แบบนี้รักษาสุขภาพด้วยน้าพี่กี้


โดย: น้องบุ๊ง IP: 125.25.249.27 วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:21:23:46 น.  

 


น้องบุ๊ง
ก๊ากกกก คราวหน้าไม่หวานแล้วนะฮับ เอ๊ะ หรือว่าจะหวานอีกดี 555+
ต้องเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ตอนนี้อากาศร้อนแล้ว เนื้อหาคราวหน้าก็จะออกแนวร้อน อิอิ





โดย: วลีวิไล วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:21:55:44 น.  

 


มาพร้อมอากาศร้อนอบอ้าวเลยนะคร้าบบบคุณครู





โดย: กานต์ IP: 203.150.232.110 วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:9:08:05 น.  

 
อูยยยย หวานมากๆเลยค้าบตอนนี้ อยากมีคนส่งผ้าให้แบบนี้บ้างจัง อิๆๆ ^^


โดย: kin IP: 58.181.129.244 วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:9:12:44 น.  

 
ในที่สุด พี่กี้ก็อัพแล้ว อิอิ
นายน้อยจะรู้ไม๊เนี่ย ว่ามีร์ คือใคร เหมือนจะรู้เลยเนอะ


โดย: หนูเก๋ วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:10:47:00 น.  

 
:) กุ๊กกิ๊กพอหอมปากหอมคอนะคะพี่กี้ น่ารักจังเลยนายน้อยของน้องแว่นเนี่ย อิอิ

เจอคำที่คิดว่าน่าจะพิมพ์ผิดค่ะพี่กี้ (อย่าว่ากันนะคะเพื่อนๆ ไม่ได้อยากให้เสียอรรถรส แต่ตรวจทานให้พี่กี้ไปเลยดีกว่า)

“งั้นก็ทำต่อไป เราจะลองไปหากเปลือกไม้จากต้นอื่นๆ ทางด้านโน้น”

น่าจะเป็น ....หาเปลือกไม้... แทนที่จะเป็นหากเปลือกไม้นะคะ

รอคอยตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ


โดย: แว่น IP: 203.193.111.22 วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:12:14:12 น.  

 
กี๊ซซซซซ พี่กี้มาแร้วววว

มาลงชื่อให้คุณครูรู้ว่ายังติดตามอยู่อย่างต่อเนื่องนะค้า สงสัยตอนหน้าไม่ใครก็ใครคงต้อง "ทรงพระเมา" กันบ้างล่ะ อิอิ

ป.ล.เสียง "แชะ" ตอนถ่ายรูปไม่คุ้นว่ามีไม้ตรีอะค่ะ (^^)


โดย: เพียงพลอย IP: 61.90.73.98 วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:20:48:32 น.  

 
This is so cute. I can't wait to read more na ka :)


โดย: Kate IP: 206.169.124.88 วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:23:17:31 น.  

 
สนุกสมกับที่รอคอยมากๆ เลยค่ะพี่กี้

^^


โดย: Pupae63 IP: 125.24.131.95 วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:23:58:58 น.  

 
เรื่องใหม่ (เขาลง 8 ตอนแล้ว เพิ่งได้เห็น)

แหะ แหะ ตามมาอ่านทีหลัง หวังว่าไม่ช้าเกินไป


โดย: กระปุกกลิ้ง วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:10:57:30 น.  

 
โหย รอนานมาก ๆ เลยอ่ะพี่กี้
แต่ก็หวานปนสนุกอ่ะค่ะ หวังว่าตอนหน้า
คงจะมาเร็ว ๆ นะคะ ช่วงนี้ปิดเทอมนี่นา


โดย: นู๋หยง IP: 115.67.215.177 วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:11:00:55 น.  

 
มาเจอบล็อกนิยายของวลีวิไลแล้วก็กรี้ดๆๆ
ไม่ได้อ่านงานของพี่ตั้งนานแหนะค่ะ

ขอจิ้มแอดบล็อกไว้แล้วจะมาใหม่นะคะ

ชอบเรื่องนี้จังๆ หวานๆ ซนๆ กำลังดี อิ้ว...


โดย: แก่นฝัน วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:11:36:13 น.  

 
รอนานมาก...เลยค่ะ
คอยเข้ามาดูตลอด แต่ก็อ่านจุใจดีค่ะ
รออ่านต่อน่ะค่ะ


โดย: แม่น้องกัส IP: 203.144.220.241 วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:16:45:33 น.  

 
ในที่สุดตอนที่ 8 ก็มา...ซะที กร๊ากกกกก

มีเด็กน้อยส่งม้าเร็วไปบอก ฮุๆ

^^

แอบเขินตอนให้ผ้าพันคอกันอ่า...อ๊ายยย


โดย: nu@om IP: 124.121.139.15 วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:17:16:36 น.  

 
.....ช้ามาก แต่ก็ดีใจนะที่มีตอนที่ 8 ตอนนี้ช่วงปิดเทอม คุณครูกี้ คงจะมีเวลามา UP ให้ไวไว(หรือมาม่าก็ได้)นะคะเห็นใจคนรอบ้าง (คนรอก็เห็นใจคนเขียนฮิฮิ555+++) เจ้านายกะลูกน้องคู่นี้น่ารัก...แอบซ่อนหวานด้วย อยากได้ผ้าพันคอสีโอโรสบ้างจัง...รีบหน่อยนะคะคุณครู ..อยากอ่านตอนเจ้านายกะลูกน้องเมา ใครจะดูแลใครกันเอ่ย!!!!!


โดย: ครูตุ้ม IP: 203.172.181.66 วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:18:17:21 น.  

 
ดีจังเข้า เข้ามาแวะดูบ่อยๆ แต่พบว่ายังไม่อัพเพิ่ม วันนี้เข้ามาเห็น ดีใจค่ะ แล้วอย่างนี้จะมีโอกาสรวมเล่มเร็วๆนี้ไหมค่ะ เป็นกำลังใจให้พี่กี้นะคะ รักษาสุขภาพด้วย เป็นห่วงคะ


โดย: อัจ IP: 124.120.206.209 วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:22:03:10 น.  

 
ดีใจมากๆๆ ค่ะ ในที่สุดก็ได้อ่านซะที...(สมใจที่รอ) เพราะจะได้ถือว่าอ่านฉลองวันเกิดพรุ่งนี้...


โดย: klinthip IP: 202.149.25.197 วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:21:17:34 น.  

 
แวะมาตีมดในนี้คะ

หวานถูกใจจังเลยคะพี่กี้

555


โดย: แก้วมณี IP: 58.8.24.71 วันที่: 19 เมษายน 2552 เวลา:10:01:38 น.  

 
แอบยิ้มจนแก้มปริแล้วค่ะ อยากให้มาหวานต่อเร็วๆนะคะ


โดย: pinkwitch วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:15:13:45 น.  

 


สวัสดีทุกคนค่ะ

ดีใจจังเลยที่ยังไม่ลืมกันเนอะ ^_________________^
ก่อนจะอัพบล็อกนี้ พี่เปิดเข้ามา พบว่าบทที่ 7 มีคนคลิกเข้ามากว่า 2000 ครั้ง พี่กี้ก็ตกใจอยู่
แสดงว่าหลายๆ ท่านเข้ามารอบทต่อไปกันแน่เลย ดีใจมากค่ะ
แล้วก็ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่ทำให้รอนาน แหะๆ
พยายามอย่างยิ่งที่จะอัพให้ไวไว (+มาม่า ของครูตุ้ม 555+)
แต่ก็นะ บางทีมีวัตถุดิบกองอยู่ตรงหน้า แต่กลับเขียนไม่ออก เอิ๊กๆๆ

อย่างไรก็ตาม จะพยายาม พยายาม และพยายาม ทำเต็มที่นะคะ
ทุกบทที่โพสต์ แม้จะมาช้าแต่ก็มาแบบ ตั้งใจ อย่างจริงจังค่ะ

รักและคิดถึงทุกคนเสมอ

พี่กี้



---------------------------------------------------------------



กานต์
นั่นสิเนอะ คุณครูมาเลยร้อนกันไปใหญ่ 555
ซัมเมอร์อย่างนี้ควรเป็นช่วงพักผ่อนเนอะ แต่กลายเป็นว่ามีงานที่ต้องคิดเยอะเลยฮับ

kin
พี่ก็อยากมีคนส่งผ้าให้แบบนี้บ้าง แต่ไม่มีซะงั้น ฮี่ๆๆ
ดังนั้นจึงต้องคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหนูมีร์ จะได้ได้ผ้าจากเจ้าชาย 55

หนูเก๋
นายน้อยของเรา เห็นเงียบๆ แบบนี้ ฉลาดนะเนี่ย อิอิ
ส่วนจะรู้ว่ามีร์คือใครหรือไม่ รอติดตามกันต่อไปนะก๊าบ

แว่น
ฮา ... นายน้อยของแว่นกันเลยทีเดียว
ขอบคุณน้องแว่นสำหรับคำผิดนะคะ เดี๋ยวพี่กี้แก้ไขในนี้เลย
บางทีมือไม้ก็ไปเร็วกว่ใจคิดเนอะ พิมพ์ขาดๆ เกินๆ กร๊ากกก เกี่ยวมั้ย ^^

เพียงพลอย
อ่านะ ... ใครจะทรงพระเมา แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นไหม
น่าสงสัยเนอะ ฮี่ๆๆ
ขอบคุณสำหรรับคำผิดนะคะ แชะ...ไม่มีไม้ตรีค่ะ พี่พิมพ์อะไรออกไปเนี่ย 555

Kate
ขอบคุณมากๆ ค่ะ พี่จะพยายามเขียนให้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ค่ะ
แต่รู้สึกว่าพยายามมาจะครบปีแล้วมั้ย เรื่องนี้เขียนช้าที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาเลย แงๆ

Pupae63
ดีใจที่น้องปูชอบนะคะ พี่ยังเลยว่า เอ๊ ... คนอ่านลืมกันไปหมดแล้วหรือเปล่า
กว่าจะมาแต่ละตอน 3 เดือนเข้าไปโน่น ก๊ากกก

กระปุกกลิ้ง
ไม่ช้าแน่นอนจ้า ดีใจที่น้องกระปุกกลิ้งแวะมาเยี่ยมด้วยนะคะ
ไม่ได้ทักทายกันนานมากๆ หวังว่าจะสบายดีอะเนอะ

นู๋หยง
ปิดเทอมมสำหรับเด็กๆ แต่คุณครูทั้งหลายทำงานอะค่ะ แง...
พี่กี้มีสอนซัมเมอร์ และที่สำคัญคือมีประชุมล้านแปด โฮๆๆ นิยายจะจบม้าย

แก่นฝัน
ยินดีต้อนรับน้องแก่นฝันค่ะ ดีใจจังที่ได้รู้จักน้องเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน
แล้วจะแวะไปทักทายที่บล็อกนะคะ

แม่น้องกัส
เป็นตอนที่ทิ้งช่วงนานจริงๆ ค่ะ ขอบคุณแม่น้องกัสที่ยังคลิกมาดูตลอดเลยนะคะ
ดีใจที่ยังรักกันอยู่เสมอ ^____^
จะพยายามให้เร็วกว่านี้ เพราะตั้งใจให้จบทันรวมเล่มสิ้นปีค่ะ

nu@om
ก๊ากกกก ปรากฏว่าเด็กน้อยที่อยู่ไกลถึงลัทเวีย รู้ก่อนคนในเมืองไทยว่าอัพแล้ว
เค้าก็เขินนิ เขียนไปคิดไปว่าตัวเองเป็นน้องมีร์ และ พน เป็นเจ้าชาย 555 กล้าพูด

ครูตุ้ม
กี๊สสสส คิดถึงครูตุ้มจังเลยค่ะ ไม่ได้คุยกันเลยเนอะ
จริงๆ บทที่ 8 นี้ เขียนค้างไว้นาน เพราะฉากส่งมอบผ้าห่มกับผ้าพันคอนี่แหละค่ะ
แบบว่าตั้งใจมากที่จะให้มันน่าสนใจ เอิ๊กๆๆ
ส่วนใครจะเมา ใครจะดูแลใครเนี่ย ... ต้องรอลุ้นเนอะ อิอิ หัวเราะเจ้าเล่ห์

อัจ
ขอบคุณน้องอัจมากค่ะที่แวะเข้ามาเยี่ยมเสมอ
เรื่องนี้พี่ตั้งใจให้ทันรวมเล่มปลายปี แต่จะรอดมั้ย ยังลุ้นๆ อยู่ค่ะ สู้ๆ เนอะ

klinthip
สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดย้อนหลังนะคะน้อง klinthip
ขอให้มีความสุขมากๆ สมปรารถนาในทุกสิ่ง
เรื่องนี้รอนานเนอะ กว่าจะได้อ่านแต่ละบท แค่ทราบว่าผู้อ่านชอบพี่ก็ดีใจแล้ว

แก้วมณี
กร๊ากกกก น้องแก้ว ไม่เจอกันนาน คิดถึงจังเลยจ้า
มดแถวนี้มีเยอะ อย่าไปตีเค้าเลย เอาเก็บไว้เดินพาเหรดในตอนต่อๆ ไปดีกว่า 555

pinkwitch
ตอนที่เขียน พี่กี้ก็เขียนไป ยิ้มไป ฮี่ๆๆ อะไรจะน่ารักขนาดนี้ ก๊ากกก มันชมตัวเอง
เริ่มบทที่ 9 ไปได้ 3 หน้าแล้วค่ะ เหลืออีก 10 กว่าหน้า ฮา จะจบม้ายยยย ^^”


ท้ายนี้ ขอบคุณอีกครั้ง
ขอบคุณที่รักกันนะจ๊ะ จุ๊บๆๆ











โดย: วลีวิไล วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:5:15:03 น.  

 
รอนานมากกกกกกกกก เลยค่า
นึกว่าคุณครู จะไม่มาอัพซะแล้ว


โดย: Aree-Yong IP: 117.47.30.139 วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:17:31:22 น.  

 
เจ้าหญิง... ร้อง“แว้กกกกกก”เนี่ย เสียภาพพจน์นะเจ้าหญิงนะ หุหุ

หวานต่อไปดีแล้วครับ อย่าไปร้อนตามอากาศเลย ถึงจะหมั่นไส้เจ้าหนูมีร์ยังไง ก็ยังอยากอ่านแบบมีมดมาเดินเล่นแถวๆจอคอมพ์เป็นเพื่อนนะครับ

ปล. พี่กี้พอจะได้ข่าว 'พระเอกของจิ๊บ' บ้างรึเปล่าครับ คอยหาย คอยหาย มาเป็นเดือนแล้วน้า ยังไงพี่กี้ช่วยตามตัวมาให้หน่อย บอกว่ามีคนคิดถึง อิอิ


โดย: หยกสีน้ำผึ้ง IP: 124.122.55.208 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:22:27:56 น.  

 
อ๋า สวัสดีค่ะพี่กี้ ^^

มีอยู่ช่วงนึงเห็นพี่กี้ไม่ได้อัพบล็อกเลยไม่ค่อยได้เข้ามาดู
เลยลองไปตามหาที่เว็บบอร์ดแจ่มใสเมื่อสองสามวันก่อน
เลยตามกลับมาที่นี่อีกที ฮี่ๆๆ


ปุ้ยเพิ่งจะสั่งซื้อหนังสือพี่กี้เล่มแรกๆมาค่ะ
กระเป๋าเกือบฉีก แต่ก็หามาจนครบ




แค่นี้ก็รอคอยวันที่จะได้หนังสือ :D

เป็นกำลังใจให้พี่กี้นะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่า
จะคอยติดตามผลงานของพี่กี้นะคะ :)

SmiLeYz


โดย: SmiLeYz IP: 125.27.237.12 วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:22:52:26 น.  

 
ตามมาอ่านแล้วค่ะ หวานจังเลย


โดย: Violet Rose IP: 124.122.233.233 วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:20:43:22 น.  

 
กรี๊ดดดดด....
ขอกรี๊ดดังๆให้เลยค่ะ
ในที่สุดตอนที่รอคอยก็มาถึง ไม่ผิดหวังเลยค่ะ
อิอิ... ตอนนี้ยังไม่ลดดีกรีความหวานนะคะ

ช่วงนี้ฝนตกบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะคะพี่กี้
แล้วจะรอคอยตอนต่อไปค่ะ


โดย: sayuri_ko IP: 58.9.71.173 วันที่: 27 เมษายน 2552 เวลา:1:25:03 น.  

 
ฮือๆ
ขอสารภาพว่าพลาดงานเขียนพี่กี้มานาน
แล้วจะตามอ่านอ่าค่ะ



โดย: one-1 IP: 222.123.13.86 วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:48:22 น.  

 
สวัสดีค่ะP'กี้

มาลงลักษณ์อักขระ ว่าอ่านแล้วนะคะ--ศศรัศ-มีร์-ดา--
ชอบชื่อ'ผาตะวันวาด'ค่ะ เพราะดีจัง

--ยังคงติดตามผลงานเรื่อยไป--
-มิ้น-


โดย: Best_Witch IP: 61.19.66.245 วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:40:05 น.  

 
ว้าววว มาแล้วว แถมตอนนี้ยังแอบหวานอีกด้วย *v*


โดย: นู๋เต่า IP: 58.8.249.22 วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:56:32 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่กี้

คราวนี้รอนานจังเลยค่า โอ๋ก็เลยลืม ๆ เนื้อเรื่องไปบ้าง แต่พออ่านซักพักก็เริ่มประติดประต่อได้ในที่สุด

จะเปิดเทอมใหม่แล้ว ฤดูกาลก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นฤดูฝน ระวังเป็นไข้หวัดนะค้า รักษาสุขภาพนะค้า



โดย: oa (rosebay ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:28:07 น.  

 
ได้อ่านเรื่อง สะดุดรักนักข่าว แล้วค่า
ฮี่ๆๆๆๆๆ

ไม่ผิดหวังที่ไปสืบเสาะหามาได้
แต่ติดตรงที่ว่าหน้าขาดหายไปเกือบสิบหน้าแน่ะ TWT

กำลังหาวิธีเปลี่ยนอยู่ค่ะ
แต่อ่านจบแล้ว

ปลื้มแซมมี่กับดำปืนจริงๆ
55555


รีบๆออกเล่มใหม่เร็วๆนะคะ :)


โดย: SmiLeYz IP: 61.90.79.249 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:48:40 น.  

 


พี่กี้ขา...อรุณสวัสดิ์ค่ะ

มาตามอ่านต่อแล้วค่ะ.... คิดถึงพี่กี้ที่ซู๊ดเลยค่ะ


โดย: donutty IP: 203.154.154.162 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:09:56 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่กี้

ไม่ได้เข้ามานานเลย อิอิ

ดีใจจังที่ตอนใหม่มาแล้ว

รับอ่านทันที (แต่ว่าเมื่อไหร่จะเป็นเล่ม แบบว่าอารมณ์มันค้าง)

เข้าเรื่อง...

เจ้าชายน่ารักน้อ ...เพ้อ...เพ้อ...

แค่ "ทรงโอบไหล่จากด้านหลัง" ก็เคลิ้มแล้ว...

ยังให้ผ้าพันคอพี่ทำด้วยองค์เอง เฮ้อ...

หยุดเคลิ้มไม่ได้ ^^

รักเจ้าชายศวัสธร (มากๆๆ)

ฝนตกบ่อย ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ ^^


โดย: ปารัณ IP: 10.250.215.76, 203.172.199.254 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:45:07 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ครบหนี่งเดือนแล้ว อยากอ่านอีกจัง
คิดถึงเจ้าชายมากๆค่ะ


โดย: klinthip IP: 202.149.25.225 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:46:17 น.  

 
อยากอ่านเรื่องเบาสมอง แบบสาวใบไม้กับนายก้อนหิน รักหล่นบนไซเบอร์อีกอะ แต่เรื่องทีแล้วได้แต่ซื้อมายังไม่ได้อ่านเลยสักตัวเดียว


โดย: นกกระเต็น IP: 117.47.48.190 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:32:31 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่กี้ คิดถึงจังเลยค่ะ

เดี๋ยวลี่ตามอ่านตั้งแต่บทแรกก่อนนะคะ

ใกล้เปิดเทอมแล้ว ยังไม่อยากเปิดเลยอ่ะค่ะ ฮ่าๆๆ


โดย: lovekalo วันที่: 18 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:46:55 น.  

 
คุณครูขา ตามอ่านจนเหี่ยวแล้วอ่ะ ออกเล่มไวๆ นะค่ะ แบบว่าอยากอ่านๆ มากๆ รอซื้ออยู่นะค่ะ เอาแบบเดือนหน้าออกยิ่งดี จะเป็นพระคุณยิ่ง


โดย: ภา IP: 203.185.154.66 วันที่: 19 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:48:42 น.  

 
คิดถึงพี่กี้มากมาย มีผลงานมาให้หายคิดถึงไวไวนะค่ะ


โดย: กุ้งก้ามกราม IP: 10.10.11.205, 203.146.8.124 วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:56:30 น.  

 
มาใหม่ค่ะ...น่าอ่านจัง


โดย: สร้อยสยาม IP: 203.172.117.11 วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:13:32 น.  

 
มาประกาศตามหาพี่กี้หายครับ ^^


โดย: หยกสีน้ำผึ้ง IP: 124.121.34.73 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:6:07:37 น.  

 
ขอเชิญร่วมสัมนา “เปิดประตูสู่การเป็นนักเขียนประจำสำนักพิมพ์ ’ษาริน และการเพิ่มมูลค่างานเขียนนิยายรัก”

ดูรายละเอียดได้ที่
//www.sipprapa.net
ด้วยความขอบคุณ


โดย: sarinpub@yahoo.com IP: 117.47.43.199 วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:10:40:25 น.  

 
ครูครับ เหมียวเข้าชิง คืนนี้เชียร์สุดใจเลยสิครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 7 มิถุนายน 2552 เวลา:18:32:44 น.  

 
เข้ามารออ่านบทต่อไปค่ะ อยากให้รวมเล่มเร็วๆจัง ยังงัยก็รักษาสุขภาพทุกคนนะคะ


โดย: อัจ IP: 10.0.70.38, 203.209.80.45 วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:12:35:07 น.  

 


โดย: NtG (Nontagorn ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:09:29 น.  

 
คิดถึงเจ้าชายจะแย่อยู่แล้ว...


โดย: klinthip IP: 110.49.136.188 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:57:08 น.  

 
เข้ามาแว่บดูอีกที ยังไม่อัพอีกเหรอค่ะ พรุ่งนี้วันคล้ายวันเกิดพี่กี้แล้ว ก็ขอให้พี่กี้มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ คิดอะไรสมปรารถนาในสิ่งที่ดีนะคะ จะเป็นกำลังใจให้พี่กี้ตลอดไปค่ะ สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดค่ะ


โดย: อัจ IP: 124.122.156.113 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:25:00 น.  

 
ดีค่ะครูกี้...ดีใจที่มาครั้งนี้

แล้วสมใจยากกับเขาสักที


โดย: หนอนฮับ IP: 202.12.73.3 วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:38:19 น.  

 
นึกว่าพี่กี้จะลืมแล้วเสียอีก หรือหยุดเขียนเรื่องนี้เสียแล้ว

จะรออ่านตอนหน้าค่ะ


โดย: เรณุมาศ IP: 98.213.74.254 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:5:03:46 น.  

 
จะรออ่านบทต่อไปนะค่ะ คิดถึงเจ้าชายมากๆๆ


โดย: ning IP: 118.172.66.30 วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:14:52:07 น.  

 
คิดถึงเจ้าชายจังเลยค่ะพี่กี้


โดย: แว่น IP: 110.164.118.65 วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:20:55:16 น.  

 
คิดถึงเจ้าชายมาก ห่างหายไปนานเลยนะค่ะ


โดย: klinthip IP: 110.49.169.206 วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:2:11:49 น.  

 
เมื่อไหร่จะมาอัพซักทืล่ะคะ อาจารย์กี้ขา อาจารย์ให้รอหลายเดือนแล้วนะคะ มาหลอกให้สำลักน้ำตาลแล้วก็ทิ้งไปเฉยเลย


โดย: กาแฟเย็น IP: 202.151.6.30 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:8:04:36 น.  

 
พวลวลคะ
นานแล้วนะคะ แฮ่ๆ ^^'


โดย: nu@om IP: 94.197.10.248 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:5:05:41 น.  

 
รอนานอย่างงี้แปลว่ากำลังรวมเล่ม ชิมิๆ (กดดันคนแต่งสุดฤทธิ์ โฮ่ๆ)


โดย: ปารัณ IP: 202.28.27.5 วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:14:19:29 น.  

 
เลิกแต่งแล้วหรือคะ หรือว่ารวมเล่มแล้ว จะได้ไปตามหามาเป็นของตัวเอง จำหน่ายที่ไหน รบกวนบอกหน่อยนะคะ


โดย: ภาวดี IP: 172.16.8.16, 203.185.154.74 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:35:05 น.  

 
รอ ร้อ รอ >__<~


โดย: NtG (Nontagorn ) วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:36:07 น.  

 
คิดถึงพี่กี้และก็คิดถึงเจ้าชายกับมีร์มากๆๆค่ะ... หวังว่าปีใหม่นี้ขอให้ได้อ่านแบบรวมเล่มนะค่ะ... ดูแลสุขภาพด้วยนะค่ะเข้าฤดูหนาวแล้ว...


โดย: klinthip IP: 119.31.114.198 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:32:26 น.  

 
คิดถึงเจ้าชายจังค่ะ


โดย: แว่น IP: 203.193.111.22 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:14:41:09 น.  

 
อ่านหนังสือของคุณครูแล้วคิดถึง แวะมาเยี่ยมคุณครู ดูแลสุขภาพด้วยนะจ๊ะ


โดย: เจน julie janza IP: 202.149.25.225 วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:23:52:58 น.  

 
แวะมาเยี่ยมคุณครูแล้วก็เจ้าชายค่ะ


โดย: H2O IP: 61.7.132.154 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:32:30 น.  

 
O__o"


โดย: NtG (Nontagorn ) วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:15:32:14 น.  

 
คุณกี้คะ ตกลงไม่แต่งเรื่องนี้ต่อแล้วหรือคะ เห็นหายไปนาน หรือว่าไม่สบายเป็นอะไรหรือป่าว ถึงยังเขียนไม่เสร็จยังไงก็มาส่งข่าวกันหน่อยนะคะเป็นห่วงคะ


โดย: ภา IP: 172.16.8.16, 203.185.154.74 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:7:32:42 น.  

 
พี่กี้ขา นายน้อยของแว่น เมื่อไรจะแวะมาคะ ^_^ คิดถึง อยู่ตลอดเวลาค่ะ อิอิ


โดย: แว่น IP: 203.193.111.20 วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:10:33:31 น.  

 
มาตามถามข่าวว่าเป็นอย่างไรบ้างเงียบหายไป


โดย: ภา IP: 172.16.8.16, 203.185.154.74 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:31:26 น.  

 
รอคอยเจ้าชาย


โดย: H2O IP: 125.25.193.169 วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:18:04:54 น.  

 
โหห พีคุณครูกี้ หนูนึกว่าจะไม่ได้อ่านซะแล้ว

หลังจบบัลลังก์ดาวฯ มาประมาณ 3 ชาติเศษๆ ฮา สงสัยต้องรื้ออ่านใหม่ตั้งแต่บท 1 เลยทีเดียว 555


โดย: เดหลี IP: 210.213.30.115 วันที่: 29 สิงหาคม 2554 เวลา:10:44:22 น.  

 
พี่กี้คะ น้องแว่นยังรอพี่กี้อยู่นะคะ


โดย: แว่น IP: 195.47.251.183 วันที่: 7 มิถุนายน 2555 เวลา:10:40:43 น.  

 
ยังรอเหมือนเดิม


โดย: H2O IP: 118.175.226.80 วันที่: 27 กันยายน 2556 เวลา:16:06:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.