กันยายน 2554

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
30 กันยายน 2554
MALAYSIA....here i am....^^
ห่างหายจากบลอคนี้ไปนาน ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจไว้ตอนแรกว่าจะเขียนบลอคนี้อย่างจริงจังแต่เนื่องจากการเดินทางตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมาทำให้ไม่ได้เขียนอะไรเลย ดีแต่เอารูปไปแปะไว้ที่ FB~ ไม่เช่นนั้นความทรงจำคงเลือนหายไปหมดแล้ว ได้ฤกษ์เขียนบลอคนี้ซะทีนะจ๊ะ วันนี้

ปีนี้เป็นปีที่ได้เดินทางไปมาเลเซียมากที่สุด ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อนเลย ไม่เคยคิดจะอยากไป เพราะไม่เห็นว่าจะมีอะไร แต่เพราะเนื่องจากว่าสายการบิน Air asia ได้มีการทำการเปิดรูทบิน KL-ICN ซึ่งตอนเปิดตัวใหม่ ๆ ราคาโปรโมชั่นเจ๋งมาก พันต้น ๆ เท่านั้นก็เดินทางได้แล้ว มิหรือที่เราจะพลาดจองเอาไว้สองสาม
ฺBooking กันเลยทีเดียว ต้นปีนี้ก็เลยได้ใช้บริการเส้นทางการเิดินทางแห่งนี้ ซึ่งแตกต่างจากการเดินทางตรงจากกรุงเทพไปเกาหลีอย่างมาก ๆ เสียเวลามากกว่าเป็นสองเท่า แต่ก็ได้ประสบการ์ณใหม่ ๆ ที่ลืมไม่ลง โดยเฉพาะการเดินทางในมาเลเซียหนแรกที่ทำให้เราตกเครื่องบินจากกัวลาไปอินชอน ต้องรอไฟล์ใหม่ในวันถัดไป พร้อมกับคนเกาหลีอีกสองสามคนที่ตกเครื่องเหมือนกัน ก็ใครจะไปรู้ว่าไฟล์ตปท มันจะปิดเร็วและตรงเวลาเช่นนี้ ไปที่เคาน์เตอร์ก่อนเครื่องออก 45 นาทีนี่ไม่สามารถเช็คอินได้ ตอนนั้นโกรธจนน้ำตาร่วง แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ดี เพิ่งออกจาก ICU ได้ไม่กี่วัน ไม่มีแรงเถียง จนท ได้แต่น้ำตาตก นั่งรอไฟล์ถัดไปอีกวัน และเสียเงินเพิ่มอีกเก้าพันกว่าบาท สรุป แล้วซื้อโปรก็เหมือนไม่ได้ซื้อ เข็ดจนตาย แล้ว LCCT ของมาเลย์ก็มั่วมาก ๆ เวิ่นเว้อ ไม่ต่างจากหัวลำโพง การนอนค้างคืนที่นั่นถือเป็นอะไรที่แย่ แต่ก็ยังมีสิ่งดี ๆ เช่น มีอินเตอร์เน็ตฟรี มีห้องให้อาบน้ำ ห้องน้ำมีสายฉีด มีแมคโดนัลด์เปิดตลอด อย่างน้อยเหล่านี้ก็เป็นของจำเป็นสำหรับนักเดินทาง ที่สนามบินบ้านเราควรดูตัวอย่างเอาไว้บ้างนะจ๊ะ

ครั้งแรกที่ไปถึงมาเลเซีย ใช้บริการแทกซี่ในสนามบิน ไปส่งที่โรงแรม The malaysia hotel ที่ถนนบูกิต บินดัง เพราะดูจากในเวปไซด์ //www.themalaysiahotel.com/system.php
แล้วมันสวยงามมาก แทกซี่ที่พาไปส่งยี่ห้อนิสสันรุ่นอะไรสักอย่าง น่ารักดีแล้วคนขับก็นิสัยดีด้วย ชวนคุยตลอดสนุกดีนะ แต่ภาษาพื้นเมืองที่ไ้ด้ฟังครั้งแรกไม่คุ้นเลย รู้แต่บางคำเป็นจีน บางคำก็ไม่ใช่ เค้าคุยกับเพื่อนเค้า ฟังออกแค่คำจีนรู้แต่ว่าพูดถึงพวกเราอยุ่นี่แหละ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะแปลไม่ได้ออกมาก 55 พอเข้าถึงเขตเมืองกัวลาลัมเปอร์เค้าก็ชี้ให้ดูตึกปิโตรนาส ครั้งแรกที่เห็นจากตอนกลางคืน ตึกมันส่องแสงสว่างไสว สวยงามมากจริง ๆ เหมือนที่เคยเห็นตึกไทเป 101 ตอนกลางคืนครั้งแรกจากบนทางด่วนในไทเป ประทับใจจริง ๆ บ้านเราน่าจะมีตึกแบบนี้ แล้วติดไฟตอนกลางคืนให้สวย ๆ บ้าง จริงอยู่ใบหยกก็สูงแต่ตอนกลางคืนก็ไม่ได้สวยและเด่นเห็นได้จากที่ไกล ๆ เหมือนตึกดัง ๆ หลาย ๆ ตึกในเอเชียแบบนี้

แต่เมื่อมาถึงถนนบูกิตบินดัง เห็นโรงแรมแล้วนรกแตกมาก โรงแรมอย่างโทรมผิดกับรูปในเวปไซด์มากกกกกกกถึงมากที่สุด แต่ก็ช่างเหอะ เอาไว้นอนแค่คืนเดียวเลยไม่ได้คิดมาก อันนี้เป็นอุทาหรณ์ไว้ว่า ควรจะเ็ช็ครายละเอียดอะไรดี ๆ ไม่ใช่เห็นแ่ค่ในเวปสวย เข็ดจริง ๆ


รูปเริปอะไรเลยไม่ได้ถ่ายไว้หรอกนะ เพราะว่ามันเซ็ง ห้องน้ำก็เก่ามากก อาบน้ำทีนี่กลัวสุด ๆ กลัวอะไรมันจะหลุดออกมา ดีนะว่ามีน้ำหอมปรับอากาศไปไปถึงก็ฉีด ๆ ไว้ก่อน กลิ่นอับ ๆ ก็ดีขึ้น ค่อยพอหายใจได้หน่อย แถมได้ผ้าห่มจากสายการบินลุฟท์ฮันซ่ามาด้วย ก็เอามาปูนอนบนเตียงอีกที (รอบนี้ไปบินไปกลับด้วยลุฟท์ฮันซ่านะคะ ชอบมากเครื่องใหญ่ดี ^^ สะสมไมล์กับ ROP ได้ด้วยแม้จะแค่ 500 ไมล์ต่อเที่ยวก็ตาม )

เอาเป็นว่าผ่านรอบแรกของการตกเครื่องที่มาเลย์ไปอย่างปวดใจ เพราะเงินหายแถมสุขภาพจิตเสีย รูปก็ไม่ได้ถ่ายเพราะเวลาช่างน้อยนิดอีกวันก็ต่อเครื่องไปเกาหลีเลย จนอีกสักไม่กี่เดือนต่อมาก็บินไปมาเลเซียอีกที คราวนี้ไป Air asia แล้วถึง LCCT ก็เที่ยงคืนกว่า ๆ นั่งรถบัสต่อไปที่ Sentral แล้วต่อแทกซี่ไปแถว china town เพื่อเข้าพักที่ Reagge guesthouse2 เป็นที่พักที่ประทับใจมากที่สุดตั้งแต่เดินทางมาเลยก็ว่าได้ เสียดายตอนนี้ยังหารูปไม่เจอ ไว้เจอแล้วจะมาแปะใหม่ จริง ๆ จาก sentral ไป china town มันใกล้นิดเดียว แต่ตอนนั้นเกือบตีหนึ่งแล้ว พี่แทกซี่เลยเรียกซะ 20 ริงกิต ประมาณสองร้อยบาท แพงไปนะคะพี่ แต่มันดึกแล้ว ผู้หญิงคนเดียวเดินลากกระเป๋าแกร๊ก ๆ ก็ไม่ควรชิมิ

คืนนั้นก็หลับสบายที่เรกเก้ ไป คนที่เฝ้าอยู่ก็นิสัยดีมาก ๆ ด้วย ทุกวันนี้ยังจำหน้าได้ดีเลย ไว้มีโอกาสจะไปอีกนะจ๊ะ (ก็ยังมีตั๋วค้างอยู่ต้นปีหน้านะ แต่จะเดินทางหรือป่าวค่อยว่ากันอีกที จองตอนโปรหางแดงออกมารอบที่แล้วอีกแล้ว หุหุ) ไปมาเลย์รอบสองนี่โอเคกว่ารอบแรกมาก ๆ อะ แม้ว่ารอบแรกก็ประทับใจ ตรงที่ได้ไป Putrajaya แบบผ่าน ๆ เพราะนั่งรถเมล์สายผิด รอบนี้ก็คิดว่าจะมาใหม่ แต่ก็อด เวลาไม่พอตามระเบียบ ติดไว้ก่อน (อีกแล้ว)

พอตื่นเช้ามาอีกวันก็เลยไปเดินเล่นที่ตึกปิโตรนาส แบบที่อยากไปจากรอบที่แล้วซะที นั่งรถไฟฟ้าแล้วไปลงสถานี KLCC โผล่ออกมาเจอห้าง แล้วก็เดิน ๆ จนมาเจอแบบนี้




ไอ้เราก็ เอ....ตึกแฝดเจ้าอยู่หนใด ?? มองขึ้นไปก็มองไม่เห็นนะคะ เลยเดินวน ๆ ออกมา แดดก็แรงใช้ได้เลยตอนนั้น สักพักพอพ้นมุมตึกมา ก็เห็นแล้ว โอ...อยู่นี่เอง ปิโตรนาส




เลยขอถ่ายมาหลายรูปหน่อย แต่ย่อขนาดแบบมึน ๆ ขออภัยด้วยคะ่







ระหว่างเดินดูตึกเพลิดเพลิน ร้านรวงในห้างสรรพสินค้าแถวนี้ก็น่าชอปปิ้งมาก ๆ เสื้อผ้าที่กัวลาลัมเปอร์ที่เป็นแบรนด์อย่างเช่น Topshop,Zara ก็ราคาใกล้เคียงกับเมืองไทยนะคะ อาจจะมีถูกกว่าในบางรุ่น แต่เราไม่ได้เตรียมตัวไปชอปปิ้งก็เลยไม่ได้สืบราคามาล่วงหน้า เอาเป็นว่าเดินเล่นเพลิน ๆ ไป สักพักก็ลองเข้าเวปเช็ครายละเอียดเรื่องตั๋วคอนเสิร์ต ของ Tune talk ใช่แล้ว วันนี้ที่กัวลาลัมเปอร์มีคอนเสิร์ต world tour ของหนุ่มน้อย Justin bieber จริง ๆ แล้วเป้าหมายทริปนี้ของเราอยู่ที่สิงค์โปร์ แต่พอเห็นว่าจัสติน จะมาจัดคอนเสิร์ตที่มาเลย์วันนี้เลยทำให้ต้องเบนเข็มมาลงเครื่องที่มาเลย์ก่อนไปสิงค์โปร์ ก่อนหน้าจัสตินก็ไปเล่นที่สิงค์โปร์มา แต่ว่าบัตร Sold out เร็วมาก หาบัตรไม่ทัน ขนาดฝากคนสิงค์โปร์ซื้อยังไม่ทันเลย ก็เด็กเค้า Hot จริง ๆ นี่นะ แล้วโอกาสที่จะมาเมืองไทยนี่อยากมากอย่างที่รู้ ตอนนี้บ้านเราถูกศิลปินเกาหลียึดครองพื้นที่ไปเกินครึ่งแล้ว ถ้าเป็นศิลปินจากฝั่งยุโรป หรือ อเมริกา ต่อให้เป็นไอดอลเหมือนจัสตินนี่ โอกาสจะมาจัดคอนเสิร์ตบ้านเรายากจริง ๆ เพราะสปอนเซอร์ไม่เข้า ไม่มีคนสนับสนุน ถ้าไม่เก่งมาก ๆ อย่างพวกที่เป็นตำนานแล้ว โอกาสที่คนไทยจะได้ดูคอนเสิร์ตแบบนี้เป็นเรื่องยากทีเดียวหละ ในเมื่อมีโอกาส (อันเล็กน้อย) บ้าง ขอได้เห็นหน่อยแล้วกันจะได้รู้ว่า ทำไมเด็กคนนี้ถึงดังหนักดังหนาเนอะ

เข้าไปเช็คในเวปไซด์ Tune talk tikcet โดยผ่านการใช้งานจากซิม Tune talk ที่ซื้อจากสนามบิน อันนี้ก็ประทับใจมาก ๆ หละ ซื้อมาเพียงแค่ 5 ริงกิต หรือประมาณ 50 สิบบาทไทย แต่สามารถโทรออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะเมืองไทยได้อย่างเมามันส์มาก ค่าโทรสุดประหยัด แถมเล่นเอจได้อย่างรวดเร็วมาก เราเล่นตลอดเวลาที่อยู่ที่มาเลเซียเลยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมด คุ้มมาก ๆ จริง ๆ


พอเช็คแล้วก็อึ้ง ๆ อยู่ ๆ บัตรคอนเสิร์ตที่เคยมีเหลือเยอะแยะหลายโซนก็ขึ้นตัวแดงว่า Sold out หมดทุกโซน กรี๊ดดดด เป็นไปได้ไง ตัดสินใจเดินออกมาว่าจะหาแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปที่ stadium ที่จัดงานคอนเสิร์ตนั้นเลย มายืนดูแผนที่ตรงป้ายรถเมลท์แล้วถามคนแถวนั้นดู ทุกคนก็บอกว่าให้ขึ้นรถไฟฟ้าไปจะง่ายกว่า โดยให้ย้อนไปที่สถานีตรง China town แล้วเดินไปไม่ไกล เอาจริง ๆ ไม่ได้ทำการบ้านอะไรมาเลยว่า stadium นี้มันอยู่ตรงไหน คิดว่ามาแล้วก็คงหาได้เองหละ แต่พอรู้ว่ามันอยู่ใกล้ China town นี่กรี๊ดมาก เพราะว่าใกล้ที่พักอย่างน้อยเลิกดึกก็ไม่ต้องเสียเงินค่าแทกซี่แพงแล้ว ก็เลยย้อนกลับมาที่สถานี Pasar seni ที่เราขึ้นไปตึกแฝดตอนแรก แล้วก็ลงมาเดินถาม ๆ คนแถวนั้น เดินมาไม่ไกลมาก แต่เนื่องจากแดดร้อนก็เลยเหนือยนิดนึงก็ถึงตรงที่เค้าัจัดงานคอนเสิร์ต เดินผ่านตึกเก่า ๆ ใกล้ ๆ สถานี รู้สึกว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือสถานพักฟื้น ตัวตึกเ่ก่า ๆ สวยดี





เดินมาอีกนิดก็เจอที่จัดคอนเสิร์ต เป็น outdoor concert หรือนี่ งานเ้ข้า ถ้าฝนตกจะทำยังไงหละ
มาถึงเค้ายัง sound check กันอยู่เลย ก็เดิน ๆ หาที่ขายตั๋วก่อน เดี๋ยวไม่มีตั๋วดูนะ






ได้ตั๋วแล้วถึงสบายใจได้ แล้วตั๋วตรงเคาน์เตอร์ที่ขายก็ยังมีอีกเยอะเลยหละ แอบเจอคนไทยด้วยนะ แต่ส่วนมากจะมากันเป็นกลุ่ม คงจะมีกระเหรี่ยงอย่างเราที่ไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวนี่หละ 555 จากนั้นก็เลยกลับที่พักเพราะว่าอากาศร้อนอบอ้าวมาก กลับมานั่งเล่นเน็ต กินกาแฟ ตากแอร์ที่เกสเฮ้าส์ดีกว่า (ยังหารูปไม่เจออยู่ เศร้าใจ TT ) พอเย็น ๆ ก็ออกไปที่สนามกีฬาใหม่อีกที ตอนนี้คนเข้าแถวกันเยอะมากแล้ว อิชั้นก็แต่งตัวสวยงาม ใส่รองเท้าส้นสูงกันเลยทีเดียว ตอนเดินไปลมพัดเย็น ๆ ฟ้าครึ้ม ๆ คิดว่าไม่น่ารอด ฝนตกแน่ ๆ ไปยืนรอ ๆ เข้าแถวอยุ่สักพัก (จะเข้าทำไมก็ไม่รู้ ที่นั่งมันก็มีบอกอยู่แล้วไมใช่บัตรยืนซะหน่อยนะ )

รอได้ไม่นานหละ ฝนก็ตกลงมา Tune talk เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ของคอนเสิร์ตนี้ก็เอาเสื้อกันฝนสีแดงมาแจก ทีนี้พอทุกคนสวมก็กลายเป็นแดงเถือกไปทั้งหมด เหมือนมาดูบอลกันมากกว่า นะ ประมาณวันแดงเดือดได้ 555 แต่รองเท้าส้นสูงไม่เป็นใจแร๊ะ พื้นสนามที่จัดเป็นหญ้า เหยีบบทีก็มีแต่ขี้โคลน คอนเสิร์ตก็ไม่มีทีท่าจะเล่นง่าย ๆ เพราะฝนยังตกอยู่ นึกแล้วก็เดินกลับไปเปลี่ยนรองเท้าดีกว่า โชคดีจริง ๆ ที่เกสเฮ้าส์อยู่ใกล้ กลับไปเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะเลยทีนี้ ถึงไหนถึงกัน 55

กว่าคอนเสิร์ตจะเริ่มได้ก็เกือบสองทุ่มแล้ว หลังจากฝนหยุดตกพักใหญ่ งานก็เริ่ม สังเกตดูว่าคนที่มาดูคอนเสิร์ตนี้มีหลายวัยมาก ๆ เลย แต่ที่ประทับใจมากนอกจากจัสตินแล้วก็คือ เด็ก ๆ มาเลเซีย เด็กอายุประมาณห้าหกขวบ นี่มาดูกันเยอะมากและร้องเพลงได้เกือบทุกเพลง แถมภาษาอังกฤษที่ร้องออกมาหรือใช้คุยกันในบางทีนี่สำเนียงดีมาก ๆ อะ นึกแล้วย้อนกลับมาที่เมืองไทย การศึกษาขั้นพื้นฐานนี่สำคัญมาก ๆ นะ ภาษาอังกฤษก็สำคัญเช่นกัน อยากให้เด็ก ๆ ที่เมืองไทยฟังและพูดภาษาอังกฤษได้แบบเด็กที่มาเลย์บ้าง เริ่มจากคนที่บ้านเราเองก่อนก็ได้ คงต้องปลูกฝังตรงนี้ไว้มาก ๆ แล้วหละจริง ๆ

คอนเสิร์ตทั่วไปก็สนุกดี ๆ แสงเสียงอลังการสมที่เป็นคอนเสิร์ตจากอเมริกา ไม่ได้รับความรู้สึกนี้มานานแล้วหลังจากที่เคยได้ตอนดูคอนเสิร์ตไมเคิล แจ็คสัน ที่เมืองไทย (นั่นมันนานมากแล้วนะ ) ถึงแม้จัสตินยังไม่เก่งเท่าไมเคิล แต่ความเป็น Super star ก็ เอาคนอยู่ ตั้งแต่แถวหน้ายันแถวสุดท้ายของสนามหละ ประทับใจดี








เดี๋ยวขอไปค้นรูปก่อน แล้วจะมาอัพมาเลเซียใหม่อีกทีนะคะ บลอคถัดไปจะไปสิงค์โปร์ค่ะ ^^







Create Date : 30 กันยายน 2554
Last Update : 30 กันยายน 2554 11:22:04 น.
Counter : 1006 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ศุจิกา
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เป็นคนมีชีวิตอยู่สองโลก
ฺฺBangkok-Seoul

ยินดีต้อนรับเพื่อนๆทุกท่านค่ะ ^^