Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2565
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
7 พฤษภาคม 2565
 
All Blogs
 

SPITI (ปี 3) ค่ำคืนที่ครึกครื้นใน Kaza




Kaza, Spiti Valley
Himachal Pradesh

มันน่าจะเป็นจุดหมายของใครหลายคนอยู่เหมือนกัน หลังจากไปป้วนเปี้ยนสืบข้อมูล
การเดินรถโดยสารที่ศูนย์บริการข้อมูลฯ 
ของรัฐในเลห์ (ลาดัก) ก็ได้เห็นนักท่องเที่ยว
บางรายสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงจุดเชื่อม
ต่อไปยังหุบเขาสปิติเช่นกัน   
พวกเขาคาดหวัง
ว่าจะมีรถรับจ้างวิ่งต่อจาก
Keylong ตรงเข้า Kaza...ก็แอบฟังอยู่ห่าง ๆ นะ  เผื่อว่าจะ
ได้คำตอบนี้ด้วย เป็นที่น่าเสียดายเจ้าหน้าที่ฯ ไม่ได้ทราบถึงข้อมูลที่อยู่ภายนอกเขต
พื้นที่รับผิดชอบของเขา

แต่ยังมีเรื่องที่ฟังดูตลกดีเหมือนกัน เมื่อได้ยินชาวต่างชาติพูดถึง เมืองกาซ่า
หรือคาซ่า  เจ้าหน้าที่ผู้ให้ข้อมูลชาวลาดักซึ่งยืนประจำโต๊ะ  
ณ เวลานั้น กลับบอก
ทวนชื่อของ
Kaza ให้ฟังใหม่แทนว่า กาจ้า!



 

 

(ต่อจากตอนเดิม)

เรื่องของแหล่งที่พักใน Kaza ถ้าพูดแบบคนเคยมา ก็หาได้ไม่ยาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาลท่องเที่ยวแบบนี้กับสภาพอากาศไม่หนาวเย็นจน
น่าขนลุกจนเกินไป เจ้าของกิจการท้องถิ่นเหล่านี้ จะยังไม่หนี(หนาว)ออกไป
พักร้อนกันแถว ๆ เมือง Mandi กันเกือบหมด ก็จะมีตัวเลือกเยอะพอสมควรเลย


เรามาตั้งหลักที่ฝั่งท่ารถ ย่านนี้มีตลาด ร้านค้า และร้านอาหาร แต่มันก็จอแจจน
เกินไป ที่พักเดิมพุ่งราคาค่าห้องเป็นเท่าตัว เลยต้องตบเท้ากลับหลังหันเปลี่ยน
ทิศย้อนศรไปอีกทาง ข้ามสะพานเชื่อมไปที่ย่าน New Kaza แทนละกัน ถึงแม้ว่า
เพิ่งจะนั่งรถเลยผ่านมาหมาด ๆ ไปแล้ว  คงน่าจะมีอีกเกสเฮาส์หนึ่งทีเข้าพักด้วย
แล้ว
สบายใจกว่านี้








KUNZUM GUESTHOUSE

4 ปีก่อน ประตูเดิมหน้าทางเข้าเป็นไม้และตอนนี้เปลี่ยนเป็นเหล็กเป็นที่เรียบร้อย
แม้ว่าการต่อเติมอาคารเป็นสองชั้นเพื่อขยับขยาย จะทำให้เกสเฮาส์นี้ดูเปลี่ยนไป
จนเริ่มไม่มั่นใจว่ายังเป็นกิจการเดิมของครอบครัวป้าคุนซุมหรือไม่ ชื่อเก่าที่ติดไว้

ตรงป้ายอาจพอช่วยยืนยันได้อยู่ว่าเป็นเจ้าของเดิม

 

"จูเล"

 

พอก้าวผ่านประตูเหล็กบานเขียว เราก็ส่งเสียงทักให้เจ้าบ้านได้ยิน คำว่า จูเล
หรือในอีกความหมายคือ สวัสดี ขอบคุณ ลาก่อน ที่เคยจำติดปากมาจากลาดัก
ก็สามารถเอามาใช้ที่นี่ได้เช่นกัน

 



สาวสปิติผมเปียยาวรายหนึ่ง ผู้เป็นสมาชิกของครอบครัวนี้เดินลงจากบ้านออกมา
ต้อนรับผู้มาเยือนรายใหม่ที่เพิ่งจะมาถึงในเวลาเย็น เธอแนะนำห้องพักที่ใหญ่สำหรับ
นอนได้สี่คน ไล่ขนาดลงเรื่อยมาและตกลงที่จะให้ห้องเล็กสำหรับคนเดียว หลังจาก
ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ก็แอบถามถึงคุณป้าที่เป็นผู้ดูแลเกสเฮาส์

"แม่ฉันเอง! ตอนนี้เธอออกไปดูแลร้านค้า"

ว่าแล้วเธอก็ชี้ไปอีกทิศทางหนึ่่ง เป็นคนละฟากกับหน้าที่พัก
โอ้โห สงสัยป้าขยายกิจการเปิดร้านใหญ่โตกว่าเก่าแล้วแหง

นอกเหนือจากนี้ ก็เหลือบไปเจอสาวแว่นอีกรายที่เราคุ้นหน้ามาก เพราะเป็นคนมา
เก็บเศษแก้วกับเอาพลาสเตอร์มาปิดแผลให้กับเราตอนที่ล้มลื่นหน้าห้องน้ำ เป็นพื้น
ปูนที่เคยมีน้ำหยดไหลจนเปียกนองจากสายยางที่เชื่อมต่อกับก็อกไม่สนิท และมัน
กลายสถานะเป็นน้ำแข็งในตอนท้าย – โอเค นั่นคือสภาพอากาศที่พอจะอธิบายได้
หากใครอยากลองมาในช่วงปลายเดือนตุลาคม

 

ถัดจากการเอาสัมภาระเก็บห้องให้พอเบาตัว สวมรองเท้าแตะ เพื่อผ่อนคลายตัวเอง
ก็ต้องมาเสียแรงกับความพยายามดันประตูให้ตัวล็อคมันขยับให้ตรงกับแม่กุญแจที่จะ
นำไปคล้อง เปิด ๆ ปิด ๆ ทะเลาะกับบานพับนานมาก จนได้ยินสำเนียงแบบลันดั้น 
พูด
สวนมาแบบนุ่มนวล  "เธอควรจะเรียนรู้เรื่องการไว้วางใจมากกว่านี้นะ"


ชายชาวตะวันตกวัยสี่สิบกว่า กำลังพักผ่อนบนม้านั่งพลาสติกอยู่เยื้องไม่ไกลจาก
ฟากที่เรายืนนัก ด้วยสำเนียงการพูดจาดูคล้ายกับป้าจูเลียต ก็เลยทึกทักเองว่าคง
เป็นชาวลอนดอน (ซึ่งก็ใช่) หลังประสบความสำเร็จกับการคล้องประตูแล้วก็แวะ
ไปคุยด้วยสักหน่อย


เขาชื่อว่า จอร์จ เคยเดินทางมาที่หุบเขาสปิติมาแล้วเมื่อหกปีก่อน
ส่วนเหตุผลของการกลับมาก็คงไม่ต่างไปจากเรานักนั่นก็คือ…แค่คิดถึง


"ทีแรกก็จำไม่ได้หรอกว่าผ่านไปนานแค่ไหน จนอัลบั้มรูปใน google photo
มันผุดโชว์ขึ้นเตือนถึงความทรงจำเมื่อหกปีก่อน" เยี่ยมจริง ๆ

พี่จอร์จรื้อฟื้นความทรงจำเล็ก ๆ บางอย่างกับเกสเฮาส์แห่งนี้ให้ฟัง  เมื่อมีหมาสีขาว
ตัวหนึ่งโผล่มาให้เห็น ช่วงล่างของลำตัวตั้งแต่เท้าจนถึงไหล่และก้นเลอะเทอะ
ไป
ด้วยโคลนราวกับว่ามีใครจับตัวมันไปจุ่มฟองดู แววตาของมันเหมือนจะไม่ดุร้ายแต่
ก็
ไม่ค่อย peaceful เท่าไหร่  

"ตอนเป็นลูกหมามันเคยโดนล่ามไว้ตลอด แต่เดี๋ยวนี้...ดูสิ มันมีอิสระแล้ว"

 


มันกลายเป็นหมาขี้กลัวไม่กล้าวิ่งไปไกลเกินหน้าบ้าน พี่จอร์จเชื่อแบบนั้น
พักหนึ่งทฤษฎีของแกคงไม่เป็นจริง เมื่อเจ้าขาวมันออกไปวิ่งไล่หมาหมู่แปลกหน้า
ที่มาป้วนเปี้ยนหน้าประตูอย่างบ้าคลั่ง จนแกต้องออกหน้าไปต้อนมันกลับบ้านและ
เลื่อนปิดประตูเหล็กไว้ พร้อมออกอาการเหนื่อยหอบเบา ๆ 555

ไม่นานนัก ป้าคุมซุม ก็ออกมานั่งร่วมวงกับพวกเรา พร้อมยกชานมผสมขิงมาให้จิบ
ถึงแกจะฟัง
พวกเราไม่ค่อยออก แต่จากสีหน้ากับแววตาดูแกมีความสุขดีเวลาได้นั่งอยู่
ท่ามกลาง
แขกแปลกหน้าที่มาเข้าพักยังเกสเฮาส์นี้ มันเป็นอัธยาศัยที่ป้ายังคงรักษาไว้ 
นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราย้อนกลับมาพักกับที่นี่


เราหยิบแผนที่ที่คัดลอกมาจากอินเตอร์เน็ตอีกที มากางโชว์เพื่อถามพี่จอร์จ
สำหรับคำแนะนำ เพราะถึงจะเคยมา...แต่ก็ไม่ได้เที่ยวจนทั่วและรู้ไปทุกเรื่อง
หลังคุยกันพอได้ข้อมูลแบบกรุบกริบ พอนึกขึ้นได้ว่าในช่วงค่ำมีงานเทศกาลฯ
ที่จะจัดขึ้นแถวโรงเรียน...พี่จอร์จโบกมือขอพัก แกว่าเพิ่งมาถึงและรู้สึกมึนหัว
ไม่อยากเดินเหินไปไหนถ้าไม่จำเป็น เพราะอยากปรับตัวกับพื้นที่สูงเสียก่อน


เชื่อว่า พี่จอร์จน่าจะหมดพลังไปตั้งแต่วิ่งตามไอ้ขาวกลับบ้านแล้วล่ะ  118


พวกเราลากันตรงนั้น ถึงจะพักอยู่ในเกสเฮาส์เดียวก็จริง แต่ Kaza ก็เป็น
แค่เมืองที่แวะพักเพียงระยะสั้น ๆ สำหรับการตั้งหลักเดินทางเท่านั้น

 

 

 

เดินตามเสียงดนตรีไป เธอจะเห็นเองว่างานจัดที่อยู่บริเวณไหน 

ภายหลังสอบถามเรื่องงานในค่ำคืนนี้  ไม่มีใครสักคนในเกสเฮาส์ที่คิดจะหอบลูกจูงหลาน
ไปเที่ยวกันเลย พวกเขาได้แต่แนะนำทิศทางให้รู้คร่าว ๆ เพียงเท่านี้แอบอยากรู้จังว่า
จะเป็น
งาน
ที่จัดขึ้นในธีมไหนสำหรับนักท่องเที่ยวหรือชาวเมืองกันนะ?



ถึงคำแนะนำข้างต้นจะฟังดูแปลก ๆ  เอาเข้าจริงแล้ว เราก็เดินลัดเลาะออกจากที่พัก
ไปตามเสียงเพลง จนพบกับบริเวณ
พื้นที่จัดงานมีการทำเวทีและเต็นท์สำหรับจัดพื้นที่
ให้ผู้คนเข้ามานั่งชม และมีเก้าอี้
ที่จัดวางให้กับ V.I.P. จำนวนหนึ่ง เรามาถึงในช่วงใกล้
ค่ำมืดและเริ่มมีผู้คนทยอยมาหา
มุมเหมาะ ๆ ที่พอจะให้เห็นการแสดงได้ง่าย บ้างก็นั่งลง
บนพื้น บ้างก็ยืนชะเง้อเอา
จากข้างเต็นท์

 

เด็กบางรายแต่งตัวด้วยชุดที่เป็นพื้นเมือง พวกเขาสวมหมวกแบบชาวหิมาจัล
บ้างก็เป็นแบบแถบสีเขียว แดง หรือมีลวดลายจากการทอ
 แต่ก็ยังมีอีกรูปแบบ
ที่เป็นสีเข้ม และดูเหมือนจะติดสัญลักษณ์ที่พับจีบเป็นทรงกลมคล้ายดอกไม้
ติดอยู่ที่ด้านหน้า ดูแปลกตาดี...เป็นรูปแบบหมวกของชาว Lahaul ย่านที่เป็น
บ้านใกล้เรือนเคีงกับ Spiti นั่นเอง



เสียงอึกทึกจากบนเวทีมาจากการเช็คครื่องเสียงและซักซ้อมลองไมค์ มีจอฉาย
โปรเจคเตอร์ถูกตั้งไว้ทางฝั่งขวามือ ฉายภาพสถานที่ ทิวทัศน์
และการแสดงพื้นบ้าน
คั่นสลับกันไปมา พิธีกรบนเวทีดำเนินรายการเป็น 
ภาษาฮินดี  ถึงฟังไม่ค่อยออกเราก็
พยายามเงี่ยหูฟังตลอดด้วยเรื่องไม่
เป็นเรื่องเพื่อจับเสียงให้ได้ว่าเมืองนี้มันควรเป็น
กาซ่า หรือ กาจ้า   11

 

มีการสร้างบรรยากาศร้องเพลงแสดงดนตรีเพื่อเปิดงาน ก่อนจะเริ่มมีการเคลียร์
พื้นที่บริเวณด้านหน้าโดยผู้หญิงในเครื่องแบบ (ไม่แน่ใจว่าเป็นตำรวจหรือเปล่า)
เธอพยายามจัดผู้คนให้เขยิบร่นออกห่างจากเวที เว้นระยะให้กับการแสดงท้องถิ่น
ที่ต้องล้อมวงเต้นเปิดงานด้านล่าง เพราะไม่สามารถใช้พื้นที่บนเวทีที่มีจำกัดได้
ผู้คนที่มานั่งร่วมชมงานก็เต็มไปด้วยชาวบ้านท้องถิ่น มีคนต่างชาติบางส่วนเข้ามา
ร่วมวงด้วย บางรายก็ดูว่าอินมาก ถึงกับซื้อผ้าคลุมผมแบบสาวชาวสปิติมาโพกคลุม
ศีรษะ จนดูกลมกลืนไปเลยอย่างเช่นสองสาวชาวรัสเซียที่นั่งเยื้องอยู่ด้านหน้าถัดไป

ช่วงที่น่าตื่นเต้นคงหนีไม่พ้นการจับเลขรางวัล ลุ้นรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอื่น ๆ 
ดูเขาลุ้นกันแล้วก็น่าสนุกดี หลังจบการแสดงท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ฯ ก็เปิดพื้นที่
ให้เขยิบเข้าใกล้เวทีมากขึ้น ซึ่งเราก็ขยับย้ายไม่ทันเขาแล้วนะ แทบต้องนั่งมอง
และเก็บภาพจากจุดเดิมจุดเดียวตลอดงาน ...แน่นอนว่า ปัญหาเดียวของเราก็คือ
เลนส์กล้องที่มีอยู่ ณ ตอนนั้น มันซูมไม่ได้ ก็จะแอบเซ็งนิด ๆ  


ถ่ายวีดิโอมาค่อนข้างเยอะ เอนทรี่นี้จะแทรกคลิปไว้นะคะ Fix lens กับภาพระยะไกล 
นี่ไม่ไหวจะเคลียร์จริง ส่วนภาพบนเวทีถ้าไม่ครอปออกก็จะเห็นแต่หัวคนสวมผ้าคลุม
เด่นเป็นสง่าแย่งซีนไปเลยแหละ 





⭗ ชาวเมืองที่มารอชมงานแสดงบนเวที รวมถึงรอจัดสลากลุ้นรางวัลในช่วงหัวค่ำ




⭗ โซนที่นั่งพิเศษสำหรับ V.I.P. และบุคคลทั่วไปถัดจากนั้น (ดูห่างเกินไป จับภาพบนเวทีลำบากเราเลยต้องมานั่งที่พื้นล่าง)




⭗ การแสดงแรกที่ใช้เปิดงานคืนนี้อย่างเป็นทางการ  




[คลิป] https://www.youtube.com/watch?v=renXK9R_OOw

หลังจากนี้ก็จะเป็นการแสดงของเด็กนักเรียน โดยมากก็จะเปิดเพลงเต้นกัน
การแต่งกายก็จะเป็นรูปแบบของกลุ่มชาติพันธุ์และวัฒนธรรมในรัฐหิมาจัลประเทศ ละแวก Spiti - Kinnaur
และ Lahaul  อย่างไรก็ดี มีกลุ่มการแสดงของเด็กต่างถิ่นอย่าง ชาวเนปาล อีกด้วย พวกน้อง ๆ สวมชุดเหมือน
ส่าหรีแล้วเต้นละม้ายคล้ายอินเดียที่สุดแล้ว--ถ้าให้เทียบกับกลุ่มอื่น (ฮา) ทราบมาว่ามีลูกหลานของคนเนปาล
ที่เข้ามาทำงานอยู่แถวนี้ก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย 





การแสดงของกลุ่มนักเรียนฝั่ง Lahaul
[คลิป] https://www.youtube.com/watch?v=JDuqBXZXm7A



การแสดงของกลุ่มนักเรียนฝั่ง Kinnaur  
[คลิป] https://www.youtube.com/watch?v=Ev0_U_-VHVI



การแสดงของกลุ่มไหนก็ไม่รู้นะ เนี่ย...ไม่ตั้งใจฟังเสียงประกาศเอาซะเลย ^^
จะเห็นว่าบนเวทีมีนักบวชยืนอยู่ ไม่ใช่ว่าเข้าไปร่วมแสดงหรอกนะ
แค่เอาผ้าคะตักผืนขาวไปคล้องอวยพรให้กับกลุ่มนักดนตรีเท่านั้น






[คลิป] https://www.youtube.com/watch?v=Dwf49MlDxB4

ละครสั้น ใจความสั้น ๆ ที่ลองถามถึงเนื้อหาโดยรวม พวกเขาสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่สปิติกำลัง
เผชิญ เช่น คำแนะนำการทำไร่นาด้วยวิถีประหลาดจาก
คนนอกพื้นที่ เยาวชนโดนชักจูงไปในทางที่ผิด 
ปั
ญหายาเสพติด เป็นต้น 


[คลิป] https://www.youtube.com/watch?v=9IyZw3ZCW5Y

การแสดงของกลุ่มนักเรียน ที่เราชอบที่สุดก็น่าจะเป็นอันนี้ 
พวกเขาใช้เสียงเพลงประกอบที่ล้อมวงร้องกันตรงขอบเวที (มุมซ้าย) 



รูปแบบการเต้นของย่านนี้ ก็มักจะเป็นการล้อมวงและใช้เท้าก้าวย่ำตามจังหวะเพลง 
ท่วงท่าจากมือไม่ค่อยมีบทนำเท่าไหร่ อาจมีใช้คล้องแขนบ้างในบางช่วง ทำนองดนตรี
พื้นบ้านแถวนี้ต่างไปจากที่อื่น ๆ ในอินเดีย คุณอาจไม่ได้ยินเสียงเครื่องสายอย่างซีตาร์
ดีดคลอ หง่าว ๆ หรือกลองทาบล้าดังประสาน ตึ้ม ตึ่ม ๆๆ อยู่ในนั้น แต่เวลาที่ได้ฟังแล้ว
คุณจะนึกออกได้ทันทีเลยล่ะว่าเป็นทำนองเพลงจากพื้นที่ไหนกัน  

พอถึงช่วงท้าย ๆ ที่เหล่าการแสดงของนักเรียนหมดลง ผู้คนบางส่วนที่มาดูลูก ๆ หลาน ๆ
ก็พากันเดินจูงมือกลับบ้าน จำนวนผู้คนลดหายไปแต่ก็ไม่มาก กลุ่มที่ยังคงปักหลักก็เยอะ
อยู่นะ  เราลุกเดินมาออกจากที่ตรงนั้น มาหาของกินเล่นที่มีขายตามแนวอัฒจันทร์ปูนใน
โซนจัดงานนี้ เก้าอี้บางส่วนถูกยกออกไป แทบไม่มีใครนั่งในซุ้มกันแล้ว  หลังใช้เวลาครู่
หนึ่งปรับเครื่องเสียงและผู้ดำเนินรายการ เวทีนั้นก็กลายเป็นการเปิดคอนเสิร์ตเล็ก ๆ แทน

ผู้คนที่รอช่วงเวลานี้เตรียมวอร์มเสียงร้องคลอตาม ขยับเท้า และเต้น กันอย่างครึกครื้น
ปนเปไปทั้งชาวเมืองและผู้คนต่างถิ่น ในค่ำคืนสุดท้ายของงานเทศกาล แน่นอนว่าพบ
เจอคนกลุ่มไหนยืนล้อมวงย่ำเท้าเต้นกัน พวกเขาคงเป็นชาว Himachali เป็นแน่แท้ 




[คลิป]https://www.youtube.com/watch?v=A7kTuoYUFpk

ก่อนออกพ้นจากบริเวณนี้ดูเวลาก็ปาไปสามทุ่มกว่า เสียงเพลงที่ดังไล่หลังมายังคงดังอยู่ไม่ขาดสาย
นักร้องนำอาจเป็นศิลปินท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จัก ดูท่าทางแล้วค่ำคืนนี้ยังคงอีกยาวไกล ร้านขายไวน์และ
เหล้าก็ยังเปิดทำการอยู่เลย  เอ๊ะ...สำหรับชีวิตคนในเมือง ฟังดูแล้วก็คงบอกว่า 'ก็ปกตินี่'  

แต่ในมุมมองของเรามันกลับย้อนไปหาความรู้สึกแรกที่เคยมีต่อที่นี่  เมืองกลางหุบเขาที่เคยเงียบสงัด 
ตั้งแต่หนึ่งทุ่ม ช่วงเวลาที่เหมือนกับถูกพาหลุดออกมาอยู่อีกโลกครั้งนั้น มันไม่ได้กลับออกมาทัก
ทายอีกต่อไปแล้วใช่มั้ย
... เอาน่า เราแค่ไม่เคยเดินทางมาในฤดูท่องเที่ยวแบบนี้ และหากความบันเทิง
ที่นานทีปีหนชาวเมืองเขาจะได้ครื้นเครงกันบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร  



 




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2565
8 comments
Last Update : 7 พฤษภาคม 2565 22:18:08 น.
Counter : 787 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtoor36, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณ**mp5**, คุณอุ้มสี, คุณKavanich96, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก

 



SPITI 2014

หนึ่งทุ่มแล้ว นอนหลับกันหมดทั้งหมู่บ้าน
ช่างเป็นที่ ๆ เงียบสงัดที่สุดในโลก

.....

SPITI 2019

สี่ทุ่มแล้วววว ร้องรำทำเพลงกันลั่นงานอยู่เลย

 

โดย: กาบริเอล 7 พฤษภาคม 2565 12:53:33 น.  

 

เปิดยูทูปฟังดนตรีกับเสียงร้อง ของนักเรียน เสียงกลองคล้าย
ปะโท่น ๆ ของไทย

คุณฟ้าได้ไปเที่ยวหลากหลาย ดีจังครับ

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 7 พฤษภาคม 2565 15:53:56 น.  

 

บางทีนักท่องเที่ยวก็ติดใจบรรยากาศของสถานที่นั้นๆ จนแวะกลับมาใหม่นะ นั่งฟังแต่ฟังไม่รู้เรื่องประมาณว่าได้เห็นผู้คนมีความสุขก็รับบรรยากาศแห่งความสุขนั้นมาด้วย

ถ้าเป็นช่วงนี้น่าจะไปเที่ยวยากขึ้นนะครับ โควิดระบาดไปทั่วโลกแบบนี้ ยังไม่มีทีท่าจะดีขึ้นเท่าไหร่เลยด้วย

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 7 พฤษภาคม 2565 21:59:02 น.  

 

แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ

 

โดย: **mp5** 9 พฤษภาคม 2565 10:35:38 น.  

 

ภาพสุนัขที่แรกคิดว่าเป็น ลิง จนกระทั้งอ่านถึงได้รู้...ฮ่า
งานเขาคล้ายๆงานในต่างจังหวัดของไทยเรา...
จิตนาการตามที่เล่ามา ขอชมการใช้ภาษาเขียน เหมือนภาษาที่ใช้ในนิตยสารท่องเที่ยว
หยิบเรื่องราวมาเล่าเป็นฉากๆอ่านแล้วเพลิน การเล่าเรื่งและเขียนได้แบบนี่เก่ง ผมอยากรู้ว่าต้องเรียนมาใช่เปล่าครับ จึงจะเรียบเรียงประโยคได้ละเอียดมากๆระดับหนึ่ง

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 4149951 9 พฤษภาคม 2565 14:55:09 น.  

 

ชอบงานเขียน
ไดอารี่ของน้องฟ้า

 

โดย: อุ้มสี 9 พฤษภาคม 2565 18:56:11 น.  

 

ขอบคุณที่แบ่งปัน

 

โดย: Kavanich96 10 พฤษภาคม 2565 7:57:17 น.  

 

จริง ๆ การที่รู้ว่าชื่อ Kaza ออกเสียงว่า "กาจ้า" ก็ดีเหมือนกัน
พอเห็นชื่อแล้วจะได้ไม่สับสนกับ "ฉนวนกาซา" (Gaza) ^^"

.....


เวลาแวะไปที่ซ้ำ ๆ รู้สึกดีเหมือนกันนะที่รู้ว่า
ที่ที่เราเคยไปยังเปิดกิจการอยู่ แถมผู้คนที่เคยพบก็สบายดี
แต่เกสต์เฮาส์ของป้าคุนซุมนี่ไม่ใช่แค่ยังอยู่อย่างเดียว
แถมขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วย ดีจัง
(แต่ไม่รู้ัสถานการณ์ปัจจุบันเป็นยังไงบ้างนะ)
รูปหมาหันข้างนั่น ถ้าไม่บอกว่าหมา i เราก็นึกว่าแกะ 55

ถึงว่าสิ
ตอนเลื่อนดูเอนทรี่นี้ครั้งแรก รูปในงานไม่รูปจากเอนทรี่ก่อน ๆ
เพราะใช้เลนส์ฟิกซ์นี่เอง แต่ก็ดูดีไปอีกแบบนะ ^^

เรื่องงานฉลองเลิกดึกกว่ากิจวัตรประจำวันทั่วไป
คงอารมณ์คล้าย ๆ วัดที่ติดแหล่งน้ำบางที่ ปกติค่ำ ๆ ก็เงียบแล้ว
แต่พอมีการจัดงานวันลอยกระทง (ปีนึงน่าจะมีแบบนี้ไม่กี่ครั้ง)
เลยมีเสียงดังครึกครื้นยันดึกมั้ง ^^"

 

โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก 14 พฤษภาคม 2565 18:39:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.