ถึงเวลา...เลือกคณะ+Mode ดราม่าสุดๆ!!
และแล้ว...วันเวลาที่เรารอคอย(มั้ง?) ก็มาถึง ขอย้อนกลับไปดูคะแนนก่อนและกัน
| O-NET | A-NET | ภาษาไทย | 82 | 62 | สังคมศึกษา | 47 | 45 | ภาษาอังกฤษ | 55 | 50 | คณิตศาสตร์ | 47.50 | 30 | วิทยาศาสตร์ | 37.50 | - | ภาษาจีน | - | 45 |
โอย~ย ระทึกได้อี๊ก!
เมื่อได้คะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไปสู่กระบวนการที่เรียกว่า "คำนวณคะแนน" จะทำอย่างไรน๊า ที่จะทำให้คะแนน(อันจิ๊บจ๊อย)นี้ กลายเป็นคะแนนเต็มหลัก 10,000 ได้
ชะแว๊บๆๆ คิดเสร็จแระ! 55++ ด้วยโปรแกรมคำนวณคะแนน EZPlus 2009 แถ่ม แทม แท๊มมมมมม~ม เลขที่ออก 0 0 8 โปรดฟังอีกครั้งนะคะ 0 0 .... เฮ้ยยย! จะตลกไปไหนเนี่ยยย?
ผลคะแนนที่ออกมา เกิดจากการนำ GPA 8 กลุ่มสาระ * GPAX 6 ภาคเรียน * O&A-NET ...ละไว้ในฐานที่เข้าใจ...
ผลที่ออกมา....ได้เป็นอย่างนี้ตามลำดับ 1) คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร (ยื่น A-NETภาษาไทย) ได้คะแนน 7,119 คะแนนต่ำสุดปี 2551 คือ 7,193
2) คณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ยื่น A-NET ภาษาจีน) ได้คะแนน 6,744 คะแนนต่ำสุดปี 2551 คือ 5,328.25
3) คณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาเพื่ออาชีพ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ยื่น A-NET ภาษาจีน) ได้คะแนน 6,744 คะแนนต่ำสุดปี 2551 คือ 6,408.75
4) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา (ยื่น A-NET ภาษาอังกฤษ) ได้คะแนน 6,699 คะแนนต่ำสุดปี 2551 คือ 6,255
ยังไงดีหล่ะเนี่ย? เห็นข่าวออกกันครึกโครมเลย เรื่องผลคะแนนสอบ มีเกณฑ์ต่ำกว่าปีที่แล้ว ต่ำกว่าเกณฑ์ ทุกวิชา ส่งผลให้คะแนนของแต่ละมหาวิทยาลัย มีแนวโน้มว่าจะลดลงด้วย โดยเฉพาะคณะที่ใช้คะแนนภาษาไทยเยอะ จะลดลงมากพอสมควร (กรี๊ดดดดดดดด อักษรฯ ของช้านนนนนนนน)
สาธุ! ขอให้เป็นตามนั้นเต๊อะ! เพราะเลือกไว้เป็นอันดับ 1 เลย อยากเข้า อยากเรียนที่นี่มากๆ ถ้าสามารถทำได้จริงๆ ก็สุดๆแล้ว ชีวิตนี้
แต่ก็ไม่อยากประมาท ไม่อยากหวังไว้มากด้วย กลัว! เพราะเคยพลาดมาแล้วจากโควต้า นึกย้อนไปวันนั้นแล้วมันก็อายตัวเอง 55+ ไม่คิดว่าจะมี feel อะไรแบบนี้ในชีวิตด้วย เนี่ย ว่าจะไม่เล่า ไม่นึกถึงแล้วนะ แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ งั้นนิดนึงละกัน 55555
ตอนที่คิดจะสมัครโควต้า อักษรฯ ศิลปากรไป ก็คิดว่า จะต้องเอาให้ได้นะ เพราะถ้าพลาดโควตาไปแล้ว โอกาสที่จะได้จากการ Admission มีค่าเท่ากับ ศูนย์ เลยนะ ก็เลยทุ่ม ทุ่มทุกอย่าง อ่านหนังสือ ทำโจทย์ งดดูหนัง ดูละครหลังข่าวทุกเรื่องทุกช่องที่ดูอยู่เสมอๆ เกือบๆ เดือน หนังสือทำโจทย์ ได้มาจากที่เรียนพิเศษ 7 ปีย้อนหลัง เกือบๆ 1,000 ข้อ ทำจนหมดทุกข้อทุกหน้า ก็เลยไปซื้อคลังข้อสอบมาอีก วิชาละ 1,000 ข้อ ก็ทำไปจนเกลี้ยงเหมือนกัน เบ็ดเสร็จร่วม 3,000 ข้อ กากากบาทลงไปในหนังสือเลย เพราะกะว่าจากนี้ไปคงไม่ได้ใช้อีกแล้วนะ เพราะชั้นจะต้องเอาโควตาให้ได้ คิดอย่างนี้จริงๆ อีกอย่าง เรื่องจำนวนคนที่รับ 150 คน ถือว่าสูงกว่าม. อื่นๆ หลายเท่า เลยคิดว่า เราน่าจะมีโอกาสกับเค้าบ้าง และวันสอบก็มาถึง รู้ตัวเลยว่า...ทำไม่ได้ ไม่เข้าใจโจทย์ ไม่เข้าใจคำถาม ตื่นเต้น ประหม่า สับสน แต่ก็ยังแอบคิดเข้าข้างตัวเอง เอาหน่า 150 คน ต้องติดบ้างแหละ และวันประกาศผลก็มาถึง เพื่อนๆ ที่สอบโควต้านี้ ประมาณ เกือบๆ 10 คน รวมตัวกันไปเปิดดูผลที่ห้องคอมฯ ที่โรงเรียน เค้ารับ 150 คนก็จริง แต่ก็ประกาศรายชื่อถึงคนที่ 300 กว่า ดูจนจบจนครบ ยังย้อนมาดูอีกรอบ ไม่มีชื่อเรา... ไม่มีชื่อเพื่อนในห้องอีก 10 คน... มีแต่ชื่อเพื่อนห้อง 1 ที่เรียนสายวิทย์ ติดหมดเลยทั้ง 5 คน "สายวิทย์ - อักษรฯ" มันไปด้วยกันได้? จริงๆแล้วมันเป็นสิทธิ์ของเขา มันเป็นความสามารถของเขา ที่เขาทำได้ เขามีความสามารถมากกว่าเรา แต่ก็แอบน้อยใจนะ ทั้งๆที่มันน่าจะเป็นเราและเพื่อนอีก 10 คนแท้ๆ แล้วความฝันของเด็กสายศิลป์อย่างเราก็พังทลายลงด้วยประการฉะนี้... พอรู้ตัวอีกที มันชา ทำอะไรไม่ถูก เราเป็นอยู่คนเดียวนะ เพื่อนคนอื่นเค้าก็ไม่เป็นอะไร เพราะเค้า "ทำใจไว้แล้ว และไม่ได้คาดหวัง" แต่เราสิ.... ตอนเดินออกมาจากห้องคอมฯ เพื่อนเราคนนึง ก็พูดขึ้นมาว่า "สู้ต่อไปนะ อย่าท้อนะพวกเรา" เท่านั้นแหละ เราก็ร้องไห้ออกมาต่อหน้าเพื่อนๆ 4-5 คน แล้วก็พูดว่า "ไม่เอาแล้ว พอแล้วๆๆ" อยู่อย่างนั้น เราไม่เคยร้องไห้ให้เพื่อนเห็นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก มันน่าอายคนอื่นนะ ต่อหน้าเราก็ทำเป็น "อื้ม ไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไรหรอก ไม่คิดมาก" แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าในใจเราคิดอะไรอยู่ เห็นมั้ย เพียงเราเจอคำพูดเบาๆ แค่ไม่กี่คำ ความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ข้างใน ก็ทะลักออกมาได้ขนาดนี้ จนมาถึงวันนี้ ผ่านมา 4 เดือนแล้ว เรารู้สึกชื่นชมตัวเองนะ ที่ได้ปล่อยความรู้สึกข้างใน ออกไปให้ทุกคนเห็น วันนี้ เราเข้มแข็งขึ้นมาก หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ เราก็ใช้ชีวิตแบบชิวๆ ไม่คาดหวังอะไรมาก อะไรจะมาก็มา จะไปก็ไป อยากพูด อยากบอกอะไรนิดนึง ถ้าคนที่กำลังอ่านอยู่ เป็นนักเรียน ม.ปลาย (แต่คิดว่าคงไม่มี) แล้วมีความฝันแบบเรา ประสบการณ์นี้มันสอนเราว่า อย่าเอาชีวิตไปผูกไว้กับโควตา จริงอยู่ ที่โควตาเปิดโอกาสให้นักเรียนมากกว่า ไม่ต้องไปแข่งขันในรอบ Admission ที่จะต้องเจอนักเรียนม.6 ทั่วประเทศ 130,000 กว่าคน การแข่งขันที่สูงกว่าหลายเท่าตัว เราไม่มีทางรู้เลยว่า 130,000 คนนั้น เค้ามี "ของ" อะไรในตัวบ้าง แต่มันก็ได้อย่างเสียอย่าง ข้อสอบโควตานั้น "ยากมากๆ" ถ้าไม่เจ๋งจริงก็ปิ๋วได้ง่ายๆ (เหมือนเรา) แล้วก็อย่าไปคิดจริงจังมากนัก เพราะโควตาก็เปรียบเสมือน "ทางลัด" ที่จะนำคุณไปสู่จุดหมายได้เร็ว แต่ต้องอย่าลืมเด็ดขาดว่า ถนนสายหลักนั้น ยังมีหลายเส้นทาง หลายสาย ที่สามารถไปสู่จุดหมายปลายทางได้เหมือนกัน เพียงแต่จะถึง ช้า หน่อย ก็เท่านั้น ไม่ต้องรีบร้อน ทุกคน "ถึง" เหมือนกัน ดูอย่างเรา ที่ดันทุรัง จะเอาโควตาให้ได้อย่างเดียว คะแนนต่ำสุดของโควตา อักษรฯ อยู่ที่ 60% (ตีซะ 6,000 คะแนน) ส่วน Admission กลาง คะแนนต่ำสุดอยู่ที่ 70% (7,193 คะแนน) มันต่างกันเยอะมากๆ เพราะอย่างนี้ไง เราเลยคิดว่าต้องเอาโควต้าให้ได้ เพราะรอ Ad ไม่รอดแน่ เพราะเราเองไม่ใช่คนเรียนเก่งมาก และระดับ อักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร ใครๆก็รู้ ว่าของจริงขนาดไหน แต่วันนี้ คะแนน Admission ผ่านไป จากคนที่เคยพลาดโควตา คะแนนต่ำสุด 6,000 วันนี้เราทำคะแนน Admission ได้ 7,000 กว่าคะแนน แนวโน้มที่จะเข้าอักษรฯ ได้ ยังสูงกว่าสอบโควต้าเลย ก็อยากจะฝากไว้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครก็ตาม ที่อาจจะหลงทางมาเจอบล็อกเราเข้า อิอิ
วันนี้ไม่คิดว่าตัวเองจะมาไกลถึงขนาดนี้ ยาวได้อีก! แรกๆ ก็เฮฮาอยู่หรอก กลางเรื่องเริ่มดราม่า ค่อนเรื่องเริ่มเศร้า หลังเรื่องเริ่มสัจธรรมชีวิต จบเรื่องขอเอาฮาเหมือนเดิมนะ กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณทุกคนที่ยอมทนฟังเด็กขี้บ่นคนนี้น๊า รักจัง จุ๊บๆ
ปล. นี่แหละ...เด็กหญิงท่อน้ำทิ้ง ~
Free TextEditor
Create Date : 07 เมษายน 2552 |
|
10 comments |
Last Update : 7 เมษายน 2552 19:08:17 น. |
Counter : 338 Pageviews. |
|
|
|