บทสรุปของไปสิงค์โปร์ช๊อป แบบงบน้อย
มาต่อดีกว่า เว้นไปนานจนจะลืมแล้ว มีคนถามว่า จะมีชีวิตต่อด้วยเงินที่เหลือ สิบกว่าเหรียญได้ไง หุๆๆ ในที่สุดก็มีตัวช่วย หลังจากที่คิดว่า เงินที่เหลือเนี่ยจะต่อชีวิตให้ได้ค่าแท๊กซี่ ไปถึงออฟฟิตที่สิงค์โปร์ได้ไงหลังจากหาที่อยู่เสร็จ ก็คุยโทรกะปะป๋าต้นหอม ว่าต้นหอมเป็นไงบ้าง ต้นหอมน่ารักมาก แม่ไม่อยู่ก็ดูแลตัวเองได้ดี บอกปะป๋าว่า ยาก่อนนอนอยู่ที่ไหน กินเท่าไหร่ เสื้อผ้า ชุดนอนอยู่ลิ้นชักไหน เอาอะไรเข้านอนมัง แล้วก็ต้นหอมก็มาคุยกับแม่ รายงานตัวว่า วันนี้ไปทำอะไรมามัง ปะป๋ากลัวต้นหอมคิดแม่ เลยหิ้วต้นหอมไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เด็กกันสองคนพ่อลูก เห็นว่าต้นหอมก็สนุกมากด้วย มาเล่าจ๋อยๆเลยว่าชอบโยนบอลใส่น้ำให้มันไหลๆๆ อ้าวว พูด เรื่องต้นหอมแล้วจะเรื่อยเปื่อยทุกทีกลับมาที่ตอนกะลังคุยโทรศัพท์กับปะป๋าต้นหอม โทรศัพท์ในห้องก็ดัง อะฮ่า คนช่วยชีวิตนั่นเอง คนที่อยู่กรุ๊ปทำงานเดียวกับเราเป็นคนที่จัดเรื่องสัมมนาคราวนี้โทรมา บอกว่าพรุ่งนี้เช้าให้เจอกับคนที่มาจากอินโด แล้วนั่งแท๊กซี่ไปด้วยกัน เย้ๆๆๆ ทำเนียนคะ โอเคเลย ตอนเช้า เราก็ไปกินอาหารเช้าเรียบร้อย แล้วก็ทำเนียน เจอคนอินโด กะคนเวียตนามที่มาจอยสัมมนา หุๆๆ นั่งแท๊กซีไปด้วยกัน แล้วเค้าก็ ออกค่าแท๊กซี่คะ เพราะว่าสุภาพบุรษ ฮ่าๆๆๆ เราก็เลยนั่งรถฟรี จริงๆ บ.ออกนั่นแหละ เราก็เลยทำเนียนไม่ต้องออกตังค์ พอไปถึงที่ออฟฟิต เราก็วางแผนแล้วจะขอแลกเงินกับ ลูกค้าของเราที่เราเชิญมาสัมมนา ที่เป็นคนไทยด้วยกัน หุๆๆๆ ช่างกล้านะเนี่ย แล้วเราก็ไปขอเค้าแลกเงินจริงๆ บอกว่า เราลืมแลกเงินมา เด๋วไม่มีค่ารถแท๊กซี่ขากลับ หุๆๆ เลยขอแลกเค้ามา อีกยี่สิบเหรียญ เพราะว่าเค้าก็ไม่ได้แลกเงินเยอะเหมือนกัน สรุปว่า งานนี้รอดตายไปได้แล้ว ตอนนี้คนที่เราทำเนียน จอยรถกับเค้า ก็เลยรู้ว่าเรา ตังค์ไม่พอ เราก็เลยบอกขอบคุณที่เค้าช่วยชีวิตเรา วันนี้ ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้วันที่เหลือ ก็ไม่มีโอกาสไปช๊อปที่ไหน มีเงินเหลือแค่พอค่ารถแท๊กซี่ไปสนามบิน สามสิบกว่าเหรียญก็พอแล้ว (คิดน้อยอีกแล้วเรา )ทั้งวัน ก็สัมมนา กินอาหารกลางวัน ก็ฟรี เย็นเค้าก็พาไปเลี้ยง คราวนี้หล่ะสิ เรานะแอบเซ็งเล็กๆ เพราะว่าเราชอบกินอาหารซีฟู๊ด ที่นี่ หุๆๆ เราก็กะว่าเค้าจะพาไปกินซีฟู๊ดเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้ หุยๆๆ ไปกิน อาหารอินโดกัน แหม... เซ็งหงะ ซัดน้ำมะม่วงก่อนดีกว่า เห็นเค้าสั่งกัน ก็ลองมังเห็นเชียร์จริงๆ ไม่อยากขัดศรัทธา ทั้งที่จริงๆ ไม่ชอบมะม่วงสุก แต่ก็ไม่โอเคนะ เพราะว่ามันหวานเกินไปและอาหารจานแรกก็มาแล้ว ไก่สะเต๊ะกับ แกะสะเต๊ะ น้ำจิ้มรสชาติก็หวานๆ คล้ายบ้านเรา แต่แหะๆ ของบ้านเราอร่อยกว่านะ แล้วก็ตามด้วย อันนี้เราเรียก กุ้งเปรี้ยวหวานนะ หุๆๆ คนสิงค์โปร์ รีบบอกเลยว่า เนี่ยไง ซีฟู๊ดที่ ยู รีเควส ตามด้วยอันนี้ เราชอบนะ ผัดอร่อยดี ไม่รู้เรียกว่าอะไร เราขอเรียกว่า ผัดถั่วงอกนะ ฮ่าๆๆแล้วก็อันนี้ ผัดปลาหมึกพริกแกง เราก็โดนเหมือนเดิมว่าเนี่ย ซีฟู๊ดของยูแล้วนะ อันนี้ก็เป็นเนื้อผัดพริกแกงเหมือนกัน เราตั้งชื่อเอง เราไม่ค่อยชอบ เราว่ามันเหนียวไปหน่อย กินฟรีแล้วยังจะติอีก อันนี้ก็ ฉู่ฉี่ปลาอะไรก็ไม่รู้ แต่เนื้อปลานิ่มอร่อยเหมือนกันนะ นึกได้ตอนถ่ายรูป ก็เกือบจะหมดจานแล้ว แล้วจานนี้ก็ สุดยอดของเค้าเลย คนอินโดเพื่อนเรา (กลายเป็นเพื่อนไปแล้วหลังจากจ่ายค่าแท๊กซี่ให้ ฮ่าๆๆ ) ภูมิใจ นำเสนอมาก ผัดผักบุ้งคะ สงกาสัย เห็นเรานั่งควานกินแต่ถั่วงอกละมัง คิดว่าเราคงชอบผักบุ้ง หุๆๆๆพอดีตอนนี้ ถ่ายรูปได้แต่อาหาร ส่วนอื่นไม่มีอะไรน่าถ่าย เพราะว่า เน้นไปถ่ายเรื่องงานด้วย หลังจากจบข้าวเย็น ก็ไม่นาน เพราะว่าพรุ่งนี้เค้าก็ยังมีสัมมนาต่อ ก็เลยเลิกเร็ว อีกอย่างคือ ไม่เน้นเรื่องกินเหล้าอะไรด้วย วงเลยจบเร็ว หุๆๆ เท่านั้นเราก็ตาลุกวาว บอกว่า เลิกแล้วเหรอ โอเค ช๊านจะขอ ไป แถว orchard จะไปร้านหนังสือ kino จะไปนั่งรถไฟเองก็ได้ ฮ่าๆๆ แต่คนสิงค์โปร์บอกว่าไม่เป็นไร เด๋วเค้าจะขับรถไปส่งแถวนั้นให้ พร้อมกับ ลูกค้าเราที่เค้าอยู่รร.แถวนั้นด้วย ก็เลยได้พ่วงไปกับเค้าอีก แต่ขอโทษห้าง มันจะปิดแล้ว เพราะว่าพี่ Noor (คนสิงค์โปร์ ) ขับรถหลงทาง กรี๊ดๆๆ หลงไปหลงมา เสียเวลาไป ครึ่งชม. แล้วห้างแถวนั้นมันใหญ่มาก กลัวว่าจะเดินหาร้านไม่ทันเวลาห้างปิดนะเนี่ย แต่ก็ยังดี ไปทันเวลา เราก็เลยได้ หนังสือมาเพิ่มอีก สองสามเล่มเล่มนี้ กะเอามาลองศึกษาเผื่อตัดเสื้อให้ต้นหอมตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อหลายเดือนโน้น อันนี้เราว่ามันน่ารักดี มีแบบเสื้อเด็กกะผู้ใหญ่เข้ากันเลยอีกชุดหนึ่งนะ สารภาพว่าซื้อมา ยังแทบไม่ได้เปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ ขากลับ เราก็เลยชวน พี่ที่ไปด้วย ว่าจะให้ซื้อของแถวห้างอินเดีย ใกล้รร.เราไหม มันถูกนะ พี่เค้าก็โอเคไปด้วย ฮ่าๆๆ พี่เค้านั่งแท๊กซี่ พ่วงเราไปด้วย แหะๆ น้องที่ทำงานพอเล่าให้ฟัง เค้าหาว่าเราเจ้าเล่ห์ แหะๆแค่นี้ก็จบแล้ว เพราะว่าอีกวันหนึ่ง ก็ไม่มีอะไร ประชุม กับสัมมนา แล้วก็นั่งแท๊กซี่ไปสนามบิน กลับบ้าน ลัลลา ไม่ได้ต้องจ่ายค่ารถแท๊กซี่เหมือนกัน เพราะว่ามีคนกลับ เที่ยวบินเวลาไล่เลี่ยกับเรา ก็เลยนั่งแท๊กซี่ไปด้วยกัน หมดแล้วจ้า เอาชีวิต รอดมาได้ หุๆๆ ซื้อของไม่เยอะ ที่อยากได้ก็ไม่มีเวลาซื้อ อันที่จริง เราตั้งใจจะหาซื้อ ชานมสำเร็จรูป มาให้แม่ เราว่าที่โน่นรสชาติมันดี ไม่หวานมาก แต่ที่บ้านเราจะออกหวานแล้วก็ฝาดมากไป ยี่ห้อที่เราชอบไม่มี เลยได้แต่ขนเอาแบบนี้กลับมา แม่บอกว่า ก็ใช้ได้นะ ไม่หวานจบแล้วจ้า กลับบ้านมาถึง ห้าทุ่มกว่า ๆๆ อยากนั่ง รถไฟมาก แต่ยังไม่เปิด
ดีแล้วค่ะ เก็บตังค์ไว้ช้อปดีกว่า
ปุ๊ไม่ชอบอาหารอินโดค่ะ แต่ชอบผัดผักบุ้งที่นี่มาก หอมกะปิ อยากกินอีกจัง