จริงๆก็อยากจะให้รวม 9 วัดอยู่ใน blog เดียวกันนะ
แต่ว่ามันยาวไปหน่อย เลยต้องแบ่งเป็น 2 ภาค อย่างที่เห็นนิแหละ
...จากวัดที่ 5 ได้เวลา 12.00 น. พอดิบพอดี ทั้งก๊วนเลยตกลงกันว่า จะทานอาหารเที่ยงกันก่อนแถววังหลัง แล้วจึงนั่งเรือข้ามกลับมาที่ฝั่งพระนคร ที่ท่าวัดพระมหาธาตุ
ออกมาแล้วก็เหมารถตุ๊กตุ๊ก 50 บาท จากท่าเรือวัดมหาธาตุ มุ่งหน้าสู่วัดที่ 6 ที่
วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
ผ่านเข้าประตูมาปุ๊ปก็จะเห็นซุ้ม สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระอนุชา ของรัชกาลที่ 1 ผู้นับถือความซื่อสัตย์เป็นสำคัญ พวกเราไม่รอช้ารีบบูชาด้วย ธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 1 ดอก
หลังจากนั้นก็เข้าไปไหว้พระประธานภายในพระอุโบสถของวัด เพื่อความเป็นสิริมงคล และเพื่อให้ มีชัยต่ออุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง
ณ ตอนนี้เวลาเวลาล่วงมาช่วงบ่ายแล้ว เรี่ยวแรงทางกายเริ่มแผ่ว แต่ศรัทธาในหัวใจยังเต็มเปี่ยม ผู้ร่วมทางเสนอให้เดินต่อไปที่ วัดที่ 7 ซึ่งเป็นศาลเจ้าพ่อเสือ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า มันไม่ใกล้อย่างที่คิด เลยตัดสินใจโบกตุ๊กตุ๊ก อีกครั้ง ด้วยค่าเสียหาย 40 บาท มุ่งหน้าสู่ ศาลเจ้าพ่อเสือ แยกคอกวัว
ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของลัทธิเต๋า หนึ่งในสามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจีนนิยมสักการะ (อีก 1 แห่ง น่าจะเป็นวัดเล่งเน้ยยี่ ส่วนอีกที่วันหลังจะหาคำตอบมาให้ อิอิอิ) หลังจากสักการะ เจ้าพ่อเสือ เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่ทับทิม ด้วย ธูป 18 ดอก เทียนแดง 1 เล่ม พวงมาลัย 1 พวง และ ปักกระถางรอบๆครบ 6 กระถาง แล้ว กำลังจะควักกล้องมาบันทึกภาพ แต่บังเอิญเหลือบไปเห็นป้าย ห้ามถ่ายรูป เราจึงไม่มีภาพภายในมาอวดค่ะ อ้อ..ด้วยว่าที่นี่เป็นปีเกิดของเรา เลยเพิ่มของถวายด้วย หมูสดและไข่ไก่ เพื่อบูชาเจ้าพ่อเสือด้วย เพื่อเสริมสร้างอำนาจบารมี เพิ่มขึ้น....
ผ่านไปแล้ว 7 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเราออกจากศาลเจ้าพ่อเสือ เดินเท้าสู่วัดที่ 8 ของวันนี้
( ในใจแอบนึกยินดี อีก 2 วัดก็ครบแล้วเฟ้ยย อิอิอิ) พร้อมใจกันปลุกปลอบพลัง แล้วเดิน เดิน เดิน เดินสู่ วัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเสาชิงช้า ใจกลางกรุงเทพมหานคร
ไว้พระวัดสุทัศนฯ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป
เครื่องบูชา องค์พระศรีศากยมุนี ประกอบด้วย ธูป 3 ดอก เทียน 2 เล่ม พร้อมด้วยดอกบัว (หรือพวงมาลัย)
องค์พระศรีศากยมุนี พระประธาน ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ เคยประดิษฐานอยู่ที่ วิหารหลวงของวัดมหาธาตุ กรุงสุโขทัย
พระพุทธรูปรอบๆภายในพระอุโบสถ
บรรยากาศโดยรอบ ดูแล้วให้ความรู้สึกสงบมากๆ
ทวารบาล เป็นศิลปะแบบไชนีส ค่ะ ดูใจดีกว่า น้ายักษ์ที่วัดอรุณฯซะเยอะเลย อิอิ
ออกมาแล้วเจอนกพิราบมากมาย ใจจริงอยากได้ภาพ ฝูงนกโผบิน แต่ว่าไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมบินซะที เลยได้เป็นเกาะกลุ่มกินอาหารที่มีผู้ใจบุญมาโปรยให้
จากวัดสุทัศนฯ พวกเราเรียกรถตุ๊กตุ๊กหน้าวัด ให้ไปส่งที่วัดสระเกศ คนขับเรียกค่ารถ 80 บาท โอ้วววพระเจ้าช่วย จากเสาชิงช้า ไปภูเขาทอง มันไกลมากกกกกกก เลยตัดสินใจสะบัดบ๊อบใส่ แล้วเดินทางมาอย่างไม่ใยดี แล้วข้ามมาฝั่ง ที่ว่าการ กทม. โบกรถตุ๊กตุ๊กเหมือนเดิม ค่ารถ 40 บาท (คิดดังๆกะเพื่อนว่า โหหห แค่ข้ามถนนมาเนี่ย ค่ารถลดลงเท่านึง อเมซิ่งไทยแลนด์มากๆ ......
หลังจากได้รถราคาปกติแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ วัดที่ 9 ถือเป็นวัดสุดท้ายแล้วสำหรับทริบแสวงบุญในครั้งนี้
แรกที่สุด เพื่อนร่วมทางจะไ่ม่ยอมขึ้นบนเจดีย์ภูเขาทอง แต่พอได้รู้ว่า ด้านบนมีพระบรมสารีริกธาตูประดิษฐานอยู่ เลยตัดสินใจขึ้นกัน และรูปนี้ก็เป็น เจดีย์ภูเขาทองจำลอง ตั้งอยู่ระหว่างทางบันไดขึ้นสู่จุดสูงสุดค่ะ
ทิวทัศน์ เมื่อมองจากระหว่างทางขึ้นบนเจดีย์
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โพสท่าถ่ายรูป
พระพุทธรูปต่างๆที่ประดิษฐานอยู่ข้างบนค่ะ
สักการะพระนอนบนภูเขาทอง ที่เห็นอยู่เนี่ย ชาวต่างชาติล้วนๆนะคะ
พระบรมสารีริกธาตุ
ไหว้พระบรมสารีริกธาตุ และเจดีย์ภูเขาทองเพื่อให้ชีวิตมั่นคงประดุจขุนเขาบรมบรรพต
ทิวทัศน์กรุงเทพในมุมสูง จากเจดีย์ภูเขาทอง
ในที่สุดภาระกิจกับทริบ วันเดียว เที่ยวทั่วกรุง ร่วมแสวงบุญไหว้พระ 9 วัด ก็เสร็จสมบูรณ์ด้วยความเรียบร้อย ด้วยเวลาประมาณ 16.00 น. ไชโย!!!!!!! โห่ฮี้วววววว ดังๆด้วยความดีใจ (น้ำตาแทบไหล 5555+++เวอร์แล้ว)
ทริบนี้ ฉลองด้วยการไปชิม นมสด ที่ร้านดังในย่านเสาชิงช้า มนต์ นมสดค่ะ
ปิดท้ายจริงๆ (ด้วยรอยยิ้มแบบหุบไม่ลง ด้วยความอิ่มทั้งใจและกาย)....
เหมาๆรถเมล์สาย ปอ 44 นั่งกลับบ้าน อิอิอิ
ตามไปด้วยคนครับ แต่ขอแนะนำวัดสำคัญอีกสองวัดคือ วัดบวรนิเวศ และ วัดราชบพิตร ครับ