! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2563
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
15 กรกฏาคม 2563
 
All Blogs
 

ภาวะที่ 34 : ปกป้อง


ขอบคุณภาพปกนิยาย จากคุณ ApitarN ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


 
            ฆีมษ์เงยหน้าขึ้นจากตำราทางวิชาการเล่มหนึ่ง  ถอดแว่นสายตาออกวางบนโต๊ะ  ตอนที่บริวารคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาจากชั้นล่าง เพื่อมารายงานเขาถึงเหตุการณ์ผิดปกติบางอย่าง  ขณะนั้นเป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว พวกสมาชิกส่วนใหญ่ของกลุ่มราชาสีขาว ต่างแยกย้ายสลายตัวกลับบ้านกันไป  คงเหลือไว้เพียงบางคนที่พำนักอาศัยอยู่ที่อาคารหลังนี้

            ฮัน กับ ฮันนี่ สองพี่น้องไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่นี่  ทั้งคู่มีบ้านให้เดินทางไปกลับทุกวัน แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าใดนัก  ตราบใดที่ยังมีดนู ลูกน้องตัวใหญ่คอยเฝ้ารักษาการณ์ที่นี่อยู่ตลอดเวลา  นั่นก็เป็นเครื่องการันตีความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง

            รองหัวหน้ากลุ่มและน้องสาวเพิ่งกลับไปได้สักพัก  หลังดูแลความต้องการของราชาของตนไม่ให้ขาดตกบกพร่องอะไร  ถึงฮันจะเจ้าเล่ห์เจ้ากลกับคนอื่น แต่เขาก็จงรักภักดีต่อฆีมษ์อย่างสุดหัวใจ  เคยปฏิบัติอย่างดีเลิศตั้งแต่แรกอย่างไร  จนถึงตอนนี้ก็ยังคงกระทำเหมือนเดิม ไม่เคยเว้นว่างไปเลยแม้สักวัน
 

            “มีเรื่องอะไร” 

            ราชาสีขาวเอ่ยถามลูกน้อง ผู้ซึ่งกำลังทำสีหน้าตื่นตระหนกตกใจตรงหน้า

            “ราชาแมงป่องครับ !  ราชาแมงป่องมาที่นี่  พาคนมาด้วยกลุ่มหนึ่ง  แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่ง เลือดท่วมตัวมาด้วย  พวกเขาต้องการพบหัวหน้าครับ”

            “ราชาแมงป่อง  พิจิกหรือ..”

            ประโยคดังกล่าว  ฆีมษ์พึมพำออกมาเหมือนพูดกับตัวเอง  เขาพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบ ก่อนลุกขึ้นจากโต๊ะเขียนหนังสือภายในห้องส่วนตัวของตน  ก้าวติดตามลูกน้องออกไปด้านนอก เพื่อพบกับแขกผู้มาเยือนในเวลากลางค่ำกลางคืนเช่นนี้

           
            “คุณธนสรณ์..  คุณธนชาติ..”

            ฆีมษ์ส่งเสียงทักพวกพี่ชายของธีราด้วยความประหลาดใจ  เมื่อมองเห็นว่าเป็นใครบ้างที่กำลังยืนเรียงราย ห้อมล้อมร่างที่ถูกนำมานอนพักอยู่บนโซฟาตัวยาวตรงชั้นล่าง  นอกเหนือไปจากสองคนนี้แล้ว ยังมีราชาแมงป่องคู่กรณีเก่าที่กำลังยืนนิ่งเงียบ มีสีหน้าเคร่งเครียดถัดออกไปไม่ไกล  ฆีมษ์มองเห็นร่างหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่กำลังทรุดตัวนั่งเคียงข้าง พร้อมกับจับมือของคนเจ็บเอาไว้  มีน้ำตาหลั่งไหลบนดวงหน้านั้นอย่างไม่ขาดสายอีกด้วย

            “ราเคียร์ !  นี่มัน..เกิดอะไรขึ้นครับ”

            เมื่อสังเกตเห็นว่าคนเจ็บเป็นใคร  ฆีมษ์ก็ถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ ต่อภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า  ราเคียร์นอนหายใจหอบแรงจนทรวงอกกระเพื่อมไหว มีอาการคล้ายดั่งคนสำลักลมหายใจ บริเวณหน้าท้องชุ่มโชกไปด้วยเลือดแดงฉานอย่างน่ากลัว  หญิงสาวใช้มือข้างหนึ่งทาบกดบาดแผลของตนเอาไว้  ส่วนมือเปื้อนเลือดอีกข้างหนึ่งนั้นจับมือของแม่เอาไว้แน่น  มนุษย์ต่างดาวมองประสานสายตากับฆีมษ์  ก่อนเอ่ยออกมาเสียงเบาปนเหนื่อยหอบเต็มทน
 
            “บรีเด็ม..  เจ้าเป็น รากเดียว กับเอมาน..  ช่วยเยียวยาข้าด้วย..  ข้ายัง ไม่อยาก หายไป ตอนนี้..”
 
            ธนสรณ์เป็นคนกล่าวเสริมขึ้น ด้วยใบหน้าซีดเผือด บอกเล่าถึงเหตุร้ายที่อุบัติขึ้น เมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมา

            “เราถูกโจมตี โดยคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้  เหมือนคนพวกนั้นมาเพื่อจับตัวผม  แต่พิจิกกับราเคียร์ พวกเขาช่วยขัดขวางเอาไว้  คนพวกนั้นก็เลย..กราดยิงเข้ามา  แล้วราเคียร์..เธอเอาตัวบังแม่ไว้  ทุกคนปลอดภัย แต่..แต่ มีเธอคนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส  เราจะพาเธอไปโรงพยาบาล  แต่เธอยืนกราน ให้พาเธอมาพบคุณ ..ที่นี่”

            “ช่วยเธอได้ไหม  คุณฆีมษ์  ผมขอร้องล่ะ  ช่วยชีวิตราเคียร์ด้วย”

            นัยน์ตาของธนชาติแดงเรื่อเหมือนคนที่ผ่านการหลั่งน้ำตามา  ทั้งสีหน้าก็แสดงออกถึงความห่วงใยอย่างไม่ปิดบัง  ฆีมษ์ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง รับฟังความ และพยายามทำความเข้าใจต่อเหตุบังคับ ที่มาถึงตนอย่างปัจจุบันทันด่วน

            “ผม เอ่อ ผมคงรักษาไม่ได้หรอกครับ  เรื่องแบบนี้ คงมีแต่คุณธีราคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้  ผมคิดว่า เราคงต้องยอมเสี่ยง ส่งเธอถึงมือหมอ รีบเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนแล้วล่ะครับ”

            ราชาสีขาวกลั้นใจปฏิเสธ  เพราะมันดีกว่าที่จะรับฝากความหวังแล้วทำไม่ได้  และที่สำคัญคือ เขาไม่อาจรู้ได้อีกด้วยว่า จะต้องใช้วิธีการไหน ในการรักษามนุษย์ต่างดาวตรงหน้า

            “แม้ไม่มี สติปัญญา  แต่ทีเซลล์ของเจ้า บรีเด็ม เป็นทีเซลล์ ที่มีความสามารถ ช่วยเยียวยา  ร่างนี้ ถูกสร้างโดย เอมาน  ผู้เปรียบเสมือน บิดาของเจ้า  ข้าแน่ใจว่า อนุภาคของเจ้า คงรู้ว่า จะต้องทำ อย่างไร”

            คนเจ็บยังคงมองหน้าฆีมษ์  ใช้ทั้งแววตาและน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น วิงวอนขอร้องเต็มที่  ไม่เพียงแค่ราเคียร์  หากสายตาทุกคู่ที่ต่างจับจ้องมองมา ล้วนเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังในสิ่งอัศจรรย์ ที่จะเกิดจากมือของราชาสีขาว

            คำพูดเหล่านั้นเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและไว้วางใจ  ด้วยเหตุนี้ ฆีมษ์จึงจำต้องขยับเข้าไปใกล้  ทรุดตัวลงนั่งใกล้กับหญิงวัยกลางคน ผู้ที่ตนรับรู้ได้โดยไม่ต้องไต่ถามว่า บุคคลนี้คือมารดาของบ้านพินิจใจอย่างแน่นอน

            “คุณป้าครับ” 

            ราชาสีขาวค้อมศีรษะให้แก่อีกฝ่ายเล็กน้อย เพื่อแสดงความเคารพ

            “หนุ่มจ๊ะ  ป้าขอฝากด้วย  ช่วยลูกสาวอีกคนของป้าด้วยนะ”

              ทั่วทั้งโถงอาคารชั้นล่างถูกปกคลุมด้วยความเงียบงัน  ทว่าเป็นความเงียบที่เสียดแทงเข้าในความรู้สึกของใครหลายคนในที่แห่งนั้น  ธนชาติไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากยืนกำมือ มองส่งสายตาแสดงความห่วงใยไปยังผู้หญิงที่ตนเองเริ่มผูกพัน  ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่ยากเกินจะบรรยาย
 

 
 
+++++++++++++++++++++++++++++
 
 
 
            ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้  เมื่อราวหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว
 
            สายฝนโปรยปรายลงมาเบาบาง  มันเข้าสู่ช่วงเวลาหัวค่ำ ตอนที่ธนชาติหอบหิ้วทั้งกระเป๋าเอกสารและถุงอาหารมากมายกลับเข้าบ้าน  พี่ชายคนโตส่งเสียงทักทายน้องชายคนรอง ผู้กลับคืนมาสู่บ้านด้วยความยินดี  ธนชาติถึงขนาดส่งยิ้มอย่างมีไมตรีให้แก่พิจิก ผู้นั่งอยู่ด้วยกันกับธนสรณ์  หลังทักทายคนทั้งสองที่กำลังนั่งสนทนากันด้วยสีหน้าคร่ำเคร่งตรงโซฟา  ธนชาติเดินเลี่ยงไปทางครัวเพื่อวางถุงอาหารลงบนโต๊ะกินข้าว  กล่าวสวัสดีกับผู้เป็นมารดา  แต่ก็สังเกตเห็นสีหน้าของท่าน ที่แลดูเหมือนไม่สดชื่นแจ่มใสเท่าที่ควร

            ใครบางคนหายไปจากที่ประจำ  ธนชาติรู้สึกแปลกใจที่ไม่ได้เห็นภาพคนประหลาด ผู้ชื่นชอบหนักหนากับการจ้องมองดูโทรทัศน์แทบทั้งวัน  ถึงในบ้านจะอวลด้วยบรรยากาศแปลกประหลาด ทว่าเขากลับเริ่มคุ้นชินกับมัน  แม้ไม่รู้ถึงที่มาที่ไปของฝ่ายนั้น  แต่ถ้าราเคียร์คิดอยากอยู่ที่นี่ไปอีกนาน  เขาก็จะโอนอ่อนผ่อนตามให้โดยไม่คัดค้านอะไร

            “ขึ้นไปข้างบนได้สักพักแล้วแน่ะ  เหมือนซึม ๆ ลง  แม่ไม่รู้ว่า เขาไม่สบายหรือเปล่านะ”

            นางปวีณาพูดเปรยออกมาเหมือนรู้ว่า ลูกชายกำลังคิดอะไร  นางเริ่มจัดเตรียมอาหารสำหรับมื้อค่ำอีกรอบด้วยท่าทางเป็นสุข  วันนี้บ้านครึกครื้นเป็นพิเศษเนื่องจากมีแขกมาร่วมด้วย  ด้วยเหตุนี้ แม่ของบ้านถึงได้โทรไปบอกลูกชายคนโตให้แวะซื้ออาหารมาเพิ่มด้วย เพราะอยากให้ได้ทานกันอย่างเต็มที่ทุกคน

            “ถ้างั้น  ผมขึ้นไปดูสักหน่อยละกันนะครับ”

            ธนชาติคลายเนคไทออกจากคอเสื้อเชิ้ต  ปลดกระดุมเม็ดบนและที่ปลายแขนออกเพื่อผ่อนคลาย  ก่อนก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นบน ตรงไปห้องของน้องสาวที่ตอนนี้ถูกใครคนอื่น เข้าจับจองครอบครองเป็นการชั่วคราว

            หลังเคาะประตูเบา ๆ แต่ไร้เสียงตอบรับ  ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป  ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าช่างแปลกตาเสียนี่กระไร  เพราะเขามองเห็นอีกฝ่ายทำท่านอนตะแคงบนเตียง ลืมตาค้างนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว  แม้ธนชาติจะก้าวเข้าไปยืนชิดใกล้แล้วก็ตามที

            “เป็นอะไรหรือเปล่า  ผมซื้อขนมมาด้วยนะ  ลงไปกินไหม”

            น้ำเสียงทอดถามอย่างอ่อนโยนละมุนละไม  เต็มไปด้วยห่วงใยในอาการผิดปกติของคนตรงหน้า

            “แมลงบินกลับมาแล้ว  ข้ากลัว..”
            “กลัวหรือ  กลัวอะไร  แมลงเหรอ”

            มือข้างหนึ่งของคนที่กำลังนอนอยู่ยื่นออกมา  ธนชาติมองอย่างชั่งใจอยู่นานหลายวินาที ก่อนตัดสินใจยื่นมือของตนออกไป เพื่อสัมผัสมือกับคนตรงหน้า

            ไม่อาจเข้าใจในความปรารถนา  แต่สามารถให้การปลอบประโลมได้ ด้วยความเต็มใจ..

            “เอมานส่งสารแก่ข้า  ราชาทรงเสด็จมา  เลวีอาธานผู้นั้นมาด้วยพระองค์เอง  เขามาเพื่อรับเอาร่างภาชนะของมามาครายไป”
            “แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับคุณด้วยล่ะ  ต้องกลับไปกับเขาหรือ”

            ราเคียร์เปิดรอยยิ้มและแววตาที่แลดูเศร้าพิกลขึ้นบนใบหน้า  ขณะธนชาติทรุดตัวนั่งลงบนขอบเตียงอย่างช้า ๆ  มือของทั้งคู่ยังคงจับกันไว้ ถ่ายทอดสัมผัสอบอุ่นของฝ่ามือให้แก่กันและกัน

            “มามาคราย.. น้องชายของเจ้า  เขาจะถูกพาตัวไป”
            “สรณ์หรือ  เอาตัวน้องผมไปทำไม  ฆ่าเหรอ !?”

            “ข้าไม่อาจรู้ได้  เขาจะตายหรือไม่  ขึ้นอยู่กับว่า สามารถแยกเอา ความทรงจำแห่งเส้นทางดวงดาว ออกจากหน่วยความจำของสมองได้หรือไม่  ถ้าไม่ได้.. ก็อาจจำเป็นต้องหลอมเขา เข้ากับร่างหลักของมามาคราย”

            “ผมไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้นหรอก  บ้านเมืองมีขื่อมีแป  อยู่ ๆ จะโผล่มาจับตัว มาฆ่ากันได้ง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร  คนพวกนั้นไงที่ว่ามีทีเซลล์อะไรนั่น  พวกเขาอาจจะช่วยคุ้มกัน หรือปกป้องน้องชายผมได้”

            มือเรียวสวยของราเคียร์บีบแน่นเข้าภายใต้อุ้งมือของธนชาติ  ดั่งต้องการสื่อสารให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความหวาดกลัว และความอ่อนไหวที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน

            “ชาติ.. เจ้าไร้เดียงสา  เจ้าไม่รู้อะไรเลย  แต่ข้าชอบความใจดีของเจ้า  เจ้ากับแม่ทำให้ข้ารู้จักมนุษย์มากขึ้น  แม้อ่อนแอกว่า  ต่ำต้อยกว่า  แต่ก็เปี่ยมด้วยสีสันอันงดงาม ในตัวของพวกเจ้าเอง”

            “คุณจะอยู่ที่นี่ก็ได้นะ ราเคียร์  อยู่นานเท่าไหร่ก็ได้  พวกเราเต็มใจ..”

            ไม่มีถ้อยคำตอบรับ จากใบหน้าที่แลดูหมองเศร้าดังกล่าว  ราเคียร์ทำเพียงหลับตาลง เหมือนดั่งต้องการพักผ่อน โดยที่ยังคงจับมือของธนชาติเอาไว้  แสดงกิริยาอาการคล้ายเด็กที่ต้องการสัมผัสปลอบโยนจากผู้ใหญ่  ชีวิตต่างดาวต้องการถูกปลุกเร้าด้วยเจตนารมณ์ ที่จะทำให้ตัวเองไม่หวั่นไหว ไปกับการเป็นมนุษย์มากเกินกว่านี้

            ราเคียร์อาจจะหลับไปแล้วก็ได้  ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงเอะอะวุ่นวายที่เกิดขึ้นยังชั้นล่างของบ้าน  ธนชาติลุกพรวดพราดออกไปก่อนคนแรก เพื่อตรวจดูเหตุการณ์  ขณะที่อีกร่างผุดลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับทำสีหน้ามุ่งมั่นคล้ายดั่งคนเตรียมใจในบางสิ่งบางอย่าง

 
            ธนสรณ์ยังตั้งตัวไม่ทัน  ตอนที่มีรถตู้คนหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้าบ้าน ก่อนมีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งกรูกันลงจากรถ พากันเข้ามาถึงในตัวบ้าน ผ่านประตูที่ยังไม่ได้ปิดล็อก  หลายคนมีอาวุธปืนในมือและส่ายไปมา ดั่งต้องการขู่ขวัญกับการบุกรุกอย่างอุกอาจในครั้งนี้

            “พวกคุณเป็นใคร  เข้ามาในบ้านผมทำไม !”
            “หยุด ! อย่าขยับ อย่าขัดขืน..”

            พี่ชายของธีราผุดลุกขึ้นยืน พร้อมกับส่งเสียงร้องถามออกไปด้วยอารามตกใจ  ส่วนพิจิกนั้นพุ่งเข้าใส่คนร้ายที่อยู่ใกล้ที่สุดทันทีอย่างไม่ฟังอีร่าค่าอีรมใด ๆ ทั้งสิ้น  เพราะใครก็ตามที่ถือปืนเข้ามาเผชิญหน้า ย่อมไม่ได้มาด้วยเจตนาดีอย่างแน่นอน

            ได้ยินเสียงแม่ร้องวี้ดว้าย ยืนตัวสั่นงันงก เพราะถูกคนแปลกหน้าบุกเข้าไปรวบตัว เอาปืนจ่อหัวไว้  ธนสรณ์ยังไม่ทันได้ขยับเพื่อตอบโต้หรือทำอะไร  ตัวเองก็ถูกชายหน้าตาเหี้ยมเกรียมสองคนปราดเข้ามาล็อกตัว จับแขนทั้งสองข้างไพล่หลังจนสิ้นอิสรภาพเสียก่อน  เขามองเห็นพิจิกจัดการคว่ำคนหนึ่งลงได้ แต่ก็ถูกพวกที่เหลือกลุ้มรุมเข้ามาประเคนหมัดเท้าใส่อย่างไม่ปรานีปราศรัย  ทั้งโดนด้ามปืนตบเข้าตรงศีรษะอย่างแรงจนหมอบคว่ำไป

            มันเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ไวเกินกว่าราชาแมงป่องจะตั้งรับได้ทัน  จังหวะที่เรียกใช้ความสามารถของทีเซลล์ขึ้นมา  รองเท้าหนาหนักของใครบางคน ก็ถีบย้ำลงมาตรงต้นแขนขวาอย่างแรง  บาดแผลที่ถูกยิงยังไม่หายสนิทดี พอถูกขยี้ให้ยิ่งบอบช้ำ พิจิกก็แทบดิ้นพราดด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดแสน  ก่อนจะถูกจับล็อกตัวให้นอนคว่ำหน้าลงไปกับพื้นด้วยอีกคน

            พี่ชายของเขาโผล่หน้ามาตรงหัวบันไดชั้นบน  ธนสรณ์ทันได้ส่งเสียงร้องเตือนพี่ชาย  ทว่าปืนของใครสักคนก็ได้หันปลายกระบอกไปทางพี่ของเขาด้วยเช่นกัน

            “พี่ชาติ ระวังพี่ พวกนี้เป็นใครก็ไม่รู้  แต่มันจะทำร้ายเรา !”
            “ว่าไงนะ !”

            ร่างเล็กกว่าแทรกตัวออกมาทางด้านข้างของธนชาติ  ราเคียร์ก้าวลงบันไดในสภาพหลับตา  ด้านหลังเหนือศีรษะของหญิงสาวปรากฏม่านหมอกทะมึนสีดำ ที่เกิดจากการรวมตัวของแมลงประหลาดนับร้อยตัว  พวกมันบินกรูเข้ามาผ่านทางหน้าต่างห้องนอนที่เปิดไว้  เสียงที่เกิดจากปีกกระพือดังหึ่งอึงอลไปทั่ว  ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าหาเป้าหมายตามที่ได้รับคำสั่งให้โจมตี จากคลื่นสมองของราเคียร์

            เลือดกำเดาสีเข้มไหลออกรูจมูก  การฝืนบังคับแมลงของเอมานนับร้อยตัวให้ทำการจู่โจมในทีเดียว เป็นภาระที่หนักหน่วงเกินไป สำหรับร่างมนุษย์อันแสนเปราะบางนี้  ความดันในร่างกายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้รู้สึกทรมานดุจสมองจะระเบิดเสียให้ได้  ราเคียร์รู้ดีว่า ตัวเองจะต้องหมดสภาพไป  แต่ก็ยังฝืนที่จะลุกขึ้นช่วยยับยั้งเหตุร้ายในตอนนี้

 
          ปกป้องพวกเขา.. 
           
            หลายพันปีก่อน  หนึ่งในความทรงจำอันแสนยาวนาน  ราเคียร์เคยไต่ถามเรเจเซลด้วยความสงสัย  เหตุใดกัน ราชินีไคเมร่าถึงต้องเสียสละตัวเอง เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วย  ทั้งที่สิ่งมีชีวิตบนภาคพื้นโลกที่เรียกว่ามนุษย์เอง ก็ไม่ได้ร้องขอให้ราชินีต่างดาวกระทำเช่นนั้น

            “     ..  บางที อาจเป็นด้วยความเมตตา เกินกว่าที่จะมีใครหยั่งถึงขององค์ราชินีก็เป็นได้ ..     ”

            ในเวลานั้น  เรเจเซลผู้ครองอาวุโสสูงสุด เป็นผู้ทำหน้าที่คอยดูแลพงศ์พันธุ์แห่งรากเดียวกัน หลังการจากไปของราชินีไคเมร่า  เรเจเซลตอบคำถามดังกล่าว ด้วยท่าทางอันสงบเหมือนเช่นเคย  ราเคียร์มองดูร่างจำแลงของอีกฝ่ายที่แลดูคล้ายตุ๊กตาไม้  รูปแบบที่เผ่าพันธุ์ของตนเลือกที่จะจำลองภาพลักษณ์ ตามแบบอย่างที่ราชินีไคเมร่าเคยทำให้เห็นเป็นตัวอย่างแรก

            “     ..  ข้าไม่เข้าใจเลย  ไม่มีเหตุผลอันใดเลย ที่ราชินีของเราต้องปกป้องพวกมนุษย์  ..     ”

            “     ..  เด็กน้อยของข้า  นี่คงคล้ายกับที่ข้าปกป้องเจ้า  เจ้าปกป้องข้า  เพราะเราต่างเป็นรากเดียวกัน  หรือบางที อาจไม่มีเหตุผลกลใดเลยด้วยซ้ำ  บางที เราแค่ทำ เพียงเพราะเราอยากทำ ก็แค่นั้นเอง  ..     ”
 
          -- ข้าแค่ทำ เพราะข้าอยากทำ  ข้าอยากปกป้องพวกเขา..ก็แค่นั้นเอง --      
           
            การโจมตีจากฝูงแมลงประหลาด เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย  กลุ่มคนร้ายที่ต่างถูกพวกแมลงทั้งกัดทั้งข่วนจนได้เลือดกันถ้วนทั่ว จึงยอมที่จะล่าถอยกลับออกไป  ทว่ากลับไปมือเปล่าคงไม่สมกับค่าจ้างที่รับงานมาสักเท่าไหร่  ด้วยเหตุนี้ กระสุนชุดหนึ่งจึงถูกระดมยิงเข้ามา  หมายเป็นการทิ้งท้ายขู่ขวัญให้พวกเหยื่อต้องอยู่อย่างหวาดผวา นับต่อไปจากนี้
 
            ปัง !  ปัง !  ปัง !  ปัง !  ปัง !  ปัง !  ปัง !  ปัง !  ปัง !
           
            ห่ากระสุนปลิวว่อนไปทั่ว  อาจเป็นโชคดีสำหรับบางคนที่นั่งลง หรือหมอบต่ำอยู่กับพื้น หรือพอมีสิ่งของใช้กำบังกาย  แต่สำหรับนางปวีณาผู้กำลังยืนตัวสั่นงันงกอยู่กับที่นั้น  บริเวณแถวโต๊ะกินข้าวค่อนข้างโล่ง ปราศจากเฟอร์นิเจอร์อื่นใดกางกั้น ซ้ำร้ายยังอยู่ใกล้หน้าต่างที่เปิดรับอันตรายจากฝีมือมนุษย์ด้วยกัน อย่างเต็มที่อีกด้วย

            แม้เป็นเพียงเสี้ยววินาที  แต่ราเคียร์ก็จับคลื่นกระแสความร้อนที่พุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูงได้  ไม่มีเวลาพอให้คิดอ่านหาทางแก้ไขอื่นใด  นอกจากเลียนแบบวิธีการอันเรียบง่าย ตามที่ตนเคยได้ทัศนาจากในโทรทัศน์

            รวดเร็วและง่ายดาย  เพียงแค่เคลื่อนย้ายตัวเอง ไปบังร่างของแม่เอาไว้เท่านั้น !

 
            ความแปลบปวดแล่นริ้วจากกึ่งกลางลำตัว  ของเหลวสีแดงในร่างทะลักออกมาตามรอยเจาะสองรู ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าท้องของตัวเอง  แวบหนึ่งนั้น มนุษย์ต่างดาวเกิดอาการที่เรียกกันว่า ‘ใจหาย’   สิ่งที่น่ากลัวสำหรับราเคียร์ไม่ใช่ความตาย  แต่เป็นการที่ต้องสูญสลายหายไป ในตอนที่ตัวเองได้เป็นราเคียร์ตนนี้ต่างหาก

            ชีวิตต่างพิภพคิดคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้  ตอนที่ร่างของตัวเองล้มฮวบลงไปนอนกองกับพื้น ท่ามกลางสายตาและเสียงร้อง ด้วยความตื่นตระหนกตกใจของทุกคนในบ้าน
           
            “ราเคียร์ !  อดทนไว้  แข็งใจไว้ก่อนนะ  ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้แหละ”

            ธนชาติรีบปราดเข้ามาประคองร่างอ่อนปวกเปียกของคนเจ็บเอาไว้  เลือดสีแดงสดที่ไหลซึมผ่านร่องนิ้วซึ่งเจ้าตัวใช้มือทาบกดรอยกระสุนเอาไว้  ทำให้เขาใจเสียยิ่งกว่าเวลาใด  ทั้งหวาดกลัวอีกฝ่ายจะสิ้นลมหายใจลงต่อหน้าต่อตา  ขณะที่นางปวีณาร้องไห้ออกมา ด้วยความสงสารคนเจ็บตรงหน้าอย่างจับใจ

            “พาข้า.. ไปหา.. บรีเด็ม”

            เพราะเนื้อหนังนี้ ถูกสร้างให้ใกล้เคียงกับร่างกายมนุษย์  เป็นงานฝีมือที่อาจเทียบได้เหมือนกับการเย็บตุ๊กตาผ้าอันประณีต เพื่อเป็นของขวัญให้แก่เด็กผู้หญิง  ด้วยไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการต่อสู้หรือฆ่าฟัน  มหาปุโรหิตเอมานเพียงมอบหน้าที่สำรวจ ตรวจหาอนุภาคของบุคคลสำคัญให้แก่ตน  แต่เมื่อใดที่ร่างภาชนะอันบอบบางนี้เกิดบุบสลาย  ตัวตนอันน้อยนิดนี้ก็เท่ากับต้องหายไปด้วยอย่างน่าเสียดาย  การเรียนรู้และความทรงจำตลอดช่วงระยะเวลาหลายวัน สุดท้ายก็จะกลายเป็นแค่เพียงความว่างเปล่า

            และเพราะเอมานอยู่ไกล เกินกว่าที่จะพาร่างสังขารนี้ กลับไปขอรับการซ่อมแซมได้  ทั้งการรักษาจากฝีมือมนุษย์ก็อาจเกิดผลเพียงเล็กน้อย  สวนทางกับเวลาที่ร่างเนื้อหนังนี้จะหยุดทำงานไป  ทางเดียวที่คงต้องลองเสี่ยง  คนเดียวที่อาจพอพึ่งพาอาศัยในห้วงแห่งวิกฤตนี้ได้ นั่นก็คือ ราชาสีขาวผู้ครอบครอง ‘บรีเด็ม’ ทีเซลล์ที่มีความสามารถพิเศษในการฟื้นฟูและรักษาในกาลก่อน

            “จะใคร คนไหนก็ช่างเถอะ  รีบพาพี่สาวไป  ถ้าไม่รีบทำอะไรตอนนี้  พี่สาวตายแน่”

            พิจิกร้องบอกแก่ทุกคน ขณะยืนเอามือกุมต้นแขนขวาที่เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาอีกครั้ง  สภาพภายในบ้านพินิจใจตอนนี้ เหมือนถูกถล่มด้วยพายุลูกใหญ่  ข้าวของตกเกลื่อนกลาดเต็มพื้น บางชิ้นมีสภาพเหมือนถูกทำลายกระจุยกระจาย  ยังไม่มีคนในละแวกบ้านใกล้เรือนเคียง หรือใครหน้าไหนโผล่มาถามไถ่  ด้วยกลัวถูกลูกหลงจากเหตุเสียงปืนคำรามลั่นเมื่อสักครู่

            “ฆีมษ์..  ราเคียร์หมายถึงฆีมษ์ ราชาสีขาว !  ไปเร็ว พี่ชาติ แม่  เราต้องรีบพาราเคียร์ไปหาเขาเดี๋ยวนี้”

            ธนสรณ์รับเอากุญแจรถมาจากพิจิก  พร้อมกับร้องบอกพี่ชายตามความเข้าใจของตน  เพราะในวันนั้น เขายืนอยู่ด้วยและมองดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนที่ราเคียร์ทำการตรวจสอบเลือดของฆีมษ์และเสือ  โดยที่คนทั้งสองนั้นต่างแลดูเหมือนมีท่าทีงุนงงสงสัย และไม่ให้ความร่วมมือด้วยในทีแรก

            แต่พออ้างถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธีรา  แขนของราชาทั้งสองถึงค่อยยื่นออกมาให้แต่โดยดี  คนหนึ่งแสดงออกอย่างกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มใจ  ส่วนอีกคนนั้นไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ธนสรณ์ร้องขอหลังจากนั้น

            ผู้ติดเชื้อแต่ละคนต่างมีวงจรชีวิตที่แตกต่าง  แต่ไม่ว่าจะดีหรือร้าย  พวกเขาต่างถูกดึงดูดเข้าหากัน ด้วยสายสัมพันธ์อันประหลาด  ถูกชักนำเข้าสู่โลกที่แตกต่าง  แม้กระทั่งบางคนถึงขนาดก้าวเข้าสู่วิถีที่อยู่เหนือความเข้าใจของตัวเองไปตลอดกาล 

 
            ธนสรณ์จำไม่ได้ว่า ตัวเองเหยียบคันเร่ง จนเข็มวัดความเร็วบนหน้าปัดชี้ไปที่เลขอะไร  รถยนต์คันเล็กขนาดกะทัดรัดของพิจิกทะยานพุ่งไปข้างหน้า  โดยมีเจ้าของรถนั่งตัวเกร็งตรงที่นั่งข้างคนขับไปตลอดทาง  เบาะท้ายด้านหลังยังรองรับอีกสามชีวิตที่จำเป็นต้องร่วมทางไปด้วยกัน

            ศีรษะรื้นชื้นเหงื่อของราเคียร์ นอนหนุนบนตักของหญิงวัยกลางคน ผู้เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาและความเป็นมารดา  น้ำตายังคงไหลอาบแก้มของนางปวีณา  เช่นเดียวกับบนใบหน้าของธนชาติ ที่ปรากฏหยาดน้ำใสให้ได้เห็นเช่นกัน  เขาจัดวางขาของราเคียร์พาดวางบนหน้าตักของตัวเองเอาไว้  พยายามให้คนเจ็บอยู่ในท่าที่จะกระทบกระเทือนบาดแผลให้น้อยที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้

            “คุณจะต้องไม่เป็นอะไร  อดทนไว้  เข้มแข็งไว้นะ ราเคียร์”

            เจ้าของชื่อได้แต่นอนหลับตา  พยายามสกัดกั้นฤทธิ์ของความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย  สิ่งแปลกปลอมยังคงตกค้างฝังอยู่ตรงอวัยวะภายใน  ผ่านกาลเวลามาเพียงไม่นานเท่าไหร่  ในที่สุด พวกมนุษย์ก็สามารถคิดค้น พัฒนา และสร้างอาวุธที่สามารถสังหารได้ทุกอย่าง แม้พวกเดียวกันเอง ไปจนถึงกระทั่งเทพเจ้าแห่งยุคโบราณกาล  โลกนี้ถูกครอบครองโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแท้จริง

            นี่เองกระมัง  เหตุผลที่ราชาเลวีอาธานมีความประสงค์ ต้องการหวนกลับไปยังแหล่งกำเนิดก่อนเวลา  เพียงแค่ละทิ้งโลกอันวุ่นวายที่ไม่ใช่ของเราไว้ข้างหลัง  แล้วกลับไปยังบ้านอันแสนสงบสุขและสวยงามที่ได้จากมา

            ความคิดของชีวิตต่างดาวไหลเรื่อยในสมองอย่างช้า ๆ  เหมือนกับเลือดที่ยังคงซึมออกจากบาดแผลตรงหน้าท้องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล  ราเคียร์ยังคงหอบหายใจ  ถึงแม้รู้สึกได้ว่า มันเริ่มแผ่วเบาลงทุกขณะ

            ข้ายัง.. ไม่อยากหายไป ตอนนี้เลย..
 
 

 
++++++++++++++++++++++++++++++
 


 
            เวลาสามทุ่มกว่าโดยประมาณ  ท่ามกลางความอึกทึกครึกโครมภายใน ‘King J’ สถานบันเทิงยามราตรีขนาดใหญ่  วสันต์แทรกตัวเข้าไปเป็นหนึ่งในคลื่นมนุษย์ กลมกลืนไปกับนักเที่ยวภายในนั้น  มันเป็นสถานที่ซึ่งพร้อมให้บริการในทุกสิ่งอย่าง  ไม่ว่าจะเป็นเหล้า ยาเสพติด โสเภณี หรือแม้แต่การพนันในรูปแบบพิเศษ  ที่นี่ก็สามารถจัดหาไว้รอท่าได้  ตราบเท่าที่ลูกค้ามีกำลังทรัพย์พร้อมที่จะจ่าย เพื่อซื้อความสุขในวิมานชั่วคราวแห่งนี้

            เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานด้านล่างดังสนั่น ปะปนคละเคล้าไปด้วยกลิ่นบุหรี่ และเสียงจอแจที่ฟังไม่ได้ศัพท์  ราชาน้ำแข็งพาตัวเบียดเสียด ฝ่าผู้คนจนไปถึงหน้าบาร์เครื่องดื่ม  แล้วจึงสั่งเหล้ารสชาติร้อนแรงบาดคอมาดื่มแก้กระหาย

            วสันต์อยู่ในสภาพโทรมสุดขีด ทั้งเหน็ดเหนื่อยและตึงเครียดอย่างถึงที่สุด กับการต้องหนีการไล่ล่ามาเกือบครึ่งค่อนวัน  คนพวกนั้นสะกดรอยติดตามตัวเขาได้ไว เหมือนฝูงหมาในที่ได้กลิ่นเนื้อ  สุดท้ายแล้ว ราชาน้ำแข็งก็ตัดสินใจพาตัวเองมาที่นี่  กระโจนเข้าสู่ที่ปิดตาย  และมีสภาพเหมือนสุนัขที่ถูกไล่ให้จนตรอก

            แต่ถ้าไล่ต้อนสุนัขจนกระทั่งมันจนมุม  มันจะหันกลับมาสู้ขาดใจแม้จนตัวตาย  และถ้าหากคืนนี้ ตัวตนที่ชื่อวสันต์นี้จะต้องตาย  เขาก็จะไม่ยอมตายไปอย่างเปล่าประโยชน์แน่นอน

            การยืนดื่มตามลำพัง ท่ามกลางแสงสีเสียงอันวูบวาบวุ่นวายที่ชั้นล่างนี้  เป็นอะไรที่ราชาน้ำแข็งไม่เคยทำมาก่อน  เพราะเขาไม่ใคร่ชอบสถานที่มีเสียงดัง อีกทั้งไม่ต้องการที่จะอดทนมองดูความเสื่อมทรามของสังคมด้านมืด  ทว่าในเวลาแบบนี้  แม้แต่พวกคนเมามายไม่มีสติเหล่านี้ กลับแลดูน่าคบหาขึ้นมา  มันคงเป็นอะไรที่ดีมากกว่า ต้องเดินตามสายจูงของยมทูตเพียงคนเดียวลำพัง  ถ้ามีคนร่วมทางไปด้วยสักกลุ่มใหญ่ ๆ น่าจะคลายเหงาได้พอสมควร
 
            นายบิ่น ลูกน้องคนสนิทของราชันย์พิฆาต เข้ามาเชิญตัวให้วสันต์ขึ้นไปพบเจ้านายของตนยังห้องส่วนตัวชั้นบน  การที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตาราชาน้ำแข็งมาสักพักใหญ่ สร้างความแปลกใจในการปรากฏตัวครั้งนี้พอสมควร  ชายหนุ่มผู้เย็นชาถึงขนาดแสยะยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อยให้ลูกน้องผู้มาเชื้อเชิญ  ก่อนตอบปฏิเสธไปด้วยสีหน้าท่าทางอันเป็นปกติ

            แค่ยืนรออยู่ตรงนี้  จิบเหล้าต่ออีกสักสองสามอึก  สักเดี๋ยวไอ้สวะนั่น มันก็จะเป็นฝ่ายลงมาหาเขาเอง..
 

            “ทำไมเรียกแล้วไม่ขึ้นไปพบข้างบน  ก็รู้ไม่ใช่หรือว่า ข้างล่างนี้มันเสียงดัง หนวกหู”

            แล้วก็เป็นไปตามคาด  หลังนายบิ่นหายไปรายงานไม่นาน  เจ้าของกิจการหรือราชันย์พิฆาตก็ลงมาจากห้องทำงานส่วนบุคคลด้านบน เดินมาด้วยท่วงท่าองอาจผึ่งผาย มีลูกน้องคอยเฝ้าตามประกบซ้ายขวา เพื่อช่วยกันคนนอกออกจากทางเดินของราชา

            “_ไม่อยากขึ้นไป แค่แวะมาแป๊บเดียว เดี๋ยวก็จะไปที่อื่นต่อ_”
            “เกิดอะไรขึ้นกับแก”

            คิงจาเพิ่งสังเกตเห็นรูปกายภายนอก ที่แลดูผิดไปจากปกติของอีกฝ่าย  วสันต์คนที่รักษาภาพลักษณ์ด้วยการแต่งตัวเรียบหรูดูเนี้ยบมาโดยตลอด  เวลานี้กลับอยู่ในชุดลำลองเรียบง่าย  ทั้งผมเผ้าที่ไม่ได้รับการจัดแต่งทรง รวมถึงหน้าตาอิดโรยเหมือนเหนื่อยล้า  ทั้งหมดนี้ทำให้คิงจารู้สึกผิดหูผิดตา และย่อมรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติจากภาพที่สังเกตได้จากคนตรงหน้า

            “_มีปัญหานิดหน่อย_”
            “ปัญหาอะไร  แล้วเรื่องนั้น ว่ายังไง จัดการไปแล้วหรือยัง”

            ผู้ถามจำต้องเร่งเสียงพูดเพื่อแข่งกับเสียงเพลงที่ดังสนั่น  ‘เรื่องนั้น’ ที่ว่าของคิงจา หมายถึง สัตว์ประหลาดในร่างมนุษย์เพศหญิง ที่อีกฝ่ายเคยตกปากรับคำเรื่องกำจัดทิ้ง

            “_มันหนีไปได้  ตอนนี้ มันหลุดออกมาข้างนอกนี้แล้ว_”
            “แกว่าไงนะ !  ไหนแกรับรองว่า จัดการเรื่องนี้ได้  ไหนว่าสถานที่บ้าบออะไรนั่น มันมั่นคงปลอดภัย  แล้วนี่อะไร  ปล่อยให้ตัวประหลาดนั่น หลุดออกมาเพ่นพ่านได้  ถ้าเกิดมันอาละวาด ฆ่าคนขึ้นมา ทีนี้เป็นเรื่องใหญ่แน่”
            “_ช่างมันสิ_”

            คิงจาที่กำลังขึ้นเสียงอย่างหัวเสียถึงกับชะงัก  มองดูคนตรงหน้าที่ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบด้วยสีหน้าเย็นชา

            “แกว่าไงนะ”
            “_ฉันบอกว่า ช่างมันสิ  ใครจะตายก็ช่าง ฉันไม่สนใจ_”
            “วสันต์  แก..”

            ยังไม่ทันที่ราชันย์พิฆาตจะทันพูดจบ ก็บังเกิดความวุ่นวายตรงประตูทางเข้าออกหลักเสียก่อน  เมื่อปรากฏกลุ่มชายฉกรรจ์เกือบยี่สิบนาย พร้อมอาวุธสงครามครบมือ พากันกรูเข้ามาและกระจายตัวปิดล้อมภายในตัวอาคารสถานที่อย่างรวดเร็ว  เสียงดนตรีที่กำลังดังกระหึ่มพลันหยุดลงในทันที  เมื่อมีเสียงปืนคำรามลั่นดังขึ้นแทนที่สามสี่นัดติดต่อกัน

            นักเที่ยวยามราตรีต่างคนต่างหมอบ หรือไม่ก็นั่งคุดคู้ลงกับพื้นตามคำสั่ง  ทุกใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อถูกปืนล้อมเอาไว้แทบทุกทิศทาง  ไม่มีใครกล้าเสี่ยงชีวิตพาตัวเองออกไปจากที่แห่งนั้น  ไฟในสถานบันเทิงถูกเปิดสว่างจ้า  เพื่อให้กลุ่มคนแปลกหน้าได้มองเห็นเป้าหมายได้อย่างชัดเจนโดยสะดวก

            วสันต์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมเช่นเดียวกับคิงจา  รอยยิ้มเย้ยหยันบางเบากับแก้วเหล้าที่ถูกยกชูขึ้นต่อหน้า  ทำให้ราชันย์พิฆาตรู้ได้ในบัดดลว่า อีกฝ่ายกำลังเล่นงานตนเข้าให้แล้ว !

 
            แม้แต่ราชสีห์ผู้ทะนงตนในเขี้ยวเล็บของตัวเอง ก็ยังต้องม้วนหาง เก็บซ่อนคมเขี้ยวไว้อย่างมิดชิด ยามเมื่อถูกมนุษย์ฝูงใหญ่หันอาวุธอันตรายจดจ่อมาที่ตน  เพราะทีเซลล์ไม่ใช่ตัวการันตีถึงการมีชีวิตอมตะ  คิงจาอาจมีความสามารถที่จะพิชิตพวกกลุ่มคนลึกลับ ลงได้หลายคนในเวลาอันสั้นก็จริง  แต่นั่นไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่า ตนจะสามารถจัดการได้ทั้งหมด และรอดพ้นจากห่ากระสุน หากถูกระดมยิงเข้ามาพร้อมกัน

            รู้หลบเป็นปีก  รู้หลีกเป็นหาง..  สำนวนสุภาษิตนี้ยังคงใช้ได้ทุกสถานการณ์  ในเมื่อคนพวกนี้ไม่ได้มาเพราะตนเป็นสาเหตุ  ก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงหาเรื่องใส่ตัว เพราะมันจะมีแต่เสียกับเสีย  ทั้งกับตัวของเขาเองและธุรกิจสีดำที่อุตส่าห์ปลุกปั้นมากับมือ

            ราชันย์พิฆาตยกมือทั้งสองข้างขึ้น ทำนองยอมจำนนแต่โดยดี  ขยับถอยหลังอย่างช้า ๆ หมายถอยออกมาให้ห่างจากวสันต์  ใครเป็นผู้ชักนำหายนะมา คนผู้นั้นก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองไป

            “อย่าขยับ !”

            ทหารรับจ้างในชุดลายพราง  ปกปิดใบหน้าด้วยหมวกไอ้โม่งสีดำ มีช่องพอให้เห็นแค่ลูกตาทั้งสองข้างคนหนึ่งตวาดเสียงเข้ม ส่งผลให้คนที่เหลือกระชับอาวุธปืนในมือ อยู่ในท่าเตรียมยิง

            “ผมไม่เกี่ยว มาตามใคร ก็จับคนนั้นไป”

            คิงจาพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงราบเรียบ  คำพูดดังกล่าวทำให้วสันต์หัวเราะหึออกมา  ก่อนผินหน้าไปหาอีกฝ่าย  ปลดปล่อยสีหน้าหยามหยันอย่างที่ตนเคยนึกอยากทำมาโดยตลอด

            “_กลัวหรือ  คนอย่างราชันย์พิฆาตกลัวด้วยหรือ  พอหมดประโยชน์ ก็ถีบหัวส่งกันแบบนี้เลย  ทั้งที่ฉันทำงานให้นายมาตั้งเท่าไหร่  จัดการพวกมันเลยสิ  แค่พวกมันมีปืน นายก็กลัวจนหัวหดแล้วรึไง_”
            “หุบปาก !”

            คำพูดถากถางเหล่านั้นอาจได้รับตอบแทนด้วยกำปั้นไปแล้ว  ถ้าไม่ติดตรงที่มีปืนหลายกระบอกจดจ้องพร้อมเหนี่ยวไก  คิงจาจึงทำได้เพียงข่มโทสะ ส่งเสียงคำรามรอดไรฟันออกมาเท่านั้น
 
            “_ยิงเลย !  แต่อย่าปล่อยไอ้หมอนี่ไว้ล่ะ  มันเป็นพวกแบบเดียวกับฉัน  พวกเดียวกับที่ฆ่าเพื่อนร่วมทีมของพวกแกจนตายเกลี้ยงเมื่อตอนบ่าย  ไอ้เลวนี่ฆ่าคนมาเยอะแล้วด้วย  และมันจะไม่ปล่อยพวกแกแน่  ถ้าปล่อยให้มันรอดไปได้_”
 
            เกินกว่าใครจะคาดคิด  วสันต์พูดพลางเดินอย่างสง่า เข้าสู่วงล้อมตรงกลาง  โดยไม่ลืมที่จะทำตามความตั้งใจของตัวเอง นั่นคือ ลากบุคคลที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายแห่งความเกลียดชัง ร่วมทางไปนรกกับตนด้วย

            นอกเหนือไปจากอมินพี่ชาย  วสันต์นึกถึงใบหน้าของธีรา  ส่วนเสี้ยวหนึ่งจากหัวใจอันแสนเย็นชานึกภาวนา ขอให้อีกฝ่ายรอดปลอดภัยและมีชีวิตอยู่ต่อไป

            เป็นอิสระให้ได้นะ ..ธีรา
 
            ราชาน้ำแข็งจุดยิ้มบางเบาขึ้นตรงมุมปาก  ขณะร่างกายรับแรงปะทะจากกระสุนยาสลบสองสามนัดที่ถูกยิงมา  ยาที่ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วทำให้วสันต์ยืนมึนงงอยู่ไม่นาน  ก่อนจะหมดสติร่วงลงนอนกองไปกับพื้นภายในเวลาอันรวดเร็ว  เพราะการสังหารหมู่ทีมไล่ล่าหน่วยหนึ่งเมื่อตอนช่วงบ่าย กลายเป็นตัวยกระดับมาตรการในการจับกุมตัวเป้าหมายขึ้นมาทันที  ไซลาซีนเป็นยาสลบที่ใช้กับสัตว์ก็จริง แต่เวลานี้ ถูกนำมาใช้กับพวกเหนือมนุษย์ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายหรือผลข้างเคียงแต่อย่างใด

            ไม่มีการเสี่ยงเข้าใกล้หรือเข้าประชิดตัว  บทเรียนจากหลายชีวิตที่เซ่นสังเวยไป ทำให้กองกำลังทหารรับจ้างเรียนรู้และปรับยุทธวิถีใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

            และเหยื่อกระสุนรายถัดมา ก็คือ ร่างของคิงจาที่ล้มตึงหมดสภาพ ไม่ไกลจากร่างของวสันต์  ทั้งนี้ เป็นไปตามคำสั่งจากผู้จ้างวาน ที่ระบุความต้องการมาอย่างชัดเจน
 
            ท่านเกรียงไกรถ่ายทอดคำสั่งให้จับตัววสันต์  รวมถึงคนอื่น ๆ ที่มีเชื้อทีเซลล์  ไม่ว่าใครก็ตามที่มีสมญาเป็นราชา ล้วนแล้วแต่มีราคาค่าหัวให้ทั้งสิ้น !
 
 


 
++++++++++++++++++++++++++++++




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2563
0 comments
Last Update : 15 กรกฎาคม 2563 14:37:25 น.
Counter : 981 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.