! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
 
เมษายน 2563
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
27 เมษายน 2563
 
All Blogs
 

อีกสองเดือน...ผมก็ไม่ตาย ตอนที่ 4 (2/2)


ขอบคุณภาพปกนิยาย จากคุณ ApitarN ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


งานเขียนชิ้นนี้ เป็นผลงานการเขียนแบบทีม ประกอบด้วยผู้เขียนหลายท่าน
ในแต่ละตอน จึงมีการลงชื่อกำกับไว้ ในแต่ละส่วนการเขียนของผู้เขียนท่านนั้น ๆ
ท่านสามารถรับฟังเป็นรูปแบบเสียงได้จากคลิปข้างล่างนี้





              ในตรอกที่มืดและเฉอะแฉะไปด้วยน้ำครำ  มีกลิ่นของความไม่ชอบมาพากลโชยมากับสายลม  ใครคนหนึ่งรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปข้างในซอยด้วยจิตใจร้อนรน จึงไม่สนว่าทุกครั้งที่เท้าเหยียบลงพื้น น้ำเน่าจะกระเด็นมาถูกขากางเกงสีขาวกระจายเป็นรอยด่างฝังแน่น พร้อมด้วยกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์

              “บ้าชะมัด  ซอยอื่นก็มีขี้หมา  ซอยนี้แย่ยิ่งกว่าอีก”

              วัชต์สารินท์สบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์  ขณะเงยหน้าขึ้นมองตึกสี่ชั้นสภาพเก่าทรุดโทรม  มีป้าย ‘หอพักว่างให้เช่า’ ติดหราอยู่บริเวณด้านหน้า  หญิงสาวถอนหายใจแรงๆ ทีหนึ่ง  ก่อนกระชับสายคาดกระเป๋าสะพายหลังขนาดใหญ่ คล้ายกระเป๋ากีตาร์ด้านหลัง  และก้าวเข้าไปในตัวอาคาร

              หญิงวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วน ผู้ดูแลหอพักไม่ได้สอบถามอะไรมาก  เมื่อเห็นแขกแปลกหน้าควักเงินเป็นฟ่อนออกมาจ่ายค่ามัดจำและค่าเช่าห้องล่วงหน้า อย่างไม่มีท่าทีอิดออดแต่ประการใด  นางคว้ากุญแจห้องพักหมายเลข 404 ขึ้นมาถือไว้ในมือ  ก่อนเริ่มต้นพาร่างอุ้ยอ้ายเดินนำอีกฝ่าย ไต่บันไดทีละขั้นขึ้นไปยังชั้นสี่ เนื่องจากหอพักแห่งนี้ไม่มีลิฟต์ให้บริการแก่ผู้พักอาศัย

              “แฮ่ก.. โอย.. เหนื่อย  ห้องนี้แหละจ้ะ  มีเฟอร์นิเจอร์พร้อม  เข้าพักได้เลย”

              หญิงสาวรับกุญแจห้องจากมือผู้ดูแล  พร้อมกับมองส่งอีกฝ่ายที่เดินกลับลงบันไดที่อยู่สุดทางเดิน ด้วยอาการรีบเร่งผิดปกติ  บรรยากาศภายนอกห้องค่อนข้างสลัว  เนื่องจากไม่มีหน้าต่างเปิดรับแสงสว่าง  มีเพียงหลอดไฟตรงระเบียงทางเดินติดไว้ให้ความสว่างเพียงสองดวงเท่านั้น

              เหนือสิ่งอื่นใด  ห้องของเธออยู่ริมสุดทางเดินตรงข้ามกับทางขึ้นลงบันได  แม้หน้าห้องพักอื่นๆ จะมีรองเท้าถอดวางอยู่เรียงราย  ทว่าวัชต์สารินท์ไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวอื่นใดเลย  เหมือนมีเพียงตัวเองเท่านั้นที่เป็นสิ่งมีชีวิตบนชั้นนี้  นักฆ่าสาวแวบคิดถึงเรื่องเล่าเขย่าขวัญเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้  เรื่องเล่าที่เจ้าของหอหลอกผู้เช่ารายหนึ่งว่า ห้องอื่นมีคนพักอาศัยอยู่ โดยเอารองเท้ามาวางหลอกไว้  ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีใครอาศัยอยู่บนชั้นนั้นเลยแม้แต่ห้องเดียว

              “ผีก็ผีเหอะ  ถ้าออกมารบกวนกัน  แม่จะเป่าให้กระจุยเลยนะ บอกไว้ก่อน”

              หญิงสาวพูดกร้าวออกมาอย่างไม่กลัวเกรง  ก่อนปิดประตูห้อง กดล็อกลูกบิด และลงกลอนอีกชั้นอย่างแน่นหนา  จากนั้น จึงค่อยวางกระเป๋าใบหนาหนักที่สะพายมาลงบนเตียง ด้วยท่าทางระมัดระวังและทะนุถนอมเป็นอย่างยิ่ง

              สิ่งที่นักฆ่าสาวผู้มีรูปร่างสูงยาวเข่าดี  เจ้าของใบหน้ารูปไข่ เครื่องหน้าสวยคมซึ่งครอบปิดไว้ด้วยผมทรงบ็อบเทแสกข้าง ที่เจ้าตัวปล่อยทิ้งลงมาปิดบังดวงตาเอาไว้ข้างหนึ่ง ลงมือทำเป็นสิ่งแรกก็คือ เปิดหน้าต่างให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาในห้องอย่างเต็มที่

              สำหรับวัชต์สารินท์  ไม่มีอะไรสวยงามเท่ากับทัศนียภาพที่ได้มองจากมุมสูงอีกแล้ว  อากาศก็บริสุทธิ์สดชื่นมากกว่าเป็นไหนๆ

              นักฆ่าสาวหยิบเอาโทรศัพท์มือถือ จากกระเป๋ากางเกงออกมา ต่อสายถึงใครบางคน


              “-- ฮัลโหล ว่าไง ออมมี่  ฉันกำลังอบไอน้ำ กับทำเล็บอยู่นะ คุยไม่ถนัดตอนนี้ --”

              เสียงอู้อี้ของคนปลายสายดังแว่วมา  ทำให้วัชต์สารินท์เบะปากอย่างนึกระอา ในความรักสวยรักงามของอีกฝ่าย  ดูเหมือนชีวิตประจำวันของวันทนีย์ จะวนเวียนอยู่กับการเข้าออกร้านเสริมสวย  แต่ที่นั่นก็เป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นดี ที่ทำให้ฝ่ายนั้นมีข้อมูลไปเขียนนิยายแนวดราม่า ผัวเมียละเหี่ยใจ  แล้วนั่งอินร้องห่มร้องไห้ ทำตัวเป็นนางเอกของเรื่องเสียเองอยู่บ่อยหน

              “นีนี่  ฉันรับงานนอกมา  เธออยากเอี่ยวด้วยไหม”  

              นักฆ่าสาวเดินวกกลับไปนั่งลงบนเตียง  บรรจงรูดซิปกระเป๋า ทยอยนำเอาชิ้นส่วนต่างๆ ของปืนไรเฟิลอัตโนมัติออกมาวางบนที่นอน  หญิงสาวลูบคลำลำกล้องปืน ที่ทำจากโลหะเนื้อเย็นเคลือบสีดำสนิทไปมา ด้วยสายตาแสดงความหลงใหล

              “-- ไอ้คำว่า เอี่ยว เนี่ย  เธอหมายถึงให้ฉันไปทำหน้าที่เป็นสปอตเตอร์ (พลชี้เป้า) ให้เธออีกแล้วหรือยะ  ครั้งที่แล้ว ฉันยังเสียวไม่หายเลยนะ ที่เธอยิงเฉียดหูฉันไปนิดเดียวเองน่ะ --”

              ปลายสายส่งเสียงหวีดแหลม แหวกลับมาอย่างเดือดดาล พร้อมกับเท้าความถึงงานร่วมมือครั้งล่าสุด ระหว่างสองนักฆ่าสาว

              “เอาน่า คราวนี้ ฉันเอาแค่ Dragunov มาใช้  ไม่ได้แบก PSG ลูกรักมาใช้เหมือนคราวที่แล้วหรอก  มาช่วยกันหน่อยน่า  ฉันกำลังสะสมเงินเพื่อ Barrett M82A1 ในฝันอยู่นะ”

              “-- สต็อปๆ เลยย่ะ  แม่คนคลั่งปืน  พูดมาให้เข้าเรื่อง ตรงประเด็นกันเลยดีกว่า  เป้าหมายเป็นใคร  รับเรทค่าจ้างมาเท่าไหร่ --”
              “เธอต้องประหลาดใจแน่  เพราะมีคนติดต่อว่าจ้างฉันเข้ามา สองรายพร้อมกัน”
              “-- ใครกับใครบ้างล่ะ --”
              “คนหนึ่งเป็นบุคลากรระดับสูงขององค์กร ที่อภิธันไปขโมยสิ่งประดิษฐ์มา  เขาต้องการให้ฉันคุ้มครองอภิธันและคอมพิวเตอร์ของเขาจากระยะไกล  คงอยากได้ตัวเป็นๆ มากกว่าศพล่ะมั้ง  ค่าจ้างงานนี้ห้าแสนบาท  ส่วนอีกราย..”

              วัชต์สารินท์หนีบมือถือไว้ข้างหู  ขณะใช้ผ้าชนิดพิเศษเช็ดถูไปตามชิ้นส่วนพานท้ายปืนอย่างเบามือ

              “-- แหม หยุดพูดถูกจังหวะด้วยนะ ต่อเร็วๆ สิ ฉันอยากรู้ --“
              “อีกรายก็คือ ส่วนต่างที่เขาไม่ต้องการ  แม่นั่นต้องการให้ฉันเป่าหัวลุงแมนทันที ที่ส่งสัญญาณให้  งานนี้ให้ค่าจ้างหนึ่งล้านบาท  อันนี้สิ ที่ทำให้ฉันแปลกใจ  แม่นั่นรู้ได้อย่างไรว่า ถึงคิวลุงแมนล่าอภิธันแล้ว ถึงได้จ้างฉันให้คุ้มกัน”
              “-- เธอแกล้งเซ่อ หรือ เซ่อจริงยะ  คิวมันล่มไปตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว  คิวแรกคือดินสอสีเทียน ซึ่งยัยนั่นทำงานพลาด  คิวที่สองคือ โอวัลติน แต่หมอนั่นดันเกิดท้องเสีย กว่าจะโผล่ไปถึงที่เกิดเหตุ  จูนกับอภิธันก็หนีไปแล้ว  แถมใครก็ไม่รู้เอาตัวเทียนไปเสียอีก  ฉันคลาดสายตาไปนิดเดียวเอง --”
              “ฉันว่า เรื่องนี้มันทะ llม่งๆ อยู่นะ นีนี่  เธอไม่รู้สึกหรือ”
              “-- ยิ่งกว่ารู้สึกอีก  แค่ฉันไม่ได้พูดออกมาหรอก --”

              นักสไนเปอร์สาวพยายามเรียบเรียงความคิด ปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดเข้าหากัน  มีเงื่อนงำบางอย่างที่สะกิดใจเธออย่างแรง  การตามไล่ล่าสังหารนายอภิธันนั่น เป็นเรื่องปกติธรรมดาเป็นที่ยอมรับและเข้าใจ  แต่การส่งดินสอสีเทียนไปจัดการนั้น มันไม่สมเหตุสมผลอย่างแรง  เพราะยังมีนักฆ่าฝีมือดีในสังกัดอีกหลายคนที่น่าจะจัดการเรื่องนี้ได้ดีกว่า  เสมือนว่า G ต้องการให้เหยื่อมีโอกาสรอด เพื่อเป้าหมายแอบแฝงบางอย่าง  แต่มันคืออะไรกันล่ะ..

              หลังเงียบไปครู่หนึ่ง  วัชต์สารินท์จึงกรอกเสียงกลับไปหาปลายสาย ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเล็กน้อย

              “นีนี่  ถ้าเธอรู้อะไร เธอต้องรีบบอกฉันทันทีเลยนะ  ไม่งั้น ถ้าเกิดลุงแมนรู้ตัวขึ้นมา พวกเราแย่แน่”
              “-- อย่าบอกนะ ว่าเธอตัดสินใจไปแล้ว  นี่รับสองงานพร้อมกันเลยหรือ --”
              “เงินตั้งล้านห้า  เราแบ่งกันคนละครึ่ง  เธอไม่เอาด้วยก็ได้นะ  แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น  ฉันขอฝากลูกๆ ของฉันที่คอนโดด้วย  ช่วยรับพวกเขาไปอยู่ในการดูแลต่อของเธอด้วยนะ”
              “-- ฉันไม่ถนัดใช้ปืน  แล้วฉันจะเอาคลังแสงของเธอมาทำตำลึงอะไรล่ะยะ  ก็ได้ๆ งานนี้ ฉันเอาด้วยก็ได้  บอกแผนมาก็แล้วกัน  แค่นี้ก่อนนะ  ช่างเขาเรียกไปไดร์ผมต่อแล้ว --”
              “เดี๋ยวสิ!  ยังไม่ทันเล่าเรื่องสามียัยซีซ่า  นายสมชายได้เป็นตัวเก็ง ขึ้นตำแหน่งเป็นอธิบดีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ฉันว่า ยัยนั่นต้องวางแผนอะไร..”

              ตรู๊ด.. ตรู๊ด.. ตรู๊ด..

              ปลายสายตัดสัญญาณไปอย่างรวดเร็ว  วันทนีย์ก็เป็นแบบนี้เสมอ  เจ้าหล่อนจะฟังเฉพาะแต่กับสิ่งที่ตัวเองสนใจ  นิยายหลุดโลกของเจ้าหล่อนเองก็เช่นเดียวกัน  เขียนอะไรก็ไม่รู้เอาแต่สนุกตัวเองเข้าไว้  วัชต์สารินท์โยนมือถือลงบนฟูกนอนไปทางหนึ่ง  ก่อนหันมาง่วนกับการบรรจงประกอบปืนไรเฟิลขึ้นมาอย่างใจเย็น  รวมถึงติดตั้งขาตั้งปืนตรงข้างหน้าต่างห้องพัก ที่หันหน้าไปทางทิศทางบ้านเช่าสภาพซอมซ่อหลังหนึ่ง อย่างพอดิบพอดี

              ภาพชายหญิงคู่หนึ่งปรากฏขึ้นภายในเลนส์กล้องเล็งระยะไกล  ขณะที่นักฆ่าสาวทำการเล็งเพื่อปรับองศาการยิง ให้เหมาะเจาะกับระยะทางและสายตา  วัชต์สารินท์อมยิ้มขึ้นมาตรงมุมปาก เมื่อมองเห็นภาพคู่รักกำลังอยู่ในอารมณ์หวานซึ้ง  มีการกอดและหอมแก้ม  ยิ้มและหัวเราะให้แก่กัน ด้วยใบหน้าของคนมีความสุข

              “ฉันก็อยากอวยพรให้เธอมีความสุขอยู่หรอกนะ จูน  ยังไงก็..รอดไปให้ได้ล่ะ”

              พลซุ่มยิงสาวหยิบมือถือขึ้นมา กดเข้าสู่เว็บไซต์รวมกระดานสนทนา เลือกไปยังห้อง ถนนนักเวียนเทียน  หรืออีกนัยหนึ่ง ถนนนักฆ่า  เธอมองหากระทู้นิยายตอนล่าสุดของล็อกอินส่วนต่างที่เขาไม่ต้องการ  ก่อนจะกดเข้าไปที่กระทู้ชื่อ  แสงระพี บทที่... 79  และพิมพ์ข้อความแสดงความคิดเห็นทิ้งเอาไว้

    
              ความคิดเห็นที่ 33

              ‘ตามอ่านมาทันเนื้อหาในบทนี้แล้วค่ะ  ได้เฝ้าติดตามชีวิตคู่ของอึ่งกับแสงระพีแล้ว อบอุ่นหัวใจเหมือนได้นั่งอยู่ข้างหน้าต่างรับแสงจันทร์จังเลยค่ะ’  (เข้าประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว  มองเห็นการเคลื่อนไหวของทั้งคู่  พยายามอยู่ใกล้หน้าต่างเข้าไว้)  -- วัชต์สารินท์


 
รัชต์สารินท์ (พล็อต) + zionzany บรรยาย

 


 
              รถยนต์สีตะกั่วแล่นฉิวไปตามทางถนนที่มีรถราค่อนข้างบางตา  เนื่องจากเป็นเส้นทางตัดผ่านทุ่งนาผืนใหญ่ ทั้งยังเป็นเขตปริมณฑลชั้นนอก  ใบหน้าขาวภายใต้แว่นกันแดดสีชาราคาแพง เผยอรอยยิ้มเล็กน้อย เมื่อมองไปเห็นป้าย ‘ปั๊มน้ำมันแห่งสุดท้ายที่จะมีห้องน้ำ’ ปักไว้อยู่ข้างทาง  ก่อนจะถึงสถานที่ดังกล่าวในอีกห้าร้อยเมตรข้างหน้า

              วันทนีย์จัดแจงผ่อนความเร็วรถลง  ก่อนเลี้ยวเข้าไปจอดตรงบริเวณหน้าร้านกาแฟในปั๊มแห่งนั้น  เธอลงจากรถ ก่อนจะผลักบานประตูเข้าไปด้านใน  เพื่อพบกับรอยยิ้มขี้เล่นและประกายตาวิบวับของใครบางคน ที่ส่งมาทักทายกันซึ่งหน้า

              “ยินดีต้อนรับครับ  คุณผู้หญิงคนสวย  ไม่ทราบว่า จะรับอะไรดีครับ”

              ตังกุย เลิฟลี่ ส่งเสียงนุ่มนวลทักทายอีกฝ่าย  ผายมือพร้อมกับค้อมศีรษะลง จนเกือบจะเป็นท่าโค้งคำนับให้กับอีกฝ่าย  และนั่นทำให้วันทนีย์เชิดหน้าขึ้น ทำกริยาคล้ายคนเย่อหยิ่งถือตัว  ริมฝีปากซึ่งฉาบทาด้วยลิปสติกสีแดงเข้ม ขยับขึ้นลงร้องบอกเสียงห้วนสั้น

              “ขออะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่กาแฟ  มีทาร์ตบลูเบอร์รี่ไหม เอามาด้วยชิ้นนึง”

              สั่งเสร็จ  หญิงสาวก็ก้าวเดินไปทรุดนั่งลง ตรงโต๊ะมุมในสุดทันที  ขณะที่เจ้าของร้านยิ้มกว้างพลางส่ายหน้าเล็กน้อย  ขณะนั้นเป็นเวลาห้าโมงเย็น แต่ไม่มีลูกค้านั่งแม้แต่โต๊ะเดียว  ส่วนใหญ่แวะเข้ามาซื้อเครื่องดื่มและขนม แบบนำกลับมากกว่า

              ไมค์ยกถาดวางเครื่องดื่มและขนมไว้บนมือข้างหนึ่ง  ก่อนเดินไปที่ประตูร้านเพื่อหมุนตัวล็อก และพลิกป้ายตรงหน้าประตูจาก Open ให้กลับเป็น Close  จากนั้น จึงค่อยก้าวไปหาแขกเพียงโต๊ะเดียวของตน ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

              “ผมดีใจจริงๆ นะ ที่คุณแวะมาหาผมได้น่ะ คุณเริ่มคิดถึงผมบ้างแล้วใช่ไหม นี”
              “ยังหลงตัวเองไม่เปลี่ยนเลยนะ ไมค์  ฉันมาที่นี่ เพื่อมาหาข่าวต่างหากล่ะ”

              วันทนีย์เบ้ปาก ตอบกลับด้วยน้ำเสียงติดหมั่นไส้  ไมค์หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ที่สามารถเย้าแหย่อีกฝ่ายได้  พ่อม่ายเจ้าของร้านกาแฟดึงม่านกั้นแสงลงมา ตรงบริเวณที่คนทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกัน เพื่อกางกั้นสายตารู้เห็นของคนภายนอก

              “ถ้าเป็นเรื่องจูน  ผมไม่บอก  แต่ถ้าเป็นเรื่องคนอื่น อาจจะพอบอกได้”
              “งั้นก็ไม่ต้องบอก  คุณไม่มีอะไรที่ฉันอยากจะรู้แล้วล่ะ”
              “ไม่เอาน่า นี  คุณลงทุนขับรถมาตั้งไกล  มาหาถึงผมที่นี่  ต้องมีอะไรใช่ไหมล่ะ”

              มือของไมค์ยื่นออกมา กุมมือของวันทนีย์ไว้ข้างหนึ่ง ลูบไล้ไปมาเบาๆ บนหลังมือเนียนสวยอย่างมีความหมาย  พ่อม่ายกำลังทำสายตาชนิดหนึ่ง สายตาที่สามารถทำให้สาวน้อยใหญ่เคลิบเคลิ้มระทดระทวยได้  วันทนีย์ถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้า พร้อมกับถอนหายใจออกมา  แสดงสีหน้าหนักอกหนักใจให้อีกฝ่ายได้เห็น

              “ไมค์ ฉันมีเรื่องจะขอร้องคุณ  ถ้าหากฉันเป็นอะไรไป  คุณช่วยรับเจ้าโคโค่ หมาของฉันไปเลี้ยงต่อได้ไหม  ฉันกลัวไม่มีใครดูแลมัน  คุณเป็นคนรักสัตว์  ฉันคงวางใจฝากฝังมันไว้กับคุณได้”

              นักฆ่าสาวเอ่ยความประสงค์ แบบเดียวกันกับที่วัชต์สารินท์ เพื่อนซี้ของตนเคยพูดเอาไว้ไม่มีผิด  นักฆ่าเองก็มีหัวใจ  แม้รู้อยู่เต็มอกว่า ชีวิตในโลกมืดไม่ควรผูกพันกับสิ่งมีชีวิตใดๆ เพราะมันจะกลายมาเป็นจุดอ่อนในภายหลังได้  แต่วันทนีย์ก็กลับตกหลุมรักลูกหมาหน้าตาโง่ๆ ที่ถูกทิ้งไว้ข้างถนน  หลังจากที่เธอจัดการซัดลูกโม่ห้านัด ใส่กลุ่มเด็กแว้นที่ขี่รถแข่งกัน จนพลาดมาชนแม่หมาตาย  วันทนีย์ตัดสินใจเลี้ยงเจ้าโคโค่เอาไว้ ส่วนพี่น้องอีกสามตัวของมัน  เธอจัดการหาบ้านคนใจดีมีเมตตา รับเอาไปอุปการะหมดแล้ว

              “G จ่ายงานสุดหินมาให้คุณหรือ  คุณถึงออกอาการขนาดนี้”  

              ไมค์รับรู้ถึงความวิตกกังวลของอีกฝ่าย  สายตาของเขาจึงแปรเปลี่ยนไป จากแสดงอาการหวานใส่ กลายเป็นแสดงท่าทีห่วงใยอย่างแท้จริง

              “G ไม่ได้สั่ง  แต่ฉันต้องช่วยออมมี่  งานนี้ ฉันอาจไม่รอด  เพราะต้องต่อกรกับลุงแมน  จูนว่าจ้างออมมี่ให้คอยจับตาดูและยิงลุงแมน  นั่นแสดงว่า จูนรู้ล่วงหน้าว่า ลุงแมนจะไปหาตัวเองกับอภิธัน  ปัญหาคือ ถ้าออมมี่ยิงพลาด  ลุงแมนจะรู้ตัวทันที  ถึงตอนนั้น ฉันต้องเข้าไปเก็บลุงแมนให้ได้  ไม่อย่างนั้น ออมมี่ต้องตายแน่”

              วันทนีย์บอกเล่าไปตามสถานการณ์ เท่าที่ตนรับทราบมาในเวลานั้น  ดวงตาของไมค์เบิกกว้างกับชื่อที่ได้ยินได้ฟัง  อดีตนักฆ่าหมายเลขสองขององค์กรอย่างตัวเขา อำลาวงการมาแล้วก็จริง  ทว่าเสือเฒ่ารุ่นพี่ ผู้ครองอันดับหมายเลขหนึ่งอย่างลุงแมนนั้น  ยังไม่มีทีท่าว่าจะปลดระวางตัวเอง ออกจากอาชีพนักฆ่าแต่อย่างใด

              “อย่านะ! นี  อย่าเล่นกับลุงแมนเด็ดขาด  คุณสู้ไม่ไหวหรอก  ถอนตัวจากงานนี้เสียเถอะ”
              “ไม่ได้  ออมมี่เป็นเพื่อนของฉัน  เธอเป็นคนเดียวที่ฉันจะไม่ยอมปล่อย ให้เธอต้องตายเด็ดขาด  เรื่องใช้ปืน ฉันอาจจะสู้ลุงแมนไม่ได้  แต่ถ้าเรื่องอื่น ฉันว่า ฉันจะพอไหวอยู่นะ”

              ไมค์แค่นหัวเราะออกมา  ปล่อยมือที่เกาะกุมอีกฝ่ายเอาไว้ ทั้งทำสีหน้าเหมือนสมเพชเวทนาในตัวหญิงสาว  แม้คนตรงหน้าจะได้ชื่อว่า เป็นถึงนักฆ่าอันดับสามขององค์กรก็ตามที

              “คุณมันโง่ นี  เอาคอขึ้นไปพาดบนเขียงทำไม  แล้วที่คุณมาที่นี่ เพียงเพื่อจะมาสั่งลา มาลาผมไปตายอย่างไร้ค่าแบบนี้ เนี่ยเหรอ  รู้ไหมว่า ตอนนี้ ผมรู้สึกอย่างไร!”

              วันทนีย์หลบสายตาของอีกฝ่าย มองดูน้ำแข็งที่กำลังละลายอยู่อย่างช้าๆ ในแก้ว  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอปฏิเสธความรู้สึกของไมค์มาโดยตลอด  เพราะเขาและเธอต่างเป็นนักฆ่าที่มีอดีต  รู้เช่นเห็นชาติกันและกันเป็นอย่างดี  นั่นจึงทำให้วันทนีย์มองว่า หากไมค์ต้องการที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่  เขาควรจะได้พบเจอใครที่ดีและเหมาะสมกว่าตน

              รอยเปื้อนบางอย่างไม่เคยลบเลือนจางหาย  ต่อให้ล้างจนคราบหายไป  แต่ความรู้สึกนั้นยังคงอยู่..  วันทนีย์รู้ดีว่า ชีวิตนี้ ตนคงไม่มีค่าควรพอที่จะเป็นภรรยา หรือแม่ให้กับเด็กคนใด

              “ฉันมาให้คุณด่านี่แหละ แค่นี้ ฉันก็สบายใจละ  ยังไงก็ขอฝากโคโค่ด้วย  ฉันไปนะ”

              หญิงสาวผลุนผลันลุกขึ้น เตรียมจะจากไป  ทว่าไมค์ที่ลุกขึ้นในจังหวะเดียวกันกลับจู่โจม โดยการดึงข้อมือของเธอ  และกระชากตัวเข้าไปกอดไว้อย่างแน่นหนา ในวงแขนอันแข็งแรงของตัวเอง

              “อย่าไปเลย นี  คุณก็รู้ว่า ผมรักคุณมานานแค่ไหน  ผมเสียพวกเขาไปแล้ว  อย่าให้ผมต้องเสียคุณไปอีกคนเลยนะ”

              น้ำตาของนักฆ่าสาวไหลออกมา  พวกเขาเหมือนกันมากจนเกินไป  เหมือนจนแม้แต่ความรู้สึกที่ไมค์มีต่อเธออย่างมากมายนั้น  วันทนีย์เองก็มีความรู้สึกต่อไมค์ไม่แตกต่างจากกัน  ด้วยเหตุนี้ สองแขนของหญิงสาวจึงยกขึ้นกอดตอบอีกฝ่าย  เป็นการตอบสนองครั้งแรกในชีวิตของตน

              “แค่คืนนี้เท่านั้น ได้ไหม.. ไมค์  อยู่กับฉันนะ”

              ไมค์ตอบรับคำขอนั้น  ด้วยการกอดอีกฝ่ายแน่นเข้า  ด้วยสีหน้าที่ปวดร้าวไม่แพ้กัน..
    

              นาฬิกาพรายน้ำบนฝาผนังบอกเวลาตีห้า  ตอนที่วันทนีย์ลืมตาขึ้นภายในอ้อมกอดของไมค์  เธอค่อยๆ ขยับตัวอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มที่กำลังหลับสนิท เกิดรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

              หญิงสาวเอื้อมมือออกไปเปิดกระเป๋าถือ  ควานหาบางสิ่ง ก่อนหยิบเอาขวดบรรจุของเหลวใส ขวดหนึ่งออกมา  เธอกลั้นลมหายใจ ก่อนที่เปิดฝาขวดดังกล่าว และนำไปจ่อไว้ใต้จมูกของชายที่ตนรัก  นับหนึ่งถึงสิบ แล้วจึงปิดฝาขวดไว้ตามเดิม

              เรือนร่างอันเปลือยเปล่าลุกขึ้นนั่ง  วันทนีย์โน้มตัวลง จุมพิตที่หน้าผากและริมฝีปากของไมค์เป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย  กว่าที่อีกฝ่ายจะได้สติจากฤทธิ์ยา ตื่นขึ้นมาก็คงอีกหลายชั่วโมง  ถึงตอนนั้น เธอก็คงไปไกลเกินกว่าที่ไมค์จะขัดขวาง หรือห้ามทันแล้ว

              นักฆ่าอันดับสามขององค์กรพ่นลมหายใจ  สีหน้าของหญิงสาวที่มีความรักเลือนหายไป  แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ  โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การฆ่าขึ้นมาแทนที่

              หากไม่ฆ่า ก็ถูกฆ่า..  โลกของเธอถูกย้อมด้วยกลิ่นคาวเลือด และฝุ่นควันแห่งอัฐิสีดำ แทรกอยู่ในอณูอากาศมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

              เสียงข้อความเข้าดังขึ้นสั้นๆ ท่ามกลางความเงียบสงบในยามเช้า  วันทนีย์หยิบมือถือขึ้นมาเปิดอ่าน  เป็นข้อความจากวัชต์สารินท์  พร้อมกับภาพประกอบของ ‘บางอย่าง’ ที่อีกฝ่ายคัดลอก และส่งแนบมาด้วย

              “มีแต่จะต้องทำแล้วสินะ”

              นักฆ่าสาวพึมพำออกมา  ก่อนเร้นกายออกจากบ้านของไมค์ ที่ตัวเองคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว..


 
zionzany




 

Create Date : 27 เมษายน 2563
0 comments
Last Update : 27 เมษายน 2563 20:33:08 น.
Counter : 632 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.