Group Blog
 
 
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
23 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
โลกร้ายของคนขาดรัก


คุณค่ะ ช่วงนี้ฉันหัวยุ่ง เป็นพิเศษ
แม้จะเป็นเดือนมีนาคมที่รื่นรมย์เพียงไร
แต่หิมะก็ตกมาให้ลำบากอยู่ทุกๆวัน
ต้นไม้ที่นี่เลยจำศีลนานเป็นพิเศษ

คงมากกว่าที่ไหนๆในอเมริกา
เพราะผ่านมาตั้งแต่ พฤศจิกายนแล้ว
จนถึงตอนนี้ มีนาคม
แต่ต้นไม้ที่นี่ ก็ยังยืนต้น(ตาย)อย่างสวยงาม
ไร้ใบไร้ความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น
.....................
ฉันไปรับงานออกแบบร้านอยู่ร้านหนึ่งค่ะ
ทำทั้งออกแบบ/สร้างและตกแต่งภายในทั้งหมด
(แปลกใจใช่ไหมที่ฉันทำอะไรแบบนี้ได้
จากร้านโล่งๆ ฉันต้องเนรมิตร
ให้มันกลายเป็นบาร์ที่น่านั่งฟังเพลง
จิบเบียร์เย็นๆ ดูสกอร์ผลกีฬา
ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ เพลินๆ
หลังจากเลิกงานแล้ว....ให้ได้....

บาร์ที่จะเปิดนี้เจ้าของเป็นคนลาว
แล้วเค้ามีห้อง(ที่ทำเลดีมาก)อยู่ตรงหัวมุมถนน
เค้าก็เลยจะทำเป็นบาร์แล้วมีนักร้องไปร้องเพลง
ทุกศุกร์เสาร์อาทิตย์
ส่วนวันธรรมดา เป็นบาร์แล้วมีคาราโอเกะ
เวลานักร้องเมืองไทยมากัน ก็ไปร้องที่นั่นได้เลย
ช่วงนี้เลยไปอยู่แถวๆ เฟอร์นิเจอร์มอล์บ่อยๆ
ร้านที่ฉันไอเดียไปเป็นร้านที่เป็นผับแบบไม่บ้าน
(บอกตามตรง ฉันไม่ชอบอะไรที่มันบ้านๆเลยจริงๆ)

จนบางครั้งอย่างที่บอก ฉันถึงรู้สึกว่า
ฉันเกิดมาผิดยุค ผิดสมัย
วิธีคิดของฉันก็แตกต่าง
จากใครๆ ซะจนน่ารำคาญตัวเอง
ตัวฉันเอง ไม่ว่าจะทำอะไรให้ใครหรือให้ตัวเอง
จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดให้เสมอ
ฉะนั้น สิ่งของที่ฉันมีครอบครอง หรือคนที่ฉันจะรัก
ล้วนมีแรงดึงดูดในเชิงวัฒนธรรมเสมอ
ไม่ใช่ในทางปริมาณหรือเอาง่ายเข้าว่า
( จะอะไรยังไง หรือเลือกใครก็ได้)
และเหมือนกัน.......

เมื่อถ้าฉันจะรัก.....
ฉันคงไม่ได้รักแค่ความไพเราะของเสียงของเค้า......
แต่ฉันรักความคิดที่ส่งผ่านเสียงมาต่างหาก.....
ความคิดที่ลุ่มลึก หมักบ่ม กลั่นกรอง
และตกผลึกมาเป็นคำพูด
แต่ละคำให้ได้ยิน.........
เพราะมันชวนให้คะนึงถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า.....


ล่าสุด อยากโทรหาคนที่ฉันรักใครคนหนึ่ง
อยากบอกว่าเสียใจเหลือเกิน
กับการจากไปของพ่อของเขา
อ่านทางเมลล์แล้ว ก็นั่งร้องไห้....ร้องแล้วร้องอีก.
แต่คิดว่าคงไม่งามถ้าจะตอบเสียใจผ่านทางเมล์ให้เขา
แต่พอจะโทรไปแสดงความเสียใจ
ก็ยังคิดหาคำ....ที่ดีพอ.....
ก็ยังหาไม่เจอกับคำที่จะแสดงให้เค้ารู้

ว่าเรารู้สึกเสียใจมากมาก.....
สะเทือนใจมากๆ ไปกับเขา..
และไหนยังมีเรื่องให้ต้องวุ่นวายเต็มสมอง......
สิ่งที่ฉันทำ......ผ่านไป4วันแล้ว
คือการเงียบเฉย.......

ดูเหมือนไร้หัวใจ......
แต่ไม่ใช่เลย..........ไม่ใช่เลยจริงๆ
อย่างที่บอก....ฉันอาจจะเกิดผิดยุคผิดสมัยไปหน่อยก็ได้
กับการที่จะต้องแสดงออกอะไรๆ ฉันทำไม่ค่อยได้ดี
เพราะฉันคิดว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผู้คน
ไม่น่าจะใช้ยุคนี้ (และร่วมถึงที่นี่ยิ่งไปกันใหญ่)
ฉันว่าช่วงปี 1920-1950 คือช่วงของชีวิตผุ้คนที่ดีที่สุด

เพราะทุกคนมีธรรมเนียม.....
มีวัฒนธรรม มีวินัย.....
มีความละเอียดอ่อน มีความลุ่มลึกทางใจ
และที่สำคัญ.....มีความรื่นรมย์สุนทรีย์
บทเพลงในยุคนั้น ภาพยนต์ในยุคนั้น
คำพูดจา และวิธีคิดของผู้คนในยุคนั้น
การแสดงออก การวางตัวของคนในยุคนั้น.....
มันน่าหลงไหล.....

ฉันยังจำครั้งที่ปู่กับย่าฉันเจอกันได้ดี......
มันน่ารื่นรมย์มากๆๆๆๆ
ย่าฉันเป็นสาววังบ้านหม้อ......
ปู่ฉันเป็นลูกของหมื่นคนธรรพ์ประสิทธิสาร
ซึ่งเป็นข้าหลวงใหญ่ในวัง คุมเกี่ยวกับดนตรีทั้งหมด
ปู่ฉันจึงไปเรียนที่กรมศิลป์
แล้วย่าก็ไปเรียนที่กรมศิลป์เช่นกัน
ชะตาพาให้มาเรียนวิชาดนตรีสากลเหมือนกัน.....
ปู่ฉันเลือกเรียนทรัมเป็ต กับเปียนโน และระนาดฝรั่ง
ย่าฉันเลือกเรียน แซกโซโฟน
(นึกภาพตามว่าเกือบ 90ปีที่แล้ว มีผู้หญิงคนไหน
เป่าแซกโซโฟน ย่าฉันนี่แหละ)
แล้วกามเทพก็แผลงศรรักปักอก

ถ้าไม่มีช่วงเวลานั้น
จะไม่มีฉันวันนี้......
ช่วงเวลาที่ปู่เพียรเฝ้าซื้อดอกไม้แล้วนั่งรถราง
เอาไปให้ย่าที่วังบ้านหม้อ วันแล้ววันเล่า
ช่วงเวลาที่ เพลงค่ำแล้วในฤดูหนาว คือเพลง......
ที่เห่กล่อมปู่ย่าฉันให้วันเวลาแห่งรัก
ช่วงเวลาที่สนามหลวง คือทุกเย็น
ที่มานั่งดูพระอาทิตย์กระทบแมกไม้
สวนลุมพินี ตอนเย็นย่ำของวันหยุด
คือเวลาที่หนุ่มสาวแต่งตัวสวยๆมาเต้นลีลาศกัน

.ฉันไม่ขอเรียกเวลาเหล่านั้น
ว่าสมบูรณ์แบบหรอกนะคะ
ฉันขอเรียกเวลานั้นว่า
ช่างละเอียดอ่อนและปราณีต เหลือเกิน
.
เขาให้ความสำคัญกับทุกสิ่ง
จากใจแท้ๆ
ไม่ขอไปที......
ไม่หน้าไหว้หลังหลอก.....
ไม่ยังไงก็ได้.......
ไม่พุดส่งๆ ไม่โกหก

และรู้จักการรอคอย....
เพราะการได้รอคอย....จะทำให้ซึ้ง....ซึ่งค่า
พิธีการ....ไม่ใช่ความวุ่นวาย.......
แต่คือระบบระเบียบที่น่าปฎิบัติ
วินัย....คือสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด....
เช่นเดียวกับความรื่นรมย์

ทุกวันนี้ของฉัน.....
กับหลายๆครั้ง.....
หลายๆคราว.....
และกับหลายๆคน.....

ฉันทนไม่ได้.....
กับการที่ต้องใช้ชีวิต
อยู่อย่างหยาบๆ หรือกับคนหยาบๆ....


" It s the right thing to do "
ก็ทำไมทุกอย่างต้องง่ายไปหมดด้วยเล่า
รำพันมาซะยาว เอาเรื่องดีๆมาฝากกันค่ะ
คนขาดรัก
ที่มา หนังสือ ‘m fine

มีงานวิจัยมากมายเปิดเผยว่าวัยรุ่นไทยสมัยนี้เป็นโรคขาดรักหรือเรียกง่าย ๆ ว่า
อยู่คนเดียวไมได้ อยู่แล้วจะขาดใจ ถ้าไม่ติดเพื่อน
แบบเฮไหนเฮนั่นล่ะก็
ก็ต้องติดแฟน ทิ้งเพื่อนมาขลุกอยู่กับแฟนทั้งวัน ถ้าไม่ติดแฟนล่ะก็
ต้องติดเม้าท์ ยิ่งเดี๋ยวนี้มีโปรโมชั่นเอาใจขาเม้าท์ซะขนาด
คราวนี้เลยเม้าท์กันไม่ขาดปาก
เลยทำให้เด็กไทยเป็นโรคขาดรักกันมากขึ้น


โรคร้ายของคนขาดรัก
คนที่เป็นโรคขาดรัก แม้จะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่อาการนี้จะส่งผลระยะยาว
ถึงบุคลิกภาพของคนเราในอนาคตได้ อย่างเช่น

1.ขาดความเป็นตัวของตัวเอง
เพราะชีวิตขึ้นอยู่กับคนอื่นมากเกินไป
เราก็จะไม่รู้ว่าเราชอบอะไร หรือถนัดอะไร ก็ตลอดชีวิตที่
ผ่านมาเลือกตามเพื่อนทั้งนั้น เพื่อนไปไหนไปด้วย
เพื่อนชอบอะไรชอบด้วย
ก้เลยไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ถนัดอะไร

2.ขาดความมั่นใจ ไม่มีความหนักแน่นคนขาดรักจะรู้สึกอบอุ่นมั่นใจ
ถ้าได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง แต่จะกลายเป็นคนไม่มั่นใจ
ไม่กล้าไปไหน
ไม่กล้าทำอะไรคนเดียว บางคนไม่กล้ากินข้าวคนเดียว
ไม่กล้าไปห้องน้ำคนเดียว ต้องชวนเพื่อนไปด้วย
แล้วเขาจะแคร์เพื่อนมาก
เรียกว่ายอมเป็นทาสเพื่อนทุกอย่าง เพราะกลัวเพื่อนไม่คบนั่นเอง

3. ไม่กล้าตัดสินใจ การเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ ต่อไปในอนาคต
ก็จะไม่กล้าทำอะไร ไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดี
อะไรเหมาะหรือไม่เหมาะกับตัวเอง
เพราะไม่เคยตัดสินใจ ให้เพื่อนช่วยคิดตลอด
เป็นคนที่มีลักษณะพึ่งพาสูง
ในอนาคตสังคมจะรังเกียจ

4. ขาดความนับถือตัวเองการที่คนเราอยู่แบบไร้ตัวตน จะทำให้เรารู้สึกว่า เราเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้
ที่คอยตามคนอื่น จะตามใจตัวเองก็ไม่กล้า
เพราะกลัวสังคมไม่ยอมรับ
เลยต้องเออออไปกับเขาแล้วเราก็จะไม่นับถือตัวเอง
ไม่ภูมิใจอะไรในตัวเองเลย

5.ไม่มีความสุข การที่ต้องตามใจคนอื่นเพื่อให้เขามาคบมารัก
เพราะขาดรัก อยู่ด้วยตัวเองไม่ได้ ไม่มีวันที่จะมีความสุข
เพราะมัวหวาดระแวงว่าจะไปทำอะไรไม่ถูกใจใคร
ทำให้ขาดสมาธิในการทำงานหรือการเรียน

6. เสียบุคลิกภาพ เข้าสังคมยาก อันนี้สำคัญ คนขาดรัก
จะไม่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เดินไปไหนทำอะไรเงอะๆ งะๆ
และเข้ากับคนอื่นยากด้วย เพราะขาดความมั่นใจจากข้างในตัวเอง
ทำให้เสียบุคลิกภาพ ส่งผลต่อชีวิตและอนาคตต่อไป

โรคขาดรักไม่ใช่โรคร้าย ที่จะทำให้เราเจ็บหรือตาย
แต่เป็นโรคที่ทำลายศักยภาพของคน
ดังนั้นเรามาเยียวยาอาการขาดรักกันเถอะ

วิธีเยียวยาอาการขาดรัก

อาการขาดรักไม่ใช่โรคร้าย ไม่ต้องใช้ยารักษา
แค่อาศัยเวลาในการปรับตัวปรับใจ เขาก็จะกลายมาเป็น
คนแข็งแรงมั่นใจง่ายๆ เช่น

1.อยู่กับตัวเองให้มากขึ้นสิ่งแรกที่ต้องเจอ ก็คือความเหงา ตรงนี้ต้องอดทนให้ผ่านมันไปให้ได้
แรก ๆ อาจทรมานหน่อย แล้วต่อไปจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง...
การหาเวลาอยู่กับตัวเอง ต่อไปเวลาไม่มีใครเราจะมีความสุขได้

2.คุยโทรศัพท์ให้น้อยลง
อันนี้อาจทำยากหน่อยสำหรับคนที่ติดโทรศัพท์เป็นชีวิตจิตใจ
ไม่ต้องเลิกอย่างเด็ดขาดหรอก แค่ลดๆ ลงหน่อย
จากคุยวันละสามชั่วโมงก็เหลือสักสองชั่วโมง แล้วก็ลดลงไปเรื่อยๆ
แล้วก็ลดการพบปะสังสรรค์ ช่วงเดือนแรกอาจจะรู้สึกทรมาน
แต่พอนานๆ เข้าก็เริ่มรู้สึกว่า คนเราอยู่คนเดียวได้
และรู้สึกสงบมั่นใจมากขึ้น

3.อ่านหนังสือ
เวลาอยู่คนเดียวควรหาหนังสือดีๆ ไว้เป็นเพื่อนสักเล่ม
แล้วคุณจะรู้ว่า การมีหนังสือดีๆ ไว้อ่าน
ดีกว่าการมีเพื่อนหรือคบเพื่อนบางคนเสียอีก


4.ค้นหาตัวเองให้เจอ
ถามหาความฝันว่าฉันอยากได้ อยากเป็นอะไร
แล้วก็ให้เวลากับมัน เช่นอยากเป็นนักร้อง
คุณอาจจะไปเรียนร้องเพลง
เพื่อที่จะได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ได้พบเพื่อนใหม่ที่คอเดียวกัน

5 รู้จักปฏิเสธสำหรับคนที่ขี้เกรงใจจนเกินไป ใครขออะไรก็ให้หมด
ใครชวนไปไหนไปหมด ทั้งๆ ที่ไม่อยากทำไม่อยากไป
ให้ค่อยๆ หัดปฏิบัติไปเรื่อยๆ เพื่อเรียกพลังและความมั่นคงของคุณกลับคืนมา

6 ยอมรับตนเองและคนอื่น
อันนี้คือการยอมรับและเข้าใจ
ว่าคนเราล้วนต่างกัน จะให้ใครคิดเหมือนใครไม่ได้
ถ้าใครจะรักหรือคบ เรา
ก็ให้เขารับในความเป็นตัวเรา และถ้าคุณอยากคบใคร
ก็ต้องยอมรับในตัวเขา
แล้วคุณจะไม่ต้องเหนื่อยใจในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
หรือไม่ต้องมานั่งผิดหวังฟูมฟาย ว่าทำไมหนอ
คนนั้นถึงเป็นแบบนี้ คนนี้ถึงเป็นแบบนั้น


เอาล่ะ โรคขาดรักไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือน่าอาย
ใครๆ เขาก็เป็นกัน
ตอนนี้คุณมีอาการขาดรักอยู่หรือเปล่า ถ้ารู้ยังไม่สาย
รีบแก้ไขตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อต่อไป
เราจะได้เป็นคนมีเสน่ห์ มีความมั่นใจ
มีคุณค่า และมีความสำคัญมีความสุขที่สุด
ทั้งทางกายและทางใจ.....
หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับคุณบ้างนะคะ

หวังดีกับคุณเสมอ
ขวัญ




Create Date : 23 เมษายน 2551
Last Update : 3 มิถุนายน 2551 9:21:11 น. 1 comments
Counter : 1425 Pageviews.

 
เป็นเรื่องของอารมณ์
ที่มีสลับปรับเปลี่ยนไปบ้าง



โดย: คนสาธารณะ วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:13:54:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

toyor
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add toyor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.