|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
+++ เสียงเรไรหริ่งเร้า...ราวจะกล่อมแผ่นดิน!!!!
ฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงอดีตยุคที่เรายังเป็นแมงมุมสาวบ้าง เป็นนินจาเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ สติฟั่นเฟือน เลอะเลือนเพราะเธอปันใจ จึงต้องเดินเรื่อยเปื่อยตากฝนอย่างไรจุดหมาย
...................... ท่ามกลางบรรยากาศดัวกล่าว ใครสักคนที่กำลังอยู่ช่วงวัยของการสร้างตัวสร้างตน พยายามหาเอกลักษณ์ของความเป็นตัวของตัวเอง ที่มีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่าง.........
หนึ่ง คือหลอมรวมตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรสนิยมหลัก เพื่อความปลอดภัย
หรือไม่ก็ต้องประกาศตัวเป็นปฏิปักษ์กับสิ่งที่เรียกว่า รสนิยมกระแสหลัก กัoซึ่งๆหน้า .............................................
ช่วงวัยตอนนั้น อะไรๆก็เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ได้เผื่อใจยั้งคิดหรอกว่า แท้จริงแล้ว หาได้มีความจำเป็นอันใด ต้องแสดงอาการเกี้ยวกราดเกลียดชังทุกอย่าง ที่ไม่เข้ากับรสนิยมตนเอง เสียทุกเรื่องทุกครั้ง
................................................
เหมือนรสนิยมในการฟังเพลง ตามคำเบื้องต้น ที่พอถึงช่วงวัย เรามองเพลง ฟังเพลง ร้องเพลง ในฐานะเพลงธรรมดาๆเพลงหนึ่ง.......
เพลงธรรมดาที่ถูกผลิต และโด่งดังในช่วงยุค ช่วงสมัยหนึ่ง คุณค่าของมันอาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงในแง่เพิ่มขึ้น หรือลดลง ไม่ได้เปลี่ยนความชอบหรือความชังไปจากเดิม .............................
สิ่งที่เปลี่ยนไปกลับอยู่ที่ตัวเราเอง ที่เริ่มเรียนรู้ที่จะใช้สอยเครื่องมือเหล่านั้น ในฐานะ เป็นเพลงธรรมดาๆเพลงหนึ่ง ที่พาเราย้อนกลับไปดูสิ่งที่เคยเป็น หรือข้อเท็จจริง และวิถีแต่ละยุคสมัย
.......................................
เพลงบางเพลง บางคนไม่ชอบ เพราะรับทราบว่าลอกเลียนผู้อื่นมา หรือไม่มีความสร้างสรรค์ .................
แต่สำหรับใครสักคนที่ปลดเป้แล้ว มันก็เป็นเพียงเสียง จังหวะ และท่วงทำนอง ที่สอดเสนาะ ไพเราะกับสัมผัสทางโสตประสาท แค่นี้ก็ถือได้ว่า ดนตรีได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว ..........................................
และแม้ว่าโสตทัศน์ของหู มีโอกาสได้ลิ้มลองเสียงอื่นๆ ที่ดูเหมือนมีคุณภาพสูงกว่า จริงจังมากกว่า เสียงร้องมีเทคนิคมากกว่า ดูเป็นคนมีรสนิยมดีกว่า หรือกระทั่งดัดจริตมากกว่า
.......................................
กว่า ทั้งหมดนี้ คือกว่ารสนิยมของคนหมู่มาก..ของผู้คนส่วนใหญ่ ที่เราหายใจหายคอรดร่วมในสังคมเดียวกันกับเขา เมื่อบวกเข้ากับความเกลียดชัง ต่อสิ่งที่คิดต่าง ก็ยิ่งสร้างเส้นคั่น อาณาบริเวณของตนเองหนาขึ้นๆใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ..................................
ในวัยหนึ่ง เรื่องแบบนี้อาจเป็นทั้งความทะเยอทะยานและความสุข แต่ไม่นานเราจะพบว่า...............
ลำพังการสร้างอาณาจักรตัวเองให้สวยหรูอย่างเดียวดายนั้น อาจไม่เพียงพอต่อการมีชีวิตอย่างร่มเย็นในระยะยาว .............................
และทำให้เราต้องสร้างอะไรใหม่ๆ เพื่อพิสูจน์ผิดชอบชั่วดี โง่ฉลาด สูงส่งต่ำต้อย โดยไม่รู้ปลายทางจะจบลงที่ใด หรือใครจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายจากความเสียหายที่เกิดขึ้นบ้าง
..............................................
มีแต่ผู้ป่วย และผู้กระหายสงครามเท่านั้น ที่จะมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ ............................................
และโดยมิรู้ตัว และไม่มีใครสามารถเตือนได้ เขาจะตายไปอย่างผู้ป่วยที่กระหายสงคราม ที่มิต้องรอนับศพทหารก็มีคนถือดอกไม้จันทน์รอสาปส่งแล้ว !!!
แด่ใครคนหนึ่ง ซึ่งบังคับทุกคนที่อยู่ ในห้องคาราโอเกะนั้นว่า ห้ามร้องเพลง ชีวิตสัมพันธ์
เพียงเพราะว่า นักร้องหลากหลายที่ขับขานบทเพลงนี้ ไม่มีความจริงใจในการสร้างสรรค์สังคม
แด่ใครคนหนึ่ง ที่ด่าทอต่อว่า ตั้งตาดูถูก ใครสักคนที่เรียนปริญญาโท ปริญญาเอก ด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ เพียงเพราะ วิชาที่เขาเหล่านั้นเรียนไม่มีคุณค่าต่อสังคมระยะยาว
........................ คนๆนี้เป็นคนๆเดียวกับผู้ที่ทำตัวมีวุฒิภาวะสูง หวังอยู่ร่วมโดยสันติ แต่แท้จริงแล้ว เป็นเพียงผู้ที่ประวิงเวลาการฆ่าฟันออกไป...ก็เท่านั้น!!!!
เพลงนี้ชื่อเพลงกล่อมแผ่นดิน.......
หวังจะกล่อมใจให้คลายจากจริตทั้งหลายทั้งปวง ที่อยู่ในตัวตนเขาลงไปได้บ้าง
kwan
เพลง กล่อมแผ่นดิน ชาลี อินทรวิจิตร / นรอรรถ จันทร์กล่ำ
ตราบเวิ้งฟ้า โค้งรอบครอบแผ่นดิน ดินมิเคยสิ้นแสงสุรีย์ฉาย ฟ้าบ่มีน้ำ ดินนั้นมีแต่ทราย ลบมันให้เหือดหาย สลายไปที ลมโบก ดอกฝนฝนหลั่ง กลิ่นพะยอมหอมฉ่ำ ทุกยามย่ำเย็นบ้านเป็นอย่างนี้
ไร่นาสดใส ห่มพฤกษ์ไพรชั่วตาปี เหม่อมองสายนที เอื่อยเอ่อรินไหล
นางแย้มเอยแย้มกลิ่น ประทินหอมแก้ม เหมือนกลิ่นแก้มใครที่จากพรากไป ยามเจ้าหม่นหมองใจ ใครเล่าจะซับน้ำตา ไม่รู้เลยหรือว่า ที่แล้วมาใครโศกซม
ยินเสียงแผ่วของลม กระซิบใบไม้ ฟังเสียงแผ่วหัวใจกระซิบรักเธอ โลกเอยสวยงามอย่างนี้ มีเธอมีฉัน มีแผ่นดินในฝันของเรา
ป่านนี้แล้ว ไร้วี่แววแก้วใจ ไกลแสนไกล ตะวันใกล้ลับเหลี่ยมเขา ระส่ำในเสียงซึงซึ้งใจแผ่วเบา เสียงเรไรหริ่งเร้า...ราวจะกล่อมแผ่นดิน
ระส่ำในเสียงซึงซึ้งใจแผ่วเบา เสียงเรไรหริ่งเร้า...ราวจะกล่อมแผ่นดิน ... ราวจะกล่อมแผ่นดิน
Create Date : 29 พฤษภาคม 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 12 พฤษภาคม 2555 10:28:09 น. |
Counter : 1266 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 30 พฤษภาคม 2552 10:31:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 30 พฤษภาคม 2552 23:43:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
มาถามข่าวคราว..ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เป็นห่วงและคิดถึงเสมอ...นะคะ