วันที่สอง - พบกับคณะทัวร์ที่สนามบินผู่ตง

วันที่สอง ครอบครัวเรามีนัดกับคณะทัวร์ที่สนามบินผู่ตง เวลา 8.00 น. ที่ Terminal 2
เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมเวลา 6.00 น. ลากกระเป๋าไปยังสถานีรถไฟฟ้า Zhenping Road ที่อยู่หลังโรงแรม Eastern Airline (ใครมาเซี่ยงไฮ้ ผมแนะนำให้พักที่นี่ เพราะว่าอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า เดินทางไปไหนสะดวกมากครับ โดยเฉพาะเดินทางไปยังสนามบินผู่ตง)
ที่สถานีรถไฟฟ้า ซึ้อตั๋วไปยังสนามบินผู่ตง คนละ 7 หยวนเท่านั้น แต่ต้องขึ้นรถ 2 สาย คือสาย 7 มาลงที่สถานี Jing An Temple แล้วต่อสาย 2 ไปยังสนามบินผู่ตง (แต่สาย 2 นี้ ต้องมีการเปลี่ยนรถที่สถานี xxx แล้วจึงจะไปยังสนามบินได้ครับ)
พบกับคณะทัวร์ ตรงเวลา 8.00 น. พอดี แล้วเดินทางไปรับประทานอาหารเช้าที่ร้านอาหาร จากนั้นตรงไปยังหอไข่มุก (แต่ไม่ได้ขึ้นหอนะครับ ถ้าจะขึ้นหอในช่วงเวลานี้ ต้องรอคิวขึ้นหอประมาณ 2-3 ชัวโมง แล้ว ดูวิวเสร็จ ต้องรอคิวลงอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เท่ากับว่าเราจะหมดเวลาไปกับการขึ้นหอไข่มุกนี้ ครึ่งวันทีเดียว คณะเราแค่เดินผ่าน ถ่ายรูป แล้วตรงไปยังสถานีอุโมงค์เลเซอร์ ข้ามแม่น้ำ xxx จากฝั้่งเมืองใหม่ ไปยังหาดไว่ท่าน แต่คนไทยมักจะรู้จักกันในนาม หาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นจุดชมวิวฝั่งเมืองเก่าหรือย่านเขตเช่า ของอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือใกล้ๆ กับถนนนานกิง หรือถนนคนเดิน ย่านสินค้า Brand Name นั่นเองครับ

หลังจากชมวิวสองฝั่งแม่น้ำกันพอสมควรแล้ว คณะทัวร์ซีซั่นฮอลิเดย์ ก็ไปยังภัตตาคาร "โกลเด้น จาร์กัวร์" ซึ่งเป็นลิสต์ที่อยู่ในรายการของทัวร์ทุกบริษัทที่มายังเซี่ยงไฮ้ ร้านนี้มีหลายสาขา ในนครเซี่ยงไฮ้ เป็นร้านอาหารบุปเฟ่ต์ เหมือนกับร้านโออิชิ บ้านเราทุกประการ แต่เน้นอาหารจีนซะมากกว่า เช่น หูฉลาม เป๋าฮื้อ ปลิงน้ำแดง ไก่ต้มแช่เหล้า มีไวน์ และไอสครีมราคาแพง ไว้บริการด้วย คิดค่าบริการคนละ 200 หยวน (รวมอยู่ในค่าทัวร์ 7,400 บาท-คุ้มจริงๆ)




หลังจากอิ่มหนำสำราญกับบุปเฟ่ต์สุดหรูแล้ว คณะเราก็แวะเข้าร้านค้าของรัฐบาลจีน ที่มีอยู่แทบทุกเมืองที่นักท่องเที่ยวไปถึง

จากนั้นก็เดินทางไกล ประมาณ 4 ชั่วโมง ไปยังเมือง อี้อู่ ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางตลาดค้าส่ง (Wholesales Market) คล้ายๆ กับมาร์บุญครอง แต่มีหลายสิบอาคาร เพิ่งรู้ว่าสินค้าจีนแดงที่นำเข้ามาขายในเมืองไทย มีแหล่งกำเนิดมาจากร้านค้าส่งที่เมืองอี้อู่ นี้เอง

ภาพบรรยากาศในร้านค้าส่ง ที่เมืองอี้อู่



(จากภาพข้างบนนี้ ผมมีเรื่องเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง คือนิสัยชอบถุยน้ำลายของคนจีน ถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่นี่ เคยได้ยินเรื่องอย่างนี้มาก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่เคยเห็นของจริง ท่านเชื่อหรือไม่ว่า คนขายของในร้าน เดินออกมาถุยน้ำลายหน้าร้านของตัวเอง แล้วกลับเข้าไปขายของในร้านเฉยเลย หน้าร้านก็ปูด้วยหินแกรนิตสวยงาม ไม่ใช่พื้นถนนหรือริมฟุตบาทซักหน่อย บางทีเราจะเห็นคนขับรถ จอดรถริมถนน แล้วยืนฉี่ จนเป็นภาพที่ เป็นเรื่องปกติของที่นี่ไปแล้ว)

ที่เมืองอี้อู่นี้ ในวันทึ่คณะของเราเดินทางไปถึง มีฝนตก (ปรอยๆ) อยู่ตลอดทั้งวัน จะเดินไปไหนก็รำคาญ ผมเคยมีประสบการณ์ แบบนี้ที่ญี่ปุ่น ฝนตกไม่หนัก แต่ตกตลอดทั้งวัน จึงซื้อร่ม มา 1 คัน ราคา 100 เยน พอซื้อร่มเท่านั้น ฝนหยุดตกทันที และไม่ตกอีกเลยจนวันกลับ มาวันนี้ที่เมืองอี้อู่ จึงตัดสินใจซื้อร่ม ราคาคันละ 10 หยวน พอเดินออกมาจากร้านเท่านั้น ฝนก็หายตก และอากาศดีตลอดหลายวันจนวันกลับ เคล็ดลับนี้ ไม่สงวนสิทธิ์ แต่อย่างใด ใครจะนำไปใช้บ้างก็ไม่หวงห้ามนะครับ

หลังจากรับประทานอาหารเที่ยง เรียบร้อยแล้ว คณะของเราก็ได้เดินทางไปยังถ้ำที่คนไทยเรียกว่า "ถ้ำวิสูตร" เป็นถ้ำที่ภายในมีหินงอก หินย้อย ที่มีรูปร่างประหลาด เช่น รูปหัวเต่า รูปหัวมังกร และอื่นๆ มีบันไดแข็งแรงที่ทำด้วยหินแกรนิต ปูลาดไปตลอดทางเดินในถ้ำ มีไฟฟ้าให้แสงสว่างสวยงาม ภายในถ้ำมีลำธารน้ำไหล ต้องลงเรือล่องไปตามลำธาร ไปถึงจุดชมวิวภายในถ้า แล้วขากลับนั่งรถไฟ กลับออกมา ซึ่งเป็นการจัดการแหล่งท่องเที่ยวที่ ททท. น่าจะส่งข้าราชการไปศึกษาดูงาน จากสิ่งที่เป็นธรรมชาติ สามารถสร้าง Value Added แล้วคิดราคาเพิ่มจากผู้เข้าเยี่ยมชมได้ เป็นจำนวนมาก


รูปภาพต่อไปนี้ ใครมองเห็นหัวเต่าบ้าง ????



ถ้าใครเคยไปเกาหลี อาจจะเคยเห็นถ้ำลักษณะเช่นนี้มาบ้าง ซึ่งคล้ายคลึงกันมาก จากถ้ำธรรมดาๆ สามารถสร้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี (ต้องทำทางเดินให้แข็งแรง ปลอดภัย และเพิ่มจุดขายเพิ่มเติมเข้าไป เช่น รถไฟฟ้า เรือ ตำนานต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือของชำร่วยเมื่อออกมาจากถ้าแล้ว)

Create Date : 20 ตุลาคม 2553 Last Update : 23 ตุลาคม 2553 16:26:28 น. Counter : 1411 Pageviews.		0 comments
Share Tweet