ข้า(จะ)เป็นกวีชาติหน้า(ตอนบ่ายๆ)

 
มกราคม 2549
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 มกราคม 2549
 

ผู้ชายเลวกว่าหมาฯ : มายาคติและกระโถน



นอกจากพระราชนิพนธ์ 'เรื่อง ทองแดง' ที่ทำยอดขายได้ถล่มทลายเป็นประวัติการณ์แล้ว
ในปีที่ผ่านมาหนังสือที่มีชื่อเรื่องเกี่ยวกับหมาที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอีกเล่มก็คือ 'ผู้ชายเลวกว่าหมา และไม่ได้มาจากดาวอังคาร'
ออกสตาร์ทแค่ 5 เดือนสุดท้ายของปี ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำติดต่อกันถึง 12 ครั้ง โดยเฉพาะเดือนธันวาคมได้รับการพิมพ์ซ้ำถึง 5 ครั้ง ซึ่งถือเป็นสถิติที่ไม่ธรรมดา สำหรับหนังสือที่ไม่ได้พะยี่ห้อรางวัลซีไรท์อย่างเล่มนี้

ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะว่าเป็นเพราะ 'ชื่อคนเขียน' คือ กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรรายการ 'ผู้หญิง ผู้หญิง' ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งถือเป็น 'ดารา/คนดัง' ที่หันมาจับปากกาเขียนหนังสืออีกคนหนึ่งก็ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น 'กายกรรมบนเส้นด้าย' ของเธอ ที่ได้รับการตีพิมพ์ก่อนหน้านี้ และ 'ผู้หญิงยิงฟัน' ที่พิมพ์ขึ้นหลังสุดก็น่าจะขายดีไปด้วย

เป็นที่ทราบกันว่าสาเหตุที่ทำให้หนังสือเล่มที่สองของเธอเล่มนี้ขายดีนั้น มาจากชื่อหนังสือ 'ผู้ชายเลวกว่าหมา และไม่ได้มาจากดาวอังคาร' ที่สอดรับกับมายาคติของคนไทยนั่นเอง

แม้ประโยคว่า 'ผู้ชายเลวกว่าหมา' จะไม่ใช่การสรรค์สร้างขึ้นมาใหม่ เนื่องจากเป็นชุดคำที่ไหลเวียนอยู่ก่อนหน้านี้แล้วในสังคมไทย แต่เมื่อมันถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นชื่อของหนังสือของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขียนถึงผู้ชาย ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ย่อมขวนขวายหามาอ่าน อาจเพียงเพราะสงสัยว่าไฉนถึงได้กล้าท้าทายตั้งชื่อได้ขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีชื่อหนังสืออย่าง 'กูคือพระเจ้า' หรือ ''ไอ้เหี้ยเอ๋ย' แต่ก็ไม่หวือหวาและร้อนแรงเท่าการจับเอาคู่ตรงข้าม (binary opposition) อย่างเพศชาย/หญิง มาเล่นกับ 'มายาคติ' ที่พร้อมจะทำงานอยู่แล้ว

ชื่อ 'ผู้ชายเลวกว่าหมา' นั้น เป็นการผลิตซ้ำมายาคติของคน (ไทย) เกี่ยวกับหมา คนไทยจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าหมาเป็นสัตว์ชั้นต่ำ จะเห็นได้จากเวลาโกรธหรือเกลียดใครมักจะด่าว่า 'ไอ้ลูกหมา/ไอ้ชาติหมา/พูดหมาๆ' (นอกเหนือจากไอ้เหี้ย, ไอ้ควาย ซึ่งฮ็อตฮิตไม่แพ้กัน)

ความเชื่อที่ว่า 'หมาเลว' หรือ 'ควายโง่' (จากคำด่าคุ้นหูคุ้นปากว่า เลวเหมือนหมา เลวกว่าหมา โง่เหมือนควาย) เป็นมายาคติที่ฝังรากลึกจนกระทั่งคนจำนวนมากเชื่อว่าเป็น 'ความจริง' ตามนั้น การสวมคุณค่าเชิงนามธรรมลงไปในสัตว์เช่นนี้เป็นเรื่องที่ควรถูกตั้งคำถามว่า คุณค่าแท้จริงของสิ่งใดเป็นไปตามที่มันได้รับการติดป้าย/ฉลากเอาไว้ หรืออย่างไรกันแน่

การที่หนังสือเล่มนี้ขึ้นป้ายเป็นลายลักษณ์อักษรว่า 'ผู้ชายเลวกว่าหมา' จึงเป็นการผรุสวาทต่อหมาและเพศชายที่ไม่ได้หายไปในอากาศเหมือนการด่าด้วยลมปาก แต่เป็นการตอกย้ำวาทกรรมอันเป็นมายาคติเกี่ยวกับหมา (และผู้ชาย) ให้มีชีวิตยืดยาวต่อไป

ซึ่งประเด็นนี้ได้สร้างความอึดอัด คับข้องใจให้คนรักหมาไม่น้อย โดยแย้งผ่าน (มายา) คติอีกฟากหนึ่งว่าหมานั้นไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย (โดยเฉพาะถ้าเทียบกับคน) แต่เป็นสัตว์ที่แสนจะกตัญญู ซื่อสัตย์ รักและภักดีต่อเจ้าของ

ว่าไปแล้วการตั้งชื่อหนังสือลักษณะนี้มิได้แตกต่างจากการพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์รายวันหัวสีที่มักจะเล่นกับมวลชนกระแสหลัก ด้วยการใช้คำพาดหัวกำกวม หรือให้ข้อเท็จจริงแบบครึ่งๆ กลางๆ ฯลฯ โดยมีเป้าประสงค์อยู่แค่ให้คนควักเงินซื้อหนังสือของตนเท่านั้น 'จุดขาย' ที่แท้จริงของหนังสือเล่มนี้จึงอยู่ที่ 'ชื่อหนังสือ' ซึ่งเป็นด่านแรกที่ปะทะเข้ากับสายตาของคนอ่านมากกว่าจะเป็น 'เนื้อหา' ที่บรรจุอยู่ข้างใน เหตุดังนั้นในหน้าบรรณานุกรมจึงได้ให้เครดิตขอบคุณผู้ตั้งชื่อปก คือ เวียง-วชิระ บัวสนธ์ (ปกติมักไม่นิยมระบุกันเท่าไหร่นัก) ทั้งนี้ อาจเป็นด้วยความภาคภูมิใจของบรรณาธิการเอง หรืออีกนัยหนึ่งอาจต้องการประกาศความรับผิดชอบ หากจะมีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้นตามมาจากการตั้งชื่อปกในครั้งนี้ก็เป็นได้

เนื้อหาภายในเล่มนั้น เริ่มด้วย 'ผู้ชายหัวใจกระดาษ' เป็นเรื่องแรก ซึ่งแม้จะเขียนด้วยลีลาภาษาที่มีลูกล่อลูกชนอ่านสนุก แต่ก็ถือว่าผู้เขียนเปิดฉากด้วยการซ่อนเนื้อหาที่ซีเรียสเอาการไว้ โดยเฉพาะในย่อหน้าตอนจบที่ผู้เขียนบอกกับลูกผู้หญิงด้วยกันว่า

"...'ดวงตาเห็นธรรม' ไม่ได้มาง่ายมาเร็วเหมือนโทร.สั่งพิซซ่า บางทีต้องทนหิวไส้เกือบขาด เพื่อที่จะรู้ว่าความจริง เราก็ทำกับข้าวกินเอง อร่อยเหมือนกัน และค้นพบว่าการใช้สายยางฉีดก้นก็เวิร์คดี แล้วคุณจะทน 'แสบ' อยู่ทำไมเนี่ย!" (น.17-เน้นโดยผู้เขียนบทความ)

ซึ่งมีความหมายในเชิงแนะนำให้ผู้หญิงเลิกใช้ 'กระดาษชำระ' (พึ่งพาผู้ชาย) และให้หันมาใช้ 'สายยาง' ฉีดก้นแทนจะดีกว่า ซึ่งสื่อนัยไปถึงการช่วยตัวเอง/สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองของผู้หญิงด้วย

ประเด็นนี้ทำให้ไพล่เข้าใจไปว่าผู้เขียนน่าจะเป็นนักสตรีนิยมหรือเฟมินิสต์ ไม่ก็ได้รับอิทธิพลจากเฟมินิสม์อยู่บ้าง เพราะความคิดดังกล่าวถือเป็นหัวใจของเฟมินิสม์แบบที่ค่อนข้างสุดขั้ว ที่ยึดทัศนะว่าหากผู้หญิงยังต้องพึ่งพิงผู้ชาย โดยเฉพาะในการร่วมเพศ ผู้หญิงจะไม่มีวันหลุดพ้นจากการกดขี่ และยังนำไปสู่การตกเป็นทาสของผู้ชายอันเนื่องมาจากการมีลูก (ถ้าเป็นลูกชายคงยิ่งแล้วใหญ่) ใช่แต่เท่านั้น การร่วมเพศกับผู้ชายยังถูกผู้ชายควบคุมการถึงจุดสุดยอดเอาไว้ด้วย (vaginal orgasm) เฟมินิสต์กลุ่มนี้จึงเห็นว่า หากผู้หญิงต้องการจะประกาศอิสรภาพอย่างสิ้นเชิงจากผู้ชาย ก็จะต้องมีความสุขจาก 'การทำกับข้าวกินเอง' นั่นคือการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง (clitoral orgasm) หรือไม่ก็มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงด้วยกันในแบบที่เรียกว่า 'เลสเบี้ยน' เท่านั้น จึงจะลดความเป็นเจ้าโลกของผู้ชายลงได้

อย่างไรก็ตาม ในบทต่อๆ มาภายใต้ภาษาอันสวิงสวายของผู้เขียนประเด็นเช่นนี้ก็ค่อยแผ่วลงไป แทบจะไม่ปรากฏเนื้อหาความไม่เสมอภาค ความไม่เป็นธรรม และการกดขี่บังคับทางเพศเลย

ทำให้สรุปได้ว่าแท้จริงแล้วกาละแมร์เขียนหนังสือเล่มนี้โดยไม่ได้มีจุดยืนแบบที่เรียกว่าเฟมินิสม์เหมือนที่หลงเข้าใจเลยก็ว่าได้ เพราะภาษา/เนื้อหามุ่งเอาความสนุก เอาความมันสะใจเข้าว่า มากกว่าจะมุ่งกะเทาะทำลายเพศชายแบบถอนรากถอนโคน (เหมือนท่าทีของชื่อหนังสือชวนเชื่อเอาไว้) หนำซ้ำสิ่งที่ 'ดูเหมือน' เป็น 'ปัญหาของผู้ชาย' ที่ผู้เขียนนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นอาการ บ้า, ติด, เจ้าชู้, หึง ฯลฯ ปฏิเสธไม่ได้ว่าล้วนแล้วแต่เป็น 'ปัญหาของผู้หญิง' ด้วยเช่นเดียวกัน กล่าวได้ว่าสิ่งที่เธอวิพากษ์วิจารณ์ผู้ชายไปทั้งหมดนั้น ไม่ได้เป็นความแตกต่างระดับพื้นฐานระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงเลย เพียงแค่เปลี่ยนชุดข้อมูล อย่างเช่น จาก บ้ารถ, บ้าฟุตบอล ฯลฯ มาเป็น บ้าเสื้อผ้า, บ้าน้ำหอม ฯลฯ ทุกอย่างดูจะไปด้วยกันได้ในทันที นอกจากนั้นสิ่งที่ 'ดูเหมือน' จะเป็น 'ปัญหาของผู้ชาย' ที่ผู้เขียนสาธยายและแจกแจงมานั้น แท้ที่จริงอาจยกเป็น 'ปัญหาของมนุษย์' ที่ไม่จำต้องระบุเพศ, เชื้อชาติ, ศาสนาหรือสีผิว ก็ย่อมได้

ที่กล่าวมาทั้งหมดคงไม่ใช่การพยายามชี้ว่า 'ถ้าผู้ชายเลว ผู้หญิงก็ต้องชั่ว' หรือเป็นการพยายามรวบรัดตัดความยกทุกอย่างสู่ปัญหาเชิงอภิปรัชญาว่าด้วยมนุษย์ที่ยากแก่การถกเถียงหาข้อยุติ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อหวังจะดำรงสถานะอันได้เปรียบ (?) ของเพศชายไว้ต่อไป

แต่เนื่องจากผู้เขียนบทความนี้เป็นผู้ชายจึงอาจถูกมองว่า ทั้งหมดนี้เป็นการออกมาปกป้องหรือโต้ตอบแทนเพศของตนจากการเหยียดและย่ำยีโดยเพศหญิง ก็เป็นได้

หลายต่อหลายครั้งการเข้าถึงปัญหาโดยการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง มักทำให้เรา/เพศเรามอง 'คนอื่น/พวกอื่น/เพศอื่น' ที่ต่างออกไปในฐานะที่เป็น 'จำเลย' หรือตัวปัญหา และอาจทำให้เราเผลอสรุปเชิงกล่าวโทษไป
ได้ไกลถึงขนาดเห็นว่า ความเลวร้ายทั้งมวลมีต้นกำเนิดมาจาก 'คนอื่น/พวกอื่น/เพศอื่น' ทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อที่จะละเลยไม่ต้องกล่าวโทษตัวเองหรือหันกลับมาสำรวจข้อบกพร่องของตัวเอง ซึ่งอาจเป็นที่มาของปัญหาได้เช่นเดียวกัน

แม้ชื่อหนังสือ 'ผู้ชายเลวกว่าหมา' และในเรื่องแรกของเล่มจะส่อไปในทางตัดญาติขาดมิตรหรือปฏิเสธเพศชาย (แบบเดียวกับ 'การไม่มีสามีเป็นลาภอันประเสริฐ') ดังกล่าวแล้ว แต่ในเรื่องสุดท้ายดูเหมือนกาละแมร์จะกลับมา 'ดวงตาเห็นธรรม' อีกครั้ง เมื่อเขียนว่า

"...ฉันเชื่อว่ายังไงซะผู้หญิงผู้ชายก็ย่อมเกิดมาคู่กัน..." และ "...ถึงแม้ว่าทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะมีอาการไม่เข้าท่า ไม่เข้าตากรรมการหลายๆ อย่างก็อาจจะพอหยวนๆ กันไปได้..." (สุดท้ายก็ต้องผู้ชาย น.137)

ตามด้วยข้อสรุปปิดท้ายว่า
"...ถึงแม้ว่าผู้ชายจะมีคุณสมบัติไม่ดีติดตัวมาอันเนื่องจากฮอร์โมนหรือจะเพิ่งออกแววโจรเพราะสภาพแวดล้อมพาไป ไม่ว่าจะโทษอะไรก็แล้วแต่ ยังไงสุดท้ายแล้วผู้หญิงก็ต้องมีผู้ชาย จะร้ายจะดีก็ต้องมีไว้ประดับกาย เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ยังหามาใส่ตัวได้ จะมีผู้ชายห้อยท้ายอีกซักคนก็คงไม่หนักอะไร..." ( น.140)

และอย่างน้อยในเล่มเดียวกันนี้จากทั้งหมด 21 เรื่อง กาละแมร์ก็ได้เขียนตีแผ่ผู้หญิงไว้ถึง 4 เรื่องด้วยกัน แม้ว่าจะอยู่ในภาวะ 'จำใจ' ต้องเขียนก็ตาม (ดูหมายเหตุ-หน้าคำนำ)

หากชื่อหนังสือและข้อเขียนของกาละแมร์ตั้งแต่เรื่องที่หนึ่งและเรื่องต่อๆ มาจะเป็นเสมือน 'ปราสาททราย' อันสวยงามของนักสตรีนิยม (บางคน) ด้วยความเข้าใจผิดแล้วล่ะก้อ ดูเหมือนมันจะมาพังทลายเอาโดยมือน้อยๆ ที่ค่อยๆ ก่อมันขึ้นมาในตอนสุดท้ายนี่เอง ยิ่งไปกว่านั้นหากได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเธอที่บอกว่า

"ผู้หญิงถ้าอยู่กับผู้หญิง ก็จะเม้าท์ทุกเรื่อง แฟชั่น ละคร จบเสร็จ เรื่องผู้ชาย มันไม่ใช่สนุกนะ เพราะบางทีมันก็เครียด แต่ผู้หญิงเป็นเพศที่ต้องพูด อาจจะไม่ได้แก้ไขปัญหาหรือได้อะไรเลยจากการพูดกับกลุ่มเพื่อน แต่ได้รู้สึกว่าได้ระบาย การที่ได้เล่าเรื่องความทุกข์ของตนเอง ปัญหาของตนเอง หรือความคิดของตนเอง มันเป็นการระบายอย่างหนึ่ง ถือว่าเป็นการบำบัดในขั้นหนึ่งแล้ว... (ผู้จัดการออนไลน์ 31 ต.ค.2545-เน้นโดยผู้เขียนบทความ)

ที่สุดหนังสือเล่มนี้จึงมิได้เป็นก้อนหินหรือหอกดาบที่พุ่งเข้าใส่ผู้ชาย แต่อาจเป็นได้แค่ 'กระโถน' ของผู้หญิงด้วยกันเท่านั้น
..........................................
พิมพ์ครั้งแรก เนชั่นสุดสัปดาห์
ปีที่ 12 ฉบับที่ 559 วันที่ 17 - 23 กพ. 2546









 

Create Date : 26 มกราคม 2549
14 comments
Last Update : 26 มกราคม 2549 17:00:23 น.
Counter : 2930 Pageviews.

 
 
 
 
หนังสือเล่มนี้แสดงออกถึงความสับสนของผู้เขียนค่ะ
..... ที่ขายดีอาจเป็นเพราะชื่อเรื่องที่ชวนให้คิดว่าผู้เขียนกบฎต่อแนวคิดทางสังคมและถูกมองในเบื้องต้นว่า"ผู้เขียนเป็นนักสตรีนิยมหรือได้รับอิทธิพลแนวคิดด้านเฟมินิสม์".....ก็น่าจะขอบคุณคนตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ที่ก่อให้เกิด
ความเข้าใจผิดและเกิดแรงจูงใจในการซื้อค่ะ...หุหุหุ....สงสัยอยู่นิดเดียวนะคะ....คนที่ไม่ได้เรียนมาด้านมานุษยวิทยา...จะอ่านงานวิจารณ์ชิ้นนี้อย่างเข้าใจหรือไม่หนอ.....
 
 

โดย: สเลเต วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:9:37:53 น.  

 
 
 
เข้ามาอ่านค่ะ..
 
 

โดย: โจเซฟิน วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:11:14:07 น.  

 
 
 

อืมม์ จิจารณ์ได้น่าสนใจทีเดียวเชียว
 
 

โดย: p_tham วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:13:17:08 น.  

 
 
 
วิจารณ์ได้ดีครับ

เล็กๆน้อยๆ-ตัวจริงของผู้เขียนไม่ได้แรงขนาดที่เห็นกันในทีวีนะครับ เป็นคนสุภาพ รู้กาละเทศะทีเดียว ชื่อหนังสือมันเรื่องการตลาดล้วนๆ

ซักวันผมถ้าผมจะเขียนหนังสือซักเล่มโดยให้ชื่อว่า "โลกนี้มีแต่หมาเธอถึงต้องไปหาผู้ชายที่ดาวอังคาร" ก็คงจะโดนถล่มเละมิใช่น้อยเหมือนกันละนะ 555
 
 

โดย: นายเบียร์ วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:13:32:36 น.  

 
 
 
เล็กๆน้อยๆด้วย
คนตั้งชื่อหนังสือไม่ใช่เธอค่ะ
แต่เป็น บก. ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งคู่
 
 

โดย: ชมทะเล วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:15:34:20 น.  

 
 
 
คุณสเลเต...
ผมก็ไม่ได้จบมาทางมานุษยวิทยาเหมือนกันครับ
อ่าน ๆ เค้าแล้วลองนำมาประยุกต์ วิเคราะห์ วิจารณ์
บางครั้งอาจนำมาใช้ผิด ๆ เพราะเข้าใจผิด ๆ
ถ้าคุณสเลเตหรือผู้รู้(จริง)ท่านอื่นอ่านเจอตรงไหน
รบกวนแนะนำด้วยนะครับ..

ขอบคุณครับ คุณโจเซฟิน และ p_tham

คุณ...นายเบียร์ตั้งชื่อดีครับ
ถ้าผมเขียนหนังสือทำนองนี้
จะตั้งชื่อล้อว่า "ผู้หญิงเลวกว่าหมี คนดี ๆอยู่ที่ดาวพระศุกร์"

นึกถึงช่วงช่วงกับหลินฮุ่ยไว้นะครับ

ผมเคยเจอตัวจริงคุณกาละแมร์เหมือนกัน
เห็นด้วยว่าน่ารักครับ...

คุณชมทะเล คนตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้เป็นผู้ใหญ่ที่ผมรู้จักอยู่ครับ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมา
แล้วจะทยอยนำบทความ(เก่า)อื่น ๆ มาให้อ่านครับ
 
 

โดย: วีรธรรม วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:16:46:46 น.  

 
 
 
ผู้ชายเลวกว่าหมาฯ

เป็นหนังสือที่ผู้หญิงอย่างเราไม่กล้าหบิยขึ้นมาอ่าน
เราไม่รู้หรอกว่าเนื้อหาข้างในเป็นอย่างไร
และเราเองก็........
ไม่อยากอ่านด้วยเหตุผลปัญญาอ่อนของเราคือ
"ไม่ชอบชื่อเรื่อง"

ทำไม ผู้ชายต้องเลวกว่าหมา?
ในเมื่อฟ้าส่งผู้หญิงกับผู้ชายมาด้วยกัน.....
 
 

โดย: ดาริกามณี วันที่: 31 มกราคม 2549 เวลา:11:52:59 น.  

 
 
 
ถูกต้องนะคร๊าบบบบบบ
โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย
 
 

โดย: วีรธรรม วันที่: 31 มกราคม 2549 เวลา:20:17:57 น.  

 
 
 
ดิฉันเคยอ่านหนังสือเรื่องผู้ชายเลวกว่าหมา ก็ได้ความรู้ สาระดีน่ะ แต่เห็นชื่อหนังสือแล้ว อาจจะใช้คำรุนแรงไป รู้สึกว่าไม่ให้เกียรติผู้ชาย
 
 

โดย: ยู่อี่ IP: 210.86.135.34 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:22:35 น.  

 
 
 
เหอะๆ มันเทียบไม่ได้หรอกครับ มนุษย์เรา คิดเป็น พูดได้มาตั้งแต่เล็กๆ อายุยังน้อย แต่หมา มันพูดไม่ได้(คือพูดได้ แต่สื่อสารกับคนไม่รู้เรื่อง) ที่หมามันนิสัยอย่างนู้น อย่างนี้ อย่างที่คุณพูดมา มันล้วนมาจากคนทั้งนั้น หรือไม่จริง? หมามันเข้าใจคำว่าไม่ ตั้งแต่เกิด หรอ ถ้าไม่ได้คนสอน หรือความเคยชิน แล้วที่หมารู้จักคิดถึงเมื่อเจ้าของบ้านไม่อยุ่ เพราะอ่ะไร ลองมาเทียยบกับคุณ เวลาคุณเด็กๆ แล้วแม่คุณออกไปนอกบ้าน หรือไปต่างจังหวัด สักวัน-2วัน คุณคิดถึงมั๊ย นี่ก็ไม่ต่างจากหมา เมื่อเราเลี้ยงดูมัน ให้อาหารมันกิน มันก็ไม่ต่างจาก ว่าเราเป็นแม่ในความคิดของหมาหรอกนะครับ(ไม่ได้ด่าว่าเจ้าของเป็นหมานะ แค่เปรียบเทียบให้ดู)

ฉะนั้น เอามาเปรียบเทียบกับคนเราไม่ได้ครับ
อีกอย่าง เรื่องผู้ชาย-ผู้หญิง น่ะ มาเถียงกันก้ไร้ประโยชน์ เพราะยังไงก็เถียงกันไม่จบ ความคิดคนเรามันแตกต่างกัน ยิ่งคนละเพศกันแล้ว ยังไงก็เถียงไม่จบครับ

ปล. ที่ผมพูดนี้ไม่ได้เพราะว่าเข้าข้างผู้ชายด้วยกัน แต่ยึดหลักเป็นกลาง และใช้เหตุผล ไม่ใช่เอะอะ อะไรก็เข้าข้างฝ่ายเพศตัวเองอย่างเดียว อย่างนั้นเค้าเรียกพวกไม่มีสมองคิดกันครับ
 
 

โดย: hhot IP: 183.89.186.199 วันที่: 27 ตุลาคม 2553 เวลา:13:56:42 น.  

 
 
 
เฉยๆหนังสือทั่วไปไม่มีผลกับชีวิตและความคิดในอนาคต
 
 

โดย: กระเจี๊ยบ IP: 182.232.216.94 วันที่: 22 พฤษภาคม 2554 เวลา:17:47:35 น.  

 
 
 
คำว่า ผู้ชายเลวกว่าหมา รวมทั้ง พ่อคุณด้วยเปล่า
 
 

โดย: นน IP: 223.206.91.116 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:34:17 น.  

 
 
 
ครับคุณ กาลามัง 555 และถ้ามีการเปรียบว่า "ผู้หญิงง่ายเหมือนกรี่" พวกคุณจะรู้สึกอย่างไรบ้าง
 
 

โดย: นน IP: 223.206.91.116 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:38:02 น.  

 
 
 
อีแพรว มุจรินทร์ ฆะระบุตร หมายเลขบัตรประชาชน 1412000062681 เกิด 13 ตุลาคม 2536ที่อยู่ 55หมู่8 ต.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี บิดาชื่อนายเมรี ฆะระบุตร พีน้องอีก 2คนของอีดอกทองมุจรินทร์ชื่อ นายณัฐกรณ์ ฆะระบุตร และนายกฤษดา ฆะระบุตร ผู้หญิงคนนี้ทำลายครอบครัวคนอื่น เป็นเมียเก็บผู้ชายที่เขามีลูกมีเมียแล้วอยู่ 2ปี (ระหว่าง 2557-2558) ทั้งๆที่ยังเรียนไม่จบ และรู้มาตลอดว่าผู้ชายมีครอบครัวแล้ว ทำให้ผู้หญิงด้วยกันต้องตกนรกทั้งเป็น ต้องอยู่กับความทรงจำอันเลวร้ายไปชั่วชีวิต ขอให้เอาเงินที่ผู้ชายไปเลี้ยงดูมาคืนก็หน้าด้านหนีไปเฉย ขอให้ผลกรรมที่มันได้ทำไว้กับครอบครัวคนอื่นจงตกถึงครอบครัวของมันบ้าง ขอให้ตราบาปจงติดอยู่ในใจมันไปชั่วชีวิต พ่อแม่มันที่ไม่รู้จักสั่งสอนเลือดเนื้อให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ปล่อยให้ไปทำร้ายคนอื่น จงได้รับกรรมที่ลูกสาวตัวเองได้ก่อไว้ด้วยเถิด ขอให้แรงอธิษฐานในครั้งนี้จงส่งไปยังครอบครัวฆะระบุตรด้วยเถิด
 
 

โดย: อีตัวเมียกระหายตัวผู้ มุจรินทร์ ฆะระบุตร IP: 223.24.37.220 วันที่: 11 มิถุนายน 2559 เวลา:7:03:26 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วีรธรรม
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฉันดั้นเดินมาประสาหนุ่ม
มีกลัดกลุ้ม แค้นคับ มีสับสน
บางครั้งโดนชักจูง หลงฝูงคน
รู้ไหม...ฉันดั้นด้นหาสิ่งใด...
[Add วีรธรรม's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com