Group Blog
 
 
เมษายน 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
16 เมษายน 2551
 
All Blogs
 

ชีวิตรักหักเหโหดในส่วนลึกของความรู้สึก 1

ชีวิตรักหักเหโหดในส่วนลึกของความรู้สึก 1

บางครั้งก้อเคยสงสัยทำไมชีวิตรักถึงไม่สามารถลงตัวกับคนๆนึงที่ใช่ แล้วอยู่ด้วยกันไปตลอดอย่างมีกันและกัน แต่ก้อเข้าใจแล้วล่ะว่า ชีวิตมันไม่ได้เป็นเหมือนในนิยายหรือสิ่งที่หวังเสมอ ชั้นก้อเป็นคนนึงที่เคยใฝ่ฝันเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่จะมีใครสักคนที่รักเรา ดูแลเรา และเราก้อรักเค้าเช่นกัน คำถามก้อคือ ทำไมเหมือนเป็นแค่ความต้องการง่ายๆ แต่ไม่สามารถจะหามาสนองได้ตามที่ต้องการ เรื่องเล็กของคนๆนึงก้ออาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับอีกคนนึงก้อได้ ชั้นเองก้อถือความรักเป็นเรื่องสำคัญเรื่องนึงของชีวิตเลยทีเดียว และนี่คือจุดเริ่มต้น ชีวิตของการมีใครอีกคนในชีวิต

13 ปีมาแล้วสินะ นับจากมีแฟนครั้งแรกตอนม.1 อาจจะน่าตกใจ ทำไมถึงมีแฟนเร็วนัก ถ้าเทียบกับอายุที่เป็นในตอนนั้น ขณะนี้ดิชั้นอายุ 26 ปีแล้ว เรื่องมันมีอยู่ว่า เพื่อน ช คนนึงของชั้น ที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กได้มาชอบชั้น สมัยนั้น เพื่อนกับแฟนต่างกันอย่างไร ชั้นก้อยังเด็กน้อยเกินกว่าจะเข้าใจ เค้าชอบมานานหลายปี กว่าจะได้มาเป็นแฟนกัน จริงๆแล้วชั้นตกลงเป็นแฟนกับเค้าทั้งๆที่ไม่ได้ชอบอะไรเค้า เพียงด้วยความที่ว่ากลัวจะเสียเพื่อนไป ไม่รู้จะทำยังไง ก้อเลยลองเปิดใจดูสักครั้งให้โอกาสทั้งเค้าและตัวเองได้ค้นหากันและกัน ฝันของผู้หญิงวัยหวานก้อหายไปในทันที ไม่เหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่นที่เคยอ่านมา ทำไมน่ะหรอ ก้อเพราะว่าแฟนคนแรกทั้งที แต่กลับไม่ใช่คนที่เรารู้สึกอะไรพิเศษด้วย โทรศัพท์ของเค้าที่โทรมาหา ไม่ทำให้ชั้นตื่นเต้นแต่อย่างใด มีแต่อยากจะหลีกเลี่ยง เพราะยิ่งคุยนาน ยิ่งไม่มีอะไรคุย พอไม่มีอะไรคุยก้ออยากวาง เริ่มรำคาญ ซึ่งมันก้อเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก ชั้นเองก้อไม่ได้ดีเลิศอะไร ก้อแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง ดิชั้นขอเรียกแฟนคนแรกของชั้นคนนี้ว่า เจคุง ละกันนะคะ จริงๆแล้วเค้าเป็นลูกครึ่งหลายสัญาชาติอยู่ บางทีฟังแล้วยังงงๆ ชาติไหนกันแน่ แต่ที่แน่ๆ เกิดที่อเมริกา ได้สัญชาติที่นั่นด้วย และในขณะเดียวกันก้อเป็นคนไทยด้วย เพราะมาเติบโตในเมืองไทย ฝั่งแม่ก้อเหมือนจะเป็นลูกครึ่งหลายชาติอยู่ ญี่ปุ่นก้อเป็นหนึ่งในนั้น ฟังแล้วปวดหัวใช่ไหมละคะ ดิชั้นก้อไม่ได้สนใจอะไรมาก ปล่อยมันไป ถ้าพูดถึงตาม qualification แล้วเค้าดูดีใช้ได้เลยทีเดียว ทำไมน่ะหรอคะ แหม..เรียนกรุงเทพคริสเตียน ต่อเตรียมอุดม จากนั้นเอนท์ติดศิลปากร ก่อนที่จะย้ายมหาลัย เพราะมีปัญหาบางประการไปเรียนวิศวะจุฬาแทน ที่บ้านฐานะก้อโอเค ครอบครัวก้ออยู่กันอบอุ่นมีกันครบพ่อแม่ลูก มีน้องชาย 2 คน มีความสามารถกันคนละด้านที่โดดเด่น เป็นใครๆก้อพึงพอใจใช่ไหมละคะ อย่างน้อยก้อในสายตาผู้ใหญ่

แต่ในความเป็นจริงก้อคือ ดิชั้นไม่ได้รักเค้า และไม่เคยรักเค้า หลังจากที่เราคบกันได้เพียงสองสัปดาห์ ดิชั้นเริ่มไม่ไหวกับการเปลี่ยนแปลงจากเพื่อนสู่แฟน เพราะเราต่างเป็นแฟนคนแรกของกันและกัน ทำให้ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วการเป็นแฟนกันนั้นคืออะไร แม้ว่าเค้าจะโตกว่าดิชั้นถึงสามปีก้อตาม เค้าเริ่มโทรหาชั้นทุกวัน จากที่นานๆโทรที มาหาบ่อยๆ ที่โรงเรียน หรือนัดไปเที่ยวกันสุดสัปดาห์เสมอ อยากจะเดินจูงมือ อยากจะซื้อของให้ตลอด หลังจากที่เลิกกันแล้ว วันนึงเมื่อโตขึ้นก้อได้มีโอกาสคุยกับเค้าถึงได้รู้ว่า ที่แต่ก่อนเค้าทำแบบนั้น เพราะเค้าเลียนแบบคู่อื่นๆ เพราะเค้าเองก้อไม่รู้จะต้องทำยังไง ชั้นก้อเข้าใจเค้ามากขึ้น แต่ก้ออย่างที่ดิชั้นบอกว่าชั้นไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเค้า ดังนั้นก้อแค่เข้าใจแต่ไม่ได้ซึ้งใจ บทเรียนสำคัญที่ทำให้ชั้นรู้ก้อคือ คนเราคบกัน ควรจะเพราะเราต่างรู้สึกดีๆต่อกัน ไม่ใช่เพียงเพราะสงสารหรือกลัวว่ามิตรภาพจะเปลี่ยนแปลงไป สำหรับชั้นแล้ว คงไม่มีอะไรที่ทำได้ดีไปกว่าซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง อาจทำให้เค้าเจ็บไปบ้าง แต่ก้อดีกว่าทำร้ายทั้งสองฝ่าย สุดท้ายเราก้อคบกันได้ไม่ถึงเดือน ชั้นเองก้อยังคงอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมากไป ช่วงปิดเทอมที่เค้าบินไปญี่ปุ่น ดิชั้นเขียนจดหมายกองโตขอเลิกเค้า และส่งไปทางไปรษณีย์ และหวังว่าเค้าจะได้รับมันหลังจากกลับมา และแล้วก้อเป็นอย่างที่ตั้งใจไว้ เค้าหายการติดต่อไปเลย หลังจากกลับจากญี่ปุ่น ชั้นคาดว่าเค้าคงได้เปิดอ่านจดหมายแล้ว มาคิดตอนนี้ ชั้นก้อคิดว่าชั้นโหดกับเค้าไม่ใช่น้อย แต่นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เด็กอย่างชั้นในตอนนั้นจะทำได้

ครึ่งปีต่อมาหลังจากการหายการติดต่อไป เค้าติดต่อมาอีกครั้ง เรามาเริ่มเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ชั้นไม่เคยโกรธที่เค้าหายไป เพราะชั้นเข้าใจว่าทำไม แต่ช่วงที่เค้ากลับมาติดต่ออีกครั้งก้อไม่ได้ดีนัก ดูเหมือนเค้าจะมีปัญหาชีวิตมากยังไงไม่รู้ ทำให้เค้าดูเพี้ยนๆไป ชั้นตีตัวออกห่าง เพราะคิดว่าต่างยังไม่พร้อมจะเจอ หรือคุยกันอีกครั้ง หลังจากนั้นหลายเดือนเราได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง คราวนี้เป็นไปด้วยดี เราสามารถพูดคุยกันอย่างเพื่อนได้เป็นอย่างดี ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง และแบ่งปันเล่าให้ซึ่งกันและกันฟัง เราเป็นเพื่อนกันเรื่อยมา อยู่มาวันนึง นับจากที่เลิกกันมากว่า 3 ปี เค้าก้ออยากกลับมาขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง แต่ดิชั้นก้อยังคงคิดกับเค้าแค่เพื่อน และที่สำคัญชั้นมีคนสำคัญของใจแล้ว ดังนั้นการกลับมาขอคืนดีคราวนั้นก้อไม่ได้มีไรเกิดขึ้น นอกจากได้รู้ว่าแฟนใหม่ชั้นในตอนนั้นขี้หึงไม่ใช่น้อย เพราะมีเพื่อนเค้าเห็นชั้นอยู่กับเจคุง ก้อรีบโทรไปรายงานเค้า ทำให้เค้ารีบเพจ (สมัยนั้นมีแต่เพจ) มาหาทันทีว่าอยู่ไหน กับใคร ทำไร เค้าจะมาหา หึหึ แต่แล้วก้อไม่มีไรเกิดขึ้นเพราะชั้นอธิบายทุกอย่างให้เค้าเข้าใจ และในที่สุดเจคุงก้อจางหายไปอีกครั้งเมื่อชั้นไปเรียนต่อโครงการ AFS ที่ออสเตรเลีย เราห่างๆหายๆกันเป็นพักๆเสมอ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่ชั้นก้อพยายามจะรักษาความเป็นเพื่อนไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และนี่เป็นความจริงอีกอย่างที่ชั้นได้เรียนรู้ บางครั้งเราไม่สามารถจะเก็บความเป็นเพื่อนไว้ได้อย่างดี หากอีกฝ่ายคิดกับเราเกินเพื่อน เพราะหากดีกับเค้ามากไป อาจเป็นการให้ความหวัง เย็นชาเฉยๆก้อทำให้เสียความรู้สึก การหาจุดตรงกลางเพื่อ balance ความสัมพันธ์ ไม่ใช่เรื่องง่าย

หลังจากกลับมาจากออสเตรเลีย ดิชั้นก้อเข้ามหาลัยวิทยาลัย และเราได้กลับมาคุยกันอีกครั้งด้วยความบังเอิญ และไม่น่าเชื่อว่าเป็นอีกครั้งที่เค้าพร่ำบอกว่ารัก และอยากได้โอกาสมาคบกันอีกครั้งหากชั้นยังไม่มีใคร แต่ด้วยยความที่ชั้นไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเพราะว่าใจอ่อน กลัวเสียเพื่อน มาทำร้ายจิตใจเราทั้งสอง ชั้นจึงยืนยันคำเดิมว่า เราควรจะเป็นเพื่อนกัน แต่เราก้อมีความสุขกับช่วงเวลานั้นร่วมกัน จนกระทั่งเค้าไปมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ชั้นก้อไม่อยากให้ชีวิตเค้ามีปัญหากับแฟนเพราะชั้น ดังนั้นชั้นจึงถอยๆออกไป แต่เค้ากลับยิ่งเดินเข้ามา เค้าบอกกับชั้นว่า ชั้นเป็นรักแรก เป็นรักที่เค้ายังอยากจะรักอยู่เสมอ ไม่ว่าในฐานะไหน ฟังแล้วช่างน่าดีใจ แต่ดิชั้นก้อไม่อยากให้แฟนเค้าลำบากใจ ดังนั้นชั้นก้อจะยินดีกับเพื่อนอยู่ห่างๆ แต่ก้อไม่วายเกิดปัญหามากมาย แฟนเค้าช่างขี้หึง อ่อนแอ และเอาแต่ใจ เข้าหาชั้นและพยายามแสดงความเป็นเจ้าของอยู่ตลอดเวลา ซึ่งชั้นก้อเข้าใจดีกับการกระทำของเค้า แต่ชั้นก้อไม่รู้จะทำยังไง เพราะอะไรก้อแล้วแต่ที่เค้าทำ ชั้นก้อไม่ได้รู้สีกอะไร นอกจากสงสารที่เค้าต้องรู้สึกไม่มั่นคงในรักของเค้าอยู่ตลอดเวลา ชั้นเองรู้ดี เพราะชั้นก้อเป็นผู้หญิงคนนึง ที่เวลารักก้อรักหมดใจ แต่ในส่วนลึกต่อให้เชื่อใจแค่ไหนก้อยังกังวลใจ จริงๆแล้วเจคุงก้อเป็นคนดี เพียงแต่เราไม่เหมาะกัน บางคนอาจสงสัยไม่เหมาะกันคืออะไร ไม่เหมาะกันในความหมายของชั้นก้อคือ การเข้ากันได้ การใช้ชีวิต ความต้องการ มุมมองความคิด เราต่างกันราวฟ้าดิน เค้าบอกชั้นเค้าอยู่กับชั้นแล้วสบายใจ แต่ชั้นกลับอยู่กับเค้าแล้วอึดอัด ชั้นสามารถเข้ากับสังคมเค้าได้ดี แต่เค้ากลับเข้ากับสังคมของชั้นได้ไม่ดีนัก ครอบครับชั้นก้อไม่ประทับใจเค้าสักเท่าไหร่ แต่นี่ก้อไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก้อคือ personality ของเค้ากับชั้นมันไม่เข้ากันเลย เค้าเป็นที่พึ่งพาของชั้นก้อไม่ได้ ในขณะที่เค้ามีอะไรก้อมาปรึกษาชั้นตลอด ในฐานะเพื่อนชั้นยินดีมากที่จะช่วยเหลือ หากแต่ในฐานะคนรักกัน ชั้นอยากได้ใครสักคนที่สามารถแบ่งปันทั้งทุกข์และสุข พร้อมจะผ่านมันไปด้วยกัน ซี่งเค้าแค่ไม่ใช่ แต่ชั้นก้อขอบคุณกับความรักที่เค้ามีให้ชั้นเสมอ ชั้นอาจจะไม่ดีกับเค้าหลายครั้งก้อตาม เค้าก้อไม่เคยถือโทษอะไร ยังคงพูดคำเดิมว่าชั้นคือคนสำคัญของเค้า เป็นคนที่เค้ายังรักเสมอ การที่ถูกรักมันเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ แต่จะดียิ่งกว่าหากรักนั้นถูกตอบสนองในแบบเดียวกัน

และก้อเป็นอีกครั้งที่เค้าห่างหายไป อาจเนื่องจากเค้าลาออกจากจุฬากระทันหันตอนปี 3 เพียงเพราะคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับสิ่งนั้น แต่มันก้อเป็นทางเลือกของเค้า ชั้นจะทำอะไรได้ ทั้งๆที่ชั้นก้อหวังว่าเค้าจะอดทนเรียนจนจบให้ได้ก้อตามที จากนั้นเค้าก้อบินไปเรียนต่อในสาขาที่เค้าชอบด้าน graphic computer ที่อเมริกา ทำให้เราต่างเดินคนละเส้นทางอีกครั้ง แต่ technology ก้อได้ทำให้เราใกล้ชิดเหมือนเดิมอีกครั้ง msn เป็นตัวเชื่อมระหว่างเราเป็นอย่างดี เราแชทกันบ่อยมาก ส่งเมลหากัน ส่งข่าวกันเสมอ โทรหากันบ้างเป็นครั้งคราว หรือไม่ก้อ sms ไม่เชื่อก้อต้องเชื่อ technology เหล่านี้แหละ ที่ทำให้สายสัมพันธ์บางๆไม่ขาดไป หลังจากที่ชั้นเรียนป.ตรีจบ ดิชั้นก้อออกไปทำงานประมาณปีนึงก่อนตัดสินใจไปเรียนต่อป.โทที่ออสเตรเลียอีกครั้ง การกลับมาออสคราวนี้ เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะมันไม่เหมือนกับตอนที่มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มีคนคอยดูแลอีกต่อไป ชั้นกับเจคุงยังคงคุยกันอย่างสม่ำเสมอ และนี่เป็นครั้งสุดท้ายและท้ายสุดที่ชั้นคิดว่าเค้าจะขอโอกาสมาคบกัน เนื่องจากอายุเราต่างก้อไม่น้อยแล้ว รู้จักกันมาก้อนาน ผ่านอะไรมาก้อเยอะ เจอใครต่อใครมามาก มาถึงจุดที่เราต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าระหว่างเราจะเป็นอย่างไรต่อไป แม้ว่าตัวชั้นเองจะมีคำตอบอยู่แล้วก้อตาม จริงๆชั้นก้อเคยพูดเล่นๆกับเค้านะว่า “หากชั้นสามสิบแล้ว ไม่มีใครเอา ก้อให้มาขอชั้นได้เลย” แต่เค้ากลับน้อยใจเหมือนว่าเค้าเป็น choice สุดท้าย ชั้นรู้สึกผิด ที่เผลอเล่นกับความรู้สึกเค้าไป แต่จริงๆแล้วชั้นก้อเคยคิดงั้นจริงๆนะ ชั้นก้อผู้หญิงนิ ทำยังไงได้ ใครๆก้อบอกว่า รักคนที่เค้ารักเราดีกว่า จะให้ชั้นไม่อดคิดแบบนั้นได้ยังไงล่ะ เค้าก้อรักชั้น ดีกับชั้นซะขนาดนั้น ผ่านมาก้อเนิ่นนาน ก้อยังคงมีใจให้ชั้นอยู่ ติดตรงที่ว่า ชั้นไม่ได้รักเค้าเลยไงล่ะ ที่มันทำให้มันไม่ลงตัว เค้าเคยโกรธที่ชั้นไม่ให้โอกาสสองกับเค้า แต่ให้โอกาสกับคนอื่นได้มาเป็นแฟน แล้วก้อมาทำให้ชั้นเจ็บ แต่กลับเค้าทืมั่นใจว่าจะไม่ทำให้ชั้นเจ็บชั้นกลับไม่ให้โอกาส เพราะชั้นไม่อยากเสียเค้าไปไงล่ะ ถ้ากลับไปคบแล้วเกิดเลิกกันคราวนี้ มันจะไม่มีวันเหมือนเดิมแล้วแน่ๆ ชั้นรู้ดี เพราะเราต่างไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว

ช่วงเวลาที่ชั้นเรียนอยู่ที่ทออสนั้น เค้าทุ่มทุนสร้างกับชั้นมาก โทรมา เมลมาหา แชทตลอด ส่งดอกไม้มาทุกเทศกาล ส่งของขวัญมาให้ เพื่อจะขอโอกาสนั้น แต่สิ่งนอกกายพวกนั้น ไม่ได้ทำให้ชั้น say “yes” กับเค้า ใช่ว่าไม่เห็นค่า แต่เพราะเห็นค่าเลยอยากรักษาไว้ให้นานที่สุด มันเป็นเรื่องบอบบางละเอียดอ่อนมากสำหรับชั้น เค้าเริ่มท้อ แต่เราก้อยังคงความเป็นเพื่อนกันไว้ เค้าเริ่มทำใจยอมรับว่าเค้าไม่ใช่สำหรับชั้นแต่ก้อยังคงดีต่อกันไว้ และเป็นอีกครั้งที่ชั้นทำเค้าเสียใจและผิดหวัง เพราะเมื่อชั้นอยู่ที่นั่นได้กว่าครึ่งปี ชั้นก้อมีคนที่ชั้นดูๆด้วยอยู่ที่นั่น แต่จะให้ชั้นโกหกคงทำไม่ได้ แม้สุดท้ายชั้นก้อเลิกกับพี่คนนั้นก้อตาม เพราะเค้าไม่ดีต่อชั้น ยิ่งทำให้เค้าเสียใจเป็นสองเท่าที่ชั้นให้โอกาสพี่คนนั้นแต่ไม่ใช่เค้า ชั้นก้อเสียใจแต่มันเป็นสิ่งที่ชั้นเลือกเอง เราต่างหยุดพักหายใจกันสักพัก ก่อนจะกลับมาคุยกันเหมือนเดิม ด้วยความเข้าใจที่ตรงกันชัดเจนแล้วว่า เราเป็นเพื่อนกันคงดีที่สุด

แต่ใครจะรู้อะไรๆก้อเกิดขึ้นได้ ดิชั้น ณ นาทีนี้ได้ประกาศเลิกเป็นเพื่อนกับเค้าแล้ว ทิ้งมิตรภาพกว่าสิบปีที่มีมาไป ทั้งๆที่พยายามรักษามาตลอด ทำไมน่ะหรอ เหตุเกิดสั่งสมตั้งแต่วันนั้นที่ชั้นบินกลับมา แรกเริ่มช่างน่าประทับใจที่เค้าเดินทางไปรับชั้นจาก airport แล้วมาส่งที่บ้าน แถมยัง offer อยากพาเที่ยวอีกด้วย จริงๆแล้วจังหวะที่ชั้นกลับมานั้น ใกล้เป็นวันที่เค้าจะต้องบินกลับอเมริกาแล้ว เราเลยตกลงกันว่าจะใช้เวลาด้วยกันมากหน่อย และเค้าก้อเป็นคนออกปากเองด้วย ดิชั้นก้อเคลียคิวให้เลย บอกที่บ้าน บอกเพื่อนไว้เลย 2-3 วันแรกที่กลับมาไม่ว่างนะ จะต้องไปกับเจคุงก่อนที่เค้าจะกลับเมกา แล้วสิ่งที่เค้าทำก้อคือ หายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ติดต่อก้อไม่ได้ แล้วมารู้ความจริงว่าไปตามน้องผู้หญิงคนนึง ที่เหมือนจะไม่ได้อะไรกับเค้าด้วย แต่เค้าคิดไปเองมากมายว่าเค้าสนใจด้วยเช่นกัน ทั้งๆที่ในสายตาชั้นเค้าก้อแค่ใช้ความใจดีที่เจคุงมีมาเป็นประโยชน์ของตัวเอง อีกทั้งน้องคนนั้นก้อเหมือนจะมีคนของตัวเองอยู่แล้วด้วย เพียงแต่อยู่ในช่วงมีปัญหากัน ดิชั้นเองในฐานะเพื่อนก้อเตือนด้วยความหวังดี แต่เค้าก้อดื้อดังไม่เชื่อ แถมยังพูดไม่ดีกับชั้นด้วย จนชั้นต้องถามตัวเองว่า ชั้นทำอะไรอยู่ ชั้นทำดีไม่ได้ดีไม่เป็นไร แต่ไม่หวังจะได้ร้ายกลับ มาวันนึงที่เค้านัดชั้นไว้ แล้วเบี้ยวชั้นโดยไม่บอกใด พอชั้นโทไปกลับบอกว่า จะต้องไปรับน้องเค้าจากที่สัมภาษณ์งานก่อน ถ้าน้องไม่ไปไหนกับเค้าต่อ ค่อยมาหาชั้น ชั้นโกรธจี๊ดเป็นการใหญ่ว่าทำไมชั้นต้องโดนว่าและยังโดนเป็นตัวสำรองเมื่อเวลาที่น้องคนนั้นไม่ต้องการเค้า ชั้นไม่ได้ไปรักเค้า ไม่ได้ไปเรียกร้องอะไรเค้า ทำไมต้องทนด้วยเนี่ย ดังนั้นชั้นถึงยื่นคำขาด แม้ว่าเพื่อนควรจะเข้าใจกัน แต่นี่เกินกว่าจะเข้าใจได้ ชั้นบอกเค้าว่า ถ้าวันนั้นเค้าไม่มาหาชั้นตามที่บอกไว้ ก้อไม่ต้องมาอีกต่อไป เค้าเลือกที่จะไปทางนั้น แล้วยังมาต่อว่าว่าทำไมชั้นไม่เข้าใจเค้า ชั้นหมดความอดทน อดทนมามากแล้ว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้าเห็นแก่ตัวแบบนี้ ตอนชั้นจะไปดูใครเค้าก้อไม่มีสิทธิ์จะมาว่าอะไรชั้น แต่เค้ากลับต่อว่าต่อขานชั้นมากมาย แล้วทำเป็นส่งดอกไม้มาขอโทษถึงบ้านในวันถัดมา แต่มันก้อไม่ได้ช่วยอะไร และครั้งนี้ก้อเช่นกัน ชั้นตั้งใจแล้วว่าไม่ว่าจะกี่คำขอโทษ ก้อจะไม่มีอีกแล้วระหว่างเราสองคน จบลงไปให้หมด สิ่งที่ผ่านมาหายไปในพริบตา สิบปีก้อสิบปีเถอะ เค้าหลงน้องคนนั้นมาก ถึงขั้นทำร้ายจิตใจแฟนเก่า โทรไปบอกเลิกอย่างไรไยดี หมกมุ่นกับผู้หญิงคนใหม่ เหมือนตาบอด ทิ้งเพื่อนและครอบครัว อายุก้อจะ 30 แล้วแต่แยกแยะไม่ได้ น่าผิดหวังจริงๆ

นาทีที่ชั้นตัดสินใจไปแล้ว ก้อได้ sms ไปบอกเค้าว่าจะไม่ติดต่อกันอีก แต่เค้ากลับติดต่อชั้นมาในนาทีที่จะบินกลับประเทศ เพียงเพื่อจะบอกชั้นว่า พ่อของแฟนเก่าเสียกระทันหัน เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ฝากชั้นช่วยดูแลแฟนเก่าเค้าด้วย เพราะเค้าจะไม่ยุ่ง ไม่อะไรทั้งนั้น ซึ่งมันไม่ใช่หน้าที่หรือกงการอะไรของชั้นเลย แฟนเก่าเค้านั้นก้อมาคุยกับชั้นเพียงเพราะอยากมั่นใจว่าชั้นจะไม่เปลี่ยนใจไปชอบเจคุง และก้อคอยมาปรึกษาชั้นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้น ชั้นไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะดูแลใคร และเป็นที่ปรึกษาของใครด้วยซ้ำ ชั้นค่อยๆวางหูไป ได้เพียงแต่บอกว่า โชคดีนะ

หลังจากที่เค้ากลับไปเมกาได้สักพักเค้าก้อติดต่อกับชั้นอีกครั้งทั้งแชท ทั้งโทร ชั้นสงสัยมากว่าเค้ายังต้องการอะไรอีก และชั้นก้อค้นพบความจริงอีกครั้งว่าเค้าโดนน้องคนนั้นเมินแล้ว ทั้งๆที่น้องเค้าบินไป work & travel ที่เมกา อยู่ใกล้เค้าแต่ก้อไม่สามารถเอาใจเค้ามาได้ น้องเค้าใช้เจคุงเช่นเคย เอามือถือเจคุงไปใช้เพื่อโทรหาคนของเค้าโดยไม่สนใจความรู้สึกเจคุง ทั้งๆที่เจคุงก้ออยู่ตรงนั้น และยังโกหกว่าคุยกับเพื่อนหน้าตายอีกด้วย เมื่อเจคุงเห็นสัจธรรมความจริงที่เลี่ยงหลอกตัวเองต่อไปไม่ได้ ก้อถอนตัว และกลับมาคุยกับชั้น พร้อมกับคำที่ชั้นคิดว่าเค้าใช้มาพร่ำเพรื่อมากแล้ว คือ คำว่า "ขอโทษ” แต่ชั้นไม่เหลืออะไรอีกแล้ว จะกลับเป็นเหมือนเดิมคงไม่ได้ ล่าสุดชั้นส่ง postcard ไปหาเค้า ไปบอกเล่าถึงความในใจที่ไม่อาจเหมือนเดิมได้ แต่ postcard นั้นชั้นตั้งใจจะให้เค้านานแล้ว นับตั้งแต่ตอนไปเที่ยวสมัยอยู่ออส กลับต้องมาส่งตอนนี้กับข้อความแบบนี้ ช่างแย่จริงๆ แต่ก้อต้องทำ และชั้นได้ทำเต็มที่แล้ว กับคนๆนี้

กับคนๆเดียวคุณเชื่อหรือไม่ว่า เราจะกลับมาเจอกันได้เป็นร้อยๆครั้ง เพียงเพราะใจยังผูกกันไม่ว่าในฐานะใดก้อตามที มันเป็นสิ่งมีค่าที่อยากจะรักษาไว้ แต่เมื่อมันถึงสุดทาง ก้อคงต้องปล่อยมันไป สิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้มันมีความหมายอะไร หากคนๆนั้นไม่คิดจะมองว่ามันมีค่า





 

Create Date : 16 เมษายน 2551
2 comments
Last Update : 16 เมษายน 2551 11:09:40 น.
Counter : 1577 Pageviews.

 

 

โดย: โสมรัศมี 17 เมษายน 2551 12:55:49 น.  

 


คลิ๊ก..สร้าง Glitter ด้วยตัวคุณเอง

 

โดย: p_tham 12 พฤษภาคม 2551 8:26:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


maze-p
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add maze-p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.