การรับราชการทหาร เป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคน
มีหนังสือเล่มหนึ่ง กล่าวถึงการรับใช้ชาติของชายไทย ที่กลายเป็นบุคคลสำคัญของประเทศ มีเนื้อหาน่าสนใจ
นั่นคือหนังสือ "เรื่องของพลทหารธานินทร์ฯ"
เพราะเป็นหนังสือเกี่ยวกับชีวิตของพลทหารเกณฑ์ที่ชื่อ ธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่ปัจจุบันเป็นองคมนตรี
และเป็นถึงอดีตนายกฯคนที่ 14 ของไทย
หนังสือ "เรื่องของพลทหาร ธานินทร์ฯ" เล่าถึงเรื่องราวชีวิตเมื่อครั้งองคมนตรีธานินทร์ ต้องเป็น "ทหารเกณฑ์" โดยรับราชการที่แผนกเตรียมทหาร โรงเรียนยานเกราะ กองพลทหารม้า กองทัพบก ระหว่างวันที่ 8 เมษายน 2498 ถึง 7 กรกฎาคม 2498 รวมแล้วเป็นเวลา 3 เดือนเต็ม
เป็นเรื่องเล่าที่ครบทุกรส เผยให้เห็นเกร็ดชีวิต และข้อคิดต่างๆ
ไม่ว่าจะเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต การรักษาระเบียบวินัยในการปฏิบัติหน้าที่ ความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน การรู้กาลควรมิควร
และความอดทนอดกลั้นในขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นพลทหาร ข้าราชการชั้นผู้น้อยโดยไม่ถือยศศักดิ์ตำแหน่งความรู้
"ธานินทร์" เล่าไว้ว่า "ผมเป็นข้าราชการตุลาการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษาอยู่ได้ 8 วัน ก็ต้องไปรับการเกณฑ์ทหารที่วัดหัวลำโพง เมื่อแพทย์ตรวจร่างกายแล้ว ผมก็ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับราชการทหาร มีนายทหารหนุ่ม จากกองพลทหารม้ามารับผมไปรายงานตัว และจัดส่งไปสังกัดโรงเรียนยานเกราะ กองพลทหารม้าที่บางกระบือ"
แม้จะจบการศึกษามาจากต่างประเทศ แต่ "ธานินทร์" ก็ไม่ได้บอกกับใครว่าตัวเองมีพื้นเพความรู้อย่างไร
ตรงกันข้าม กลับปฏิบัติตนเป็นพลทหารเหมือนพลทหารคนอื่นๆ กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ฝึกด้วยกัน ทำงานด้วยกัน ตามระเบียบ
หากแต่ว่าในที่สุดความเรื่องวุฒิการศึกษาก็ถูกเปิดเผย เพราะมีเพื่อนรุ่นน้อง ที่เรียนจบจากอังกฤษ และรับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตรอยู่กองพลทหารม้าเหมือนกันเข้ามาทักทาย ขณะที่ "พลทหารธานินทร์" กำลังถางหญ้าร่วมกับเพื่อนๆ
จนทำให้ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการโรงเรียนยานเกราะต้องเรียกตัวไปพบ และมีคำสั่งให้ไปช่วยทำหน้าที่เป็นล่าม และเป็นทหารรับใช้ของนายทหารอเมริกันสังกัดหน่วยจัสแม็ค ชุดที่มาช่วยงานที่โรงเรียนยานเกราะ โดยมี "พลโทไนมั่น" (Neiman) เป็นผู้บังคับบัญชา
ความเรียบง่ายธรรมดา ของ "พลทหารธานินทร์" เผยให้เห็นในอีกตอนหนึ่ง เล่าไว้ว่า...
"มีเหตุการณ์อีกตอนหนึ่งที่น่าเล่าสู่กันฟัง คือเมื่อการสัมมนาที่โรงเรียนทหารม้าสระบุรี ซึ่งเจ้านายอเมริกันของผมไปร่วมด้วยเสร็จสิ้นลง และเสร็จพิธีเปิดโรงเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว ทางฝ่ายไทยผู้เป็นเจ้าภาพ ได้จัดเลี้ยงอาหารค่ำที่สโมสรนายทหารด้วย
หลังการสัมมนา ผมก็กลับมาพักผ่อนในห้องทหารรับใช้ ในบ้านพักที่เขาจัดไว้ให้นายทหารจัสแม็คพัก มีนายสิบคนหนึ่งมาเรียกตัวผมไปร่วมรับประทานอาหารที่สโมสร"
เพราะรู้ระเบียบปฏิบัติว่าสโมสรนายทหาร เป็นที่จัดเลี้ยงของนายทหาร พลทหารไม่มีสิทธิขึ้นไปยุ่มย่าม "พลทหารธานินทร์" จึงปฏิเสธ หากแต่ว่าในที่สุด ผู้บังคับบัญชาก็มีคำสั่งให้ "พลทหารธานินทร์" ขึ้นไปร่วมงานเลี้ยงด้วย
นอกจากการเป็นล่ามและเป็นนายทหารรับใช้นายทหารจัสแม็ค อีกหน้าที่หนึ่งที่ "พลทหารธานินทร์" ได้รับมอบหมายคือ การสอนวิชาภาษาอังกฤษ แก่นายทหารนักเรียนและนักเรียนนายทหาร ในหลักสูตรผู้บังคับหมวดและนักเรียนนายร้อยสำรองของโรงเรียนยานเกราะ
เป็นพลทหาร ที่ต้องไปสอนภาษาอังกฤษนายทหารสัญญาบัตร
แต่กระนั้น "พลทหารธานินทร์" ก็ยังให้เกียรตินายทหารเพราะมียศสูงชั้นกว่า ดังที่เขารายงานตัวในวันแรกที่ไปสอน ในหน้าที่ "ครู"
"กระผม พลทหารธานินทร์ กรัยวิเชียร ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับการโรงเรียนยานเกราะ ให้มาสอนวิชาภาษาอังกฤษนายทหารนักเรียน และนักเรียนนายทหาร ในหลังสูตรผู้บังคับหมวด และนักเรียนนายร้อยสำรองนี้ ขอรับกระผม"
"ธานินทร์" เล่าถึงเรื่องการทำความเคารพกันไว้ตอนหนึ่งว่า...
"ผมสอนมาได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็มีคณะนายทหารระดับสูง 5-6 คน ชุดหนึ่งมาสังเกตการสอนของผม เมื่อผมสอนเสร็จ ผมก็ทำความเคารพศิษย์ของผมปกติ
คณะนายทหารชุดนี้ เรียกหัวหน้านายทหารนักเรียนไปพบ และตำหนิว่า ผมเป็นครู ทำไมไม่ให้นักเรียนทำความเคารพก่อน หัวหน้านายทหารนักเรียนติงว่า นายทหารสัญญาบัตรจะทำความเคารพพลทหารก่อนได้อย่างไร
แต่คณะนายทหารชุดนี้เห็นว่าความเป็นครูนั้นสำคัญ แม้ครูจะเป็นเพียงพลทหารก็ตาม นายทหารซึ่งเป็นศิษย์ก็ต้องทำความเคารพครูก่อนเสมอ
"ในการเข้าสอนครั้งต่อไป ผมแปลกใจมากที่ผมกำลังจะทำความเคารพศิษย์ของผมอยู่พอดี ศิษย์ของผมก็ทำความเคารพก่อนทั้งตอนเข้าสอนและเสร็จการสอน"
เรื่องไม่จบแค่นี้ เพราะอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ก็มีนายทหารระดับสูงอีกชุดมาสังเกตการสอน และเห็นว่า นายทหารสัญญาบัตรไม่ควรทำความเคารพพลทหารก่อน จึงเรียกประชุมกัน และในที่สุดก็มีความเห็นให้ "พลทหารธานินทร์" ถอดเครื่องหมายของการเป็นพลทหารออก
แต่ที่สุดเมื่อผู้บังคับบัญชามาเห็นก็ต่อว่า เป็นพลทหารไม่มีสิทธิถอดเครื่องแบบไม่ว่ากรณีใดๆ กว่าเรื่องจะจบ และลงเอยด้วยการถอดเครื่องหมายพลทหารสอนในที่สุด
นี่เป็นเรื่องวุ่นๆ อีนุงตุงนังแต่ฟังสนุกในชีวิตของ ธานินทร์ กรัยวิเชียร เมื่อครั้งที่เป็นทหารเกณฑ์
ทหารเกณฑ์ในสังกัดกองพลทหารม้าที่กลายมาเป็นนายกฯ
ย่อหน้าสุดท้ายของหนังสือ "เรื่องของพลทหาร ธานินทร์ฯ" นั้นน่าสนใจ
"ธานินทร์" เล่าไว้ว่า "อนึ่ง ก่อนที่ ฯพณฯ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ จะถึงแก่อสัญกรรมเล็กน้อย ฯพณฯ พลเอก เปรม (ติณสูลานนท์) เล่าให้ผมฟังว่า คุณชาติชายปรารภให้ฟังว่า ท่านคุยกับนายทหารม้าร่วมรุ่นของท่านว่า : มีพวกเราทหารม้าเป็นนายกรัฐมนตรีในเวลาใกล้เคียงกันถึง 3 คน
ผู้ฟังก็ฉงนและถามว่า : ก็เห็นมีอยู่ 2 ท่าน คือท่านกับพลเอก เปรมฯ เท่านั้นไม่เห็นจะมีใครที่ไหนอีก? พลเอก ชาติชายฯ ชี้แจงว่า : ก็พลทหารธานินทร์ ไงเล่า เออจริงซิครับ ผู้ซักถามกล่าวสนับสนุนในท้ายที่สุด"
"เรื่องของพลทหาร ธานินทร์ฯ" เป็นหนังสือที่อ่านสนุก ใช้พรรณนาโวหารเรียบง่าย อ่านได้รวดเดียวจบ
หนังสือเล่มนี้ พิมพ์ออกมาเมื่อปี 2554 โดยสำนักงานศาลยุติธรรม
ในวาระครบรอบ 84 ปีของนายธานินทร์
แต่เนื้อหายังทันยุค ทันสมัย
ขอบคุณ
มติชนออนไลน์
มติชนรายวัน
สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ