"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
30 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
สมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย








สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย






พระนามของเจ้าหญิง ซึ่งแม้ว้าลงเอยในตอนท้ายเป็น อเล็กซานดรินา วิกตอเรีย ได้เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างพระชนนีและบรรดาพระปิตุลา สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 เสนอพระนามว่า เอลิซาเบธ ในขณะที่ทรงคัดค้านการขนานพระนามเจ้าหญิงตามพระชนนี โดยตรัสว่า วิกตอเรีย"ไม่เคยเป็นชื่อทางศาสนาคริต์ที่รู้จักมาก่อนในประเทศนี้"

แต่ดัชเชสแห่งเคนต์ทรงปฏิเสธ แม้พระนามชาร์ล็อตก็ไม่ได้รับการพิจารณา เพราะเป็นการไม่ให้เกียรติแก่เจ้าหญิงชาร์ล็อต ซึ่งสิ้นพระชนม์ขณะมีพระประสูติกาลก่อนหน้านี้

พระชนกของเจ้าหญิงวิกตอเรียสิ้นพระชนม์ด้วยโรคมะเร็ง หลังจากการประสูติได้เพียงแปดเดือน และสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 พระอัยกาได้เสด็จสวรรคตในอีกหกวันต่อมา เจ้าชายผู้สำเร็จราชการ จึงเสวยราชสมบัติสืบต่อมาเป็นสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 4

แต่พระองค์เสด็จสวรรคตโดยปราศจากรัชทายาทเมื่อเจ้าหญิงทรงมีพระชนมายุ 11 พรรษา ตอนนี้ราชบัลลังก์จึงตกเป็นของดยุคแห่งคลาเรนซ์และเซนต์แอนดรูว์ ซึ่งเถลิงพระปรมาภิไธยเป็น สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 4


รัชทายาทในราชบัลลังก์

เจ้าชายแห่งเวลส์ ซึ่งต่อมาคือ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 4 พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 ทรงมีพระราชธิดาอยู่เพียงพระองค์เดียวคือ เจ้าหญิงออกัสตา ชาร์ล็อตแห่งเวลส์ เมื่อเจ้าหญิงสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2360

พระโอรสที่ยังไม่ได้ทรงอภิเษกสมรสของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 ต่างทรงรีบเร่งที่จะอภิเษกสมรสและมีพระโอรสธิดาเพื่อรักษาลำดับการสืบราชบัลลังก์

แม้ว่าสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 ทรงเป็นพระชนกของพระโอรสธิดานอกกฎหมายจำนวนสิบคนที่เกิดจากโดโรธี จอร์แดน ซึ่งเป็นนางสนม โดยมีอาชีพเป็นนางละคร พระองค์ไม่ทรงมีพระโอรสธิดาที่ถูกต้องตามกฎหมายเลย

เจ้าหญิงวิกตอเรียจึงทรงเป็นรัชทายในราชบัลลังก์ที่เปลี่ยนแปลงได้ (heiress presumptive)

กฎหมายในขณะนั้นไม่ได้ให้สิทธิ์แก่พระมหากษัตริย์เด็ก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการหากเจ้าหญิงวิกตอเรียเสวยราชสมบัติก่อนการมีพระชนมายุครบ 18 พรรษา รัฐสภาจึงผ่านพระราชบัญญัติผู้สำเร็จราชการปี พ.ศ. 2373 (Regency Act 1830)

กำนดให้เจ้าหญิงวิกตอเรีย ดัชเชสแห่งเคนต์ พระชนนีทรงปฏิบัติพระราชภารกิจแทนในฐานะผู้สำเร็จราชการขณะที่พระราชินีนาถยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ อีกทั้งรัฐสภายังมิได้แต่งตั้งคณะองคมนตรีเพื่อจำกัดอำนาจของผู้สำเร็จราชการ

สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 มิทรงโปรดดัชเชสแห่งเคนต์เลย และครั้งหนึ่งเคยตรัสว่าพระองค์ทรงมีพระประสงค์จะดำรงพระชนม์ชีพอยู่จนกระทั่งถึงวันประสูติครบรอบ 18 พรรษาของเจ้าหญิงวิกตอเรีย การปกครองโดยผู้สำเร็จราชการจึงไม่จำเป็นต้องไม่มีอีกต่อไป

เจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา

เจ้าหญิงวิกตอเรียทรงพบกับเจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา พระราชสวามีในอนาคตเมื่อพระชนมายุ 16 พรรษาในปี พ.ศ. 2379 แต่เป็นการพบกันครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2382 ที่พระองค์ตรัสถึงเจ้าชายว่า

"...อัลเบิร์ตที่รัก...เขาช่างมีเหตุผล เมตตา ใจดี และอัธยาศัยดีมากเช่นกัน นอกจากนั้นแล้วยังมีลักษณะภายนอกและหน้าตาที่น่าพึงพอใจและน่ายินดีเป็นที่สุดเท่าที่เธอจะเห็นได้เลยล่ะ" เจ้าชายอัลเบิร์ตทรงเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งในเจ้าหญิงวิกตอเรีย

โดย เจ้าชายแอร์นส์ที่ 1 ดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา พระชนกในเจ้าชายทรงเป็นพระเชษฐาของพระชนนีของเจ้าหญิง ในฐานะพระประมุข พระองค์ต้องทรงขอ เจ้าชายอัลเบิร์ตอภิเษกสมรสด้วย การอภิเษกสมรสของทั้งสองถือว่ามีความสุขอย่างยิ่ง

ต้นรัชกาล

พระราชินีวิกตอเรียในวันครองราชสมบัติในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2380 เจ้าหญิงวิกตอเรียทรงมีพระชนมายุ 18 พรรษา ซึ่งหมายความว่าจะไม่จำเป็นต้องมีผู้สำเร็จราชการอีกแล้ว

รุ่งเช้าวันหนึ่งในอีกสี่สัปดาห์ต่อมาพระชนนีของเจ้าหญิงได้ทรงปลุกให้ตื่นจากบรรทมเพื่อรับทราบว่าเมื่อตอน 2 นาฬืกา 12 นาทีของวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2380 สมเด็จพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 4 เสด็จสวรรคตด้วยอาการพระหทัยล้มเหลว ขณะทรงมีพระชนมพรรษา 71 พรรษา

จึงทำให้เจ้าหญิงทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ อย่างไรก็ดี พระองค์ไม่ได้ทรงเสวยราชสมบัติของฮาโนเวอร์ ซึ่งเป็นอาณาจักรที่มีพระประมุของค์เดียวกันกับประเทศอังกฤษมาตั้งแต่ พ.ศ. 2257 แล้ว

รัฐฮาโนเวอร์ได้มีรัฐธรรมนูญของตนในปี พ.ศ. 2376 ซึ่งกล่าวถึงกฎหมายมรดกของตระกูลเวลฟ์ไว้ว่าถ้าไม่มีรัชทายาทในพระมหากษัตริย์ที่เป็นชาย สายเวลฟ์ของนครบรันสวิค-วอลเฟ็นบึตเติล จะได้สืบราชสมบัติอาณาจักรแห่งฮาโนเวอร์ (ซึ่งเป็นราชอาณาจักรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2349)

ยกเว้นว่าสายนั้นไม่มีทายาทอีกต่อไป ผู้หญิงจึงสามารถสืบราชบัลลังก์ได้ สมเด็จพระราชาธิบดีโอโพลด์ที่ 1 ในอนาคตทรงเป็นที่ปรึกษาหลักแก่พระราชนัดดาของพระองค์

ซึ่งก็คือ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย พระธิดาในเจ้าหญิงวิกตอเรียแห่งแซ็กซ์-โคบูร์ก-ซาลเฟลด์ พระเชษฐภคินี พระญาติชั้นที่หนึ่งของสมเด็จพระราชินีในสายของกษัตริย์เลโอโพลด์คือ สมเด็จพระราชาธิบดีเลโอโพลด์ที่ 2 และ สมเด็จพระจักรพรรดินีคาร์โลตาแห่งเม็กซิโก

สมเด็จพระราชินีก็ยังทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งฮาโนเวอร์และดัชเชสแห่งบรันสวิคและลืนบูร์กตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ แต่ราชบัลลังก์ของฮาโนเวอร์ได้ตกไปเป็นของดยุคแห่งคัมเบอร์แลนด์และเทวิอ็อตเดล พระปิตุลาซึ่งทรงกลายเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีเออร์เนส ออกัสตัสที่ 1 แห่งฮาโนเวอร์

เนื่องมาจากว่าสมเด็จพระราชินีวัยดรุณียังมิได้ทรงอภิเษกสมรสและยังมิทรงมีพระราชโอรสและธิดา กษัตริย์เออร์เนส ออกัสตัสจึงยังทรงเป็นรัชทายาทในราชบัลลังก์อังกฤษจนกระทั่งพระราชธิดาพระองค์แรกในสมเด็จพระราชินีประสูติในปี พ.ศ. 2383

ในช่วงที่เจ้าหญิงวิกตอเรียเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ รัฐบาลส่วนมากจะมาจากพรรควิก ที่อยู่ในอำนาจมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2373 ยกเว้นการเว้นช่วงสั้นไปหลายครั้ง ลอร์ดเมลเบิร์น ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีสังกัดพรรควิก

ครั้งหนึ่งเคยมีอิทธิพลอันแรงกล้าต่อชีวิตอันอ่อนประสบการณ์ทางการเมืองของสมเด็จพระราชินีนาถ ซึ่งต้องทรงพึ่งพาคำแนะนำในเรื่องต่างๆ ของเขา (บางคนก็ถึงกับกล่าวว่าพระองค์ทรงเป็น "นางเมลเบิร์น") คณะรัฐมนตรีของเมลเบิร์นไม่ได้อยู่ในอำนาจเป็นเวลานานนัก

เนื่องจากเริ่มไม่เป็นที่ชื่นชอบมากขึ้นและยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างมากในการปกครองอาณานิคมต่างๆ ของอังกฤษ ในประเทศแคนาดา อังกฤษต้องเผชิญกับการปฏิวัติ (ดูเรื่อง การจลาจลในปี พ.ศ. 2380 ที่มีการก่อการกบฏหลายครั้งกินเวลาถึงปี พ.ศ. 2382)

และในประเทศจาเมกา สภานิติบัญญัติแห่งอาณานิคมได้ต่อต้านนโยบายของอังกฤษโดยการปฏิเสธการผ่านกฎหมายใดๆ ออกมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2382 รัฐบาลของเมลเบิร์นได้ลาออกไปเนื่องจากว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ในดินแดนโพ้นทะเลได้

สมเด็จพระราชินีนาถทรงมอบหมายให้เซอร์ โรเบิร์ต พีล ซึ่งเป็นนักการเมืองสังกัดพรรคทอรี่ตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมา แต่ว่าต้องเผชิญกับความล้มเหลวซึ่งรู้กันในเรื่องของกรณีห้องพระบรรทม

ในเวลานั้นถือเป็นธรรมเนียมสำหรับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในสำนักพระราชวังต้องอยู่บนพื้นฐานของระบบอุปถัมภ์ (ซึ่งก็คือ นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งสมาชิกของสำนักพระราชวังบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ภายในพรรคตนเอง)

นางกำนัลประจำห้องพระบรรทมของพระราชินีจำนวนมากเป็นภรรยาของนักการเมืองพรรควิก แต่เซอร์ โรเบิร์ต พีลกลับต้องการให้จะเปลี่ยนเป็นเหล่าภรรยาของนักการเมืองพรรคทอรี่แทน

สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงคัดค้านอย่างมากกับการปลดนางกำนัลเหล่านี้ ซึ่งทรงเห็นเป็นเหมือนพระสหายสนิทมากกว่าเป็นเหล่าข้าราชบริพารที่ทำตามระเบียบพิธีการ

เซอร์ โรเบิร์ต พีล รู้สึกว่าเขาไม่สามารถจะบริหารงานใต้ข้อจำกัดจากสมเด็จพระราชินีได้ ดังนั้นจึงได้ถวายบังคมทูลลาออกจากตำแหน่ง ทำให้เมลเบิร์นกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง

อภิเษกสมรส

สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอัลเบิร์ต ซึ่งทรงเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2383 ณ โบสถ์หลวง พระราชวังเซนต์เจมส์

เจ้าชายอัลเบิร์ตทรงเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปในฐานะ เจ้าชายพระราชสวามี (Prince Consort) แม้ว่าจะไม่ได้ทรงรับการสถาปนาเป็นทางการจนกระทั่งปี พ.ศ. 2400 เจ้าชายมิเคยทรงได้รับบรรดาศักดิขุนนางเลย

พระองค์มิทรงเป็นเพียงแค่ผู้ดูแลสมเด็จพระราชินีอย่างใกล้ชิด แต่ยังเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเมืองคนสำคัญ แทนลอร์ดเมลเบิร์นในฐานะบุคคลสำคัญที่เป็นผู้นำในชีวิตของพระองค์อีกด้วย

ในการทรงพระครรภ์แรกของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย เอ็ดเวิร์ด อ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งมีอายุ 18 ปีได้พยายามลอบปลงพระชนม์พระราชินีขณะทรงประทับรถม้าพระที่นั่งกับเจ้าชายอัลเบิร์ตในกรุงลอนดอน

อ็อกซ์ฟอร์ดได้ยิงปืนออกไปสองครั้ง แต่กระสุนพลาดเป้าไปทั้งสองนัด เขาถูกพิจารณาว่าเป็นกบฎต่อชาติ แต่เขาได้รับการตัดสินให้พ้นความผิดเนื่องจากความวิกลจริต คำแก้ต่างของเขาเป็นที่สงสัยต่อหลายคน กล่าวคือ เขาอาจพยายามเรียกร้องความสนใจ

แต่มีหลายคนกล่าวว่าการวางแผนประทุษร้ายจากพวกปฏิรูปการเมืองอยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้ บางกลุ่มให้ข้อมูลว่าเป็นแผนการของกลุ่มสนับสนุนของกษัตริย์ เออร์เนส ออกัสตัสแห่งฮาโนเวอร์ ซึ่งทรงเป็นรัชทายาทอยู่ในขณะนั้น ทฤษฎีในการวางแผนประทุษร้ายเหล่านี้ทำให้เกิดกระแสความรักชาติและความจงรักภักดีขึ้นภายในประเทศขึ้นมา

การลอบยิงไม่ได้มีผลกระทบต่อพระพลานามัยของสมเด็จพระราชินีหรือพระครรภ์แม้แต่น้อย พระธิดาพระองค์แรกในเก้าพระองค์ของทั้งสองพระองค์ ซึ่งมีพระนามว่า วิกตอเรีย ประสูติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2380

เมื่อพรรควิกภายใต้การนำของเมลเบิร์นแพ้การเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2381 และพรรคทอรี่ภายใต้การนำของพีลได้เข้ามารับหน้าที่แทน ก็ไม่มีเหตุการณ์กรณีห้องพระบรรทมเกิดขึ้นมาอีกครั้ง

สมเด็จพระราชินีนาถยังคงทรงมีพระราชหัตถเลขาโต้ตอบอย่างลับๆ กับลอร์ดเมลเบิร์น ซึ่งอิทธิพลของเขาค่อยๆ จางหายลงไปในขณะที่ของเจ้าชายอัลเบิร์ตเพิ่มมากขึ้น

ในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2385 สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟเป็นครั้งแรก โดยเสด็จออกจากสถานีรถไฟสโลฟ (ใกล้กับปราสาทวินด์เซอร์) ไปยังสะพานบิช็อป ที่อยู่ใกล้กับแพดดิงตัน (ในกรุงลอนดอน)

ด้วยตู้ขบวนพระที่นั่งพิเศษที่จัดถวายโดยบริษัท Great Western Railway ในครั้งนี้มีผู้โดยเสด็จพร้อมกับพระองค์คือ เจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามี และ อิซามบาร์ด คิงด็อม บรูเนล วิศวกรของบริษัท

การลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียสามครั้งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2385 ในวันที่ 29 พฤษภาคม ที่พระราชอุทยานเซนต์เจมส์ จอห์น ฟรานซิส (ซึ่งมีแนวโน้มว่าต้องการเรียกร้องความสนใจมากกว่า) ได้ยิงปืนไปที่พระราชินี (ซึ่งประทับในรถม้าพระที่นั่ง)

แต่ถูกรวบตัวได้ทันควันโดยนายตำรวจชั้นสูงคนหนึ่งชื่อ วิลเลี่ยม เทรานซ์ ส่วนฟรานซิสได้ถูกตัดสินมีโทษฐานเป็นกบฏต่อชาติ แต่โทษตายของเขาได้ถูกลดหย่อน เหลือแค่การเนรเทศออกนอกประเทศตลอดชีวิต

เจ้าชายอัลเบิร์ตทรงเห็นว่าความพยายามในการลอบปลงพระชนม์ได้รับแรงจูงใจจากการปล่อยตัวอ็อกซ์ฟอร์ดในปี พ.ศ. 2383 ในวันที่ 3 กรกฎาคม เพียงไม่กี่วันหลังจากฟรานซิสได้รับการหย่อนโทษ

ก็มีเด็กวัยรุ่นชายอีกคนหนึ่งคือ จอห์น วิลเลียม บีนได้พยายามที่จะยิงสมเด็จพระราชินีนาถ แม้ว่าที่ปืนของเขาจะบรรจุด้วยกระดาษและยาสูบ การก่ออาชญากรรมของเขาก็ทำให้มีโทษถึงแก่ชีวิตได้

เจ้าชายอัลเบิร์ตซึ่งทรงเห็นว่าการลงโทษเช่นนี้ทารุณเกินไป จึงทรงสนับสนุนให้รัฐสภาออกพระราชบัญญัติการทรยศต่อชาติปี พ.ศ. 2385 (Treason Act of 1842) ซึ่งระบุว่าการเล็งปืนพกยังพระราชินี ลอบทำร้ายพระองค์ ขวางปาสิ่งของยังพระองค์ ผลิตปืนพกหรืออาวุธอันตรายใดๆ ต่อการปรากฏพระองค์ด้วยเจตนาให้พระองค์ตกพระทัย

สามารถลงโทษได้ด้วยการจำคุกเป็นเวลาเจ็ดปีและการเฆี่ยนตี ดังนั้นบีน จึงได้รับโทษจำคุกเป็นเวลาสิบแปดเดือน อย่างไรก็ดี ทั้งตัวเขาและบุคคลอื่นที่ได้ละเมิดพระราชบัญญัติในอนาคตต่างก็ไม่ได้ถูกเฆี่ยนเลย

พระราชสกุล

สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงอยู่ในราชวงศ์ฮาโนเวอร์ แม้บางคนจะให้ราชสกุล d'Este หรือ Welf กับพระองค์ แต่ก็มิทรงจำเป็นต้องใช้ราชสกุลเหล่านี้ (เชื้อสายพระองค์อื่นในราชวงศ์ฮาโนเวอร์ได้ใช้ราชสกุลฮาโนเวอร์ในประเทศอังกฤษ)

ส่วนพระราชสวามีของพระองค์ทรงอยู่ในราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธาและหลังจากการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ราชวงศ์นี้ได้ครองราชสมบัติอังกฤษด้วยตัวบุคคลคือ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 พระราชโอรสและรัชทายาทในราชบัลลังก์

ตามธรรมเนียมปฏิบัติของพวกผู้ดีและเชื้อพระวงศ์ ภรรยาจะไม่ได้รับการเป็นสมาชิกในบ้านของสามี แต่ยังคงเป็นของบ้านตนเองอยู่ ดังนั้นสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียจึงมิได้ทรงอยู่ในราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา ในฐานะทรงเป็นสตรีสมรสแล้ว

นักวงศ์วานวิทยาได้กำหนดราชสกุลของพระองค์เป็น ฟอน เว็ตติน (von Wettin) ซึ่งอิงหลักฐานจากสำนักงานตราประจำราชตระกูลแห่งอังกฤษ (College of Arms) ดังนั้นบางครั้งพระองค์ทรงเป็นรู้จักว่า อเล็กซานดรินา วิกตอเรีย ฟอน เว็ตติน ราชสกุลเดิม ฮาโนเวอร์

ขณะที่เจ้าชายทรงอยู่ในราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา ราชวงศ์เยอรมันได้สืบเชื้อสายมาจากสาขาของเจ้าชายเออร์เนสแห่งราชวงศ์เว็ตติน สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงขอให้เจ้าพนักงานกำหนดหาสาขาของเจ้าชายอัลเบิร์ตและราชสกุลในการอภิเษกของพระองค์เองว่าเป็นอันใด

หลังจากการตวจสอบบันทึกต่างๆ จากจดหมายเหตุในราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา พวกเขารายงานว่าราชสกุลส่วนพระองค์ของพระราชสวามี ในฐานะที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสมาชิกพระองค์อื่นทั้งในสาขาของเจ้าชายเออร์เนสและเจ้าชายอัลเบิร์ต นั่นคือ เว็ตติน (หรือ ฟอน เว็ตติน) เอกสารต่างๆ ของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียยังบันทึกถึงการไม่โปรดชื่อของราชสกุลนี้ไว้อีกด้วย

สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 พระราชนัดดาของพระองค์ทรงศึกษาถึงประเด็นดังกล่าวอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งเมื่อทรงเปลี่ยนชื่อราชสกุลและราชวงศ์เป็นวินด์เซอร์ในปี พ.ศ. 2460

สำนักงานตราประจำราชตระกูลได้แจ้งพระองค์ทรงทราบว่าราชสกุลเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลงคือ เว็ตติน ในปี พ.ศ. 2501 พระบรมราชโองการตามคำแนะนำของคณะองคมนตรีได้ปรับเปลี่ยนการตัดสินใจในปี พ.ศ. 2460 โดยการให้เชื้อสายในสมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2

บางพระองค์ใช้ชื่อราชสกุลเป็น เม้านท์แบ็ตเต็น-วินด์เซอร์ การให้ใช้ชื่อราชสกุลนี้ไม่ได้นำมาใช้กับเจ้าชายแห่งเวลส์และพระโอรสทั้งสองพระองค์ แต่แค่ใช้กับเชื้อสายพระองค์อื่นของสมเด็จพระราชินีนาถกับเจ้าชายฟิลิปที่ไม่ได้ขึ้นครองราชสมบัติเพียงเท่านั้น

ตามตัวบทกฎหมายแล้ว องค์พระประมุขที่ครองราชย์"ทุกพระองค์"ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2460 เป็นต้นไปทรงมีพระราชสกุล "วินด์เซอร์" แม้ว่าจะเสด็จพระราชสมภพในพระราชวงศ์หรือไม่ก็ตาม

การเมืองในยุควิกตอเรียตอนต้น

คณะรัฐมนตรีของพีลต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์อย่างหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับการเลิกล้มกฎหมายข้าวโพด (ภาษีสินค้านำเข้าพวกธัญพืช) พวกพรรคทอรี่หลายๆ คน (ตอนนั้นก็เป็นที่รู้จักว่า พวกอนุรักษ์นิยม) คัดค้านการล้มเลิกกฎหมายดังกล่าว

แต่ว่าพวกพรรคทอรี่ (หรือ "พวกพีลไลท์") และพวกพรรดวิกโดยส่วนมากสนับสนุนกฎหมายนี้ พีลได้ลาออกเมื่อปี พ.ศ. 2389 หลังจากการเลิกล้มกฎหมายได้ผ่านความเห็นชอบไปอย่างหวุดหวิด และลอร์ด จอห์น รัสเซลล์ได้เข้ามาทำหน้าที่แทน

ถึงแม้ว่าคณะรัฐมนตรีของรัสเซลล์เป็นพวกวิกแต่ ก็ไม่เป็นที่โปรดปรานต่อสมเด็จพระราชินีนาถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ก้าวร้าวต่อพระองค์คือ ลอร์ดพาล์มเมอร์สตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งทำการใดๆ โดยไม่ปรึกษาคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีและสมเด็จพระราชินีนาถอยู่บ่อยครั้ง

ในปี พ.ศ. 2392 สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงฝากคำติเตียนกับลอร์ดรัสเซลล์ โดยทรงอ้างว่าพาล์มเมอร์สตันได้ส่งแถลงการณ์ทางราชการต่างๆ ไปยังประมุขต่างประเทศโดยที่พระองค์ไม่ทรงรับรู้ด้วย

พระองค์ทรงเน้นย้ำถึงการคัดค้านอยู่หลายครั้งในปี พ.ศ. 2393 แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เมื่อถึงปี พ.ศ. 2394 ลอร์ดพาล์มเมอร์สตันได้ถูกปลดออกจากตำแหน่ง โดยในตอนนั้นเขาได้ประกาศความเห็นชอบของรัฐบาลอังกฤษต่อการก่อรัฐประหารของประธานาธิบดี หลุยส์-นโปเลียน โบนาปาร์ตในประเทศฝรั่งเศสโดยไม่ได้ปรึกษากับนายกรัฐมนตรีมาก่อนล่วงหน้า

ในช่วงเวลาที่รัสเซลล์เป็นนายกรัฐมนตรียังได้เห็นถึงการทำให้สมเด็จพระราชินีนาถทรงทุกข์โดยส่วนตัว ในปี พ.ศ. 2392 ก็มีผู้ชายชาวไอริชที่ตกงานและอารมณ์หงุดหงิดที่ชื่อว่า วิลเลี่ยม แฮมิลตัน พยายามทำให้สมเด็จพระราชินีนาถทรงตกพระทัย

โดยการยิงปืนบรรจุดินปืนขณะที่รถม้าพระที่นั่งดำเนินไปตามถนน Constitution Hill ในกรุงลอนดอน แฮมิลตันมีโทษตามพระราชบัญญัติปี พ.ศ. 2385 โดยยอมรับว่าได้กระทำผิดและรับโทษสูงสุดด้วยการถูกเนรเทศออกนอกประเทศเป็นเวลาเจ็ดปี

ในปี พ.ศ. 2393 สมเด็จพระราชินีทรงได้รับการบาดเจ็บเมื่อพระองค์ทรงถูกจู่โจมจากโรเบิร์ต เพท ที่คาดว่าเป็นอดีตทหารในกองทัพที่วิกลจริต ในขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถทรงประทับมาในรถม้าพระที่นั่ง

เขาตีพระองค์ด้วยปืน ทำให้พระมาลาหลุดกระเด็นออกมาและทำให้พระองค์มีอาการฟกช้ำ ต่อมาเพทได้ถูกสอบสวนพิจารณาคดี เขาได้รับการพิสูจน์ว่าไม่มีความวิกลจริตเลยและได้รับโทษเช่นเดียวกับแฮมิลตัน

ไอร์แลนด์

สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียในวัยดรุณี ทรงตกหลุมรักประเทศไอร์แลนด์ โดยทรงเลือกที่จะเสด็จไปพักผ่อนที่เมืองคิลลาร์เนย์ ในมณฑลเคอร์รี่ ที่อยู่ในระหว่างกระบวนการที่ทำให้เป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นแนวหน้าเมืองหนึ่งของศตวรรษที่ 19

ความรักในเกาะไอร์แลนด์ของพระองค์เข้ากันได้กับควาบอบอุ่นแบบไอริชช่วงแรกต่อสมเด็จพระราชินีนาถในวัยดรุณี เมื่อปี พ.ศ. 2388 ไอร์แลนด์ประสบกับปัญหามันฝรั่งเหี่ยวแห้ง ที่ทำให้ชาวไอริชเสียชีวิตไปจำนวนหนึ่งล้านคนมากกว่าสี่ปี

และอีกล้านคนได้อพยพออกนอกประเทศไป ในการตอบสนองปัญหาที่ต่อมาได้เรียกว่า "ความอดอยากมันฝรั่งในไอร์แลนด์" (Irish Potato Famine) สมเด็จพระราชินีนาถทรงบริจาคเงินส่วนพระองค์ (จำนวน 5000 ปอนด์สเตอริง) ให้กับชาวไอริชที่หิวโหย

นโยบายต่างๆ ของลอร์ดรัสเซลล์ได้รับการตำหนิอยู่บ่อยครั้งในเรื่องการทำให้ความอดอยากอย่างรุนแรงเลวร้ายมากขึ้นไปอีก ทำให้ชาวไอริชหนึ่งล้านคนต้องเสียชีวิต ซึ่งส่งผลกระทบในด้านลบต่อชื่อเสียงของสมเด็จพระราชินีนาถในประเทศไอร์แลนด์

สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงเป็นผู้สนับสนุนเข้มแข็งต่อชาวไอริช พระองค์ทรงสนับสนุนความแย้ง Maynooth Grant และได้ทรงทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขณะเสด็จเยือนประเทศไอร์แลนด์ด้วยการเสด็จไปเยี่ยมโรงเรียนสอนศาสนา

การเสด็จเยือนไอร์แลนด์อย่างเป็นทางการครั้งแรกของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียในปี พ.ศ. 2392 ได้จัดขึ้นอย่างเป็นเฉพาะกิจโดยลอร์ดคลาเร็นดอน ซึ่งเป็นผู้ว่าราชแห่งไอร์แลนด์ หัวหน้ากลุ่มบริหารของอังกฤษที่พยายามจะดึงความสนใจ จากเรื่องความอดอยากและทำให้นักการเมือง

อังกฤษตื่นตัวกับเรื่องความตึงเครียดของวิกฤติดังกล่าวในไอร์แลนด์โดยผ่านการเสด็จมาของสมเด็จพระราชินีนาถ ถึงแม้จะมีผลกระทบด้านลบในเรื่องความอดอยากต่อชื่อเสียงของสมเด็จพระราชินีนาถ

พระองค์ก็ยังทรงเป็นที่นิยมชมชอบอย่างเพียงพอสำหรับพวกชาตินิยมในการจบการประชุมพรรคด้วยการร้องเพลง God Save the Queen

ในช่วงทศวรรษที่ 1870 และ 1880 ความชื่นชอบในระบอบกษัตริย์ได้เสื่อมถอยลงอย่างมาก โดยส่วนหนึ่งมาจากสมเด็จพระราชินีนาถทรงปฏิเสธที่จะเสด็จเยือนไอร์แลนด์ เพื่อไปในการคัดค้านการตัดสินใจของเทศบาลเมืองดับลิน

ที่จะไม่ร่วมแสดงความยินดีกับการอภิเษกสมรสของเจ้าชายแห่งเวลส์กับเจ้าหญิงอเล็กซานดราแห่งเดนมาร์ก และการประสูติของเจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ พระโอรสองค์โตของทั้งสองพระองค์

สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงปฏิเสธความกดดันอันซ้ำซาก จากนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการไอร์แลนด์และแม้แต่สมาชิกในพระราชวงศ์ต่างๆ มากมายในการสร้างพระราชฐานในประเทศไอร์แลนด์

ลอร์ดมิเดิลตัน อดีตหัวหน้าพรรคสหภาพแรงงานของไอร์แลนด์ ซึ่งเขียนบันทึกความทรงจำในปี พ.ศ. 2473 เรื่อง Ireland: Dupe or Heroine? (ไอร์แลนด์ การหลอกลวงหรือความกล้าหาญ) โดยบรรยายว่าการตัดสินใจดังกล่าวของพระองค์ถึงว่าเป็นหายนะแก่ระบอบกษัตริย์และการปกครองของอังกฤษในประเทศไอร์แลนด์

สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเสด็จเยือนประเทศไอร์แลนด์เป็นครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2443 เพื่อทรงขอให้ชายชาวไอริชเข้าร่วมในกองทัพบกอังกฤษและสู้รบในสงครามบัวร์ครั้งที่สอง

พวกฝ่ายค้านชาตินิยมต่อการเสด็จมาเยือนไอร์แลนด์ของพระองค์นำโดยอาร์เธอร์ กริฟฟิธ ที่ได้ก่อตั้งองค์กรหนึ่งที่ชื่อว่า Cumann na nGaedheal (ภาษาไอร์แลนด์ สมาคมแห่งชาวเกลส์) เพื่อรวมตัวกันคัดค้าน

ในอีกห้าปีต่อมา กริฟฟิธได้ใช้ความคุ้นเคยต่างๆ ที่สร้างในช่วงการรณรงค์ต่อต้านการเสด็จเยือนไอร์แลนด์ของสมเด็จพระราชินีนาถเพื่อสร้างความเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบใหม่ที่เรียกว่า Sinn Fein

การเป็นหม้าย

เจ้าชายพระราชสวามีสิ้นพระชนม์ด้วยโรคไทฟอยด์ วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2404 ได้สร้างความโทมนัสอย่างแสนสาหัสให้กับสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ซึ่งได้ทรงตกอยู่ในสภาพการไว้ทุกข์กึ่งถาวรและฉลองพระองค์เป็นสีดำตลอดพระชนม์ชีพที่เหลือ

พระองค์ทรงหลีกเลี่ยงการปรากฏองค์ในที่สาธารณะและไม่ค่อยเสด็จเข้ากรุงลอนดอนในอีกหลายปีต่อมา การหลบพระองค์จากสาธารณชนทำให้ทรงมีพระนามเรียกเล่นๆ ว่า "แม่หม้ายแห่งวินด์เซอร์"

พระองค์ทรงเห็นเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ที่ทรงใช้ชีวิตวัยเยาว์อย่างไม่รอบคอบและเหลวไหลไร้สาระ เป็นต้นเหตุของการสิ้นพระชนม์ของพระชนก

สมเด็จพระราชินีนาถทรงพึ่งพามหาดเล็กชาวสก็อตชื่อ จอห์น บราวน์ เพิ่มมากขึ้น ถึงกับได้มีการกล่าวอ้างว่าทรงมีความสัมพันธ์แบบชู้สาวหรือการอภิเษกสมรสแบบเงียบๆ เกิดขึ้น แต่ทั้งสองข้อหาเป็นเพียงแค่การทำให้เสียชื่อเสียง

ย่อหน้าหนึ่งในบทความของเปโตรเนลลา ไวแอ็ต ในหนังสือพิมพ์เดลีเมล์ (ฉบับวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549) กล่าวว่า วูดโรว์ ไวแอ็ต ซึ่งเป็นบิดาของเธอได้พบกับเอลิซาเบธ โบวส์-ลีออน พระราชชนนีในสมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในทศวรรษที่ 1980

และเสด็จมาที่บ้านเพื่อรับประทานพระกระยาหารกลางวันและค่ำอยู่เป็นประจำ ครั้งหนึ่งของการรับประทานอาหารการสนทนาดำเนินมาถึงเรื่องของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียกับจอห์น บราวน์ พระราชชนนีก็ทรงอ้างว่าพระองค์ทรงพบเอกสารในหอจดหมายเหตุของพระราชวงศ์ที่ปราสาทวินด์เซอร์

ซึ่งในนั้นเขียนไว้ว่าทั้งสองคนได้อภิเษกกัน เมื่อทรงถามพระองค์ว่าทรงทำเช่นไรกับการค้นพบเอกสารฉบับนั้น พระองค์ตรัสตอบว่าพระองค์ได้ทรงเผามันทิ้งไป

สมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่ถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ บันทึกคำสารภาพที่คิดเอาเองขณะมีอาการตรีทูตของบาทหลวงประจำพระองค์ สมเด็จพระราชินีนาถ ซึ่งเขาได้ยอมรับกับนักการเมืองคนหนึ่งว่าเขาได้เป็นประธานในการอภิเษกสมรสอย่างลับๆ ระหว่างสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียกับจอห์น บราวน์

นักประวัติศาสตร์แค่เพียงบางคนก็เชื่อความน่าเชื่อถือของสมุดบันทึกเล่มนี้ พระศพของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียได้วางลงอยู่ในพระศพ โดยมีของที่ระลึกสองชุดวางไว้บนพระศพตามความต้องการของพระองค์

ขวามือของพระองค์จะมีเสื้อคลุมของเจ้าชายอัลเบิร์ตตัวหนึ่งวางอยู่ ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นเส้นผมของบราวน์วางไว้คู่กับรูปภาพของเขา ข่าวลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์และการอภิเษกสมรสทำให้พระองค์ทรงมีพระนามเรียกเล่นๆ อีกอย่างหนึ่งว่า "นางบราวน์"

การปลีกพระองค์อยู่โดดเดี่ยวจากสาธารณชนทำให้ความนิยมในระบอบกษัตริย์เสื่อมถอยลงอย่างมาก และแม้กระทั่งผลักดันให้เกิดความเคลื่อนไหวของพวกสนับสนุนการเป็นสาธารณรัฐเพิ่มขึ้นไปด้วย

แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย แต่ก็มิได้ทรงมีบทบาทในการปกครองมากเท่าใดนัก ยังคงหลบซ่อนพระองค์อยู่ในพระราชฐานอย่างปราสาทบัลมอรัลในสก็อตแลนด์ หรือ ตำหนักออสบอร์น บนเกาะไวท์

ในขณะนั้นรัฐสภาก็ได้การผ่านกฎหมายฉบับหนึ่งที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 19 คือ พระราชบัญญัติการปฏิรูปปี พ.ศ. 2410 (Reform Act 1867) ออกมา ลอร์ดพาล์มเมอร์สตันค้ดค้านการปฏิรูปการเลือกตั้งอย่างชนิดหัวชนฝา

แต่สมัยการเป็นนายกรัฐมนตรีของเขาหมดลงหลังจากถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2408 ซึ่งเอิร์ลรัสเซลล์ (ซึ่งเป็นลอร์ด จอห์น รัสเซลล์ ในอดีต) ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน จากนั้นก็เป็นลอร์ดดาร์บี้ ซึ่งในสมัยการเป็นนายกรัฐมนตีของเขาก็ได้ผ่านพระราชบัญญัติการปฏิรูปออกมาเป็นผลสำเร็จ

ปลายพระชนม์ชีพ

ในปี พ.ศ. 2430 สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ก็ได้จัดงานพระราชพิธีกาญจนาภิเษกในกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย พระองค์ทรงครองราชสมบัติครบรอบปีที่ห้าสิบในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2430

โดยมีการจัดงานเลี้ยงพระกระยาหารซึ่งกษัตริย์และเจ้าชายจากราชวงศ์ในยุโรป 50 พระองค์ทรงได้รับเชิญมา แม้ว่าพระองค์จะมิทรงตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่ก็มีการวางแผนไว้อย่างเปิดเผย โดยพวกต่อสู้เพื่ออิสรภาพชาวไอริช

ที่จะระเบิดมหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์ ขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถเสด็จไปร่วมในงานขอบคุณพระเจ้า การลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้เป็นที่รู้จักกันว่า "The Jubilee Plot" (แผนลอบสังหารในงานกาญจนาภิเษก)

วันต่อมาพระองค์ทรงประทับในขบวนเสด็จ ซึ่งมาร์ค ทเวนได้กล่าวไว้ว่า "ทอดยาวไปสุดสายตาตลอดสองข้างฝั่ง" ในช่วงเวลานั้นสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงเป็นองค์พระมุขอังกฤษที่เป็นที่นิยมอย่างสูงสุด

สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียก็ต้องทรงอดทน กับสมัยการเป็นนายกรัฐมนตรีของวิลเลี่ยม เอวาร์ต แกลดสโตนอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2435 หลังจากพระราชบัญญัติปกครองตนเองของไอร์แลนด์ ของเขาไม่ได้รับคะแนนเสียง

เขาจึงลาออกไปในปี พ.ศ. 2437 แล้วมีผู้มารับหน้าที่แทนคือ ลอร์ดโรสเบอรี่ ซึ่งสังกัดพรรคเสรีนิยมที่สนับสนุนลัทธิจักรวรรดินิยม แล้วมีผู้สืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือ ลอร์ดซอลส์เบอรี่ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจวบจนกระทั่งสิ้นรัชกาลของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย

วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2439 สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงแซงหน้าสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 ในฐานะที่ทรงเป็นองค์พระประมุขที่ทรงครองราชสมบัติยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ สก็อตแลนด์ และสหราชอาณาจักร

พระองค์จึงทรงประสงค์ให้เลื่อนการเฉลิมฉลองของประชาชนแบบพิเศษต่างๆ ออกไปถึงปี พ.ศ. 2440 พร้อมพระราชพิธีพัชราภิเษกของพระองค์ นายโจเซฟ แชมเบอร์เลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาณานิคมได้เสนอว่าพระราชพิธีพัชราภิเษกควรจะจัดให้เป็นการเฉลิมฉลองทั่วจักรวรรดิอังกฤษ

ดังนั้นนายกรัฐมนตรีของอาณานิคมที่ปกครองตนเองต่างๆ พร้อมกับครอบครัวได้รับเชิญให้มาร่วมในงานฉลอง ในขบวนเสด็จที่สมเด็จพระราชินีนาถทรงเข้าร่วม ประกอบด้วยกองทหารจากอาณานิคมและดินแดนในปกครองอังกฤษแต่ละแห่ง

พร้อมกับทารที่ส่งมาจากเจ้าครองรัฐหรือหัวหน้าดินแดนของอินเดีย (ซึ่งขึ้นกับสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย จักรพรรดินีแห่งอินเดีย) การเฉลิมฉลองพระราชพิธีพัชราภิเษกก็ได้เป็นโอกาสที่แสดงถึงความรักอันท่วมท้นอย่างมากต่อสมเด็จพระราชินีนาถในวัย 70 พรรษาเศษ ซึ่งในขณะนั้นได้ประทับอยู่บนรถเข็น

นักประวัติศาสตร์บางคนคิดว่าสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงฉลองพระองค์สีขาวในพระราชพิธีพัชราภิเษกเพียงเท่านั้น ถึงแม้จะมิทรงสีดำอย่างที่ทรงฉลองพระองค์มาตลอดเวลาตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของพระราชสวามี

ช่วงปลายพระชนม์ชีพของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย สหราชอาณาจักรได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามบัวร์ครั้งที่สอง ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นจากพระองค์ ชิวิตส่วนพระองค์ก็ทรงพบกับความโทมนัสอยู่หลายครั้ง

รวมถึงการสิ้นพระชนม์ของพระราชโอรสทั้งสองพระองค์คือ เจ้าชายอัลเฟรด ดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา (ซึ่งก็คือ ดยุคแห่งเอดินเบอระ) และเจ้าชายเลโอโพลด์ ดยุคแห่งออลบานี และพระราชธิดาคือ เจ้าหญิงอลิซ (ต่อมาคือ แกรนด์ดัชเชสพระชายาแห่งเฮสส์)

และพระราชนัดดาสามพระองค์คือ เจ้าชายอัลเบิร์ต วิกเตอร์ ดยุคแห่งคลาเรนซ์ เจ้าชายอัลเฟรดแห่งเอดินเบอระและแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา และเจ้าชายคริสเตียน วิกเตอร์แห่งชเลสวิก-โฮลชไตน์

การปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านพิธีการต่อประชาชนครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2442 เมื่อเสด็จไปในการวางฐานหินสำหรับอาคารหลังใหม่ของพิพิธภัณฑ์เคนซิงตันใต้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและอัลเบิร์ต

สวรรคต

ตามธรรมเนียมที่ได้ทรงปฏิบัติมาตลอดตั้งแต่การเป็นหม้าย สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงใช้เวลาในวันคริสต์มาสที่ตำหนักออสบอร์น (เจ้าชายอัลเบิร์ต ทรงออกแบบไว้) อยู่บนเกาะไวท์

พระองค์เสด็จสวรรคตในที่แห่งนั้น ด้วยอาการเส้นพระโลหิตแตกในสมองเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2444 สิริพระชนมพรรษา 81 พรรษา ขณะใกล้สวรรคตได้มีพระราชโอรส ซึ่งจะขึ้นครองราชสมบัติเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป

และสมเด็จพระจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี พระราชนัดดาพระองค์ใหญ่เสด็จมาเฝ้า พระราชโอรสของพระองค์ได้ยกพระศพลงในโลง ซึ่งฉลองพระองค์สีขาวและผ้าคลุมหน้าอภิเษกสมรสอย่างที่ทรงมีพระประสงค์เอาไว้

งานพระราชพิธีศพมีขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ และหลังจากตั้งพระศพไว้ให้ประชาชนเคารพเป็นเวลาสองวัน พระศพของพระองค์ถูกฝังลงเคียงข้างเจ้าชายอัลเบิร์ตในสุสานหลวงฟร็อกมอร์ ปราสาทวินด์เซอร์

เนื่องจากสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียมิทรงโปรดงานพิธีศพสีดำ กรุงลอนดอนจึงประดับประดาด้วยระย้าที่เป็นสีม่วงและสีขาว ที่จริงแล้วเมื่อพระศพฝังลงในสุสานหลวงฟร็อกมอร์แล้ว หิมะก็เริ่มตกลงมาทำให้พื้นดินกลายเป็นสีขาว ซึ่งทำให้แนวคิดเรื่องงานพิธีศพของพระองค์สมบูรณ์แบบ

สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงครองสิริราชสมบัติรวมทั้งสิ้นหกสิบสามปี เจ็ดเดือน สองวัน ซึ่งเป็นรัชกาลที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ

การสืบราชบัลลังก์

เจ้าชายแห่งเวลส์ พระราชโอรสองค์โตในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงสืบราชสมบัติเป็นสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 การเสด็จสวรรคตของพระองค์ทำให้การปกครองของราชวงศ์ฮาโนเวอร์สิ้นสุดลงในสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่

ส่วนสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ทรงอยู่ในราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์ก
และก็อตธา ซึ่งสืบทอดมาจากพระชนกคือ เจ้าชายอัลเบิร์ต


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


จันทรวารสิริสวัสดิ์ มานมนัสรมเยศ ที่มาอ่านค่ะ


Create Date : 30 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 1 กันยายน 2553 19:30:04 น. 0 comments
Counter : 1539 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.