BlogGang.com : : sirivinit : เส้นทางธรรม "สุวฑฺฒโน" สู่ .. สมเด็จพระสังฆราช

เส้นทางธรรม "สุวฑฺฒโน" สู่ .. สมเด็จพระสังฆราช

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2532 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์แรกของไทยที่ทรงเจริญพระชนมายุ 100 พรรษา เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา

ซึ่งถือว่าทรงมีพระชนมายุมากกว่าสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีพระมหาเถระได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชทั้งหมด 19 พระองค์

ที่สำคัญทรงดำรงสมณศักดิ์สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก รวม 24 ปี ถือว่ายาวนานที่สุด เมื่อเทียบกับสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในอดีตที่ผ่านมา

สมเด็จพระญาณสังวร มีพระนามเดิมว่า เจริญ คชวัตร ประสูติวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2456 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 11 ปีฉลู ทรงมีชาติภูมิ ณ ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นบุตรคนโตนายน้อย คชวัตร และนางกิมน้อย คชวัตร ชาวกาญจนบุรี มีพี่น้อง 2 คน ได้แก่ นายจำเนียร คชวัตร และนายสมุทร คชวัตร

ทรงบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อพระชนมายุ 14 พรรษา ณ วัดเทวสังฆาราม จ.กาญจนบุรี แล้วเข้ามาศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2476 ทรงอุปสมบท ณ วัดบวรฯ

โดยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ ทรงได้รับฉายา "สุวฑฺฒโน" มีความหมายว่า "ผู้เจริญดี" จากนั้นประทับศึกษาอยู่ที่วัดบวรฯจนกระทั่งสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยคในปี 2484

สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงสมณศักดิ์มาโดยลำดับดังนี้ ทรงเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ พระราชาคณะชั้นราช และพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ พระโศภณคณาภรณ์ ทรงเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมวราภรณ์ และพระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรองที่ พระสาสนโสภณ ทรงเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระญาณสังวร

เมื่อครั้งสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) สิ้นพระชนม์ ปี 2531 ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในราชทินนามเดิมคือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2532 เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ราชทินนามดังกล่าวนับเป็นราชทินนามพิเศษ เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราชที่มิได้เป็นพระบรมวงศานุวงศ์ ตามปกติจะใช้ราชทินนามว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ดังนั้นนับเป็นอีกหนึ่งครั้งที่มีการใช้ราชทินนาม สมเด็จพระญาณสังวร สำหรับสมเด็จพระสังฆราช เพื่อเป็นพระเกียรติคุณทางวิปัสสนาธุระของพระองค์

สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระอัธยาศัยใฝ่รู้ใฝ่เรียนมาตั้งแต่ทรงเป็นพระเปรียญโดยเฉพาะด้านภาษาอังกฤษและภาษาต่างๆ และทรงศึกษาหาความรู้สมัยใหม่ด้วยการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษทั้งทางโลกและทางคดีธรรม

พระองค์ทรงมีผลงานพระนิพนธ์หลายเรื่อง ตลอดจนความเรียงเชิงศาสนาคดีจำนวนมาก อาทิ เถรธรรมมกถา, โลก-เหนือโลก, โอวาทวันลาสิกขา, การศึกษาเพื่อความเป็นคนที่สมบูรณ์, ความสุขที่หาได้ไม่ยาก, ความสุขอันไพบูลย์, จตุธรรมสำคัญ, พระพุทธศาสนากับสังคมไทย, วิธีสร้างบุญบารมี, สัมมาฑิฏฐิ, อาหุเนยโย เป็นต้น

ที่สำคัญทรงสั่งสอนพระพุทธศาสนา ให้แก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยทรงเป็นพระมหาเถระไทยรูปแรก ที่ทรงริเริ่มให้มีสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก และเสด็จไปเป็นประธานสงฆ์ในพิธีเปิดวัดไทยแห่งแรกในทวีปยุโรป คือวัดพุทธปทีป ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

ทรงนำพระพุทธศาสนาเถรวาทไปสู่ออสเตรเลียเป็นครั้งแรก โดยสร้างวัดพุทธรังษีขึ้น ณ นครซิดนีย์ และทรงให้กำเนิดคณะสงฆ์เถรวาทในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงทรงช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศเนปาล โดยเสด็จไปบรรพชาแก่ศากยะกุลบุตรในประเทศเนปาลเป็นครั้งแรก

ทำให้ประเพณีการบวชฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งในเนปาลยุคปัจจุบัน รวมทั้งทรงเจริญศาสนาไมตรีกับองค์ทะไล ลามะ กระทั่งเป็นที่ทรงคุ้นเคยและได้วิสาสะกันหลายครั้ง

และทรงเป็นพระประมุขแห่งศาสนจักรพระองค์แรกที่ได้รับทูลเชิญให้เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการในประวัติศาสตร์จีน นอกจากนี้ทางรัฐบาล

เมียนมาร์ได้ทูลถวายตำแหน่งอภิธชมหารัฐคุรุ อันเป็นสมณศักดิ์สูงสุดแห่งคณะสงฆ์เมียนมาร์ และที่ประชุมผู้นำสูงสุดแห่งพุทธศาสนาโลก เมื่อปี 2555 ทูลถวายตำแหน่งผู้นำสูงสุดแห่งพระพุทธศาสนาโลกด้วย

ที่สำคัญสมเด็จพระสังฆราชยังได้ทรงปฏิบัติหน้าที่พิเศษอันมีความสำคัญอีกหลายวาระ คือ ทรงเป็นพระอภิบาลในพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบันเมื่อครั้งเสด็จออกทรงพระผนวช ปี 2499

พร้อมทั้งทรงถวายความรู้ในพระธรรมวินัย ตลอดระยะเวลาแห่งการทรงพระผนวช และทรงเป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อครั้งเสด็จออกทรงผนวชเป็นพระภิกษุ ในปี 2521

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จมาประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2545 เป็นต้นมา ตลอดระยะเวลา 11 ปี พระองค์ประทับรักษาพระอาการประชวร ณ ชั้น 6 ตึกวชิรญาณ-สามัคคีพยาบาร

ดังนั้น มหาเถรสมาคม (มส.) จึงแต่งตั้งให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช แต่ปรากฏว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ มรณภาพลงเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา

หน้า 13,มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2556

ขอบคุณ มติชนออนไลน์

สิริสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ

Create Date : 25 ตุลาคม 2556

Last Update : 25 ตุลาคม 2556 16:06:31 น.

0 comments

Counter : 3209 Pageviews.