"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
16 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
มาดามแปมเปิลมูส โดย วัลยา วิวัฒน์ศร









"มาดามแปมเปิลมูส" เป็นหนังสือวิเศษของรูเพิร์ต คิงฟิชเชอร์ นักเขียนชาวอังกฤษผู้มีปู่เป็นชาวเยอรมันและย่าเป็นชาวอังกฤษ เขาหลงเสน่ห์ปารีสจนเขียนนิยายแฟนตาซีสำหรับเด็กออกมาสามเล่ม เล่มแรก "มาดามแปมเปิลมูสกับอาหารสุดวิเศษ" เล่มที่สอง "มาดามแปมเปิลมูสกับคาเฟ่เจาะเวลาหาอดีต" และเล่มที่สาม "มาดามแปมเปิลมูสกับร้านขนมหวานมนตรา"

จะอ่านทั้งชุด อ่านเรียงลำดับ หรืออ่านเล่มใดเล่มหนึ่งก่อนก็ได้ทั้งนั้น เพราะผู้ประพันธ์เท้าความให้ผู้อ่านเข้าใจเสมอ

ที่น่าอัศจรรย์คือ แฟนตาซีสำหรับเด็กชุดนี้ มัดใจผู้อ่านที่เป็นผู้ใหญ่ด้วย!

เสน่ห์ปารีสที่ผู้ประพันธ์เสนอ มิใช่แฟชั่นหรือเครื่องสำอาง หากแต่เป็นเรื่องของอาหาร ทั้งของคาวและของหวาน!

ผู้ที่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมฝรั่งเศส ย่อมเคยได้ยินประโยคที่ชาวฝรั่งเศสยืดอกกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า "อาหารฝรั่งเศสอร่อยที่สุดในโลก" (La cuisine française est la meilleure du monde)

ทุกครั้งที่ได้ยิน ผู้เขียนจะเติมคำว่า ‘ตะวันตก’ ให้ที่ท้ายประโยค!

ประโยคนี้ คนอังกฤษคงจะหมั่นไส้ จึงเรียกคนฝรั่งเศสว่า "ไอ้พวกกินกบ" (mangeurs de grenouilles) ก็คนอังกฤษไม่กินกบนี่นะ

คิงฟิชเชอร์คงเคยได้ยินประโยคที่ว่า "อาหารฝรั่งเศสอร่อยที่สุดในโลก" จึงนำมาใช้เป็นตัวเดินเรื่อง แต่ในเมื่อเขาเป็นคนอังกฤษและเป็นนักเขียน เขาย่อมแย้งด้วยศิลปะการประพันธ์และจินตนาการ อาหารสุดวิเศษของมาดามแปมเปิลมูสจึงมีส่วนผสมที่มาจากทั่วโลกและย้อนอดีตไปจนถึงยุคไดโนเสาร์ รวมทั้ง ‘นำเข้า’ จากเทพนิยายตะวันตกและตะวันออก!

อยากชิมไหมเล่า มิโนทอร์ซาลามี หางแรพเตอร์หมักเกลือ ปลาปิรันย่าย่างในซอสราสเบอร์รี่ ฯลฯ

เครื่องปรุงนั้นมีแม้กระทั่งน้ำตาสฟิงซ์!

สำหรับเนยแข็งฝรั่งเศส ร้านของมาดามแปมเปิลมูสมีถึง 653 ชนิด!

เสน่ห์ปารีสยังปรากฏในฉากของเรื่อง เรื่องแรกมีร้านเอดิเบิลส์ (Edibles) ริมถนนคดเคี้ยวชื่อเอสคาร์โก้ ห่างจากถนนเลียบแม่น้ำแซนบนฝั่งซ้าย ร้านหมูเสียงแหลม (The Squealing Pig) กลางกรุงบนฝั่งซ้ายเช่นกัน

เรื่องที่สองคือร้านคาเฟ่แห่งอดีตกาล (The Café of Lost Time) ริมถนนสายเล็กคดเคี้ยว (อีกเช่นกัน) บนเนินมงต์มาร์ต ซึ่งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำแซน

เรื่องที่สาม ฉากเปิดเรื่องพูดถึงร้านขนมหวานชื่อร้านฝันหวาน (Sweet Dreams) บนเกาะแซ็งต์หลุยส์ ซึ่งมีสะพานเชื่อมต่อกับเกาะเมือง (L′île de la Cité) อันเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนอทเทรอะดาม

แน่ละ ฉากในเรื่องที่หนึ่งปรากฏในเรื่องที่สองและที่สาม และฉากในเรื่องที่สองก็ปรากฏในเรื่องที่สาม ร่วมแสดงบทบาทในเรื่อง

ขณะอ่านหนังสือชุดนี้ รู้สึกอยากไปปารีส ไปเดินเล่นตามถนนเหล่านั้น แม้จะไม่เจอร้านชื่อตามหนังสือ แต่ก็มีคล้ายๆ กันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเกาะแซ็งต์-หลุยส์นั้น สวรรค์แห่งการเดินชมหน้าร้านชัดๆ (รวมทั้งอีกหลายย่านในกรุงปารีส) มีให้ชมสารพัดรูปแบบ

ทั้งจุ๋มจิ๋มน่ารักแบบร้านขนมหวานมนตรา ทั้งสวยคลาสสิกกระทั่งร้านของชำที่ขายมัสตาร์ดมากกว่า 200 ชนิด ร้านนี้ชื่อ l′Epicerie de l′Ile แปลตามตัวอักษรว่าร้านของชำแห่งเกาะ

มัสตาร์ดใส่เครื่องปรุงเพิ่มตั้งแต่เครื่องเทศต่างๆ เนยแข็งสารพัดสารพัน รวมทั้งรอคเกอฟอร์ที่ขึ้นราเขียวเข้มจนดำ ไปจนถึงปรุงด้วยเหล้าองุ่นทั้งแดง ขาว ชมพูกุหลาบ อีกทั้งแชมเปญ!

รสนิยมการครัวฝรั่งเศสนั้นหรูวิไลเลิศจริงๆ!

บนเกาะนี้ยังมีร้านไอศกรีมแสนอร่อย ชื่อแบร์ติยง (Berthillon) ที่อร่อยเป็นพิเศษก็คือไอศกรีมใส่ลูกเกาลัดเชื่อมแข็ง (marron glacé) ต่อให้ไปถึงปารีสในฤดูหนาว ก็ยังไปกินไอศกรีมอยู่ดี แล้วนั่งแช่พอให้อุณหภูมิท้องปกติค่อยเดินออกจากร้านฝ่าลมหนาวเล่น

อีตารูเพิร์ธ คิงฟิชเชอร์ แกไปเที่ยวปารีสแล้วเกิดติดใจร้านหนังสือการ์ตูนสัญชาติฝรั่งเศส คือ "อัสเตริกซ์" ซึ่งเป็นชาวโกลัวส์บรรพบุรุษของชาวฝรั่งเศสเข้าให้

อีกทั้ง "แต็งแต็ง" หนุ่มน้อยนักผจญภัยกับหมาคู่ใจ แล้วแกยังสะดุดรสชาติแสนเค็มของปลาแอนโชวี่ในพิซซ่า (ไม่ใช่อาหารฝรั่งเศสเล๊ย) ต่อมกระตุ้นจินตนาการของแกเลยทำงานบรรเจิด ก็ดี เพราะเกิดหนังสือชุด "มาดามแปมเปิลมูส" ซึ่งเด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี

กลับมาที่เรื่องอาหารการกินกันเถิด มันอยู่ในชื่อตัวละครทุกตัวเลย!

ในเล่มแรก ชื่อมาดามแปมเปิลมูสซึ่งผู้ประพันธ์เขียนตามภาษาฝรั่งเศส pamplemousse เป็นส้มคล้ายส้มโอ แต่ผลย่อมกว่ามาก ใหญ่กว่าส้มเขียวหวานพอสมควร เวลาจะรับประทาน จะผ่าครึ่งตามขวาง โรยน้ำตาล แล้วใช้ช้อนกาแฟตักกิน รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ คนฝรั่งเศสจึงต้องโรยน้ำตาล ถ้าเป็นพี่ไทยคงอยากโรยเกลือมากกว่า

ส่วนหนูน้อยมัดแลนด์ madeleine เป็นชื่อขนม คล้ายบิสกิต แต่เนื้อนุ่มเหมือนขนมไข่ รูปรี คนฝรั่งเศสชอบจุ่มกาแฟก่อนกิน เห็นชื่อแล้วคิดถึงนวนิยายอมตะของมาร์เซล พรูสต์ เรื่อง A la Recherche du Temps perdu (ย้อนรำลึกอดีตกาล)

ซึ่งตัวเอกของเรื่องจุ่มขนมมัดแลนด์ลงในถ้วยกาแฟ พอใส่ปากรสชาติที่สัมผัสลิ้นก็พาเอาความทรงจำในอดีตกลับคืนมา

แมวพ่อครัวของมาดามแปมเปิลมูสชื่อ กาม็องแบร์ camembert เป็นชื่อเนยแข็งทำจากนมวัว ทรงกลมแบนหนา เปลือกขาวฟู เรียกตามชื่อหมูบ้านที่ผลิตเนยแข็งชนิดนี้ในแคว้นนอร์ม็องดี แมววิเศษตัวนี้ขนขาว ชื่อของมันสอดคล้องกับสีขนและความนุ่มฟู

ลุงของมัดแลนด์ เจ้าของร้านอาหารหมูเสียงแหลม เป็นชายร่างอ้วนซ้ำยังนิสัยไม่ดีอีกต่างหาก เขาจึงชื่อ ลาร์ด คำว่า lard ในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า มัน (มันหมู มันเนื้อ) ไขมัน เขาน่ารังเกียจสมชื่อเลย

ตัวละครลองกูสตีน เป็นนักวิจารณ์อาหาร langoustine เป็นกุ้งทะเลขนาดเล็ก ก้ามผอมยาว อันที่จริงถ้าเขาชื่อ langouste จะเป็นกุ้งทะเลขนาดใหญ่ เนื้ออร่อยกว่า สมกับเป็นนักวิจารณ์อาหารมากกว่า แม้ langouste จะไม่มีก้ามไปเงื้อง่าข่มขู่เชฟคนใด

ในเล่มที่สอง เจ้าของร้านคาเฟ่ชื่อมูตาร์ด moutarde ก็คือมัสตาร์ด เครื่องปรุงและเครื่องชูรสสำคัญของอาหารฝรั่งเศส จะทำน้ำสลัดหรือป้ายประทานกับเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อปลาหรือแม้แต่กุ้ง เมอสิเยอร์มูตาร์ดจะเป็นผู้ผสมสูตรตั้งเครื่องย้อนเวลา

เชฟร้านหมูเสียงแหลมไม่ปรากฏชื่อในเล่มแรก แต่ในเล่มที่สองนี้เขาเป็นเจ้าของร้านหอยทากชวนชิม (Hungry Snail) ซึ่งเขาซื้อร้านเดิมมาจากเมอสิเยอร์ลาร์ดในท้ายเล่มแรก ผู้อ่านทราบว่าเขาชื่อ กอร์นิชง cornichon เป็นแตงกวาพันธุ์เล็กเก็บขณะยังอ่อนแล้วดองใน น้ำส้มสายชูเหล้าองุ่นหมัก (vinaigre) ใช้เป็นเครื่องปรุงและเครื่องเคียงชูรสอาหาร ชื่อกอร์นิชงนี้สมกับเป็นชื่อพ่อครัว

มาดมัวแซลฟงดู ผู้คุกคามมัดแลนด์และมาดามแปมเปิลมูส เป็นคนของรัฐบาล fondue เป็นชื่ออาหาร หากเป็นฟงดูของแคว้นบูร์กอญ จะใช้เนื้อวัวหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเสียบเหล็กแหลม จุ่มในน้ำมันร้อนๆ ซึ่งเพิ่มความหอมด้วยกระเทียมทั้งหัวและใบมะกอก

พอเนื้อสุกก็จิ้มมัสตาร์ดหลายชนิด ใส่หอมแดงสับบ้าง กระเทียมสับบ้าง หรือเครื่องเทศอื่นๆ เพื่อให้รสชาติต่างไปแต่ละคำ ก่อนรับประทานฟงดู จะรับประทานสลัดก่อน แร่ธาตุในผักใบเขียวจะได้ไปรอท่าอยู่เพื่อช่วยย่อยเนื้อสัตว์

หากเป็นฟงดูของแคว้นซาวัวจะใช้เนยแข็งเนื้อแข็ง เช่น กรุยแยร์ หรือ เอ็มมองตาล ตั้งไฟจนละลายเป็นของเหลวในเหล้าองุ่นขาว ใส่กระเทียมสับและเหล้าผลเชอร์รี่ป่า (kirsch) แล้วจุ่มขนมปังหั่นก้อนสี่เหลี่ยมลูกเต๋าลงไป

บทบาทของมาดมัวแซลฟงดู ‘ร้อน’ สมชื่อ ผู้ที่เธอตามล่าอาจถูกเธอละลายได้ ในท้ายเรื่องเธอยังใช้เสน่ห์ละลายใจผู้พิพากษาให้เธอพ้นผิดได้

ในเล่มที่สาม มาดามบงบงเป็นเจ้าของร้านขนมหวานชื่อฝันหวาน bonbon เป็นขนมหวานประเภทลูกกวาด มีสีสันและรสชาติต่างๆ ชื่อนี้สมกับเป็นเจ้าของร้านขนมและรูปลักษณ์ที่เหมือน "ป้าคนโปรดหรือพี่เลี้ยงในฝัน"

มิราแบล เป็นเพื่อนนักเรียนคนใหม่ผู้สร้างปัญหาและความกังวลใจให้มัดแลนด์ mirabelle เป็นชื่อผลไม้ประเภทพรุนขนาดเล็กลูกกลมสีเหลือง นิยมใช้ทำแยม

เชอร์รี่กับอัลมองดีนเพื่อนสนิทเดิมของมัดแลนด์แปรพักตร์ไปตามการชักนำของมิราแบล ผู้อ่านย่อมรู้จักผลเชอร์รี่อยู่แล้ว ส่วนชื่ออัลมองดีนมาจาก almande หรืออัลมอนด์ในภาษาอังกฤษ

คุณครูของมัดแลนด์ชื่อมาดามปูเลต์ poulet มีหลายความหมาย ความหมายแรกคือ ลูกไก่ (อายุสามถึงสิบเดือน) ทั้งตัวผู้และตัวเมีย ความหมายที่สองคือไก่กระทงทั้งตัวผู้และตัวเมียสำหรับกินเนื้อ ความหมายที่สาม เป็นคำเรียกหาแสดงความรักซึ่งฝ่ายหญิงใช้เรียกฝ่ายชาย

ความหมายที่สี่เป็นความหมาย เก่า แปลว่า จดหมายรัก ในเนื้อเรื่องมาดามปูเลต์รู้จักนักเรียนของเธอไม่ดีนัก เธอจึงชื่อปูเลต์ ไม่ใช่ ปูล (poule) ซึ่งแปลว่า แม่ไก่ ตอนจบของเรื่องเมื่อกาม็องแบร์ ‘สั่งสอน’เธอ ความหมายที่สอง ที่สาม และที่สี่เด่นชัดในการกระทำของเธอ

ชื่อเดิมของมาดามบงบงคือโคโค่ coco แปลว่า ลูกมะพร้าว ขนมหวานชนิดหนึ่งของร้านขนมหวานมนตราก็มีรสมะพร้าวด้วย

เรื่องที่สามนี้เผยประวัติวัยเด็กของมาดามแปมเปิลมูส เธอเป็นเด็กกำพร้าชื่อโอลีฟ olive คือผลมะกอก เธอมีพรสวรรค์ในการปรุงอาหารจนได้รับทุนจากเมอสิเยอร์จิบิเยร์ เจ้าของโรงเรียนสอนทำอาหารในปารีส gibier หมายถึงสัตว์ทุกประเภทที่มนุษย์ล่าเพื่อกินเนื้อ ทั้งเก้ง กวาง หมูป่า นก ไก่ฟ้า กระต่าย ฯลฯ

ตาจีนเป็นเพื่อนต่างกลุ่มของมัดแลนด์แต่เด็กชายคอยให้กำลังใจเธอ tagine เป็นชื่ออาหารมอรอกโกประเภทสตู ตาจีนอาจสืบเชื้อสายจากประเทศนั้นซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสมาก่อนก็ได้

กลิ่นอาหารคาวหวานและผลไม้ฟุ้งตลบโชยผ่านชื่อตัวละคร รสชาติซาบซ่านลิ้นตลอดทั้งสามเล่ม!


ชื่อร้านอาหารย่อมระบุความเป็นร้านอาหาร นี้เป็นปกติ แต่ผู้ประพันธ์สนุกมากกว่านั้น เขาให้ร้านเอดิเบิลส์ของมาดามแปมเปิลมูสตั้งอยู่บนถนนเอสคาร์โก ใครๆ ก็รู้ว่าหอยเอสคาร์โก้นั้นเป็นอาหารประจำชาติฝรั่งเศสจานหนึ่งทีเดียว การรับประทานเอสคาร์โก้ให้ดูเป็นผู้ดีมีมารยาทนั้นเป็นศิลปะอย่างหนึ่งเชียวนะ!

คนปารีสจำนวนไม่น้อยชอบดูหลังคาบ้าน นี่เป็นนิสัยของพวกเขา ผู้อ่านจึงไม่ควรแปลกใจที่มาดามแปมเปิลมูสจะพักผ่อนยามค่ำด้วยการนั่งจิบ ‘ไวน์กลีบดอกไวโอเล็ต’ บนระเบียงเหนือหลังคาร้าน

ผู้เขียนเองก็เคยขึ้นไปชมมาหลายแห่ง เพื่อนชาวฝรั่งเศสบอกว่าที่ซื้อห้องชุดชั้นสูงๆ ของตึกทั้งๆ ที่ไม่มีลิฟต์ ก็เพื่อจะชมหลังคาบ้านผู้อื่นที่เรียงรายสุดสายตา

หนังสือชุดนี้ใช้ปกเดียวกับต้นฉบับภาษาอังกฤษ ทั้งภาพหน้าปกและสีปก ที่เพิ่มมาคือตัวอักษรภาษาไทย ปกหนังสือชวนเสพสมกับเนื้อเรื่อง น่ารับประทานจริง! และที่น่าสนใจคือสีของปก!

เล่มแรก "มาดามแปมเปิลมูสกับอาหารสุดวิเศษ" ปกสีม่วงอ่อน เส้นโค้งลายพรรณพฤกษาเลื้อยเคี้ยวคดเป็นกรอบบนแผ่นปกสีม่วงเข้ม เหตุใดจึงใช้สีม่วงเล่า ผู้อ่านจะรู้คำเฉลยเองเมื่ออ่านถึงคำบรรยายรูปลักษณ์พิเศษบางอย่างของมาดามแปมเปิลมูส ผู้เขียนขอเก็บเสน่ห์ปริศนาสีปกไว้ให้ผู้อ่านรู้ด้วยตนเอง

เล่มที่สอง "มาดามแปมเปิลมูสกับคาเฟ่เจาะเวลาหาอดีต" ปกสีเขียวอ่อนและเขียวเข้ม! เหตุใดจึงสีเขียวเล่า เมื่ออ่านถึงท้ายเรื่องก็จะรู้คำเฉลยเช่นกัน คำถามมีต่อไปว่าเหตุใดผู้ประพันธ์จึงเลือกให้ ‘สิ่งนั้น’ มีสีเขียวเล่า คำตอบมิใช่เรื่องยาก ใครๆ ก็รู้ว่าสีเขียวเป็นสีของใบไม้ เป็นสีแห่งความชุ่มชื่น ความอุดมสมบูรณ์ ความสดชื่นสดใส ความสบายตา ฯลฯ และยังเป็นสีแห่งความหวัง!

เล่มสาม "มาดามแปมเปิลมูสกับร้านขนมหวานมนตรา" ปกสีชมพูอ่อนและชมพูเข้ม สีหวานชวนฝันให้เคลิบเคลิ้มดังหนึ่งต้องมนต์! ก็นี่คือร้านขนมหวานมนตรานี่นะ เอ…ผู้อ่านอ่านแล้วจะตีความสีชมพูว่าอย่างไรอีกนะ อยากรู้จัง


ขอจบเพียงเท่านี้ว่าหนังสือชุดนี้มัดใจผู้เขียนซึ่งเป็นผู้ใหญ่ ขณะอ่านก็นึกถึงเผื่อเด็กๆ ว่าจะรู้สึกสนุกเพียงใด จินตนาการของเด็กๆ นักอ่านจะโลดแล่นไปไกลแค่ไหน ก็หนังสือชุดนี้เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดีนี่นะ คำวิจารณ์ภาษาอังกฤษที่อ่านพบก็บอกว่า เป็นหนังสือสำหรับผู้อ่านทุกวัย!

ในเมื่อยังไม่มีโอกาสไปปารีสในตอนนี้ ก็ท่องเที่ยวไปในโลกหนังสือก่อนแล้วกัน



ขอบคุณ มติชนออนไลน์
คุณวัลยา วิวัฒน์ศร

สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ


Create Date : 16 ตุลาคม 2556
Last Update : 16 ตุลาคม 2556 12:04:38 น. 0 comments
Counter : 1668 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.