อาสาปวารณาแกลลอรี่ เชื่อมโยงสัจจะความจริงของพระพุทธเจ้า
เพราะผู้ก่อตั้ง Pawarana Gallery-ปวารณาแกลอรี่ เกือบทั้งหมดเป็นคนในสาขาอาชีพ ธุรกิจสร้างสรรค์ หรือ Creative economy งานเผยแผ่บุญ คำสอนของพระพุทธเจ้า จึงออกมาในรูปแบบ product Design ที่ใส่ไว้ไลฟ์สไตล์ของคนเมือง Pawarana Galleryเป็นบ้านหลังเล็กๆใจกลางเมือง บนถนนนายเลิศ ซึ่งครั้งหนึ่งบ้านหลังนี้เคยเป็นที่เติมเต็มรสนิยม และคุณค่าทางโลกแก่ผู้มาเยือน และบัดนี้บ้านหลังนี้ได้ถูกเปลี่ยนเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการเชื่อมโยงสัจจะและคุณค่าที่แท้จริง เพื่อเติมเต็มความหมายของชีวิต ปวารณา แกลอรี่ ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่แสดงศิลปะอย่างแกลอรี่ทั่วๆไป แต่เป็นสถานที่ที่ผู้แสวงหาความหมายของชีวิตสามารถมาค้นหาคุณค่าที่แท้จริงของการเกิดเป็นมนุษย์ ผ่านทางการจัดแสดงนิทรรศการในการเชื่อมโยงสัจจะความจริงซึ่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบ และการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อให้ผู้สนใจสามารถนำไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้ อาสาปวารณาได้วางเป้าหมายที่จะจัดคอร์สปฏิบัติ ต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับคนทุกเพศ, ทุกวัย คนหลากหลายอาชีพ เช่นคอร์สธรรมะสำหรับเด็ก, คอร์สสำหรับองค์กร, คอร์สสำหรับผู้สูงอายุ, โดยคอร์สต่างๆถูกจัดขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้ สัจจะความจริงของชีวิต ซึ่งถ่ายทอดบอกสอนจากพระโอษฐ์ของพระศาสดาโดยตรงเข้าสู่กระบวนการศึกษา และปฏิบัติอย่างถูกต้อง โดยในช่วงแรก คอร์สปฏิบัติ จะมีการจัดเป็นประจำทุกวันเสาร์ตอนเย็น ค่ำ เวลา 16.00 21.00 น. ประกอบด้วยการปฏิบัติธรรมเจริญอานาปานสติ และร่วมฟังธรรมะ กับพระอาจารย์และวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญในหลักคำสอนจากพระโอษฐ์อย่างแท้จริง นิทรรศการแรกเป็นการนำเสนอคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น 10 พระสูตรของความสำคัญที่ชาวพุทธต้องศึกษา อย่างง่าย โดยบรรจุใส่ไว้ในสื่อที่เห็นง่าย เข้าใจง่าย และสนใจติดตามหาความหมาย อาสาปวารณาแกลอรี่แห่งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆในการเชื่อมโยงสัจจะความจริงนั้น สู่วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ผ่านทางกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงเข้าสู่คำสอน และการปฏิบัติตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ เพื่อให้ธรรมะที่ตรัสไว้ไม่เลอะเลือนและผิดเพี้ยนไปพร้อมกับกระแสความเชี่ยวกรากแห่งวัตถุนิยมของสังคมยุคใหม่ ประสงค์จะนำธรรมมะของพระพุทธองค์ซึ่งเป็นสิ่งที่บุคคลพึงเห็นได้ด้วยตนเองจากการศึกษาและปฏิบัติ,เป็นธรรมที่ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล,เป็นธรรมที่ควรเรียกกันมาดู,เป็นธรรมที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัวและเป็นธรรมะที่วิญญูชนพึงรู้ได้เฉพาะตน โดยการศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเอง สถานที่แห่งนี้ นอกจากจัดแสดงนิทรรศการแล้วยัง เป็นส่วนหนึ่งในการธำรงรักษาไว้ซึ่งธรรมะนั้น ผ่านการถ่ายทอดคำสอนเหล่านั้นแก่คนรุ่นใหม่ด้วยรูปแบบใหม่ อาทิ ปวารณาแกลอรี่, คอร์สการปฏิบัติ ผลิตภัณฑ์และสื่อต่างๆซึ่งจะเป็นสื่อในการเผยแผ่คำสอน
และช่วยให้ผู้ที่สนใจคำสอนของพระพุทธเจ้าสามารถเข้าใจและเข้าถึงคำสอนต่างๆของพระพุทธเจ้าได้ง่ายขึ้น ทำให้ธรรมคำสอนนั้นเข้าไปผูกพันอยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน และเพื่อไม่ให้ธรรมะนี้ขาดสูญไปและเหลือเพียงกลุ่มคนสุดท้ายที่ได้ยินได้ฟังธรรมนี้ ดังที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวย้ำกับพระอานนท์ว่า เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย (Do not be the Last Man)
ขอบคุณ มติชนออนไลน์
สิริสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ
Create Date : 10 สิงหาคม 2555 |
Last Update : 10 สิงหาคม 2555 14:32:42 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2123 Pageviews. |
|
|
|
|
|