นอแรดมีสรรพคุณในการใช้เป็นยาแก้ปวด
การสื่อสาร
กระซู่มีการเปล่งเสียงมากที่สุดในบรรดาแรดด้วยกัน จากการสังเกตกระซู่ในสวนสัตว์แสดงถึงว่ากระซู่นั้น เปล่งเสียงเสมอๆและมันรู้จักที่จะทำดังเช่นในป่า
กระซู่สร้างเสียงที่แตกต่างกันสามเสียง: อีป, วาฬ, และ ผิวปาก-เป่า เสียงอีป สั้น ยาวประมาณ 1 วินาที เป็นเสียงทั่วไปโดยมาก วาฬที่ตั้งชื่อนี้เพราะคล้ายกับการเปล่งเสียงของวาฬหลังค่อม
เป็นการเปล่งเสียงคล้ายกับร้องเพลง และเปล่งเสียงบ่อยเป็นอันดับสอง วาฬจะแตกต่างกันที่ระดับเสียงและช่วงสุดท้าย ในช่วง 47 วินาที ผิวปาก-เป่าที่ได้ชื่อนี้เพราะเหมือนเสียงผิวปากยาวสองวินาทีและเป่าลมออกมาทันทีทันใดหลังจากนั้น
ผิวปาก-เป่าเป็นเสียงที่ดังที่สุดในบรรดาการเปล่งเสียงทั้งหมด ดังถึงขนาดทำให้แท่งเหล็กที่ให้ทำกรงสั่นได้ วัตถุประสงค์ในการเปล่งเสียงยังไม่เป็นที่ทราบได้
แต่มีทฤษฎีที่ว่ามันแสดงถึงอันตราย ความพร้อมทางเพศ และอื่นๆ ที่เหมือนกับสัตว์กีบชนิดอื่นทำ เสียงผิวปาก-เป่าสามารถได้ยินไปได้ไกลแม้กระทั่งในดงไม้หนาทึบในที่ๆกระซู่อาศัยอยู่
การเปล่งเสียงในระดับที่ใกล้เคียงกับช้าง เสียงสามารถไปได้ไกลถึง 9.8 กม.และด้วยเหตุนี้เสียงผิวปาก-เป่าอาจไปได้ไกลกว่านั้น บางครั้งกระซู่จะบิดไม้หนุ่มที่มันไม่กิน พฤติกรรมนี้เชื่อว่าเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ใช้แสดงทางเชื่อมในด่าน
การสืบพันธุ์
กระซู่เพศเมียจะโตเต็มที่พร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุ 6-7 ปี ขณะที่เพศผู้จะโตเต็มที่พร้อมผสมพันธุเมื่อมีอายุประมาณ 10 ปี กระซู่ตั้งท้องประมาณ 15-16 เดือน
โดยทั่วไปกระซู่มีน้ำหนักแรกเกิด 40-60 กก. มีขนแน่นและสีขนออกแดง หย่านมเมื่ออายุ 15 เดือนและอาศัยอยู่กับแม่ 2-3 ปีแรก ในธรรมชาติกระซู่มีระยะตั้งท้องแต่ละครั้งห่างกัน 4-5 ปี พฤติกรรมการเลี้ยงดูลูกนั้นยังไม่มีการศึกษา
การศึกษาการสืบพันธุ์ของกระซู่เกิดขึ้นในกรงเลี้ยง เมื่อกระซู่อยู่ในช่วงจับคู่จะเริ่มมีพฤติกรรมเปล่งเสียงร้องมากขึ้น ชูหางขึ้น ถ่ายปัสสาวะ มีการสัมผัสทางร่างกายมากขึ้น โดยทั้งเพศผู้และเมียจะใช้จมูกชนสัมผัสฝ่ายตรงข้ามบริเวณศีรษะและอวัยวะเพศ
รูปแบบการขอความรักนี้จะคล้ายกับแรดดำ กระซู่หนุ่มเพศผู้มักก้าวร้าวกับเพศเมีย บางครั้งอาจเกิดการบาดเจ็บหรือตายได้ในระหว่างการจับคู่ ในธรรมชาติกระซู่เพศเมีย สามารถวิ่งหนีจากเพศผู้ที่ก้าวร้าวได้ในกรณีแบบนี้
แต่ในกรงเลี้ยงมันไม่สามารถทำได้ การที่เพศเมียไม่สามารถวิ่งหนีได้นี้เองอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้อัตราความสำเร็จในการขยายพันธุ์กระซู่ในกรงเลี้ยงต่ำ
ในช่วงเป็นสัด เมื่อเพศเมียผสมพันธุ์กับเพศผู้แล้ว ประมาณ 24 ชั่วโมงเพศผู้จะเข้าผสมอีกในช่วง 21-25 วัน กระซู่ในสวนสัตว์ซินซินนาติใช้เวลาในการผสมพันธุ์แต่ละครั้งนาน 30-50 นาที ซึ่งนานพอๆ กับแรดชนิดอื่น
การสังเกตกระซู่ที่ศูนย์อนุรักษ์กระซู่ในประเทศมาเลเซีย ทำให้เราสามารถสรุปวงจรการผสมพันธุ์ได้ จากการสังเกตในสวนสัตว์ซินซินนาติ กระซู่มีช่วงการเป็นสัดนานคล้ายกับแรดชนิดอื่นๆ ช่วงเวลานั้นอาจขึ้นกับพฤติกรรมทางธรรมชาติ
ถึงแม้ว่านักวิจัยจะเข้าใจในภาวะตั้งครรภ์ แต่ก็ล้มเหลวเสียทุกครั้งจากหลายๆสาเหตุ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2544 กระซู่ในกรงเลี้ยงจึงสามารถให้กำเนิดลูกได้
จากการศึกษาความล้มเหลวที่สวนสัตว์ซินซินนาติพบว่าการตกไข่ของกระซู่นั้นทำได้โดยการผสมและกระซู่มีระดับโปรเจสเตอร์โลน (progesterone) ที่แปรปรวน ความสำเร็จในปี พ.ศ. 2544 นั้นเกิดจากบำรุงกระซู่ที่ท้องด้วยโปรกัสติน (progestin)
การอนุรักษ์
กระซู่มีการกระจายพันธุ์เกือบตลอดทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ในปัจจุบันกลับเหลือกระซู่อยู่เพียง 300 ตัวเท่านั้น ถึงแม้ว่ากระซู่นั้นจะไม่หายากเท่าแรดชวา กระซู่ก็ยังประสบกับการล่าและการบุกรุกถิ่นอาศัยเป็นอย่างมาก
และประชากรของมันก็อยู่กระจัยกระจายเป็นกลุ่มเล็กๆ ไม่เหมือนกับประชากรของแรดชวา ที่อาศัยอยู่ร่วมกันในคาบสมุทรอูจุงกูลอนในชวา ขณะที่จำนวนแรดชวาในอูจุงกูลอนเกือบจะคงที่
เชื่อกันว่าจำนวนกระซู่กลับกำลังลดลง IUCN มีการจัดสถานะการอนุรักษ์ของกระซู่เป็นถูกคุกคาม จนอยู่ในขั้นวิกฤติเพราะจากการล่าอย่างผิดกฎหมายและมีการกระจายพันธุ์
ในถิ่นอาศัยที่เป็นป่าดิบชื้นซึ่งถิ่นอาศัยที่เหลืออยู่ เป็นพื้นที่เต็มไปด้วยภูเขา ที่ยากจะเข้าถึงในประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้แล้ว ไซเตสได้จัดกระซู่อยู่ในบัญชีอนุรักษ์หมายเลข 1 และกระซู่เป็นสัตว์ป่าสงวนของไทย ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
การล่ากระซู่นั้นเป็นปัญหาน้อยกว่าการล่าแรดแอฟริกา (ในแง่ของจำนวนสัตว์ที่ถูกฆ่า) แต่ก็ยังน่าเป็นห่วงเพราะผู้ค้าชอบคาดว่าถ้ากระซู่สุญพันธุ์แล้ว ราคานอของกระซู่จะมีราคาสูงถึง $30,000 ต่อกิโลกรัม
เพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พรานชาวยุโรปไม่ค่อยจะสนใจล่ากระซู่นักเพราะยากต่อการค้นหาและล่า (นักวิจัยในพื้นที่หนึ่งเสียเวลาไปเจ็ดสัปดาห์ในบังไพรใกล้โป่งโดยที่ไม่พบกระซู่เลย)
นายพรานจึงมักใช้กับดักหอกหรือหลุมดัก ในคริสต์ทศวรรษ 1970 มีบันทึกถึงการใช้ชิ้นส่วนของแรด ในประชากรของสุมาตรา เช่น ใช้นอทำเครื่องรางโดยมีความเชื่อผิดๆ ว่าป้องกันพิษได้
เนื้อแรดใช้เป็นยารักษาอาการท้องเสีย โรคเรื้อน และ วัณโรค "น้ำมันแรด" ที่ทำจากการต้มกระโหลกแรดในน้ำมันมะพร้าวเป็นเวลาสองสามสัปดาห์อาจจะใช้ในการรักษาโรคผิวหนัง
ขอบเขตในการใช้งานและความเชื่อในการกระทำนี้ยังไม่เป็นที่ทราบ มีความเชื่อหนึ่งเชื่อว่านอแรดเป็นยาโป๊ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการแพทย์แผนจีนไม่ได้ใช้นอแรดเพื่อวัตถุประสงค์นั้น ความจริงแล้วนอแรดมีคุณสมบัติเป็นยาแก้ปวด
ป่าดิบชื้นในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของกระซู่นั้น เป็นเป้าหมายของอุตสหกรรมป่าไม้ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายเนื่องมาจากเป็นแหล่งไม้เนื้อแข็ง ไม้หายากอย่าง หลุมพอทะเล (merbau) ไม้สกุลสยา (meranti) และ ไม้สกุลขนุนนก (semaram) เป็นที่ต้องการในตลาดมีราคาถึง $1,800 ต่อ ม.3
การบังคับใช้กฎหมายทำได้ยาก เพราะมนุษย์อาศัยอยู่ในหรือใกล้เคียงกับป่าหลายแห่งเหมือนกับกระซู่ เหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547 เป็นการสนับสนุนให้เกิดการตัดไม้ครั้งใหม่
แม้ว่าไม้เนื้อแข็งในป่าดิบชื้นที่กระซู่อาศัยอยู่ สำหรับตลาดนั้นได้กำหนดไว้แล้ว และการก่อสร้างในประเทศไม่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายนัก แต่จำนวนใบอนุญาตในการตัดไม้เหล่านี้ กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะคลื่นสึนามิ
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สิริสวัสดิ์ศุกรวาร ปรีดิ์มานรื่นรมณีย์ค่ะ
Create Date : 11 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2553 16:14:19 น. |
|
0 comments
|
Counter : 7332 Pageviews. |
|
|
|
|
|