ซุปตาร์เกือบหน้าทิ่ม ณเดชน์ คูกิมิยะ โกโบริสุดฮอต หรือว่าดวงนารีพิฆาต แม่แก้ว สุดารัตน์ คูกิมิยะ แม่บุญธรรม กับ ยูนิลีเวอร์ฯ บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคเจ้าใหญ่ที่ร่วมงานกันมาหลายครั้งแต่ไม่มีปัญหา ทำเอาข่าวบันเทิงร้อนไปหลายวัน เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร แก้ตัวหนังคนละม้วน มีข่าวยูนิลีเวอร์ไม่พอใจ จะปลดณเดชน์ออกจากจากพรีเซ็นเตอร์ ขอตามติดไปญี่ปุ่นจนเกิดเรื่องวุ่น ณเดชน์ถึงคราวซวย เมาท์แม่เคยทำณเดชน์ชวดงานมาแล้วเพราะอยากร่วมแสดงด้วย ตกลงว่าไม่เคลียร์ โฆษณายาสระเคลียร์แต่ยังไม่เคลียร์ หลังจากมีข่าวว่าพระเอกซุปตาร์หน้าหล่อ และนิสัยดี อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกขวัญใจใครหลายๆ คน ที่ชื่นชอบผลงานการแสดง แอ็กติ้งและฝีมือ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเห็นตัวอย่างหนังเรื่อง คู่กรรม ด้วยแล้วต้องบอกว่า ตำแหน่งพระเอก 100 ล้าน คงไม่ไกลเกินเอื้อม ยิ่งดังปัญหายิ่งมีเข้ามามาก แต่ต้องยอมรับว่าณเดชน์และการวางตัวนั้น เรียกว่าน่ารักสมวัย และเป็นที่กล่าวขวัญของนักข่าว สื่อมวลชนและแฟนคลับและทีมงานหลายๆ ทีม ต่างลงความเห็นตรงกันว่าว่า ตัวน้องไม่เท่าไหร่ แต่ตัวคนใกล้ๆ มากกว่าที่เรื่องมาก และปัญหาของณเดชน์และยูนิลีเวอร์ก็ออกเป็นข่าวดังขึ้นมา เมื่อทริปไปญี่ปุ่นกับนิตยสารลิปส์ ผู้รับหน้าเสื่อถ่ายโฆษณาให้ยูนิลีเวอร์โดยมีแม่เป็นผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวและตามไปด้วย เพราะทริปนี้ทำให้เกิดเรื่องราวมากมายจนมีข่าวว่ายูนิลีเวอร์ไม่พอใจ จะถอดณเดชน์และไม่ขอร่วมงานด้วย แต่ทว่า ทั้งฝ่ายยูนิลีเวอร์และเอ ศุภชัยก็ออกมาบอกแล้วว่า ยังไม่มีการปลดณเดชน์แต่ประการใด แต่ยอมรับว่าเกิดปัญหาขึ้นจริงในการเดินทางไปถ่ายแบบกับโฆษณา โดยมีตัวแปรสำคัญคือ แม่แก้ว สุดารัตน์ คูกิมิยะ แม่บุญธรรมของณเดชน์ที่เดินทางไปด้วย ทำเอาญี่ปุ่นที่ว่าหนาวๆ ร้อนระอุขึ้นมาทันที ญี่ปุ่น...วุ่นนัก ว่าด้วยเรื่อง แม่แก้ว แก้ว หรือ แม่แก้ว คนนี้มีชื่อจริงว่า สุดารัตน์ คูกิมิยะ เป็นแม่บุญธรรมที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่ณเดชน์ รับณเดชน์มาเลี้ยง ต่อจากพ่อที่เป็นคนออสเตรียกับแม่ของณเดชน์ ที่เลิกรากัน ซึ่งตอนนั้นณเดชน์ยังไม่ได้มีชื่อนี้ แต่ใช้ชื่อว่า ชลทิศ ยอดประทุม ส่วนชื่อณเดชน์ก็ได้มาจากแม่แก้วที่ตั้งให้ และเลี้ยงดูมากับสามีชาวญี่ปุ่น โยชิโอ คูกิมิยะ นักวิศวกรไฟฟ้า ที่เลี้ยงดูณเดชน์มาด้วยกัน และเพราะเอ ศุภชัยไปเจอที่ขอนแก่น ณเดชน์จึงก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ท่ามกลางการดูแลของเอ ศุภชัย และการเลี้ยงดูของแม่แก้ว และในระยะหลังมานี้ แม่แก้วจะเป็นผู้ใช้อินสตาแกรม ถ่ายภาพคู่กับลูกชายในสถานที่ต่างๆ เพื่อให้แฟนคลับได้รับรู้ ถึงเรื่องราว ความเคลื่อนไหวของณเดชน์ที่มีแฟนคลับจำนวนมากได้ทราบ และแม่แก้วใช้อินสตาแกรมสาธยายธรรมะ บอกบุญ และทำบุญทำทานและมีณเดชน์ในมุมธรรมะ แต่อินสตาแกรมนี้มีไว้เพื่อสื่อสารโดยตรงกับแฟนคลับโดยมีแม่แก้วเป็นเจ้าของ และโพสต์เอง ระบายเองกับมือ ว่าด้วยเรื่องอินสตาแกรมนี้เอง ที่เป็นเรื่องเป็นราวทำให้ใครต่อใครรู้ว่าตอนไปญี่ปุ่น เกิดอะไรขึ้นบ้างจากข้อความโพสต์ของแม่ เมื่อยูนิลีเวอร์ซื้อโฆษณากับนิตยสารลิปส์ และมีหน้าที่จัดการดูแลในการถ่ายทำโฆษณาชิ้นนี้ แต่แล้วก็มีปัญหาตั้งแต่ก่อนการเริ่มเดินทาง เนื่องจากแม่แก้วต้องการนำช่างแต่งหน้านามว่า ใหม่ ไปเอง ซึ่งทางทีมงานลิปส์ยืนยันแล้วว่าทางทีมงานมีช่างแต่งหน้าให้แล้ว อาจไม่จำเป็นต้องนำไปอีก แต่แม่แก้วยืนยันว่า ... ไม่มีใหม่ ไม่มีแม่, ไม่มีแม่ ไม่มีณเดชน์ ซึ่งในที่สุด ช่างแต่งหน้าก็ได้บินไปญี่ปุ่นด้วย และนอกจากนี้ตั๋วเครื่องบินในรอบนี้ยังเป็นชั้นบิสซิเนสคลาสที่ไม่ได้กระทบเงิน 5 แสนบาท ที่ณเดชน์จะได้อีกต่างหาก ในการบินไปถ่ายโฆษณาครั้งนี้มีสาว ริชชี่ อมราวดี ดีคาบาเลส แม่อังศุมาลินหัวฟู นางเอกหนังคู่กรรมของณเดชน์ไปด้วยเนื่องจาก เอ ศุภชัย ยกให้มาเป็นตัวแถม พร้อมทั้งผลักทั้งดัน จนถ่ายงานชิ้นโฆษณาของยูนิลีเวอร์เสร็จ ก็จะมีการถ่ายภาพณเดชน์เพิ่มในส่วนนี้เพื่อนำไปทำการ์ตูนมังงะ เป็นภาพการ์ตูนลายเส้น ซึ่งณเดชน์จะได้จากงานชิ้นนี้อีก 10 ล้านบาท (ไม่รวมกับค่าพรีเซ็นเตอร์เคลียร์) ซึ่งเอ ศุภชัยและยูนิลีเวอร์ มีสัญญาระบุชัดเจน แต่แม่แก้วไม่รู้ จึงเกิดการเจรจากันและทำให้การถ่ายทำในวันนั้นมีปัญหาในช่วงท้าย ว่าถ้ามีการถ่ายภาพเพิ่มก็จะมีการเก็บเงินเพิ่มและมีสัญญาค่าใช้จ่ายคนละแบบกัน จึงเกิดการไม่พอใจกันเกิดขึ้น ยูนิลีเวอร์ต้องการถ่ายภาพไว้เพื่อการ์ตูน แต่เป็นสัญญาอีกฉบับที่เอ ศุภชัยรู้ดี ซึ่งแจงสื่อไม่ครบ นี่คือชนวนที่ทำให้คุกรุ่นท่ามกลางความหนาวเย็นที่ญี่ปุ่น 3 วันที่แสนจะคุกรุ่น แถมบ่นไม่มีคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายตอนอยู่ญี่ปุ่น เที่ยวไปบ่น (ในอินสตาแกรม) จนเรื่องบานปลาย หลังจากเลิกกองถ่าย จึงมีงานเลี้ยงสำหรับการไปถ่ายทำครั้งนี้ โดยขณะรับประทานอาหาร อินสตาแกรมของแม่แก้วก็ได้พาดพิงทีมงาน และยูนิลีเวอร์บ่อยครั้งแบบไม่ออกชื่อ พอกลับถึงเมืองไทย หลายฝ่ายพยายามประสานถึงรอยร้าวนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่ยุติง่ายๆ ทางยูนิลีเวอร์จึงส่งดอกไม้มาให้และขอโทษแม่แก้ว หากทำให้ไม่พอใจ และอาจมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้มีเจตนาให้ณเดชน์ถือสินค้าแต่ประการใด จึงส่งช่อดอกไม้และการ์ดแสดงความขอโทษไป แต่แม่แก้วไม่รับ และยังยืนยันว่าอาจต้องคืนเงิน 5 แสนและจะไม่ต่อสัญญากับยูนิลีเวอร์อีก กรณีนี้ทำให้ยูนิลีเวอร์ไม่พอใจอย่างมาก เรื่องราวจึงเป็นข่าวครึกโครม จึงมีข่าวต่อจากนั้นว่ายูนิลีเวอร์จะถอดณเดชน์ แต่ความจริงแล้วนั้น ในผลิตภัณฑ์เคลียร์ ณเดชน์ได้ค่าพรีเซ็นเตอร์ไปแล้ว 10 ล้านบาท ถ่ายเพิ่มจ่ายอีก 250,000 สิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายนนี้ ดังนั้น บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีสินค้าอุปโภคบริโภคมากมายอย่างยูนิลีเวอร์ จึงประกาศอย่างเป็นทางการว่าไม่มีนโยบายปลดณเดชน์ แต่หลังจากนี้บริษัทมายด์แชร์จะเข้ามาดูแลและสำรวจความนิยมของผู้บริโภค ส่วนจะต่อสัญญากับณเดชน์หรือไม่หลังเดือนมิถุนายนคงได้รู้กัน เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอีกครั้ง แม้ว่าขณะนี้จะมีข่าวหนาหูว่า คนที่จะมาเสียบแทนณเดชน์ น่าจะเป็นพระเอกหนวดงามอย่าง บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ก็ตาม จากกรณีเรื่องยุ่งๆและไม่เคลียร์ดังกล่าว จึงขอตั้งคำถามดังนี้ เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร - เท่าที่ทราบคือ เอ ศุภชัย จะมีสัญญา 2 ชุด ชุดหนึ่งทำกับต้นสังกัด อันหมายถึงบริษัทโฆษณาต่างๆ และอีกฉบับหนึ่งเป็นสัญญาว่าจ้างกับเด็ก และถ้าในกรณีออปชั่นเสริม การ์ตูนมังงะ ที่ว่ากันว่า ศุภชัยและยูนิลีเวอร์รับทราบนั้น ปัญหาก็คือ ในสัญญาว่าจ้างอีกฉบับหนึ่งได้ระบุไว้หรือไม่อย่างไร !? เพราะการเดินทางไปถ่ายแฟชั่นให้กับลิปส์ในครั้งนี้ คือแฟชั่น advertorial ซึ่งสไตลิสต์และช่างภาพมีหน้าที่ทำให้ตัวสินค้ากลืนไปกับการถ่ายทำแฟชั่นแบบเนียนๆ ดังนั้น ถ้าศุภชัยไม่ได้แจ้งให้ แม่แก้ว ผู้ดูแล ณเดชน์ คูกิมิยะ แม่แก้วก็มีสิทธิ์ที่จะลุกขึ้นมาโวยวาย ไม่ใช่แค่ ณเดชน์ ที่มีปัญหากับยูนิลีเวอร์ แม้แต่กรณีของ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อก็มีปัญหา แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะศุภชัยถือว่า ตัวเองได้กุม เด็กทั้งใน - นอกสังกัด ไว้ทั้งหมด แม้จะปัญหามากมายสักเพียงไหน วงการโฆษณาทั้งหลายก็ยังต้องญาติดีงอนง้ออยู่ดี และในระยะหลัง สัญญาว่าจ้าง โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ ศุภชัยเริ่มมีปัญหาบ้างแล้วกับเด็กในสังกัด ไม่ว่าจะเป็น ใหม่า ดาวิกา โฮร์เน่ หรือก่อนหน้านั้น ที่รับรู้กับภายใน คือ สัญญาที่ หมาก ปริญ สุภารัตน์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ โออิชิ ที่ได้ค่าตัวน้อยมาก งานนี้จึงเป็นไปได้ว่า เอ ศุภชัย อาจจะไม่ได้แจ้ง หรือลืมรายละเอียดบางข้อที่ตกลงกันไว้ก็เป็นได้ นิตยสารลิปส์ - คอนเซ็ปต์แฟชั่นต้องชัดเจนตั้งแต่แรกก่อนเริ่มงานว่า ณเดชน์จะถ่ายแฟชั่นปกติ หรือ advertorial fashion แต่ยังไงเสีย ต้องไม่มีประเภท ถ่ายก่อนยัดทีหลัง - ขอกันหน้างาน ซึ่งไม่มีที่ใดในโลกทำกัน การที่เจ้าหน้าที่ยูนิลีเวอร์มาขอให้ช่วย แม้จะเป็นการเอาใจลูกค้าเกินเหตุ ก็ถือเป็นการผิดมรรยาทที่วงการแฟชั่นทั่วโลกไม่ทำกัน เพราะมันไม่โปรเฟสชั่นแนล ดังนั้น การที่แม่แก้วจะลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ของณเดชน์ จะด้วยเหตุรู้หรือไม่รู้ในข้อตกลง ย่อมไม่ผิด! ยูนิลีเวอร์ - มีข้อในชวนสงสัยว่า ถ้าได้ข้อตกลงกับ เอ ศุภชัย แล้ว ทำไม ทีมงาน ลิปส์ ถึงไม่ทราบในรายละเอียด เพราะในการทำงานแล้ว สมควรที่นิตยสารลิปส์จะต้องรู้ทุกอย่าง ทุกเรื่องเพื่อจะได้วางระบบการทำงานให้เป็นไปตามเงื่อนไข การที่จู่ๆ จะมีพนักงานมาขอให้ช่วยกันหน้างานแบบนี้ เป็นเรื่องเสี่ยงมาก และที่สำคัญ ทำไม หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว หากยูนิลีเวอร์ไม่มีส่วนผิดมรรยาทจริง ทำไม ถึงต้องส่งช่อดอกไม้ไปขอโทษขอโพย ก่อนจะโดนแม่แก้วตอกกลับ งานนี้ ถ้าใครอยากเป็นผู้ได้ชื่อว่า เคลียร์ สะอาด ก็ต้องงัดเอาสัญญาออกมาชี้แจงกันเป็นกิจลักษณะเพื่อปกป้องความถูกต้องของตัวเอง ไม่มีอะไร คือ มีอะไรในความหมาย เอ ศุภชัย ทันทีที่มีข่าวว่ายูนิลีเวอร์จะถอดณเดชน์หลังจากนี้ เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร ออกมาแก้ต่างแทนแม่แก้วทันทีว่า เรื่องราวดังกล่าวนั้นตนได้เคลียร์กับทางยูนิลีเวอร์แล้ว และแน่นอนว่างานนี้สัญญาของเอ ศุภชัยมีกี่ใบกันแน่จึงน่าคิด เพราะถ้าไม่เคลียร์ แน่นอนว่าข่าวที่หลุดออกมาว่าเด็กในสังกัด เอ ศุภชัย ไม่ให้ทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์อีกก็มีมูล เพราะครั้งหนึ่ง เอ ศุภชัย เคยมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกับยูนิลีเวอร์สมัย อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ซันซิล มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อถึงปัญหาของณเดชน์ ทางผู้บริหารระดับสูงของยูนิลีเวอร์อาจจะต้องมีการพิจารณาในการหาพรีเซ็นเตอร์อย่างรอบคอบอีกครั้งหลังจากนี้ โดยเฉพาะเด็กในสังกัดของเอ ศุภชัย ซึ่งเอพยายามวิ่งเต้นและมีการเจรจา ทั้งในส่วนของแม่แก้วและยูนิลีเวอร์ และออกมารับแทนว่าดอกไม้จากทางยูนิลีเวอร์ส่งมานั้นส่งมาจริง แต่แม่แก้วไม่ได้ส่งคืนแต่อย่างใด พร้อมทั้งโพสต์ภาพแต่งหน้าปัดแก้มโชว์ในอินสตาแกรมว่าแฮปปี้กันดีสุดๆ สัญญาในส่วนที่เอ ศุภชัย ทำกับยูนิลีเวอร์ กับสัญญาที่เอ ให้แม่แก้วรับรู้ อันเดียวกันหรือไม่ ณเดชน์ยังไม่ได้รับรู้ แต่ที่แน่ๆ คนซวยคือณเดชน์ เพราะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย แต่โดยส่วนตัวแล้วยูนิลีเวอร์ชื่นชอบในตัวณเดชน์และไม่ได้มีปัญหากันโดยตรง อีกทั้งทีมงานที่เคยได้ร่วมงานกับณเดชน์ต่างยืนยันว่าพระเอกคิ้วหนาคนนี้นิสัยดี และไม่เคยเกี่ยงงาน แต่ดูเหมือนวันนี้ความดังและฮอตมากของณเดชน์ ตัวละครเริ่มเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เรื่องเล่า แม่แก้ว อีกมุมหนึ่ง เมื่อบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ บริษัทหนึ่งเคยตัดสินใจให้ณเดชน์มารับงานโฆษณาด้วยค่าตัว 10 ล้านเช่นเดียวกัน แต่แล้ว 10 ล้านนี้ต้องวูบดับลงเมื่อแม่แก้วเสนอว่าอยากเล่นในภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ด้วย และมีการขอให้เพิ่มบท อีกทั้งขอค่าตัวส่วนต่างอีก 1 ล้านบาท จนรู้ถึงหูผู้บริหารภาพยนตร์โฆษณาชุดดังกล่าว จึงโดนสั่งระงับโปรเจกต์นี้ไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะต้องการเพียง ณเดชน์ เท่านั้นไม่เอาแม่ อีกหนึ่งบริษัทขนมขบเคี้ยวของบริษัทฝรั่งชื่อดังยี่ห้อหนึ่ง ต้องการให้ณเดชน์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เช่นกัน ก็เกิดปัญหาลักษณะเดียวกันคือ แม่ของณเดชน์ต้องการร่วมแสดงกับลูกชายและปัญหาจบลงคล้ายกับบริษัทประกันภัยข้ามชาติ คือโปรเจกต์ต้องพับไปในที่สุด เพราะโปรเจกต์นี้ไม่ผ่าน แม่แก้วเคยเขียนหนังสือเรื่อง ณเดชน์ในดวงใจ ซึ่งเขียนเล่าถึงชีวิตของพระเอกคนนี้ หลังโดนหนังสือพิมพ์ตีแผ่ถึงชาติกำเนิดที่ไม่ได้รับการเปิดเผยในตอนแรก รายได้หลังจากการขายหนังสือนำไปทำบุญให้กับการกุศล และทุกๆ วันในอินสตาแกรม แม่แก้วจะโพสต์เรื่องราวธรรมะตามแบบฉบับของแม่แก้วแฟนคลับและคนตามอินสตาแกรมได้อ่าน อีกทั้งความอึดอัดใจที่ไม่อยากให้สัมภาษณ์ใดๆ กับกรณีนี้อินสตาแกรมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แม่แก้วใช้โพสต์และถูกบันทึกและจดจำจากลูกค้าที่จ้างงานณเดชน์ ทั้งข้อความธรรมะ เหน็บแนม และจิกกัดแบบเนียนๆ ส่วนพระเอกขวัญใจสาวๆ แม่แก้วเอ่ยเพียงว่าไม่ได้คุยเรื่องนี้กับณเดชน์เรื่องข่าว และยืนยันจะดูแลลูกชายตลอดไปจนหมดลมหายใจ แม้ว่าจะมีคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเข้ามาวุ่นวายในการทำงานของลูกชายก็ตาม ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 179 วันที่ 9-15 มีนาคม 2556
|