สัมภาษณ์พิเศษ
15 ปีก่อนเขาเข้าสู่วงการการเมืองพร้อมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงฉายา "มือปราบสายเดี่ยว" และถูกเรียกขาน "คนดีไม่มีเสื่อม" เมื่ออำนาจของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" พุ่งสูงทะลุฟ้า แต่ "ร.ต.อ.ปุระชัย" อำนาจถดถอย ได้ดำรงฉายา "ไม้บรรทัดงอ"
5 ปีก่อนเขาวางมือทางการเมือง อำลาขาดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ
มีนาคมปีที่แล้ว เขาปรากฏตัวกลับมาเล่นการเมืองเคียงคู่ "เสี่ยใบหยก" พันธุ์เลิศ ใบหยก ท่ามกลางนัยทางการเมือง 3 ประการ ทั้งเป็นอะไหล่การเมือง-ตัวแทนอำนาจพิเศษ และพรรคลูกข่ายของ "เนวินคอนเน็กชั่น"
ระหว่างทางกลับมาในนามสังกัด "พรรคประชาสันติ" ร่วมกับ "เสรี สุวรรณภานนท์" เกิดอุบัติเหตุคนดี-ไม่ดีสมบูรณ์ เขาจึงต้องเปลี่ยนค่ายไปก่อตั้ง "พรรครักษ์สันติ"
"ประชาชาติธุรกิจ" สนทนากับ "ร.ต.อ.ปุระชัย" ในวาระครบรอบ 1 ปีการกลับสู่ถนนการเมือง ในพรรคที่มี 1 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร
- กลับเข้าสู่วงจรการเมือง ชีวิตในพรรคอันดับ 1 กับพรรค 1 เสียง แตกต่าง
ไม่ต่างมากมันคืองานอีกลักษณะหนึ่ง ทุกองค์กรจะดีต้องเริ่มต้นจากการที่มีคนดี คนเสียสละ คนไม่หวังประโยชน์ พรรคการเมืองเช่นกัน สภาจะดีได้ต้องมีนักการเมืองที่ดี ขณะนี้เวทีการเมืองเป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งของประเทศ
- นโยบายพรรคค่อนข้างเป็นฝ่ายธรรมะ แต่เลือกตั้งกลับได้คะแนนเสียงน้อยเพราะอะไร
ผมว่าเป็นเรื่องของเวลา เพราะในบรรดาพรรคการเมืองที่สมัครลงเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 พรรครักษ์สันติเป็นพรรคที่อายุน้อยที่สุด ก่อตั้งเพียงแค่ 3 สัปดาห์ก่อนถึงวันที่ยุบสภา ตอนสมัยผมช่วยพรรคไทยรักไทยในตำแหน่งเลขาธิการพรรค ใช้เวลา 3 ปี แต่เราไม่มีความจำเป็นที่พรรครักษ์สันติจะต้องสำเร็จในทันที เราได้ 280,000 คะแนนโดยบริสุทธิ์สะอาด ถึงแม้จะได้ ส.ส.คนเดียวก็ตาม
- อยู่ในพรรคใหญ่ชนะเลือกตั้งสามารถทำนโยบายได้ตามตั้งใจ กับอยู่พรรคเล็กแล้วเราทำอะไรไม่ได้เลยอย่างไหนดีกว่ากัน
การอยู่ในพรรคใหญ่อย่างพรรคไทยรักไทย มองดูเหมือนทำอะไรได้ เรื่องจัดระเบียบสังคมพรรคก็ไม่เคยเขียน เราเห็นช่องว่างของกฎหมายก็ไปเสริม เมื่อกลายเป็นจุดที่โดดเด่นขึ้น เราก็เริ่มถูกเตะตัดขาจาก
ผู้บริหารในพรรคนั่นแหละ (หัวเราะ) ผมเจอศึกเยอะรอบด้าน ทั้ง ส.ส.ภายในพรรค ผู้บริหารพรรค ทั้งที่เราเป็นเลขาธิการพรรคนะ
ขณะที่ผมอยู่ในพรรครักษ์สันติผมสามารถฟูมฟักพรรคเล็ก ๆ ให้เดินไปในทิศทางที่มันเป็นอุดมคติตามที่เราอยากให้มันเป็น จะถึงเมื่อไรอย่างไรไม่เป็นไร
งานที่ผมได้ผลักดันไปแล้ว เรื่องแรกไปเป็นคณะกรรมาธิการสามัญเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการ คือ เรื่องป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งปีนี้ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังจะจัดลำดับเราใหม่ จะทำให้เราถูกลดอันดับลงมาเป็น tier 3 จะมีผลตามมามหาศาล 1.สหรัฐจะตัดความช่วยเหลือ ด้านความมั่นคง การลงทุน เศรษฐกิจสังคม 2.เขาจะ anti สินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าประมง เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้แรงงานเถื่อน 3.เขาจะไม่ลงทุนในประเทศของเรา หรือลดการลงทุนลงไป 4.เขาจะเริ่มต้นขึ้น black list เรา และโยงกฎหมายฟอกเงินด้วย
- ความยากในการทำงานในฝ่ายค้าน และมีเสียงเดียวมันมีมากน้อยขนาดไหน
ยากลำบากเพราะเสียงข้างมากจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอ ส่วนพรรคเสียงข้างน้อยทำอะไรได้น้อยมาก แม้แต่การจัดสรรเวลาการอภิปราย ผมได้รับการจัดสรรเวลาแค่ 5 นาที
- มีแค่เสียงเดียว รู้สึกอึดอัดไหม
ผมไม่อึดอัดหรอกครับ และผมก็ไม่ได้หวังว่าในสมัยที่ผมอยู่ตรงนี้ (ทุบโต๊ะ) จะต้องทำอะไรได้มากมาย ที่ดีใจเพียงว่าเราได้ปักธงรักษ์สันติลงในสภา บางพรรคการเมืองก่อตั้งมา 5 ปี 10 ปี ไม่เคยมี ส.ส. เราได้มา 1 ที่ ไม่เลวหรอก
- ในสภาจำนวนมือก็คือเครื่องมือที่สำคัญในการผลักดันความคิด ผลักดันกฎหมายต่าง ๆ คาดหวังอะไรกับพรรครักษ์สันติ
ทีแรกเราไม่ได้คาดว่าเราจะมี ส.ส.เลยด้วยซ้ำ เพราะผมรู้ว่าเงื่อนเวลามันจำกัด เราจะไปเทียบกับพรรคนั้นพรรคนี้ไม่ได้ เมื่อเราไม่ซื้อเสียงเราก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดว่า นี้คือความศรัทธา
ล้วน ๆ
- ในช่วงที่พรรคยังไม่ปลอดภัย มีความเสี่ยงเรื่องยุบพรรค จึงไม่เป็นหัวหน้าพรรคเอง
ไม่ใช่ครับ การที่เป็นหัวหน้าพรรคเรากลัวว่ากรรมการบริหารพรรคจะไปทำการผิดกฎหมายเลือกตั้ง จึงแยกฝ่ายบริหารออกจากฝ่ายการเมือง แต่การที่แยกฝ่ายบริหารออกก็มีผลในทางปฏิบัติ เพราะผมไม่ใช่หัวหน้าพรรค เวลาจะอภิปรายในสภาผมไม่มีสิทธิแบบหัวหน้าพรรคที่ไม่จำกัดเวลา
- การออกแบบมาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค เป็นเรื่องยุ่งยากเกินไป
ยุ่งยาก หยุมหยิมมาก (เน้นเสียง) แล้วก็ทำให้นักการเมืองมีโอกาสติดคุกสูงมาก
- เป็นหัวขบวนโดยไม่ได้เป็นหัวหน้า กับการที่อยู่ในเงาของคุณทักษิณ แบบไหนทำงานด้านการเมืองอย่างเป็นอิสระมากกว่ากัน
ตอนนี้ครับ ตอนนี้สบายกว่าเยอะ คือตอนที่ไปยุ่งกับพรรคไทยรักไทย ผมไม่เคยคิดว่าจะไปยุ่งการเมืองเลย แต่ขณะนั้นนายกฯทักษิณ ขอให้ผมมาช่วยเป็นเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ผมก็โอเคช่วยกัน
- อยู่กับคุณทักษิณมักได้รับ favor
ผมไม่มี favor เลย มีแต่งานหนัก ไหนผมต้องทำมหาวิทยาลัยชินวัตร ไหนผมต้องมายุ่งเรื่องพรรคการเมืองด้วย ทำ 2 งานคู่ขนานกันไป
สิทธิพิเศษอะไร ไม่เห็นมีเลย ความจริงผมทำงานให้เกินกว่าค่าตอบแทนด้วยซ้ำไป
- ส่วนใหญ่คนทำงานกับคุณทักษิณจะต้องมีบุญคุณเข้ามาเกี่ยว ส่วนตัวมีบ้างไหม
ผมไม่มีอะไรผูกพัน ผมถือว่าทำหน้าที่แล้ว จบก็จบ
- ความสัมพันธ์กับคุณทักษิณเป็นอย่างไร
ผมไม่เคยติดต่อเลยตั้งแต่ออกมาจากคณะรัฐมนตรี...หลายคนเข้าใจผิดว่าผมเป็นเพื่อนกับคุณทักษิณ แต่จริง ๆ แล้วผมเป็นรุ่นพี่ คุณทักษิณเป็นรุ่นน้อง ตั้งแต่เตรียมทหารมาผมเป็นรุ่น 9 คุณทักษิณเป็นรุ่น 10 นายร้อยตำรวจผมรุ่น 25 คุณทักษิณเป็นรุ่น 26 พูดกันตรง ๆ คือผมปกครองท่านนายกฯทักษิณมา
- ในกระดานการเมืองใครไม่มีคอนเน็กชั่นกับคุณทักษิณก็อาจหล่นจากอำนาจ คิดว่าตัวเองเป็นคนที่หล่นจากอำนาจหรือเปล่า
ผมไม่ได้หล่นนะ ผมออกมาด้วยใจผมเอง เพราะผมเคยบอกท่านตรง ๆ ตอนปลายสมัยว่า กุมภาพันธ์ 2548 ต้องมีการเลือกตั้งทั่วไป ผมไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ อีกเพราะผมจะไปดูแลครอบครัวที่ประเทศนิวซีแลนด์ ท่านก็โอเค
- คนที่เคยร่วมงานการเมืองอย่างคุณภูมิธรรม เวชยชัย ก็ไม่ได้ติดต่อ
ภูมิธรรมไม่ใช่ลูกน้อง เขาเป็นสายที่พรรคการเมืองส่งมาช่วยงานผม จะบอกว่าลูกน้องคงไม่ใช่ เพราะผมก็ไม่ได้รู้จักภูมิธรรม มันคือสิ่งที่ลำบาก พรรคใหญ่เวลาจะส่งใครมาช่วย มักไม่ถามความสมัครใจ ไปถามยงยุทธ (วิชัยดิษฐ รองนายกฯ รมว.มหาดไทย) พรรคเขาส่งคุณผดุง (ลิ้มเจริญรัตน์ เลขานุการ รมว.มหาดไทย) เขาถามความสมัครใจหรือไม่ (หัวเราะ)
- ไม่รู้สึกว่าพรรคส่งนักการเมืองเข้ามาช่วยงานบริหาร
ผมพูดตรง ๆ นะ คนจะทำงานกระทรวงมหาดไทยต้องรอบรู้กฎหมายที่กระทรวงดูแล ต้องมีประสบการณ์ในระบบราชการ ผมถามว่าคุณภูมิธรรมมีสิ่งเหล่านี้หรือเปล่า
- ตอนนี้ถือว่าอยู่คนละฝ่ายกับเพื่อไทย
ไม่ใช่คนละฝ่าย ที่ผมไม่เห็นด้วยคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเวลามันยังไม่ใช่ ผมก็โหวตอย่างเปิดเผยเลยว่าไม่รับทั้ง 3 ร่าง
- ในเมื่อบอกว่ามาตรา 237 มีปัญหามาก ทำไมถึงไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข
รัฐธรรมนูญเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย มันไม่ใช่เป็นตัวชี้ขาด สิ่งที่ชี้ขาดคือความพร้อมของวัฒนธรรมประชาธิปไตย อันนี้เป็นสิ่งที่เราไม่พูดถึงเลย ผมถามว่า 300 กว่ามาตรามีใครบ้างอ่านครบ แต่วันดีคืนดีก็มาฉีกกัน อะไรที่ใช้ได้ใช้ไปก่อน ตอนนี้ timing มันไม่เหมาะ
- ประเทศไทยขณะนี้ อาการปัญหาไม่ใช่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ
อาการของเราขณะนี้อันดับแรกที่เห็นชัดเจนมากคือ ปัญหาภัยธรรมชาติ น้ำท่วม น้ำแล้ง อากาศเป็นพิษ เร่งด่วนมาก และขณะเดียวกันประเทศขาดความปรองดองด้วย ถ้าเราแก้รัฐธรรมนูญขณะนี้ภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ถ้าหากพรรคอื่นมาเป็นรัฐบาลไม่ต้องแก้อีกเหรอ ถ้าหากพรรคผมขึ้นมาเป็นรัฐบาลไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญฉบับรักษ์สันติเหรอ
- พรรคเพื่อไทยอ้างว่าที่ต้องแก้ไขเพราะรัฐธรรมนูญมาจากรัฐประหาร ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งของเขา
วันนี้เราต้องดูสาระ อย่าไปดูที่มา แต่แน่นอนผมยอมรับว่ารัฐธรรมนูญ 2550 มีอะไรที่เคร่งครัดและทำให้นักการเมืองเสียเปรียบมากกว่าปี 2540 เยอะมาก แต่ถ้าอะไรมันพอช่วยได้ ทำได้ก็ทำไป
- ตอนที่เป็นนักการเมืองช่วงแรก เป็นมือปราบสายเดี่ยว เป็นคนดีไม่มีเสื่อม แต่ปลายสมัยเป็นไม้บรรทัดงอ มันสะท้อนอะไร
ต้องถามว่าแปลว่าอะไรไม้บรรทัดงอ ผมก็ยังเป็นเหมือนเดิม ตรงไปตรงมายังงั้น ขณะนี้มีการจัดสรรงบประมาณให้กับ ส.ส.เพื่อไปทำโครงการคนละ 10 ล้าน พรรครักษ์สันติเป็นพรรคเดียวที่บอกว่าเราไม่รับ เพราะเราเคารพรัฐธรรมนูญที่ว่า ส.ส.ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวงบประมาณถ้าถามผมว่างอ ไปงอตรงไหน เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ในพรรคเป็นเงินที่มาโดยถูกต้องตามกฎหมาย มาจากการบริจาค เราเสียสละด้วยซ้ำไปที่มาทำพรรคการเมือง แต่ละเดือนรายจ่ายเป็นแสน ถามว่าเงินเหล่านี้เราไปโกงใครมาหรือเปล่า...ก็ไม่ใช่ เราอยู่ตามสมถะของเรา
- ณ วันนี้ฉายาไม้บรรทัดยังขลังอยู่หรือไม่
มันแล้วแต่คนจะมอง แต่ถามว่าผมเปลี่ยนอะไรไหม ผมไม่ได้เปลี่ยนยังเป็นคนเดิม เพียงแต่คิดว่าเมื่อประเทศของเราต้องการนักการเมืองที่ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เราก็พยายาม แต่จะได้แค่ไหนก็แค่นั้น
- การเลือกตั้งครั้งหน้า ผลในทิศทางบวกพรรครักษ์สันติควรเป็นพรรคขนาดไหน
ผมคิดว่าน่าจะดีกว่าปัจจุบัน อย่างแนวโน้มที่เราเห็นชัดเจนคือ ใน กทม.ไม่น่าเชื่อว่าเราได้ที่ 3 ขณะที่ภูมิใจไทย และพรรคอื่นเขาไม่ติดใน กทม.เลย
- พรรครักษ์สันติจะอยู่ระดับไหน ขนาดกลางหรือพรรคขนาดเล็ก หรือพรรคตัวแปร
พรรคใดก็ตามที่ซื้อสิทธิขายเสียงกลายเป็นอดีตแน่ พรรคที่อยู่รอดต้องสายกลาง และพรรคเหล่านี้จะต้องเอาเรื่องของสิ่งแวดล้อมมาเป็นตัวตั้ง และนักการเมืองไทยต้องมีศักยภาพรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน จะต้องฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษอย่างได้ผล ซึ่งพรรครักษ์สันติเตรียมคนประเภทนี้ไว้แล้ว
- พรรคมีจังหวะก้าวแบบค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ หรือเติบโตแบบหวือหวา
ไปเรื่อย ๆ ทำให้เรามีเวลาคิด ที่สำคัญคือเราต้องเดินให้ถูกทาง เดินให้ตรง และอย่าพูดอย่างทำอย่าง เชื่อว่าบุคคลที่มาร่วมตั้งพรรคเป็นบุคคลที่เป็นตัวอย่างได้ไม่ใช่เป็นพวกปากว่าตาขยิบ