แรดดำ
แรดดำ
แรดดำในประเทศแทนซาเนีย
แรดดำ เป็นแรดที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากแรดขาว (Ceratotherium simum) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Diceros bicornis มีรูปร่างทั่วไปคล้ายแรดขาว เพียงแต่สีผิวที่คล้ำกว่า จึงเป็นมาของชื่อ "แรดดำ"
ปากของแรดดำจะเป็นติ่งแหลม ยื่นออกมาบริเวณริมฝีปากบน เนื่องจากชอบตวัดกินใบไม้มากกว่า และคอของแรดดำจะสั้นกว่าแรดขาว ผิวหนังมีรอยย่นและตุ่มนูนและหนากว่า หูกลมกว่าแรดขาว
ขนาดของแรดดำจะมีขนาดเล็กกว่าแรดขาวพอสมควร คือ ความยาวเต็มที่ประมาณ 140-170 เซนติเมตร ความสูงของไหล่ 3.3-3.6 เมตร น้ำหนักเต็มที่ 800 กิโลกรัม-1.3 ตัน โดยประมาณ
มีการกระจายพันธุ์ในทวีปแอฟริกาตะวันออกและใต้ ในประเทศเคนยา, แทนซาเนีย, แอฟริกาใต้, แคเมอรูน, นามิเบียและซิมบับเว มีทั้งหมด 4 ชนิดย่อย คือ D. b. michaeli, D. b. longipes, D. b. bicornis, D. b. minor ซึ่งบางครั้งเขตหากินของแรดดำอาจจะเข้าไปอยู่ในถิ่นของแรดขาว แต่สัตว์ทั้งสองชนิดนี้ไม่เคยที่จะต่อสู้แก่งแย่งกัน
แรดดำเป็นสัตว์ที่มีนิสัยดุร้าย ฉุนเฉียวง่ายกว่าแรดขาว สามารถวิ่งได้เร็ว 29 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่บางครั้งเมื่อตกใจหรือป้องกันตัวอาจวิ่งได้เร็วถึง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สถานภาพในธรรมชาติของแรดดำปัจจุบันอยู่ในสภาวะ CR (Critically Endangered) คือ มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญพันธุ์จากพื้นที่ธรรมชาติในขณะนี้
อนุกรมวิธานและชื่อ แรดดำมี 4 ชนิดย่อย
แรดดำใต้-กลาง (Diceros bicornis minor) มีจำนวนมากที่สุด กระจายพันธุ์ตั้งแต่ใจกลางประเทศแทนซาเนียลงใต้ไปถึงประเทศแซมเบีย, ประเทศซิมบับเว, และ ประเทศโมซัมบิกถึงตอนเหนือและตะวันออกของประเทศแอฟริกาใต้
แรดดำใต้-ตะวันตก (Diceros bicornis bicornis) ปรับตัวสู้ความแห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้งของทุ่งหญ้าสะวันนาได้ดี อยู่ในประเทศนามิเบีย, ตอนใต้ของประเทศแองโกลา, ทางตะวันตกของประเทศบอตสวานา, ตะวันตกของประเทศแอฟริกาใต้
แรดดำแอฟริกันตะวันออก (Diceros bicornis michaeli) กระจายพันธุ์ตั้งแต่ตอนใต้ของประเทศซูดาน, ประเทศเอธิโอเปีย, ถึงประเทศเคนยา ถึงตอนเหนือและใจกลางประเทศแทนซาเนีย ปัจจุบันเหลือแค่เพียงในประเทศแทนซาเนีย
แรดดำแอฟริกันตะวันตก (Diceros bicornis longipes) ในอดีตกระจายพันธุ์ตั้งแต่ตอนเหนือและตะวันตกของ ประเทศแคเมอรูน, แต่ในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ ประกาศว่าน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว ไม่มีแรดดำชนิดย่อยนี้ในกรงเลี้ยง
ลักษณะ
แรดดำเมื่อโตเต็มที่สูง 140-170 ซม.จรดไหล่ ยาว 3.3-3.6 ม.หนัก 800-1400 กก. เพศเมียตัวเล็กกว่าเพศผู้ มี 2 นอ นอหน้าใหญ่กว่านอหลังโดยทั่วไปยาว 50-140 ซม. นอยาวสุดที่วัดได้ยาวเกือบ 1.5 ม.
ในบางตัวอาจมีนอที่ 3 ซึ่งมีขนาดเล็ก นอใช้ในการป้องกันตัว ข่มขู่ ขุดรากไม้ หักกินไม้เพื่อกิน สีผิวขึ้นกับสีดินในถิ่นอาศัยและพฤติกรรมการแช่ปลักของแรด โดยทั่วไปมักมีสีดำ
แรดดำมีขนาดเล็กกว่าแรดขาว ริมฝีปากบนแหลมยาวไว้ใช้เพื่อหยิบจับใบไม้และกิ่งตอนกินอาหาร ซึ่งแรดขาวจะมีปากเหลี่ยมเพื่อใช้สำหรับกินหญ้า เราสามารถแยกแรดดำจากแรดขาวได้เพราะแรดดำมีหูและกะโหลกที่เล็กกว่า
แรดดำมีหนังหนาเพื่อป้องกันหนามและหญ้า ผิวหนังของมันจะเต็มไปด้วยปรสิตภายนอกอย่าง ไร และเห็บ ซึ่งจะถูกกินโดยนกกระยางและนกอ็อกซ์เพกเกอร์ที่อาศัยอยู่กับแรด แต่เดิมพฤติกรรมนี้ถูกคิดว่าเป็นตัวอย่างของภาวะพึ่งพา
แต่หลักฐานเมื่อเร็วๆนี้พิสูจน์ว่านกอ็อกซ์เพกเกอร์อาจเป็นปรสิตเสียเองแรดดำมีสายตาไม่ดี จึงต้องอาศัยการได้ยินและการดมกลิ่น หูของมันช่วงหมุนที่ค่อนข้างกว้าง เพื่อใช้ในการตรวจสอบเสียงและมีการดมกลิ่นดีเลิศพร้อมแจ้งให้ทราบเมื่อมีนักล่าเข้าใกล้
การกระจายพันธุ์ แรดดำในประเทศแทนซาเนียก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20 แรดดำมีจำนวนมากที่ในแรดทุกชนิด ประมาณปี ค.ศ. 1900 อาจมีแรดำถึง 100,000 ตัวอาศัยอยู่ในแอฟริกา ในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 จำนวนแรดดำลดลงอย่างรุนแรงจาก 70,000 ตัว
ในตอนปลายคริสต์ทศวรรษ 1960 เป็น 10,000 ถึง 15,000 ในปี ค.ศ. 1981 ในตอนต้นของคริสต์ทศวรรษ 1990 จำนวนแรดดำต่ำกว่า 2500 ตัวและในปี ค.ศ. 2004 มีรายงานว่าเหลือเพียง 2,410 ตัว ตามองค์การกองทุนแรดสากล ประชากรแรดแอฟริกาฟื้นฟูเล็กน้อยเป็น 3,610 ในช่วงปี ค.ศ. 2003
ตามรายงานจากสหภาพสากลเพื่อการอนุรักษ์ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2006 จากการสำรวจแรดดำแอฟริกาตะวันตกเมื่อเร็วๆนี้ ที่กระจายพันธุ์ในทุ่งหญ้าสะวันนา ในทางตะวันตกของแอฟริกา พบว่าลดลงเหลือเพียงแค่ 10 ตัว
หรือสรุปได้ว่าชนิดย่อยนี้กำลังจะสูญพันธุ์
แรดขาวเหนือก็กำลังจะสูญพันธุ์ เหมือนกับแรดดำแอฟริกาตะวันตก จำนวนล่าสุดที่พบเหลือเพียงแค่ 4 ตัว แรดชนิดเดียวที่สามารถฟื้นฟูได้คือแรดขาวใต้ซึ่งมีอยู่มากกว่า 14,500 ตัวในปัจจุบันจากมากกว่า 50 ตัวเล็กน้อยในทศวรรษแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20
แรดดำถูกคุกคามให้สูญพันธุ์ จากการล่าเอานออย่างผิดกฎหมายและการสูญเสียที่อยู่ นอแรดถูกใช้ในการแพทย์แผนจีน นักสมุนไพรกล่าวว่าสามารถฟื้นฟูผู้ป่วยหมดสติ รักษาไข้ และช่วยให้แข็งแรงและความสมบูรณ์ทางเพศในผู้ชาย
ประสิทธิภาพของนอแรดในการรักษาโรคต่างๆ ไม่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2007 เอกสารขายยาเอกสารแรกของนอแรดดำในสหรัฐอเมริกา (ยืนยันโดยการทดสอบทางพันธุกรรมของนอที่ยึดมา) เกิดขึ้นที่ร้านจำหน่ายยาแผนจีนในไชน่าทาวน์ในพอร์ตแลนด์
มีการใช้นอแรดในตะวันออกกลาง เพื่อใช้ด้ามมีดแกะสลักที่หรูหราสำหรับมีดที่ใช้ในพิธีกรรมที่เรียกว่า "jambiya" ความต้องการที่มากมายในคริสต์ทศวรรษ 1970 เป็นสาเหตุให้แรดดำลดลงถึง 96% ระหว่างปี ค.ศ. 1970 ถึง 1992
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สิริสวัสดิ์วุธวาร เปรมปรีดิ์มานรมณีย์นะคะ
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2554 13:04:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3101 Pageviews. |
|
|
|
|
|