"องค์ภา" ทรงร่วมเสวนา แก้ปัญหา - ลดผู้ต้องขังหญิง
ด้วยทรงตระหนักถึงความทุกข์ของผู้ต้องขังหญิงในด้านปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพกายและใจ
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงติดตามการดำเนินงานของโครงการกำลังใจในด้านต่างๆ ซึ่งโครงการกำลังใจเปรียบเสมือนแสงแห่งความหวัง ในการต่อสู้ชีวิตของผู้ต้องขังหญิง
ในการนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปทรงเป็นประธานภายใต้กิจกรรมการดำเนินการตามข้อกำหนดกรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังหญิง และเสวนาสร้างสรรค์ "การเปิดมิติกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของผู้ต้องขังหญิง" พร้อมติดตามการดำเนินงานตามโครงการกำลังใจฯ ณ เรือนจำกลางอุดรธานี จ.อุดรธานี
โดยมี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายกิตติชัย ภูมิมาโนช ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดอุดรธานี และข้าราชการ เฝ้ารับเสด็จ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.
ภายหลังทอดพระเนตรวีดิทัศน์ผลการดำเนินงานตามโครงการ การแสดงโยคะประกอบโปงลาง เสด็จเปิดศูนย์เชื่อมโยงสังคมกับเรือนจำและโมเดล อาคารเรือนใจ (เรือนนอน) ตามข้อกำหนดกรุงเทพฯ โดยประทับพระหัตถ์บนแท่นพิธี ทอดพระเนตรรูปแบบจำลองอาคารเรือนกายเรือนใจ นิทรรศการมีชีวิต "เมื่อพื้นที่เรือนจำกับสังคมรวมเป็นหนึ่งเดียว" วันที่ก้าวออกจากเรือนจำ และการดำเนินกิจกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตในศูนย์เชื่อมโยงเรือนจำกับสังคม
จากนั้นเสด็จไปยังอาคารเสียงสันติ ภายในเรือนจำกลาง ทอดพระเนตรกิจกรรม "การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังหญิงตามข้อกำหนดกรุงเทพฯ" โดยการบำบัดโรคมะเร็งแบบองค์รวมโดย หลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม จากมูลนิธิอภิญญาณอโรคยศาล วัดคำประมง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
ก่อนเสด็จยังห้องแม่และเด็กที่แดนหญิง พร้อมทั้งประทานถุงของขวัญให้แม่และเด็ก ทอดพระเนตรการฝึกวิชาชีพร้านเสริมสวย และมุมกาแฟบริเวณการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ทอดพระเนตรการให้ความรู้ในมิติกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีและคณะทำงานกฎหมายโครงการกำลังใจฯ
ต่อมาเสด็จไปยังบริเวณแสดงตาราง และระยะเวลาในการพักการลงโทษของผู้ต้องขังหญิง ทอดพระเนตรตารางแสดงขั้นตอนความก้าวหน้าการขอพักการลงโทษของผู้ต้องขังหญิง การสร้างกำลังใจผ่านการเชื่อมโยงผู้ต้องขังหญิงกับครอบครัว "เมื่อแม่หญิงลาวต้องจากบ้านเกิดมาอยู่ในเรือนจำ" ทอดพระเนตรการฝึกวิชาชีพเย็บผ้า โอกาสนี้ได้ประทานกำลังใจให้ผู้ต้องขังหญิงที่มาเฝ้ารับเสด็จ สร้างความปลาบปลื้มปีติแก่ผู้ต้องขังหญิงเป็นอย่างมาก
จากนั้นเสด็จยังศาลาคนกลับใจ ทอดพระเนตรนิทรรศการสร้างสรรค์การเปิดมิติกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของผู้ต้องขังหญิง พร้อมกันนี้ทรงเป็นประธานการประชุม "เสวนาสร้างสรรค์การเปิดมิติกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของผู้ต้องขังหญิง" ผู้เข้าร่วมประกอบด้วยผู้พิพากษาในเขตอำนาจสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 ผู้ปฏิบัติงานในกระบวนการยุติธรรมและผู้เกี่ยวข้องรวม 100 ราย
ในการประชุมมีข้อเสนอและแนวทางแก้ไขมากมาย ได้แก่ ข้อเสนอแนะด้านสังคมวิทยาต่อความเป็นผู้หญิงในกระบวน การยุติธรรม ข้อเสนอแนะต่อการนำข้อเท็จจริงในมิติความเป็นเพศหญิงมาสู่ศาล การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของผู้ต้องขังหญิง ศาลกับทางเลือกแทนการจำคุกผู้ต้องขังหญิง มาตรการลงโทษในระดับกลาง
ในการนี้ทรงแสดงความคิดเห็นและปิดการประชุมวิชาการ ใจความว่า "จากหลายๆ มุมมองและหลายๆ หน่วยงานและหลายๆ ภาคส่วนผู้ปฏิบัติ ทำให้เห็นในภาพรวมของปัญหาสตรีที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนผู้ต้องขังหญิงมากขึ้นเรื่อยๆ มิติส่วนหนึ่งที่อาจจะห่างจากประเด็นที่เราถกกันวันนี้ไปนิดหนึ่งคือ ประเด็นเรื่องเกี่ยวกับการป้องกัน การป้องกันอาชญากรรม น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดส่วนหนึ่ง อาจจะเป็นการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายต่อกลุ่มเสี่ยง หรือแม้แต่ปัญหาของสตรีที่ถูกทำร้ายทางร่างกายและจิตใจจนกระทั่งเกิดความกดดันจนต้องก่ออาชญากรรมขึ้น อาจจะเป็นการอบรมและเสริมสร้างความมั่นใจให้สตรี รวมไปถึงการเสริมสร้างความเป็นธรรมและความรู้สึกมีเมตตาในฐานะผู้ดูแลผู้ที่อ่อนแอกว่าของบุรุษผู้ชาย ไม่ให้เอาเปรียบผู้หญิงทั้งร่างกาย จิตใจและอารมณ์ นั่นก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นการป้องกัน"
พระองค์ภาตรัสต่อไปว่า "ในเรื่องของยาเสพติด จริงๆ แล้วการเผยแพร่เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดให้เข้าใจถ่องแท้ บางคนอาจจะมองว่าเป็นการเปิดช่องให้ผู้กระทำผิด กระทำผิดได้ง่ายขึ้นสะดวกขึ้น แต่ความจริงแล้วกฎหมายเป็นสิ่งที่ทุกคนมีสิทธิรู้ อาจมองได้ในมุมว่าเมื่อเผยแพร่ให้คนรับรู้แล้ว อาจจะลดโอกาสการกระทำผิดด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของยาเสพติด นอกเหนือจากมองมุมมองของกฎหมายแล้ว ต้องมองในมุมด้านการพัฒนาด้วย เพราะว่าเศรษฐกิจสังคมสมัยนี้มีความยากลำบาก หรือมีความยุ่งยากของราคาสูง อะไรก็ตามทำให้คนอยากได้เงินง่ายขึ้น ประเด็นเรื่องการพัฒนาเชิงสังคมในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากด้านกฎหมายเป็นเรื่องที่น่าจะพิจารณา
อีกประเด็นหนึ่งที่มองเห็น หลายๆ ท่านได้หยิบยกขึ้นแล้ว อย่างเช่นมาตรการทางเลือกต่างๆ ต้องยอมรับว่ากฎหมายเรามีมาตรการทางเลือกต่างๆ ไม่ค่อยมากเท่าไหร่ เหมือนมีอาวุธไม่มากชิ้นให้หยิบยก ไม่จำคุกก็ต้องรอลงอาญาไปเลย ซึ่งบางครั้ง ช่องว่างตรงนี้ค่อนข้างจะห่าง ในประมวลกฎหมายอาญาก็มีมาตรการเรื่องความปลอดภัยตั้งหลายวิธี แต่ทุกท่านก็ต้องทราบว่าในความเป็นจริงบางครั้งไม่สามารถจะใช้ได้ ข้าพเจ้าก็ได้ลองแล้ว ตอนเป็นอัยการใหม่ๆ ลองขอฟ้องไป ศาลท่านยก
ในอีกประเด็นหนึ่งคือความเข้าใจซึ่งกันและกัน ในการปฏิบัติภารกิจของแต่ละหน่วยงาน เพราะหน่วยงานหนึ่งจะเข้าใจและตั้งใจดำเนินงานในกรอบภารกิจตัวเอง ถ้าขาดการประสานงาน ขาดความเข้าใจในกรอบหน้าที่ของฝ่ายอื่นแล้วก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาหนึ่งปัญหาใดได้เด็ดขาด
ในชั้นนี้ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงเป็นเรื่องที่ยากและเรื่องยุ่งที่จะแก้ แต่ก็นับถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ได้มาเสวนากันในลักษณะนี้ กฎหมายที่ดี การป้องกันที่ได้ผลและเป็นธรรม รวมทั้งบุคลากรที่มีความเข้าใจซึ่งกันและกันจะนำมาซึ่งการแก้ปัญหาได้"
หน้า 25 ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ
Create Date : 22 มกราคม 2557 |
Last Update : 22 มกราคม 2557 7:51:53 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1990 Pageviews. |
|
|