ราชินีศุภยาลัตในความเป็นปุถุชน
"พระนางศุภยาลัต" ราชินีองค์สุดท้ายของพม่า ที่มักปรากฏแต่ภาพความร้ายกาจและโหดเหี้ยมในงานเขียนทางประวัติศาสตร์ ทั้งการสั่งสังหารหมู่กลุ่มคนที่ทรงไม่พอพระทัย หรือคิดจะสั่นคลอนอำนาจ ความทระนงตนและไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี แต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างจะเท็จจริงประการใดนั้น คงต้องอาศัยข้อมูลหลักฐานในมุมมองอื่นมาประกอบกันด้วย
หนังสือ "ราชินีศุภยาลัต จากนางกษัตริย์สู่สามัญชน" (Thibaw"s Queen) เป็นหนังสือที่จะเปิดประตูสู่เรื่องราวเอ็กซ์คลูซีฟ ในพระราชวังมัณฑะเลย์ ขณะพระเจ้าธีบอและพระนางศุภยาลัตประทับอยู่ที่เมืองรัตนคีรี ในอินเดียหลังถูกเนรเทศ ถ่ายทอดจากนางกำนัลที่เคยถวายงานรับใช้พระนางศุภยาลัตมานาน 4 ปี ผ่านปลายปากกาของ แฮโรลด์ ฟีลดิ้ง-ฮอลล์ (Harold Fielding-Hall) ข้าราชการอาณานิคมอังกฤษที่ใช้ชีวิตอยู่ในพม่า แปลโดย สุภัตรา ภูมิประภาส และ สุภิดา แก้วสุขสมบัติ
สุภัตรา ภูมิประภาส ผู้แปล กล่าวในงานเสวนาของสำนักพิมพ์มติชน เรื่อง "ราชินีศุภยาลัต จากนางกษัตริย์สู่สามัญชน" ในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า หากได้อ่านหนังสือ "ราชันพลัดแผ่นดิน เมื่อพม่าเสียเมือง" จะพบว่าไม่ค่อยมีเรื่องราวของพระนางศุภยาลัตมากนัก แต่หนังสือราชินี ศุภยาลัตฯ จะบอกเล่าถึงชีวิตของพระนางศุภยาลัตเป็นศูนย์กลาง ผ่านปฏิสัมพันธ์ของพระนางที่มีต่อคนแวดล้อม ทำให้รู้สึกว่าได้เข้าไปอยู่ในตำหนักของพระนางศุภยาลัต และได้รับรู้การใช้ชีวิตของกษัตริย์และราชินีที่หลากหลาย
เช่นการซื้อผ้าแจกนางกำนัลกว่า 300 คน และพระนางก็จะใส่ผ้าเหมือนนางกำนัล แต่จะมีกฎอยู่ว่า ถ้าพระนางใส่ชุดนี้วันใด นางกำนัลต้องห้ามใส่ ทำให้นางกำนัลต้องไปแอบดูว่าวันไหนพระนางใส่ชุดอะไร หากใส่เหมือนกันก็ต้องไปเปลี่ยน แม้ขณะนั้นพระนางจะมีอายุเพียง 20 ต้นๆ แต่ยังคงเล่นซ่อนหา เพราะอยู่ในวังไม่มีอะไรทำ บางครั้งก็ชวนพระสวามีทำพระกระยาหารเสวยกันและแจกให้ข้าราชบริพาร
"ภาพที่เราตรึงตราตรึงใจเมื่อนึกถึงพระนาง จะเป็นราชินีมหาโหดมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง แต่เนื่องจากคนเล่าเป็นนางกำนัล จึงได้รับการปฏิบัติที่ดี ทำให้เราได้เห็นภาพของความเป็นปุถุชน ความอ่อนหวาน และความเอื้ออาทรต่อผู้คน รวมถึงความรักที่มีต่อพระเจ้าธีบอ หนังสือเล่มนี้อาจเป็นมุมมองใหม่สำหรับใครหลายคน และนับเป็นหลักฐานเล่มเดียวที่ออกมาในช่วงที่พระนางยังมีชีวิตอยู่" ผู้แปลกล่าว
ด้าน ลลิตา หาญวงษ์ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้เขียนคำนำเสนอ กล่าวเสริมในงานเดียวกันนี้ว่า หนังสือเล่มนี้ทำให้ได้เห็นบทบาทของขุนนางในราชสำนักพม่า ถ้าได้อ่านหนังสือ "ราชันพลัดแผ่นดิน เมื่อพม่าเสียเมือง" คู่กับหนังสือเล่มนี้ จะทำให้รู้ว่า ขุนนางมีบทบาทสูงมาก
การที่พม่าจะเสียเมืองหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับขุนนาง เพราะพระเจ้าธีบอไม่ได้ถูกวางตัวให้เป็นกษัตริย์ตั้งแต่แรก จึงไม่ได้ถูกฝึกมาและไม่มีความสามารถในการบริหารบ้านเมือง เมื่อมีปัญหาก็ต้องปรึกษากับขุนนาง ซึ่งมีฝ่ายหนึ่งต้องการโอนอ่อนผ่อนตามอังกฤษ อีกฝ่ายต้องการจะชนะอังกฤษ แม้ผลการประชุมจะให้ใช้สันติวิธี แต่พระนางศุภยาลัตก็เป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้พระเจ้าธีบอต้องทำสงครามกับอังกฤษ สุดท้ายจึงนำมาสู่การเสียเมือง และทั้งสองพระองค์ก็ถูกเนรเทศออกไป
"ความน่าสนใจและความดีงามของหนังสือเล่มนี้ อยู่ที่หลักฐานของแฮโรลด์ ซึ่งเขาพยายามใช้การสัมภาษณ์ การสอบถาม และการสังเกต เพื่อให้มีอคติน้อยที่สุด แฮโรลด์จึงไม่กล่าวถึงพระเจ้าธีบอและพระนาง ศุภยาลัตในแง่ลบ ในทางตรงกันข้ามกลับแสดงภาพว่า เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา และทำให้ผู้อ่านเห็นอกเห็นใจทั้งสองพระองค์ มากกว่าจะประณาม" ลลิตากล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวของพระนาง อ่านเรื่องราวอย่างละเอียดได้ในหนังสือราชินีศุภยาลัต จากนางกษัตริย์สู่สามัญชน
หน้า 25
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ
Create Date : 04 พฤศจิกายน 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2558 12:43:02 น. |
Counter : 1287 Pageviews. |
|
|
|