|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรีย เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย (Empress Maria Feodorovna of Russia)
จักรพรรดินีมาเรีย
สมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรีย เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย (Empress Maria Feodorovna of Russia) พระอิสริยยศเมื่อแรกประสูติคือ สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงแด็กมาร์แห่งเดนมาร์ก (มารี โซฟี เฟรเดริคเค แด็กมาร์; 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2390 - 13 ตุลาคม พ.ศ. 2471) ทรงเป็นพระจักรพรรดินีมเหสีแห่งรัสเซีย
เจ้าหญิงแด็กมาร์ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชาธิบดีคริสเตียนที่ 9 แห่งเดนมาร์ก และสมเด็จพระราชินีหลุยส์แห่งเฮสส์ - คาสเซิล
หลังอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งรัสเซีย จึงทรงได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีมเหสี หรือ ซาริน่าแห่งรัสเซีย ด้วยพระนามใหม่หลังจากการเข้ารีตในศาสนจักรออร์โธด็อกซ์รัสเซียว่า มาเรีย เฟโอโดรอฟนา (อักษรซิริลลิก: Mapия Фёдopoвна)
พระราชโอรสพระองค์โตของพระองค์คือ สมเด็จพระจักรพรรดินิโคลาสที่ 2 แห่งรัสเซีย องค์พระประมุขรัสเซีย พระองค์สุดท้ายที่พระจักรพรรดินีทรงดำรงพระชนม์ชีพยืนยาวกว่าเป็นเวลาสิบปี
ครอบครัว
เจ้าหญิงแด็กมาร์ ซึ่งทรงมีพระนามเต็มว่า มารี โซฟี เฟรเดริคเค แด็กมาร์ ทรงได้รับการขนานพระนามตามบรรพสตรีผู้หนึ่งมีพระนามว่า เจ้าหญิงมารี โซฟี เฟรเดริคเคแห่งเฮสส์-คาสเซิล (พ.ศ. 2310 - พ.ศ. 2395) พระราชชนนีพันปีหลวงแห่งเดนมาร์ก
ต่อมาไม่นานพระชนกในเจ้าหญิงแด็กมาร์ทรงเป็นรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์เดนมาร์ก ทั้งนี้เป็นเพราะสิทธิในการสืบราชสมบัติของพระชายา ซึ่งทรงเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระราชาธิบดีคริสเตียนที่ 8
เจ้าหญิงซึ่งประสูติในสายย่อบของรัฐเจ้าครองนครที่มีฐานะยากจน ทรงเข้ารับศีลจุ่มในลัทธิลูเธอรัน พระชนกของพระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งเดนมาร์กเมื่อปี พ.ศ. 2406 หลังจากการสวรรคตของสมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดริคที่ 7
เนื่องมาจากความสัมพันธ์อันรุ่งโรจน์ของบรรดาพระราชโอรสและธิดากับพระราชวงศ์อื่นในทวีปยุโรปไม่ว่าจะเป็นการอภิเษกสมรสหรือการครองราชสมบัติ ทำให้พระองค์ทรงมีพระราชสมัญญาว่า "พระสัสสุระแห่งยุโรป" (Father-in-law of Europe)
ตลอดช่วงพระชนม์ชีพ เจ้าหญิงแด็กมาร์ทรงเป็นที่รู้จักว่า มาเรีย เฟโอโดรอฟนา (ในภาษารัสเซีย Мария Фёдоровна) ซึ่งเป็นพระนามที่พระองค์ทรงใช้เมื่อเข้ารีตในศาสนจักรออร์โธด็อกซ์รัสเซีย
ก่อนการอภิเษกสมรสในปี พ.ศ. 2409 กับสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งรัสเซีย ซึ่งในขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารแห่งรัสเซีย นอกจากนี้พระองค์ทรงเป็นที่รู้จักในครอบครัวว่า "มินนี่" (Minnie)
เจ้าหญิงแด็กมาร์ หรือ มาเรีย เฟโอโดรอฟนาทรงเป็นพระขนิษฐาในเจ้าหญิงอเล็กซานดรา พระมเหสีในสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 และพระราชชนนีของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ที่ช่วยอธิบายถึงความละม้ายคล้ายคลึงกันอย่างมาก ระหว่างสมเด็จพระจักรพรรดินิโคลาสที่ 2 และสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังทรงเป็นพระขนิษฐาในสมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 1 แห่งกรีซ และ สมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดริคที่ 8 ซึ่งทรงเป็นพระเชษฐาพระองค์ใหญ่ อีกทั้งยังทรงเป็นพระภคินีในเจ้าหญิงไธรา ดัชเชสแห่งคัมเบอร์แลนด์อีกด้วย
เป็นคู่หมั้นสองหน สุดท้ายเป็นเจ้าสาว
การถือกำเนิดของอุดมคติเกี่ยวกับความชื่นชอบสิ่งซึ่งเป็นของสลาฟในจักรวรรดิรัสเซียทำให้สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 2 แห่งรัสเซียทรงเสาะหาเจ้าสาวให้กับแกรนด์ดยุคนิโคลาส อเล็กซานโดรวิชแห่งรัสเซีย
ในประเทศอื่นนอกเหนือไปจากรัฐเยอรมันต่างๆ ที่ได้ถวายพระชายาให้กับพระจักรพรรดิรัสเซีย อย่างเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ในปี พ.ศ. 2407 แกรนด์ดยุคนิโคลาส หรือ ซึ่งรู้จักในหมู่พระประยูรญาติว่า "นิกซา" เสด็จเยือนประเทศเดนมาร์ก และทรงหมั้นกับเจ้าหญิงแด็กมาร์
แต่พระองค์สิ้นพระชนม์ด้วยวัณโรค เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2408 ทั้งนี้ก่อนสิ้นพระชนม์ยังมีพระประสงค์ให้เจ้าหญิงทรงหมั้นกับแกรนด์ดยุคอเล็กซานเดอร์ ซึ่งต่อมาคือ สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 พระอนุชาแทน
เจ้าหญิงแด็กมาร์ทรงเสียพระทัยมากเมื่อพระคู่หมั้นสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงพระทัยสลายมากเมื่อเสด็จกลับสู่มาตุภูมิ พระประยูรญาติต่างทรงรู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของเจ้าหญิง พระองค์ททรงรู้สึกเกี่ยวพันกับประเทศรัสเซียและนึกถึงประเทศที่ยิ่งใหญ่อยู่ไกลโพ้นที่จะเป็นบ้านใหม่ของพระองค์
การสูญเสียครั้งใหญ่นี้ทำให้ทรงใกล้ชิดกับพระชนกและชนนีของแกรนด์ดยุคนิกซา และทรงได้รับพระราชหัตถเลขาจากสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ซึ่งเนื้อความในนั้นเป็นคำปลอบใจจากพระจักรพรรดิ พระองค์ตรัสกับเจ้าหญิงด้วยความรักใคร่ว่าพระองค์ทรงหวังว่าเจ้าหญิงจะยังคงคิดว่าเป็นสมาชิกในพระราชวงศ์รัสเซียอยู่
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2409 เมื่อแกรนด์ดยุคอเล็กซานเดอร์เสด็จเยือนประเทศเดนมาร์ก ทรงขออภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงแด็กมาร์ ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ในห้องของเจ้าหญิงเพื่อดูรูปต่างๆ ด้วยกัน
เจ้าหญิงมาเรียและเจ้าชายนิคกี้
เจ้าหญิงแด็กมาร์เสด็จออกจากประเทศเดนมาร์กเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2409 ขณะนั้นท่ามกลางฝูงชนที่ยืนรายล้อมท่าเรือส่งเสด็จ
ได้มีฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซ็นยืนเฝ้าส่งเสด็จอยู่ด้วย เขาได้เขียนลงในสมุดบันทึกว่า "เมื่อวานนี้ ที่ท่าเรือ ขณะเจ้าหญิงเสด็จผ่านหน้าข้าพเจ้า ก็ทรงหยุดยืนและจับมือของข้าพเจ้า นัยน์ตาสองข้างเต็มไปด้วยน้ำตา ช่างเป็นสาวน้อยที่น่าสงสารอะไรเช่นนี้
พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงเมตตาและเห็นใจเจ้าหญิงด้วย เขาร่ำลือว่ามีราชสำนักอันงามสง่าในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และครอบครัวของพระจักรพรรดินั้นดี แต่กระนั้นเจ้าหญิงยังคงต้องมุ่งหน้าไปยังประเทศที่ไม่ทรงคุ้นเคย ที่ซึ่งผู้คนแตกต่างและศาสนาก็แตกต่างเช่นกัน อีกทั้งจะไม่ทรงมีคนรู้จักอยู่ข้างๆ เลย"
เจ้าหญิงแด็กมาร์ทรงได้รับการต้อนรับอันอบอุ่น ที่เมืองครอนสตัดท์จากสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 2 และสมาชิกทุกพระองค์ในราชวงศ์รัสเซีย เจ้าหญิงทรงได้รับพระราชทานพระอิสริยยศเป็นแกรนด์ดัชเชสมาเรีย เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย
งานพิธีราชาภิเษกสมรสอันหรูหราเกิดขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน (28 ตุลาคม ตามปฏิทินแบบเก่า) พ.ศ. 2409 ณ โบสถ์หลวง พระราชวังฤดูหนาว กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หลังจากคืนวันอภิเษกสมรส แกรนด์ดยุคอเล็กซานเดอร์ทรงเขียนเล่าในสมุดบันทึกว่า
"เราถอดรองเท้าและชุดคลุมประดับด้วยเงินออก และสัมผัสร่างกายที่รักของเราอยู่ด้านข้าง เรารู้สึกยังไงน่ะหรือ เราไม่ปรารถนาที่จะพรรณนาลงในนี้ หลังจากนั้นเราสองคนก็คุยกันอยู่เป็นเวลานาน"
หลังจากงานเลี้ยงฉลองการอภิเษกสมรสทั้งหมดผ่านพ้นไป ทั้งสองพระองค์ก็ได้ย้ายไปยังพระราชวังอานิชคอฟ ในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นที่ประทับอีกต่อมา 15 ปี เมื่อมิได้เสด็จประพาสฤดูร้อนยังพระราชวังลิวาเดีย อันเป็นตำหนักฤดร้อนอยู่ในเมืองไครเมีย
แกรนด์ดยุคอเล็กซานเดอร์และแกรนด์ดัชเชสมาเรีย เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย ทรงมีพระโอรสหกพระองค์และพระธิดาสองพระองค์ ดังนี้
แกรนด์ดัชเชสมาเรีย เฟโอโดรอฟนาและพระราชวงศ์สมเด็จพระจักรพรรดินิโคลาสที่ 2 แห่งรัสเซีย (18 พฤษภาคม พ.ศ. 2411 - 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2461) เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อพระบรมราชชนก เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2437 และทรงสละราชสมบัติ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2461
ทรงอภิเษกสมรสกันในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2437 ณ โบสถ์หลวง พระราชวังฤดูหนาว กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กับ เจ้าหญิงวิกตอเรีย อลิกซ์ เฮเลนา หลุยส์ เบียทริซแห่งเฮสส์และไรน์ (6 มิถุนายน พ.ศ. 2415 - 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2461) หลังจากการเข้ารีตในศาสนจักรออร์โธด็อกซ์รัสเซีย ทรงเปลี่ยนพระนามเป็น แกรนด์ดัชเชสอเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2437
แกรนด์ดยุคอเล็กซานเดอร์ อเล็กซานโดรวิชแห่งรัสเซีย (7 มิถุนายน พ.ศ. 2412 - 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2413)
แกรนด์ดยุคจอร์จ อเล็กซานโดรวิชแห่งรัสเซีย (6 พฤษภาคม พ.ศ. 2414 - 9 สิงหาคม พ.ศ. 2442)
แกรนด์ดัชเชสซีเนีย อเล็กซานดรอฟนาแห่งรัสเซีย (6 เมษายน พ.ศ. 2418 - 20 เมษายน พ.ศ. 2503) ทรงอภิเษกสมรสกันเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2437 ณ พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ (Peterhof) ใกล้กับกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กับ แกรนด์ดยุคอเล็กซานเดอร์ มิคาอิโลวิชแห่งรัสเซีย (13 เมษายน พ.ศ. 2409 - 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476)
แกรนด์ดยุคไมเคิล อเล็กซานโดรวิชแห่งรัสเซีย (22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2421 - 12 มิถุนายน พ.ศ. 2461) เสด็จขึ้นครองราชสมบัติหลังการสละราชสมบัติของพระเชษฐาธิราชเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิไมเคิลที่ 2 แห่งรัสเซีย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2461 แต่ทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2461
ทรงอภิเษกสมรสกันเมื่อในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2455 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย กับ นาตาเลีย เซอร์เกเยฟนา เชเรเมทเยฟสกายา (9 กรกฎาคม พ.ศ. 2423 - 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495) ได้รับการสถาปนาเป็น เค้านท์เตสบราสโซวา เมื่อปี พ.ศ. 2471 และ เจ้าหญิงโรมานอฟสกายา-บราสโซวา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2478
แกรนด์ดัชเชสโอลกา อเล็กซานดรอฟนาแห่งรัสเซีย (13 มิถุนายน พ.ศ. 2425 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503) ทรงอภิเษกสมรสครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2444 ณ เมืองกัตชินา แต่ทรงหย่าร้างเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2459 กับ ดยุคปีเตอร์ ฟรีดริช จอร์จ อเล็กซานโดรวิชแห่งโอลเด็นบูร์ก (21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 - 11 มีนาคม พ.ศ. 2467)
ทรงอภิเษกสมรสครั้งที่สองเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 ณ กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน กับ นิโคลาส อเล็กซานโดรวิช คูลิคอฟสกี (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2425 - 11 สิงหาคม พ.ศ. 2501)
เจ้าฟ้าหญิงพระชายา
แกรนด์ดัชเชสมาเรีย เฟโอโดรอฟนาทรงมีพระสิริโฉมและเป็นที่ชื่นชอบ ในช่วงแรกพระองค์ทรงเริ่มเรียนรู้ภาษารัสเซียและทรงพยายามทำความเข้าใจกับชาวรัสเซีย พระองค์ไม่ค่อยทรงแทรกแซงการเมือง โดยมากโปรดที่จะให้เวลาและกำลังพระวรกายกับครอบครัว การกุศล และงานด้านสังคม
สำหรับตำแหน่งของพระองค์ ทั้งนี้ยังมีข้อยกเว้นหนึ่งคือ ความไม่ชอบในด้านสงครามต่อประเทศเยอรมนี อันเนื่องมาจากการผนวกดินแดนของเดนมาร์กเข้าไปในจักรวรรดิเยอรมันที่สถาปนาขึ้นมาใหม่
จักรพรรดินีแห่งรัสเซีย
ในตอนเช้าของวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2424 สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ขณะมีพระชนมพรรษา 62 พรรษา ทรงถูกปลงพระชนม์ในขณะเสด็จกลับมายังพระราชวังฤดูหนาวจากการตรวจแถวทหาร
ต่อมาแกรนด์ดัชัเชสมาเรียได้ทรงบรรยายลงในสมุดบันทึกถึงความบาดเจ็บที่พระจักรพรรดิทรงได้รับเมื่อถูกนำกลับมายังพระราชวัง "พระเพลาทั้งสองข้างของพระองค์ถูกระเบิดอย่างรุนแรง และเปิดขึ้นมาถึงพระชานุ พระโลหิตไหลออกมามากมาย ประมาณครึ่งหนึ่งของฉลองพระบาทบู๊ตข้างขวา เหลืองแต่พระบาทขวาเพียงข้างเดียว"
สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 2 เสด็จสวรรคตในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา แม้ว่าประชาชนจะไม่รักใครในพระจักรพรรดิองค์ใหม่ แต่ก็ชื่นชอบในสตรีหมายเลขหนึ่งองค์ใหม่อย่างมาก ดังที่บุคคลร่วมสมัยเดียวกับพระองค์กล่าวว่า
"ทรงเป็นพระจักรพรรดินี อย่างแท้จริง" พระองค์เองทรงไม่พอพระทัยกับพระราชสถานะใหม่เท่าใดนัก ในสมุดบันทึกส่วนพระองค์ทรงเขียนว่า "ช่วงเวลาที่สุขและสงบที่สุดของเราหมดสิ้นลงแล้ว สันติสุขและความเงียบสงบมลายหายไปแล้ว ตอนนี้เราคงจะห่วงแต่เพียงซาชา (ซาชา คือพระนามลำลองที่ทรงเรียกสมเด็จพระราชสวามี จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ) เท่านั้น"
สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียทรงเข้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2426 ณ พระราชวังเครมลิน ที่กรุงมอสโก เพียงก่อนงานพิธีบรมราชาภิเษก การสบคบคิดวางแผนร้ายครั้งใหญ่ก็ถูกเปิดโปง
ซึ่งทำให้การเฉลิมฉลองเงียบเหงาหดหู่ แต่ก็ยังมีแขกเหรื่อจำนวนกว่าแปดพันคนมาร่วมพระราชพิธีอันงามเลิศนี้ เนื่องมาจากภัยอันตรายต่อสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรีย ภายหลังงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
นายพลเชเรวิน ซึ่งเป็นหัวหน้าตำรวจรักษาความปลอดภัย ก็เร่งเร้าให้สมเด็จพระจักรพรรดิและครอบครัวเสด็จแปรพระราชฐานไปยังพระราชวังกัตชินา ซึ่งเป็นที่ประทับอันปลอดภัยมากกว่า โดยตั้งอยู่ 50 กิโลเมตรนอกกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
พระราชวังหลังใหญ่นี้มีห้องหับราวเก้าร้อยห้องและสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 พระราชวงศ์โรมานอฟได้ให้ความสนใจกับคำแนะนำดังกล่าวนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียประทับอยู่ที่พระราชวังกัตชินาเป็นเวลาสิบสามปีและทรงเลี้ยงดูพระโอรสพระธิดาจนเจริญพระชนม์ในพระราชวังแห่งนี้ด้วย
ด้วยการคุ้มกันอย่างแน่นหนา สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียเสด็จจากพระราชวังกัตชินาเป็นครั้งคราวเพื่อไปยังเมืองหลวงในการทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางพิธีการต่างๆ
สมเด็จพระจักรพรรดินีทรงโปรดงานเลี้ยงเต้นรำและการพบปะสังสรรค์ในพระราชวังฤดูหนาวมาก แต่กระนั้นก็ยังสามารถจัดขึ้นในพระราชวังกัตชินา สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ทรงเคยร่วมสนุกกับนักดนตรี แม้ว่าภายหลังจะทรงส่งกลับทีละคน เมื่อสิ้งนี้ได้เกิดขึ้น สมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียทรงทราบดีว่างานเลี้ยงได้สิ้นสุดลงแล้ว
ในรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 กลุ่มต้อต้านระบอบกษัตริย์เงียบหายไปอย่างรวดเร็ว มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งได้พยายามวางแผนลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระจักรพรรดิในงานครบรอบหกปีการเสด็จสวรรคตของพระชนกนาถ สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ ๒
ที่จัดขึ้น ณ ป้อมปีเตอร์และปอลมหาวิหารสุสานหลวงแห่งราชวงศ์โรมานอฟ ในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เหล่านักวางแผนก่อการร้ายได้ยัดระเบิดลงไว้ในไส้ข้างในของหนังสือเรียนที่พวกเขาตั้งใจจะขว้างใส่สมเด็จพระจักรพรรดิขณะเสด็จกลับจากมหาวิหาร
ตำรวจลับรัสเซียได้เปิดโปงแผนการร้ายก่อนที่ถูกทำให้สำเร็จลุล่วง นักศึกษาจำนวนห้าคนถูกจับแขวนคอ รวมทั้งอเล็กซานเดอร์ อุลยานอฟ เขามีน้องชายที่มีพรสววรค์คนหนึ่ง ซึ่งมีความคิดทางการเมืองในเชิงปฏิบัติดังเช่นพี่ชาย เด็กชายคนนั้นคือ วลาดิมีร์ เลนิน
ซึ่งอีกหลายปีต่อมาได้ใช้เวลาส่วนมากกับขบวนการปฏิวัติใต้ดินอยู่ในทวีปยุโรปในการหล่อหลอมแนวคิดและทฤษฎีทางการเมืองที่เขาจะนำมาใช้ในประเทศรัสเซียหลังจากการกลับมาในปี พ.ศ. 2460 เพื่อล้างแค้นให้กับการตายของพี่ชาย
เมื่อเจ้าฟ้าหญิงอเล็กซานดรา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ มกุฏราชกุมารีแห่งอังกฤษ ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินีเสด็จพระราชดำเนินเยือนพระราชวังกัตชินาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2437 พระองค์ทรงแปลกพระทัยที่ได้เห็นว่าพระพลานามัยของสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 พระกนิษฐภรรดาอ่อนแอลงมาก
โดยทรงดูเหมือนเหี่ยวแห้งลง ความสดชื่นบนพระปรางและความสดใสร่าเริงได้จางหายไป ในตอนนั้นสมเด็จพระจักรพรรดินีทรงทราบนานแล้วว่าสมเด็จพระจักรพรรดิทรงพระประชวรและจะทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ได้อีกไม่นาน
จึงได้ทรงหันความสนใจมาที่มกุฎราชกุมารนิโคลาส พระราชโอรสองค์ใหญ่ ทั้งในเรื่องส่วนตัวและอนาคตของพระราชวงศ์ซึ่งตอนนี้ขึ้นอยู่กับพระองค์ มกุฎราชกุมารนิโคลาสทรงหมายมั่นมานานที่จะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงอลิกซ์แห่งเฮสส์และไรน์
ทั้งสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียไม่ทรงเห็นด้วยกับการอภิเษกสมรสนี้ มกุฎราชกุมารนิโคลาสจึงทรงสรุปสถานการณ์ไว้ดังนี้ "เราอยากเดินไปสู่จุดหมายหนึ่ง แต่มันก็เห็นชัดว่าแม่อยากจะให้เราเดินไปอีกทาง ความฝันของเราคือวันหนึ่งจะแต่งงานกับอลิกซ์"
ทั้งสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียทรงมองว่าเจ้าหญิงอลิกซ์ทรงขี้อายและแปลกประหลาดในบางครั้ง ทั้งสองพระองค์ยังทรงกังวลว่าเจ้าหญิงวัยดรุณีพระองค์นี้ขาดคุณสมบัติคู่ควรในการเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งรัสเซียอีกด้วย
พระชนกนาถและพระราชชนนีของมกุฎราชกุมารนิโคลาสทรงรู้จักกับเจ้าหญิงอลิกซ์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์และทรงมีความรู้สึกว่าเจ้าหญิงทรงมีอารมณ์รุนแรงผิดปกติและไม่เต็มบาท ทั้งสองพระองค์ทรงยอมให้มกุฎราชกุมารอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงอลิกซ์อย่างลังเลพระทัย
พระจักรพรรดินีพันปีหลวง สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2437 ณ พระราชวังลิวาเดีย ที่ประทับตากอากาศบนแหลมไครเมีย ขณะทรงมีพระชนมพรรษาได้ 49 พรรษา สมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียทรงเขียนลงในสมุดบันทึกส่วนพระองค์ว่า
"เราเสียใจและท้อใจอย่างที่สุด แต่เมื่อเราเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขและความสงบบนใบหน้าของเขาตามมานั้น มันก็ทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น" ในระยะเวลาที่ไม่สามารถปลอบโยนได้ของสมเด็จจักรพรรดินีมาเรีย เจ้าหญิงอเล็กซานดรา พระเชษฐภคินีและเจ้าชายแห่งเวลส์ (ต่อมาคือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7) พระเชษฐภรรดา (พี่เขย) ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังประเทศรัสเซียในอีกไม่กี่วันต่อมา
เจ้าชายแห่งเวลส์ทรงวางกำหนดการพระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสสำหรับสมเด็จพระจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 องค์พระประมุขแห่งรัสเซียพระองค์ใหม่กับเจ้าหญิงอลิกซ์
เจ้าชายเฟลิกซ์ ยูซูปอฟ พระนัดดาเขยในพระจักรพรรดินีมาเรีย ทรงบันทึกว่า พระองค์ทรงมีอิทธิพลอย่างมากในพระราชวงศ์ เซอร์เกย์ วิตต์ก็ได้ชื่นชมถึงไหวพริบปฏิภาณและทักษะทางการทูตของพระองค์ แต่กระนั้นพระองค์ทรงเข้ากับสมเด็จพระจักรพรรดินีอเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย พระสุณิสาได้ไม่ดีนัก
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะทำให้ต้องทรงรับผิดชอบกับความเศร้าโศกที่ประดังเข้ามาในครอบครัวของสมเด็จพระจักรพรรดินิโคลัส พระราชโอรสของพระองค์
ทันที่การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ผ่านพ้นไป สมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรีย ซึ่งบัดนี้ทรงกลายเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงแห่งรัสเซีย ทรงมีมุมมองอนาคตที่สดใสมากกว่าเดิม ดังที่ตรัสว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างจะราบรื่นดี"
พระองค์ประทับอยู่ในประเทศรัสเซียมาเป็นเวลายี่สิบแปดปีแล้ว โดยช่วงสิบสามปีทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีเอกอัครมเหสี และในอีกสามสิบสี่ปีความเป็นม่ายยังคงรอพระองค์อยู่ ส่วนในสิบปีสุดท้ายเป็นการลี้ภัยอยู่นอกประเทศในมาตุภูมิ
ในตอนสิ้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2437 สมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียทรงย้ายไปประทับที่พระราชวังอานิชคอฟ ในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จนกระทั่งการปฏิวัติเริ่มขึ้น พระองค์ทรงดำรงพระชนม์และปลอบพระทัยพระองค์เองได้อย่างเสรี
และเมื่อเวลาผ่านเลยไปความกลัวได้ลดน้อยถอยลง ในฐานะที่ทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีและพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระองค์ไม่ได้ทรงตกเป็นเป้าหมายทางการเมืองสำหรับพวกมือสังหารในลัทธิสังคมนิยมและอนาธิปไตยอีกต่อไป
การปฏิวัติและลี้ภัย การปฏิวัติเข้ามาที่ประเทศรัสเซียในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2460 หลังจากทรงพบกับสมเด็จพระจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 พระราชโอรสซึ่งทรงถูกโค่นล้มลงมาจากราชบัลลังก์ในเมืองโมกิเลฟ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียประทับ ณ เมืองเคียฟอยู่ระยะหนึ่ง เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจในสภากาชาดต่อไป
เมื่อมันเป็นอันตรายต่อการประทับอยู่ต่อ พระองค์จึงเสด็จไปยังเมืองไครเมียพร้อมกับสมาชิกราชวงศ์โรมานอฟที่ลี้ภัยพระองค์อื่น เมื่อประทับอยู่ที่ทะเลดำ พระองค์ก็ทรงได้รับรายงานว่าพระราชโอรส พระราชสุณิสาและพระราชนัดดาทรงถูกปลงพระชนม์
พระองค์ทรงปฏิเสธว่ารายงานนั้นเป็นเพียงข่าวลือ ในวันหนึ่งหลังจากการปลงพระชนม์ครอบครัวของสมเด็จพระจักรพรรดิ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียทรงได้รับข้อความฉบับหนึ่งจากนิคกี้ที่เป็น "ชายที่น่าประทับใจคนหนึ่ง" ซึ่งเล่าถึงชีวิตอันยากลำบากของครอบครัวพระราชโอรสในเมืองเยคาเทรินเบิร์ก
"และไม่มีใครช่วยหรือปลดปล่อยพวกนั้นได้เลย มีแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์โปรดช่วยเหลือนิคกี้ผู้น่าสงสารและโชคร้าย ช่วยเขาในเวลายากลำบากมากด้วย" ในสมุดบันทึกส่วนพระองค์นั้น ยังทรงปลอบใจพระองค์เองว่า "เราแน่ใจว่าพวกนั้นได้ออกจากรัสเซียมาแล้วและตอนนี้พวกบอลเชวิคกำลังพยายามปิดบังความจริงเอาไว้"
พระองค์ทรงยึดถือความเชื่อมั่นนี้อย่างเหนียวแน่นจนถึงวันสวรรคต ความจริงมันเจ็บปวดมากเกินกว่าพระองค์จะแบกรับไว้ได้ พระราชหัตถเลขาถึงพระราชโอรสและพระราชวงศ์ได้หายสาบสูญไปนับแต่นั้น แต่ในฉบับหนึ่งที่พบ พระองค์ทรงเขียนว่า
"ลูกรู้ว่าความคิดและคำภาวนาของแม่ไม่เคยหายไปจากลูกเลย แม่คิดถึงลูกทั้งวันและคืนและบางครั้งรู้สึกเจ็บปวดที่ใจมากจนแม่แทบจะทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่พระเจ้าทรงมีพระเมตตา พระองค์จะประทานความเข้มแข็งให้เราผ่านพ้นความยากลำบากนี้ไปได้"
ถึงแม้ว่าจะมีการล้มล้างระบอบราชาธิปไตยไปในปี พ.ศ. 2460 แล้วก็ตาม ในตอนแรกสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียทรงปฏิเสธที่จะเสด็จออกจากประเทศรัสเซีย พอในปี พ.ศ. 2462 ด้วยการเร่งเร้าของสมเด็จพระบรมราชชนนีอเล็กซานดราแห่งอังกฤษ จึงจำต้องเสด็จออกจากประเทศรัสเซียอย่างไม่เต็มพระทัย
โดยการหลบหนีไปทางแหลมไครเมีย ประทับเรือหลวงของอังกฤษที่พระเจ้าจอร์จที่ ๕ ผู้เป็นพระราชนัดดา (เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระนางเจ้าอเล็กซานดราฯพระพี่นาง) ออกจากทะเลดำ ไปสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และไปถึงกรุงลอนดอน ในที่สุด
สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงส่งเรือรบหลวง HMS Marlborough เพื่อจะช่วยชีวิตสมเด็จพระมาตุจฉา (น้า น้องสาวแม่) หลังจากการประทับในฐานทัพเรืออังกฤษที่เกาะมอลตา และต่อมาในกรุงลอนดอนระยะหนึ่งแล้ว จึงเสด็จกลับประเทศเดนมาร์ก
โดยทรงเลือกประทับอยู่ในตำหนักฮวิดอร์ ใกล้กับกรุงโคเปนเฮเกน เป็นที่ประทับถาวรแห่งใหม่ แม้ว่าสมเด็จพระบรมราชชนนีอเล็กซานดราไม่ทรงเคยปฏิบัติพระองค์ไม่ดีกับพระกนิษฐาและทรงใช้เวลาในวันหยุดด้วยกันในตำหนักเล็กหลังหนึ่งในอังกฤษ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียกลับทรงรู้สึกว่าตอนนี้ทรงเป็น "รอง"
ในระหว่างการลี้ภัยอยู่ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ก็ยังมีผู้อพยพชาวรัสเซียจำนวนมากมาย สำหรับพวกเขาสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียยังคงทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินี พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงศักดิ์สูงสุดเหนือพระราชวงศ์รัสเซียทั้งมวล
ผู้คนแสดงความเคารพและเห็นคุณค่าของพระองค์อย่างมาก รวมทั้งยังให้ความช่วยเหลือพระองค์อยู่บ่อยครั้ง สมัชชาสนับสนุนประมุขแห่งชาวรัสเซียทั้งมวลซึ่งได้จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2464 ได้เสนอให้พระองค์เป็นผู้รักษาการณ์ชั่วคราวของราชบัลลังก์รัสเซีย แต่พระองค์ทรงปฏิเสธข้อเสนอนั้น
พระองค์ไม่โปรดที่จะแทรกแซงเกมทางการเมืองและทรงให้คำตอบที่หลบเลี่ยงว่า "ไม่มีใครเห็นนิคกี้ถูกปลงพระชนม์" และดังนั้นจึงยังมีโอกาสเหลืออยู่ พระองค์ทรงให้การสนับสนุนทางการเงินแก่นิโคไล โซโคลอฟ ซึ่งเป็นนักลงทุน ที่ศึกษาเหตุการณ์เกี่ยวกับการปลงพระชนม์ครอบครัวของสมเด็จพระจักรพรรดิ
ทั้งพระองค์และนิโคไลไม่เคยพบกันเลย โดยในตอนสุดท้ายแกรนด์ดัชเชสโอลกาทรงส่งโทรเลขมายังกรุงปารีส เพื่อยกเลิกนัดหมายในการเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดินี มันคงเป็นการยากมากสำหรับสตรีชราและเจ็บป่วยที่จะได้ยินเรื่องราวอันเลวร้ายของลูกชายและครอบครัว
การสวรรคตและการฝังพระศพ
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2468 สมเด็จพระนางเจ้าอเล็กซานดรา พระบรมราชเทวี พระบรมราชชนนีพันปีหลวงในพระเจ้าจอร์จที่ ๕ แห่งอังกฤษ ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินีที่ทรงสนิทสนมมากที่สุดเสด็จสู่สวรรคาลัย สิ่งนี้นับเป็นการสูญเสียครั้งสุดท้ายเกินกว่าสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรีย ผู้ทรงพระชราจะทรงทนรับได้
แกรนด์ดยุคอเล็กซานเดอร์ มิคาอิโลวิชแห่งรัสเซีย ซึ่งทรงเป็นพระชามาดา(ลูกเขย) ได้เขียนเกี่ยวกับบั้นปลายพระชนม์ชีพของสมเด็จพระจักรพรรดินีไว้ว่า "พระองค์ทรงพร้อมที่จะพบกับพระผู้สร้างแล้ว" สมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียเสด็จสู่สวรรคาลัยในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2471
ณ พระตำหนักที่เคยทรงประทับร่วมกับสมเด็จพระบรมราชชนนีอเล็กซานดรา แห่งอังกฤษ ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินี ที่เมืองฮวิดอร์ ใกล้กับกรุงโคเปน เฮเกน สิริพระชนมายุ ๘๑ พรรษา พระองค์ทรงเป็นพระจักรพรรดินีมเหสีในราชวงศ์โรมานอฟที่เสด็จสวรรคตเป็นคนสุดท้าย
หลังจากการทำพิธีทางศาสนาในโบสถ์ออร์โธด็อกซ์รัสเซียอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี พระบรมศพของสมเด็จพระจักรพรรดินีได้รับการบรรจุฝังอยู่ในวิหารหลวงรอสคิลด์ อันเป็นสุสานหลวงของพระราชวงศ์เดนนิช ตามพระชาติกำเนิด ที่ทรงพระราชสมภพเป็นเจ้าหญิงเดนนิช
ในปี พ.ศ. 2548 สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธที่ 2 แห่งเดนมาร์กและประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียและรัฐบาลของทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องต้องกันว่าจะอัญเชิญพระบรมศพสมเด็จพระจักรพรรดินีคืนสู่กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
เพื่อให้สอดคล้องกับที่ทรงมีพระราชประสงค์จะได้รับการบรรจุฝังไว้เคียงข้างกับสมเด็จพระราชสวามี พิธีกรรมทางศาสนาจำนวนมาก เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 ถึงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ในพระราชพิธีพระบรมศพ ซึ่งบุคคลสำคัญระดับสูงมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
รวมทั้งเจ้าฟ้าชายมกุฎราชกุมารและเจ้าฟ้าหญิงมกุฎราชกุมารีแห่งเดนมาร์ก เจ้าชายและเจ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์ เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น โดยมีกลุ่มคนยืนรอบโลงพระศพแน่นขนัดมากเสียจนทำให้นักการทูตหนุ่มชาวเดนมาร์กคนหนึ่งตกลงไปในช่องที่เตรียมไว้สำหรับบรรจุฝังพระบรมศพก่อนจะมีการวางหีบพระบรมศพลงมา ในวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2549
หลังจากการทำพิธีทางศาสนาในมหาวิหารเซนต์ไอแซ็ก พระบรมศพได้รับการบรรจุอยู่เคียงข้าง สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 พระราชสวามี เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ณ ป้อมปีเตอร์และปอล
อันเป็นสุสานหลวงที่ประดิษฐานพระบรมศพซาร์และซารินาแห่งรัสเซียทุกพระองค์ตั้งแต่ซาร์ปีเตอร์ที่๑ มหาราชเป็นต้นมา รวมเป็นเวลา 140 ปีหลังจากการเสด็จมาประเทศรัสเซียเป็นครั้งแรกและเกือบ 78 ปีหลังจากการเสด็จสู่สวรรคาลัย
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โสรวารสิริสวัสดิ์ มานมนัสรมเยศค่ะ
Create Date : 19 ธันวาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 19 ธันวาคม 2552 7:33:44 น. |
Counter : 2326 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
/
2558
2556
2555
น้ำใจจากคุณ krittut 2554
2553
สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ
ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ
เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ
๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์
ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ
เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552
08.27 - 250811
207 flags collected 300316
|
|
|
|
|
|
|
|