ประจวบคีรีขันธ์ - จนท.อุทยานฯกุยบุรี ตร.ปราณบุรี ตร.พิสูจน์หลักฐาน ตชด.ที่ 145 ปราณบุรี พร้อมทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริ บ้านรวมไทย นำสื่อมวลชนตรวจสอบซากกระทิงตาย ในเขตอุทยานฯ กุยบุรี ที่หมู่ 6 แพรกแห้ง ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี ซึ่งถูกยิง ตัดหัว แร่เนื้อและพยามเผาทำลายหลักฐาน และพบหลักฐานปลอกอาวุธปืนลูกซอง 2 ปลอก ในลำห้วยแพรกแห้งใกล้จุดกระทิงตาย คาดผู้ลงมือน่าจะเป็นพวกพรานล่าสัตว์ป่า เบื้องต้น จนท.อุทยานฯกุยบุรี จะเป็นผู้เข้าแจ้งความที่ สภ.ปราณบุรี เพื่อให้ตำรวจหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป วันนี้ (16 มี.ค.) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้นายสุริยนต์ โพธิบัณฑิต หน.อุทยานแห่งชาติกุยบุรี, นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หน.อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง พร้อมนายจารุวัตร นุชศิริ หน.สายตรวจอุทยานฯกุยบุรี, นายสายัน นิลดี หน.หน่วยเขาคอแหลม พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กว่า 20 นายเดินทางเข้าไปสำรวจพื้นที่จุดที่พบกระทิงตายในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ที่บริเวณหมู่ 6 บ้านแพรกแห้ง ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิรัช ทองไทย ผกก.พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรประจวบฯ พร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และ พ.ต.อ.วันชัย ธารณธรรม ผกก.สภ.ปราณบุรี, พ.ต.ท.เจริญ ชนประเสริฐ หน.พนักงานสอบสวน สภ.ปราณบุรี และ ร.ต.อ.สามารถ ขาวเงิน ตชด.145 ปราณบุรี พร้อมทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริ บ้านรวมไทย และฝ่ายปกครองอำเภอปราณบุรี ร่วมเดินทางไปยังจุดที่พบซากระทิงตายบริเวณบ้านแพรกแห้ง ผู้สื่อข่าวรายงานเจ้าหน้าที่ทั้งหมดพร้อมสื่อมวลชนต้องเดินเท้าเข้าไปยังจุดที่พบซากกระทิงตาย โดยต้องใช้เวลาเดินทางเข้าป่าไปตามลำห้วย และบางจุดต้องเดินขึ้นเขา และเดินตามด่านช้างโดยใช้เวลาเดินเท้านานเกือบ 2 ชม. ซึ่งทันที่ที่ไปถึงเจ้าหน้าที่พบซากกระทิงตายอยู่ห่างจากลำห้วยแพรกแห้งประมาณ 1 กม. ซึ่งจากการตรวจสอบพบซากกระทิงถูกของมีคมตัดเอาส่วนหัวไป และส่วนท้ายของกระทิง รวมทั้งพบว่ามีการแร่เนื้อ จนเหลือแต่ซีโครงและหนังเอาไว้ โดยเฉพาะพบว่ามีการใช้ท่อนไม่จุดไฟเผาซากเพื่อเป็นการอำพรางอีกด้วย ซึ่งทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้พยามใช้เครื่องมือแสกนหาโลหะหัวกระสุนบริเวณซากระทิงแต่ไม่พบ และพบรอยเลือดที่แห้งกรังเป็นจุดๆ ซึ่งตำรวจได้พลิกซากกระทิงยังพบว่ามีเชือกไนล่อนสีเขียวผูกติดอยู่ในซากกระทิง ซึ่งตำรวจคาดว่าเป็นการผูกเอาไว้เพื่อยกกระทิงขึ้นและทำการแร่เนื้อกระทิงไป พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานฯกุยบุรี และหน่วยงานต่างๆพร้อมตำรวจภูธรปราณบุรี ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ยังเดินค้นหาร่องรอยของจุดที่คาดว่ากระทิงถูกยิงจากบริเวณใด ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้พบว่าบริเวณลำห้วยแพรกแห้งห่างจากจุดที่พบซากกระทิงประมาณ 500-800 เมตร พบปลอดกระสุนลูกซองเบอร์ 12 ปลอกสีขาวคาดว่าพวกพรานใจโหดได้ทำขึ้นเองเป็นลักษณะลูกโดดเพื่อไว้ยิงสัตว์ใหญ่ ตกอยู่ใกล้ต้นไม้บริเวณลำห้วยแพรกแห้ง น่าจะเป็นจุดที่พวกพรานเข้ามาซุ่มยิง ขณะที่กระทิงลงมากินน้ำและยอดไผ่ใกล้ลำห้วย ซึ่งหลักจากยิงแล้วกระทิงตัวดังกล่าวจึงวิ่งไปตายจุดที่พบซาก หรืออาจเป็นไปได้ว่ากระทิงที่ตายไม่ได้ถูกยิงเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้นหรือน่าจะมีการตามไปยิงซ้ำอีกก่อนที่จะล้มลงตาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตำรวจพิสูจน์หลักฐานพยามค้นหาแต่ก็ไม่พบเพิ่มเติม พ.ต.อ.วันชัย ธารณธรรม ผกก.สภ.ปราณบุรี, พ.ต.ท.เจริญ ชนประเสริฐ หน.พนักงานสอบสวน สภ.ปราณบุรี พร้อม ร.ต.ท.ประดิษฐ์ สุขเจริญ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปราณบุรี ได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากนายสายัน นิลดี หน.หน่วยเขาคอแหลม และนายเชษฐพงษ์ ทับทิมแดง เจ้าหน้าที่อุทยานฯกุยบุรี ได้ให้ข้อมูลว่าขณะที่กำลังออกลาดตระเวนหาข่าวอยู่บริเวณแพรกแห้ง ได้กลิ่นเหม็นเหมือนสัตว์ป่าตายจึงได้ออกติดตามตรวจสอบจนพบซากระทิงตายอยู่ที่จุดดังกล่าว นายสายัน นิลดี หน.หน่วยเขาคอแหลม กล่าวด้วยว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับกระทิงตัวดังกล่าวเพราะพวกพรานใจโฉดที่มันลงมือ ยิง ตัดหัว แร่เนื้อ และเผา มันทำเกินไป พวกเราเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กุยบุรี ก็พยามรักษาและดูแลสัตว์ป่าอย่างเต็มที่แต่ครั้งนี้ไม่นึกว่าจะมาเจอแบบนี้ ก่อนหน้านี้มีพวกนายทุนที่ใช้รถไถทำทางเข้ามาในผืนป่ากุยบุรี เพื่อหวังมาเอาที่ดินบริเวณทางเข้าไปยังจุดที่พบซากกระทิงตาย ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กุยบุรี ได้ดำเนินการจับกุมและส่งตัวดำเนินคดีไปแล้ว และครั้งนี้ก็พบว่ามีร่องรอยของรถยนต์ที่เข้าไปในบริเวณดังกล่าวคาดว่า น่าจะเป็นรถยนต์ของกลุ่มพวกพรานที่เข้ามาล่ากระทิงในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าตลอดเส้นทางที่เดินเท้าเข้าไปยังจุดที่พบซากกระทิงตายนั้น ยังพบมูลช้างตามด่านและบริเวณลำห้วยแพรกแห้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ยอมรับว่าพื้นที่ดังกล่าวมีทั้งช้างและกระทิง ที่เคยอาศัยหากินอยู่ในพื้นที่โครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี ตามพระราชดำริ ออกมาหากินในพื้นที่แถบนี้เช่นกัน ทำให้มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯกุยบุรี ต้องมาตั้งหน่วยชั่วคราวที่เขาคอแหลมเพิ่มเติม นอกจากนั้นยังพบว่าบริเวณทางเดินเข้าไปในป่าจุดที่พบซากกระทิง ยังพบทั้งขวดน้ำดื่ม เครื่องดื่ม กาแฟกระป๋อง ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่า น่าจะเป็นของพวกพรานป่าที่เข้ามาลักลอบล่าสัตว์ป่า รวมทั้งยังพบยางรถจักรยานยนต์ ที่คาดว่าอาจจะนำไปจุดเป็นเชื้อเพลิงเผาซากกระทิง หรือใช้แบกเนื้อกระทิงที่ชำแหละกลับออกมา นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่าวันพรุ่งนี้ได้สั่งการให้สัตว์แพทย์ลงไปตรวจสอบซากกระทิงเพิ่มเติมอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการดำเนินการกลบฝังซากกระทิงต่อไป ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวยอมรับว่าเป็นพื้นที่ยังคงมีปัญหาเรื่องการล่าสัตว์ป่าอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้หลังจากรับรายงานจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯกุยบุรี ยอมรับว่าเสียใจที่ครั้งนี้กระทิงที่ตายเกิดจากการล่าของมนุษย์ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้กลับออกมาจากป่าในช่วงค่ำโดยทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯกุยบุรี จะต้องเป็นผู้แจ้งความที่ สภ.ปราณบุรี เพื่อให้ทางตำรวจติดตามหาผู้ที่ลงมือฆ่ากระทิงมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์ สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ
|