เปิดใจดู 'คู่กรรม' เวอร์ชั่น 'หนูนา - บี้'
สุวัฒน์ ฉัตรสง่า เรื่อง
เคยทำเรตติ้งสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ เมื่อ 18 ปีที่แล้ว สำหรับละคร "คู่กรรม" เวอร์ชั่น 'เบิร์ด'ธงไชย แมคอินไตย์ ในบท 'โกโบริ' กับ 'กวาง' กมลชนก เขมะโยธิน ในบท 'อังศุมาลิน'
ล่าสุดปี 2556 บ.เอ็กแซ็กท์ ผู้ผลิต คว้านวนิยายโศกนาฏกรรมสุดอมตะของ "ทมยันตี" เรื่องดังกล่าวมาทำใหม่ โดยให้นักร้องหนุ่ม 'บี้' สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว รับบท 'โกโบริ' และนางเอกสาว 'หนูนา' หนึ่งธิดา โสภณ รับบท 'อังศุมาลิน'
ร่วมด้วย นภัทร อินทร์ใจเอื้อ (วนัส), ปวีณา ชารีฟสกุล (แม่อร), โฉมฉาย ฉัตรวิไล (ยายศร), จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี (หลวงชลาสินธุราช), นิรุตติ์ ศิริจรรยา (นายพลโทโมยูกิ), สรพงศ์ ชาตรี (กำนันนุ่ม), กลศ อัทธเสรี (ตาผล), เกรียงไกร อุณหะนันทน์ (ตาบัว), นาท ภูวนัย (หมอโยชิ), ภูริ หิรัญพฤกษ์ (หมอทาเคดะ), โอลิเวอร์ พูพาร์ท (ร้อยโทไมเคิล วอร์เด็น) ฯลฯ ฝีมือกำกับของผู้กำกับฯ 'สันต์ ศรีแก้วหล่อ'
ทั้งนี้ 'สันต์' เผยถึงการนำ "คู่กรรม" มาสร้างใหม่ว่า ไม่ได้มีการดัดแปลงจากบทประพันธ์ เพียงแต่สิ่งที่คนเขียนบทพยายามเพิ่มเติมลงไปคือนำบทประพันธ์ไปโยงกับประวัติศาสตร์ให้มากขึ้น
เพื่อจะบอกว่า ณ ช่วงเหตุการณ์ของเรื่องนี้ ประวัติศาสตร์ของไทยเกิดอะไรขึ้น เป็นการให้การศึกษาเชิงประวัติศาสตร์กับเด็กรุ่นใหม่ให้มากขึ้น แต่ไม่ได้มากเกินไปจนกลายเป็นสารคดี
"คู่กรรมเป็นบทประพันธ์ที่อมตะ คลาสสิค ผมว่าไม่ว่าใครจะหยิบมาปัดฝุ่นทำใหม่ในแต่ละครั้งก็จะถูกเปรียบเทียบ คือถ้าไม่ถูกเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นเก่า ก็จะถูกเปรียบเทียบกับบทประพันธ์
เพราะคนที่ได้อ่านบทประพันธ์เรื่องนี้ส่วนใหญ่จะชอบและมีภาพจำ ความเครียดหรือความหวั่นใจก็คงจะเกิดจากการที่เราจะเอาภาพความประทับใจเหล่านั้นให้ออกมาได้มากน้อยแค่ไหน"
ส่วนตัวนักแสดงนำในบท 'โกโบริ-อังศุมาลิน' ที่ลงตัวที่ 'บี้-สุกฤษฎิ์' กับ 'หนูนา-หนึ่งธิดา' นั้น สันต์กล่าวว่า "ผมไม่แน่ใจว่าความคิดนี้เริ่มขึ้นเมื่อไหร่ แต่ได้ยินว่าวันที่เขาทำละครเวที 'ข้างหลังภาพ' แล้วบี้เล่นเป็นนักเรียนไทยที่ไปเรียนที่ญี่ปุ่น ใส่ชุดญี่ปุ่น ดูลุกส์แล้วเป็นคนญี่ปุ่นได้ เลยคิดกันว่าบี้น่าจะเล่นเป็นทหารญี่ปุ่นได้"
"ถ้าถามว่าบี้เด็กเกินไปกับบทโกโบริไหม ถ้าผมตีความเองผมว่าโกโบริอาจอายุน้อยกว่าบี้ด้วยซ้ำ และผมว่าบี้สามารถแสดงได้ดี"
"ส่วนหนูนาที่หลายคนมองว่าจะเหมาะกับบทอังศุมาลินหรือเปล่า ดูเด็กไปไหม และหน้าตาดูวัยรุ่นสมัยใหม่ เท่าที่อ่านจากบทประพันธ์ อังศุมาลินเรียนอยู่ปี 2 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งก็วัยเดียวกับหนูนาตอนนี้ ส่วนลุกส์ที่คนส่วนใหญ่จะเห็นหนูนาโก๊ะๆ ทันสมัยเป็นหญิงรุ่นใหม่
แต่พอมาจับแต่งตัวใหม่ในบทอังศุมาลิน เขาก็หน้าตาไทยใช้ได้ ดูเรียบร้อยหวานๆ ขณะเดียวกันก็มีความแข็งๆ กบฏๆ อยู่ข้างใน เลยทำให้หนูนาสวมบทอังศุมาลินได้โอเค ซึ่งทั้งบี้และหนูนามีความตั้งใจกันมาก มีความสามารถและมีศักยภาพทางการแสดงอยู่แล้ว
พอยิ่งตั้งใจยิ่งขยันทำการบ้านก็ยิ่งสนุกในการแสดง อย่างบางฉากที่เขาต้องเถียงกันด้วยภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมันยากกว่าภาษาอังกฤษอีก ซึ่งทั้งคู่ต้องเถียงกันและมีอารมณ์ร่วมกับบทออกมาได้ผมว่ามันก็เจ๋งดีสำหรับทั้งคู่ครับ"
ต้องมีการละลายพฤติกรรมทั้ง 'บี้' และ 'หนูนา' เยอะหรือเปล่า เพื่อให้สวมบทพระ-นางได้สมบูรณ์ "คงมีเรื่องของความเป็นละครพีเรียด มันอาจจะไม่คิดเร็วทำเร็วเหมือนสมัยนี้ อาจจะมีการขยับหรือวิธีคิดที่ต้องละเอียดหน่อย
ถ้าจะมีการสลายพฤติกรรมก็คงจะเป็นเรื่องนี้ เพราะทั้งคู่ยังอยู่ในวัยรุ่นและตลกโปกฮาไปเรื่อยๆ แต่ในยุคนั้นมันคิดแต่แสดงออกไม่ได้นะ หรือบางทีก็แสดงออกแค่นี้พอ เพื่อให้คนดูรู้แต่แสดงออกมากก็ไม่ได้" ผู้กำกับฯ คนเดิมยังกล่าวอีกว่า "นอกจากนี้ก็ยังมี 'กัน-นภัทร' มารับบท 'วนัส' เลือกน้องกันเพราะหน้าตาไทยๆ ขณะเดียวกันต้องมีความ โรแมนติก คือเขารักอังศุมาลินและขอสัญญาว่ารอ 5 ปีเพื่อให้เขาไปเรียนต่อ กลับมาแล้วจะแต่งงานกัน
แต่ระหว่างไปเรียนเมืองนอก ก็ต้องไปเป็นขบวนการใต้ดินเสรีไทยเพื่อวางแผนต่อต้านญี่ปุ่น ตัวละครตัวนี้ต้องมีทั้งความโรแมนติกและความแข็ง เราก็คิดถึงน้องกันครับ"
"ตัวละครเรื่องคู่กรรม แต่ละตัวมันเหยียบ 2 ฝั่ง ทั้งเรื่องความรักและหน้าที่ ฉะนั้นมันต้องสวมทั้งสองอย่างให้ได้แบบพอดีๆ อย่างตัว วนัส รักอังศุมาลินแต่ขณะเดียวกันก็รักชาติด้วย,
อังศุมาลินจริงๆ ก็รักโกโบริ ขณะเดียวกันก็ถูกปลูกฝังให้รักชาติไทยและเกลียดญี่ปุ่น และโกโบริก็เหมือนกัน รักอังศุมาลินแต่ด้วยหน้าที่การเป็นทหารญี่ปุ่นก็ต้องรักและซื่อตรงกับหน้าที่"
สุดท้ายผู้กำกับฯ ฝากถึงละคร "คู่กรรม" เวอร์ชั่นใหม่ว่า "อยากให้ทุกคนลองเปิดใจดูละครเรื่องนี้ที่สวมบทบาทโดยนักแสดงรุ่นใหม่ ผมว่าโดยมุมมองของคนรุ่นเก่า ที่เคยประทับใจบทประพันธ์และเวอร์ชั่นก่อนๆ คงไม่ผิดหวัง ส่วนเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เคยดูก็ให้ลองมาดูทั้งบี้และหนูนาที่ถ่ายทอดความรักที่เป็นอมตะออกมาได้เป็นอย่างดีครับ"
ถูกใจไม่ถูกใจ ลองเปิดโทรทัศน์ดูทุกคืนวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.10 น. ทางททบ.5
'โลเกชั่น' หายาก
สิ่งสำคัญของ "คู่กรรม" ซึ่งเป็นละครย้อนยุคอีกอย่างหนึ่งนั้นคือ สถานที่การถ่ายทำ โดยผู้กำกับฯ 'สันต์ ศรีแก้วหล่อ' เผยว่า
"โลเกชั่นเรื่องนี้หายากพอสมควร อย่างฉากสถานีรถไฟบางกอกน้อย ถ้าไปถ่ายที่จริงคงไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ล้อมรอบไปด้วยตึกใหม่ของร.พ.ศิริราช หมดแล้ว คงทำได้แค่ถ่ายสัญลักษณ์สถานีรถไฟบางกอกน้อยมาคือหอนาฬิกาแล้วไปทำซีจีต่อ
ส่วนโลเกชั่นสถานีรถไฟบางกอกน้อยคงไปถ่ายที่สถานีรถไฟภาชี อยุธยา แล้วเอาโบกี้รถไฟโบราณไปตั้ง"
"โดยฉากพระนครในยุคสงครามโลกครั้งที่สองเราไปถ่ายที่ปากแพรก จ.กาญจนบุรี ไปขอปิดถนนถ่ายทำ เอารถรางไปเซ็ตถ่าย เอารถโบราณไปแล่น ซึ่งตรงปากแพรกมีตึกเก่าโบราณเป็นแถวยาว สัก 200-300 ม. ซึ่งตอนนี้เขาพยายามอนุรักษ์ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวแบบสามชุก
นอกจากนี้เรากำลังดูๆ สถานที่ที่ยังพอถ่ายได้อยู่คือข้างกระทรวงกลาโหม แถวสนามหลวงตึกยังดูโบราณๆ และสวยงามอยู่ รวมถึงถ.ราชดำเนิน ตรงสะพานมัฆวานรังสรรค์ แถวกระทรวงศึกษาธิการ ฯลฯ"
ถามว่าฉากไหนถ่ายทำยากที่สุด ผู้กำกับฯ เฉลย "น่าจะเป็นฉากตลาด ซึ่งผมเซ็ตถ่าย 2 ตลาด อย่างถ้าเป็นตลาดในพระนคร ผมถ่ายที่ปากแพรก เมืองกาญจน์ และตลาดไม้ที่เราตีความว่าข้างๆ สถานีรถไฟบางกอกน้อยจะมีตลาดก็ถ่ายทำกันที่ตลาดวังน้อย ในอัมพวา สมุทร สงคราม,
บ้านอังศุมาลิน ก็ถ่ายที่เรือนไทยในอัมพวา, ฉากอู่ต่อเรือของ กองทัพญี่ปุ่นที่อังศุมาลินว่ายน้ำไปแล้วเจอโกโบริ ในตอนแรกๆ ถ่ายที่สามโคก ปทุมธานี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนฐานทัพญี่ปุ่นเราถ่ายเจาะเป็นห้องๆ ก็ถ่ายที่ตึกธ.ไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย ที่ยังเป็นตึกลักษณะ โบราณๆ อยู่"
"สำหรับฉากระเบิดพระนครที่นางเอกนั่งรถรางแล้วระเบิดลง โกโบริ เข้าไปช่วยก็เซ็ตถ่ายที่ปากแพรก โลเกชั่นโบราณๆ หายากมากในตอนนี้ และบางที่ก็ไม่ให้ถ่ายทำ ก็เป็นปัญหาพอสมควรครับ"
แต่เพื่อผู้ชมแล้ว จะมีปัญหาหรือยากเพียงใด ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง
หน้า 17
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ คุณสุวัฒน์ ฉัตรสง่า
สิริสวัสดิ์โสรวารค่ะ
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2556 16:57:30 น. |
Counter : 5425 Pageviews. |
|
|
|