อาราชิ .. พายุที่จะโหมกระหน่ำไปทั่วโลก
จากซ้าย: ไอบะ,โอโนะ,มัตสึจุน,นิโนะ,โช
อาราชิ (ญี่ปุ่น: 嵐 Arashi ?) เป็นกลุ่มศิลปินบอยแบนด์จากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้สังกัดของบริษัท Johnny & Associates พายุที่ถูกสร้างโดยคุณจอห์นนี่ ได้พัดให้ทั้ง 5 มารวมกันได้อย่างลงตัว มีการเดบิ้วที่ฮาวายในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1999
หลังจากวางจำหน่ายหนึ่งอัลบั้ม, หนึ่งอัลบั้มรวมฮิต และอีกหกซิงเกิ้ล ภายใต้สังกัด Pony Canyon ทางวงได้ย้ายออกไปอยู่ค่ายลูกของบริษัทจอห์นนี่ที่ชื่อว่า J Storm ในปี 2001 ซึ่งทำให้ทางวงประสพความสำเร็จอย่างสูง หลังจาก 9 ปีที่ได้เดบิว
ในปี 2008 ซิงเกิ้ล "Truth/Kaze no Mukō e" และ "One Love" ได้ทะยานขึ้นสู่อันดับสูงสุด 1 และ 2 ของ ออริก้อนชารทประจำปี พิสูจน์ถึงความสำเร็จอันยาวนานในวงการเพลงญี่ปุ่น แม้ว่าภาพลักษณ์จะเป็นแค่ไอด้อลญี่ปุ่นก็ตาม
ปี 2009 อาราชิกลายเป็นศิลปินกลุ่มแรกที่สามารถใต่อันดับ 1 ในสาขา ซิงเกิ้ล, อัลบั้ม, DVD เพลง และศิลปินที่ทำยอดขายได้มากสุดของปีทั้งหมดภายในปีเดียวกัน
พวกเขายังเป็นศิลปินกลุ่มที่สาม ในประวัติศาสตร์ของออริก้อนที่สามารถครองสามซิงเกิ้ลอันดับสูงสุด และสองซิงเกิ้ลอันดับสูงสุดของปีก่อน ทำให้ครองอันดับสูงสุดสองปีติดต่อกัน
ประวัติ
19992001: เดบิวท์ จนถึงการออกจากค่าย Pony Canyonในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ.1999 ทางค่าย Johnny & Associates ได้ทำการประกาศกลางเดบิวท์ของวงอย่างเป็นทางการ โดยการประครั้งนี้จัดขึ้นในเรือครูซที่แล่นผ่านชายฝั่งของ เมืองโฮโนลูลู ประเทศฮาวาย
โดย จอนนี่ คิตางาว่า ได้ทำการคัดเลือกเด็กหนุ่มจูเนี่ยร์ 5 คนมาเป็นสมาชิกของอาราชิ โดยชื่อของวงอ่านว่า 「嵐」 ที่แปลเป็นภาษาไทยว่า "พายุ" และอิเมจของวงคือพายุที่จะโหมกระหน่ำไปทั่วโลก
วันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1999 ซิงเกิ้ลแรกอย่างเป็นทางการที่ใช้เชื่อเดียวกับวงอย่าง "Arashi" ก็วางจำหน่าย ซึ่งเป็นเพลงที่ใช้ประกอบการแข่งขันวอลเลย์บอลโลกครั้งที่ 8 ซึงญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพ ซิงเกิ้ลนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยทำยาดขายได้ 557,430 ชุดในอาทิตย์แรกของการวางจำหน่าย และทำยอดขายได้เกือบถึงหนึ่งล้านชุดในทั้งหมดของการจำหน่าย
ในวันที่ 5 เมษายน คศ. 2000 ซิงเกิ้ลที่สองของวง "Sunrise Nippon/Horizon" ได้วางจำหน่ายและทำยอดขายในอาทิตย์แรกได้ 304,340 ชุด วันต่อมาทางวงได้เริ่มทัวร์คอนเสิรตครั้งแรกที่ Osaka-jō Hall
เดือนกรกฎาคม ทางวงได้ปล่อยซิงเกิ้ล "Typhoon Generation" โดยเปิดตัวอยู่ที่อันดับสามของตารางด้วยยอดขาย 256,510 ชุดในอาทิตย์แรก และอยู่ในตารางอีก 9 สัปดาห์ก่อนที่จะหลุดตารางไป หลังจากจัดคอนเสิร์ตอีกครั้งในเดือนสิงหา ทางวงได้ออกซิงเกิ้ลสุดท้ายของปี 2000 ชื่อว่า "Kansha Kangeki Ame Arashi" โดยทำยอดขายอาทิตย์แรกได้ 258,720 ชุด
เดือนมกราคม คศ. 2001 ทางวงได้ออกอัลบั้มแรก Arashi No.1 Ichigou: Arashi wa Arashi o Yobu! โดยอัลบั้มนี้เปิดตัวเป็นอันดับที่หนึ่งในอาทิตย์แรกของการจำหน่าย และทำยอดขายไปได้ 267,220 ชุด
อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของวงจนกระทั่งอัลบั้มฉลอง 10 ปีของวง All the Best! 1999-2009 วางจำหน่าย และอัลบั้มนี้ทำยอดขายทั้งหมดไป 323,030 ชุด จากวันที่ 25 มีนาคม ถึง 30 เมษายน ปี 2001
ทางวงทัวร์คินเสิรตทั่วประเทศครั้งแรกในชื่อ Arashi Spring Concert 2001 โดยจัดที่ เซนได, โอซาก้า, นาโงย่า, ฮอกไกโด, ฟุคุโอกะ, ฮิโรชิม่า, คานาซาว่า, โทยาม่า และ โตเกียว โดยจัดการแสดงทั้งหมด 26 รอบ ก่อนที่ทางวงจะออกไปอยู่ค่ายใหม่ของตัวเอง
ทางวงได้ปล่อยซิงเกิ้ลสุดท้ายภายใต้การจำหน่ายของ Pony Canyon ชื่อว่า "Jidai" ออกมา โดยเพลงนี้เป็นเพลงประกอบละคร Kindaichi Shonen no Jikenbo 3 ซึ่งนำแสดงโดยมัตสึโมโตะ เพลงนี้ยังชนะรางวัล Best Theme Song จากงาน 30th Television Drama Academy Awards ซึ่งเป็นรางวัลแรกที่ทางวงได้รับอีกด้วย
20022005: J Storm และยอดขายที่ตกต่ำลงอาราชิ เริ่มต้นปี ค.ศ.2002 โดยได้ตั้งค่ายใหม่ J Storm ซึ่งตั้งมาจากชื่อภาษาอังกฤษของวงเอง และได้ปล่อยซิงเกิ้ลแรกภาคใต้สังกัดใหม่ที่ชื่อ "A Day in Our Life" ออกมา ซิงเกิ้ลนี้สามารถทำยอดขายในอาทิตย์แรกไปได้ 226,480 ชุด
ซิงเกิ้ลต่อมาอย่าง "Nice na Kokoroiki" และ "Pikanchi" ได้ถูกใช้ประกอบการตูนอะนิเมะ และหนังของทางวงตามลำดับ ทั้งสองซิงเกิ้ลสามารถเปิดตัวที่ยอดขายอันดับ 1 ของ Oricon Chart ด้วยยอดขาย 168,120 ชุด และ 110,230 ชุด
ปี ค.ศ.2003 ผลงานซิงเกิ้ลของทางวงได้ลดลงมา ขายสองซิงเกิ้ลต่อปี และใช้รูปแบบนี้ไปอีก 4 ปี ทั้งสองซิงเกิ้ลของปี 2003 "Tomadoi Nagara" และ "Hadashi no Mirai/Kotoba Yori Taisetsu na Mono" เปิดตัวที่อันดับ 2 ของตาราง
โดยเพลง "Kotoba Yori Taisetsu na Mono" ยังเป็นเพลงแรกที่สมาชิกของวงได้มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อร้อง หลังจากนั้นซากุไร แรปเปอร์ของวง ก็รับหน้าเขียนเนื้อเพลงท่อนแร๊ฟในทุกๆ เพลงต่อมา ปี 2004 เป็นการฉลองครบ 5 ปี ของการก่อตั้งวง
ทางวงได้ปล่อยซิงเกิ้ลที่ 12 ในชื่อว่า "Pikanchi Double" ในเดือนกุมภาพันธุ์ และทำยอดขายอาทิตย์แรกไปได้ 89,106 ชุด เพื่อฉลองการครบรอบ 5 ปี ทางวงได้ออกอัลบั้มรวมฮิตในชื่อ 5x5 The Best Selection of 20022004
ในวันปีใหม่ปี ค.ศ.2005 อาราชิได้วางจำหน่าย DVD คอนเสิร์ตเป็นครั้งแรกหลังจาก How's It Going? ในปี 2003 ในชื่อว่า 2004 Arashi! Iza, Now Tour!! ตั้งแต่ 26 กรกฎาคม ถึง 24 สิงหาคม ทางวงได้จัดทัวร์คอนเสิร์ตฤดูร้อนชื่อว่า One ซึ่งมากจาก อัลบั้มในชื่อเดียวกัน
โดยไฮไลท์สำคัญของทัวร์ที่การที่วงร้องเพลง "Sakura Sake" ซิงเกิ้ลแรกที่จำหน่ายของปีนี้บน "เวทีเคลื่อนที่" ซึ่งเป็นเวทีที่เคลื่อนย้ายผ่านผู้ชมคอนเสิร์ตได้ ซึ่งคิดค้นโดนมัตสึโมโตะ หลังจากนั้นเวทีนี้จึงถูกใช้ในคอนเสิร์ตสำคัญของวงทุกๆ ครั้ง เพื่อให้ผู้ชมที่อยู่ไกลสามารถสัมผัสกับสมาชิกของวงได้อย่างทั่วถึง
ในเดือนพฤศจิกายน อาราชิได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ซึ่งใช้ประกอบ ละครที่สร้างจากหนังสือการตูนชื่อดัง Hana Yori Dango โดยมีมัตสึโมโตะแสดงนำ โดยซิงเกิ้ลชื่อว่า "Wish" โดยสามารถทำยอดขายอาทิตย์แรกไปได้ 178,000 ชุด และ มากกว่า 300,000 ชุดเมื่อหมดการวางจำหน่าย
ทำให้ซิงเกิ้ลนี้ เป็นซิงเกิ้ลแรกในรอบเกือบสามปี ที่สามารถขายได้มากกว่า 300,000 ชุด หลังจาก "A Day in Our Life" ในปี 2002
2006: ตีตลาดเอเชียปี ค.ศ. 2006 ซิงเกิ้ลและอัลบั้มของวงได้เริ่มจัดจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่น โดยอัลบั้ม Arashic ไม่ได้จัดจำหน่ายแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังจำหน่ายไปถึง ฮ่องกง, เกาหลีใต้, ไตหวัน และ ไทย อีกด้วย
อัลบั้มนี้ยังประสพความสำเร็จในเกาหลีอย่างมาก โดย 10,000 ชุดแรก สามารถขายหมดในวันแรกของการจัดจำหน่าย ยังขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของชารต์ต่างประเทศในสัปดาห์ที่สาม ของเดือนกรกฎาคมอีกด้วย
ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต Arachic Arashic Arasick Cool and Soul ในช่วงฤดูร้อน ทางวงได้ประกาศทัวร์เอเชียชื่อว่า Jet Storm Tour ในวันที่ 31 กรกฎาคม โดยทางวงได้บินไป 3 ประเทศ ได้แก่ ไต้หวัน, ไทย และ เกาหลีใต้
ทั้งสามประเทศคือประเทศที่ทางวงจะไปจัดแสดง Asia tour ซึ่งทางวงได้ไปโปรโมตอัลบั้ม Arashic ทั้งหมดภายในวันเดียว ในวันที่ 16-17 กันยายน อาราชิได้จัดแสดงที่ ไทเปอารีน่า ของ ไทเป
ในงาน Asia Song Festival ครั้งที่สาม ทางวงได้เป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นไปร่วมงาน โดยได้ทำการแสดงเพลง "Arashi", "Wish" และ "Kitto Daijōbu" ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกของปีนี้ ในวันที่ 22 กันยายน เกือบสองเดือนหลังจากนั้น พวกเขาได้กลายเป็นศิลปินกลุ่มแรกของค่าย ที่ได้จัดแสดงคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการ ในประเทศเกาหลีใต้
อ้างอิงจาก The Korea Times คอนเสิร์ตในประเทศเกาหลีถูกจัดขึ้นเพราะแฟนๆ ชาวเกาหลีได้ไปรวมตัวกันต้อนรับทางวงที่ Incheon International Airport มากถึง 1,500 คน ในตอนที่ไปโปรโมต Jet Storm Tour อาราชิยังพิสูจน์ถึงความนิยมของพวกเขา เมื่อแฟนๆกว่า 15,000 คนได้เข้าไปสั่งซื้อบัตรคอนเสิร์ตออนไลน์จนหมดภายใน 1 ชม.
ทางวงได้กลับมาที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อวางจำหน่ายซิงเกิ้ลสุดท้ายของปีในชื่อว่า "Aozora Pedal" โดยเพลงนี้เขียนขึ้นโดย ซุกะ ชิอาโกะ นักดนตรีชื่อดัง ในชาร์ต ออริก้อน ทางวงสามารถทำยอดขายอาทิตย์แรกได้เป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขาย 154,832 ชุด แม้ว่าอาราชิมีแผนจะมาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยในวันที่ 7 ตุลาคม แต่ก็ต้องถูกยกเลิกเนื่องจาก วิกฤตการณ์การเมืองในประเทศ
2007: กลับมาตีตลาดในญี่ปุ่นวันที่ 21 กุมภาพันธุ์ ค.ศ.2007 ทางวงได้ปล่อยซึ่งเกิ้ลแรกของปี "Love So Sweet" ซึ่งใช้เป็นเพลงประกอบละครเรตติ้งสูงเรื่อง Hana Yori Dango 2 และทะยานขึ้นสู้นอันดับ 1 ในทั้งรายวันและรายสัปดาห์ของตาราง
นอกจากนี้ยังเป็นซิงเกิ้ลแรกในรอบ 5 ปีที่สามารถขายไปได้กว่า 200,000 ชุด ในสัปดาห์แรก วันที่ 2 พฤษภาคม ซิงเกิ้ลที่ 19 "We Can Make It!" สามารถขึ้นอันดับ 1 ของตารางได้เช่นกันด้วยยอดขาย 150,546 ชุด และยังสามารถทำยอดขายเพิ่มไปได้อีก 54,229 ชุด จนถึงสิ้นปี ทำให้ขายไปได้ทั้งหมด 204,775 ชุด
เดือนเมษายน ปี 2007 คอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่ของวงได้จัดขึ้นในชื่อ Arashi Around Asia in Dome ซึ่งต่อเนื่องมาจากคอนเสิร์ตที่กลับมาเล่นที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนมกราคม
โดยคอนเสิร์ตนี้จัดขึ้นเพื่อฉลองให้กับความสำเร็จจาก Asia tour Arashi Around Asia in Dome ได้จัดขึ้นที่ Kyocera Dome ในโอซาก้า และเป็นครั้งแรกที่จัดที่ Tokyo Dome
วันที่ 14 กรกฎาคม อาราชิได้จัดทัวร์คอนเสิร์ตฤดูร้อนที่ชื่อว่า Time - Kotoba no Chikara ซึ่งมาจากอัลบั้ม Time อัลบั้มที่ 7 ของวง โดยอัลบั้มนี้สามารถทำยอดขายไปได้ 190,000 ชุดในอาทิตย์แรกของการจัดจำหน่าย
ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มยอดขายอันดับ 1 ให้กับวง แต่อัลบั้มนี้ยังได้รางวัล Platinum จาก RIAJ อีกด้วย
ในเดือนกรกฎาคม อาราชิได้ร้องเพลงประกอบละครช่อง TBS เรื่อง Yamada Tarō Monogatari ซึ่งแสดงโดย นิโนะมิยะ และ ซากุไร ชื่อเพลง "Happiness" และวางขายวันที่ 5 กันยายน ซึ่งเป้นซิงเกิ้ลที่สามของปี
ซิงเกิ้ลนี้เปิดตัวเป็นที่ 1 และสิ้นปีขายไปได้ทั้งหมด 271,869 ชุด ปีนี้ยังได้พิสูจน์ความสำเร็จของวง เมื่อซิงเกิ้ลทั้งหมดสามารถติด Top 30 ของ ออริก้อนชาร์ต ประจำปี โดย "Love So Sweet" ได้อันดับที่ 4 และกลางเป็นซิงเกิ้ลแรกของวงที่สามารถเข้าไปติด Top 10 ได้สำเร็จ
"Love So Sweet" ยังได้เป็น 1 ใน 10 ซิงเกิ้ลยอดเยี่ยมจากงาน Japan Gold Disc Awards ครั้งที่ 22 ในปี 2008 อีกด้วย ทำให้เป็นครั้งแรกที่อาราชิได้รับรางวัลจากงาน Japan Gold Disc Award
2008: กลับมาได้รับความนิยมในญี่ปุ่น "Truth"
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สิริสวัสดิ์อาทิตยวาร สิริมานปรีดิ์เกษมนะคะ
Create Date : 27 มีนาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 27 มีนาคม 2554 7:54:55 น. |
Counter : 2258 Pageviews. |
|
|
|