ภาพที่ ๖๑. พระแม่น้ามหาปชาบดีโคตมี นำนางกษัตริย์บริวารไปทูลขออุปสมบทเป็นภิกษุณี
พระแม่น้ามหาปชาบดีโคตมี นำนางกษัตริย์บริวาร ไปทูลขออุปสมบทเป็นภิกษุณี
|
|
|
|
|
สมุดภาพพระพุทธประวัติ ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนา โดย ครูเหม เวชกร
ภาพที่ ๖๑
พระแม่น้ามหาปชาบดีโคตมี นำนางกษัตริย์บริวารไปทูลขออุปสมบทเป็นภิกษุณี
ภายหลังพระเจ้าสุทโธทนะสิ้นพระชนม์แล้วไม่นาน พระนางปชาบดีโคตมี พระน้านางของพระพุทธเจ้า หรือนัยหนึ่งพระชายาของพระเจ้าสุทโธทนะ พร้อมด้วยนางกษัตริย์ผู้บริวาร ได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งขณะนั้นยังเสด็จประทับอยู่ที่นิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อทูลขอบวช
พระนางทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ธรรมดาสตรีจะบวชในพระพุทธศาสนาได้ (อย่างบุรุษ) หรือไม่พระพุทธเจ้าทรงตอบบ่ายเบี่ยงว่า อย่าได้มายินดีในการบวชเลย ทรงตอบอย่างนี้ถึงสามครั้ง
หลังจากนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จกลับกรุงไพศาลี พระนางปชาบดีโคตมีพร้อมด้วยบริวารได้ตามเสด็จไปอีก คราวนี้ทุกนางต่างปลงผม นุ่งห่มผ้าย้อมฝาดอย่างนักบวช เข้าไปทูลขอบวชกับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธอีก
พระนางจึงเข้าไปขอพึ่งพระบารมีพระอานนท์ เพื่อให้กราบทูลพระพุทธเจ้าให้ทรงอนุญาต พระอานนท์จึงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลขอร้องพระพุทธเจ้าให้ทรงอนุญาตให้พระนางปชาบดีโคตมีและบริวารได้บวชเป็นนางภิกษุณี
พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธอยู่ถึงสามครั้ง ในที่สุดจึงทรงอนุญาตอย่างมีเงื่อนไขว่า ถ้าพระนางปชาบดีโคตมียอมรับ ครุธรรม ๘ ข้อได้ ก็จะให้บวชเป็นนางภิกษุณีได้
ครุธรรม คือ หลักการเบื้องต้นสำหรับสตรีที่จะบวชเป็นนางภิกษุณี เช่นว่า สตรีบวชเป็นนางภิกษุณีแล้ว แม้จะมีพรรษาตั้งหนึ่งร้อย ก็จะต้องกราบไหว้พระภิกษุซึ่งบวชใหม่ในวันนั้น จะต้องรักษาศีล ๖ ข้อไม่ให้ขาดอยู่จนครบสองปีก่อนจึงจะบวชได้ เป็นต้น
พระนางปชาบดีโคตมีมีศรัทธาแรงกล้ามาก จึงยอมรับและได้บวชเป็นนางภิกษุณีเป็นคนแรกในศาสนาพุทธ แต่คณะสงฆ์ภิกษุณีก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะมีหลักฐานเชื่อได้ว่าสูญสิ้นไปก่อนพระพุทธเจ้านิพพานด้วยซ้ำไป
เหตุผลก็เพราะบทบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติขึ้น เป็นดุจกำแพงล้อมนางภิกษุณีนั้น เข้มงวดกว่าฝ่ายพระภิกษุหลายเท่า จนคนไม่มีศรัทธาจริงๆ จะบวชอยู่ไม่ได้เลย
ขอขอบพระคุณ
- DhammaPerfect@hotmail.com - อ.เหม เวชกร - กรอบ ป้ามด
_______________________________________ บันทึก ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ติดต่อ : DhammaPerfect@hotmail.com
สวัสดิ์สิริศนิวาร มานโชติโชนช่วงดั่งดวงวิเชียรฉายนะคะ
Create Date : 29 มกราคม 2554 |
|
15 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2554 0:00:06 น. |
Counter : 1413 Pageviews. |
|
|
|
ดังนั้นพระนางมหาปชาบดีโคตมี จึงเป็นพระน้านางของพระโคตมพุทธเจ้า
เป็นภิกษุณีรูปแรกในพระพุทธศาสนา และได้เรียนกรรมฐานและปฏิบัติอย่างจริงจัง จนได้บรรลุพระอรหันต์
พระพุทธจ้าทรงยกย่องพระนางว่าเป็นเอตทัคคะ คือ เลิศกว่าผู้อื่นในทางรัตตัญญู (คือ ผู้มีประสบการณ์มาก)
พระนางมหาปชาบดีโคตมี เป็นพระน้านางของพระพุทธเจ้า และเมื่อพระนางสิริมหามายาสิ้นพระชนม์แล้ว หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ 7 วัน
ในกาลต่อมา พระเจ้าสุทโธทนะได้ทรงตั้งพระนางมหาปชาบดีโคตมีไว้ในตำแหน่งอัครมเหสี ซึ่งพระนางได้ทรงเลี้ยงดูเจ้าชายสิทธัตถะ เสมือนเป็นพระราชโอรสพระนางเอง
พระนางมีพระโอรสพระองค์หนึ่งพระนามว่า นันทะ และมีพระธิดาพระองค์หนึ่งพระนามว่า รูปนันทา
พระนางได้แสดงความประสงค์จะบวชต่อพระพุทธเจ้าในคราวที่พระองค์เสด็จไปโปรดพระพุทธบิดา และพระประยูรญาติ ณ กรุงกบิลพัสดุ์
แต่พระพุทธเจ้ามิได้ทรงอนุญาตให้พระนางอุปสมบท เนื่องจากยังไม่เคยทรงอนุญาตให้สตรีอุปสมบทในพระพุทธศาสนา
ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปเมืองเวสาลีและประทับอยู่ที่ กูฏาคารศาลาป่ามหาวัน พระนางปชาบดีโคตมีพร้อมด้วยนางสากิยานีจำนวนมาก จึงได้ปลงพระเกศา ห่มผ้ากาสายะ เป็นการแสดงเจตนาที่จะบวชอย่างแรงกล้า
โดยเดินทางไปยังกูฏาคารศาลาป่ามหาวัน เมืองเวสาลี เพื่อทูลขออุปสมบท
โดยพระนางได้แจ้งความประสงค์ต่อพระอานนท์ให้นำความไปกราบทูลพระพุทธเจ้า ขอให้พระนางพร้อมทั้งเหล่านางสากิยานีได้อุปสมบทเป็นภิกษุณีในพระพุทธศาสนา
ซึ่งพระอานนท์ใช้ความพยายามอยู่หลายหน พระพุทธเจ้าจึงทรงออกหลัก ปฏิบัติเป็นพิเศษสำหรับสตรีผู้ที่จะเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา
คือครุธรรม 8 ซึ่งพระนางมหาปชาบดีโคตมี ทรงยินดีปฏิบัติตามครุธรรม ทั้ง 8 ประการ จึงได้รับการอุปสมบทในพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งเหล่านางสากิยานี
หลังจากการอุปสมบท พระนางได้เรียนกรรมฐานที่พระพุทธเจ้าทรงประทานและปฏิบัติอย่างจริงจัง จนได้บรรลุพระอรหันต์ แม้ภิกษุณีเหล่าสากิยานีที่อุปสมบทพร้อมกับพระนางก็ได้บรรลุพระอรหันต์เหมือนกัน
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี