ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ปัดฝุ่นบล็อกกันเสียที หลังจากห่างหายไปนานมากกกกก........
กลับมาอยู่เมืองไทยได้ซักพักใหญ่ ๆ แล้ว หลังจากกลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพ ชีวิตก็ตีลังกาหกคะเมนกันหลายตลบทีเดียว ที่ตั้งใจไว้ ไม่ได้ ที่ไม่ได้ตั้งใจ กลับได้ เรียกได้ว่า ชีวิตผกผันจริงๆ
เริ่มจากที่วางแผนส่งเอื้อเข้าเรียนโรงเรียนสาทิต ที่เดียวกันมหาลัยที่คุณพ่อเอื้อสอน ติดต่อผ่านอีเมล์ พูดคุยด้วยวาจากันเป็นที่เรียบร้อยกันทางโรงเรียนตั้งแต่ก่อนกลับ แต่พอกลับมาถึง กลับได้รับคำตอบว่า...
ตอนนี้เป็นช่วงระหว่างเทอม รับนักเรียนใหม่ไม่ได้ค่ะ เราต้องทำตามระเบียบ ซึ่งจะต้องเปิดรับสมัคร ตอนเดือน ตค. แล้วก็สอบเข้าซึ่งมีรายวิชาดังนี้ เลข ภาษาไทย สังคม บลา บลา บลา.....
คุณพ่อกลับมาเล่าให้แม่ฟังหลังจากได้คุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการมา
หลังจากได้ยินคำว่าต้องสอบเข้า หูก็เริ่มอื้อ...... สมองเริ่มหมุนเร็วจี๋ว่า แล้วที่คุยกันมาก่อนมันคืออะไร ที่ตอบว่าไม่มีปัญหา เพราะเป็นบุตรของอาจารย์..... คือ????????
สุดท้ายได้แต่ยอมรับชะตากรรม ออกไปร้านหนังสือ เตรียมซื้อหนังสือเตรียมสอบเข้า ป.5 (เทอม2)
ปล. เอื้อจบ ป.5 แล้ว แต่เทียบอายุกับเด็กไทย ก็ควรต้องเรียน ป.5 (เทอม2) จะเหมาะสมที่สุด ถ้าไปเรียน ป.6 เทอม2 ก็เร็วไปอีก
แต่ก็เหมือนโชคชะตาเลือกให้แล้ว
ระหว่างเลือกซื้อหนังสือที่จะไปติวกันที่บ้าน ก็ได้เจอกันผู้ปกครองท่านหนึ่งที่มาหาซื้อหนังสือให้ลูก แนะนำโรงเรียนให้ บวกกันน้องที่เป็นพนักขายบอกว่ารู้จักรองผอ. จะคุยให้เป็นการส่วนตัว.... เป็นไงล่ะชีวิต พลิกผันสุด...
หลังจากพูดคุยทางโทรศัพท์ เพื่อแนะนำตัว รองผอ. โรงเรียนก็ให้พาเอื้อเข้าไปพบที่โรงเรียน
วันที่พาเอื้อไปโรงเรียนวันแรกในชุดไปรเวท รองผอ. อธิบายเรื่องค่าเทอมคือจะให้จ่ายแค่ครึ่งเดียว เพราะมากลางเทอมแล้ว ไม่ต้องมีการทดสอบใด ๆ และไม่มีการจ่ายใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ใด ๆ ทั้งสิ้น......
จากนั้นก็ส่งเอื้อไปลองนั่งเรียนกับเพื่อน ๆ ในวันนั้นเลย ว่าชอบไหม??
ในที่สุดเอื้อก็ได้เข้าเรียน โรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดแผนกอีพี (English Program)
คือขอกราบทุกท่านที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงทางอ้อม ที่ทำให้เอื้อได้เข้าเรียนแบบสะดวก สบาย แบบนี้ แม้ว่าเอื้อจะบอกว่า ไม่อยากไปโรงเรียนในเวลาต่อมาก็ตาม....
จากนั้นก็เหมือนยังไม่ทันหายเหนื่อยจากการหาโรงเรียนประถมให้เอื้อ ก็เริ่มวุ่นวายหาโรงเรียนมัธยมต่ออีกละรอก แม่โทรถามโรงเรียนในจังหวัดที่มีภาคอีพี ทุกโรง รวมทั้งระแวกใกล้เคียงที่พอเดินทางได้ ดูความเป็นไปได้ในการสอบเข้า ตัดออกไปทีละโรง สุดท้ายได้คำตอบที่.......
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย!!!!!!!
ไงละ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะส่งเอื้อไปโรงรียนดัง การแข่งขันสูงปรี้ดเช่นนี้มาก่อน
แต่สุดท้ายแม่คิดสาระตะ หลายร้อยตลบ อย่างรอบคอบ รอบด้านแล้ว เอื้อมีโอกาสสูงที่จะสอบได้ เพราะ สวนกุหลาบให้เวทในวิชาอังกฤษ และสัมภาษณ์อังกฤษ คิดเป็น 50% ของคะแนนสอบเข้าทั้งหมด และวิชาที่สอบเข้าก็แค่ 3 วิชาเท่านั้น
แต่เรื่องไม่จบลงแค่น้ันการจะสมัครเข้าสอบภาคอีพีได้ เอื้อต้องเอาผลการเรียน ป.4 - ป.6 เทอม1 ที่เกิน 3.0 มาสมัคร
ที่นี้ เอื้อมีผลการเรียนป.4 ป.5 ที่อังกฤษ
มาเรียนที่ไทยตอนป5. กลางเทอม 1 ไม่ต้องพูดเรื่องผลการเรียนคือที่สุดท้ายยังมากไป
ป.5 เทอม2 ก็ดีมานืดนึง ป.6 ก็ดีขึ้นมาอีกนิดนึง สรุปจะเอาอะไรไปสมัคร.....
วิ่งกันวุ่นวายอีกตามเคย ถ้าจะเอาผลการเรียนจากอังกฤษ รายวิชาก็ไม่ตรงตามกระทรวง เอาผลไทยก็ไม่มีผลการเรียน ป.4 และก็ไม่ถึง 3.0 แล้วจะทำยังไงละแบบนี้ พ่อกับแม่กินไม่ได้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว
สุดท้ายขอกราบขอบคุณโรงเรียนอนุบาลที่ช่วยเนรมิตรผลการเรียน ป.4 ป.5 ออกมาได้อย่างครบถ้วนตรงตามเงี่อนไขการสมัครสอบเข้าเรียน
และเอื้อก็ไม่ทำให้ทางโรงเรียนผิดหวัง สามารถคว้าที่นั่งอีพี 1 ใน 60 ของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยได้แบบฉิวเฉียด....
แม่ติวเอง แบบเรียนบ้างไม่เรียนบ้าง ดุกันไป ชมกันบ้าง ตีกันบ้าง รบกันบ้าง แต่ก็จบแบบสวย ๆ
ใครที่จะบอกว่า เด็กที่กลับมาจากอังกฤษ สอบได้ทุกคน อันนี้เข้าใจผิดแบบให้อภัยไม่ได้ เพราะเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด......
สิ่งที่ทำให้สอบติดนอกจากความรู้ แล้วต้องมีโชคด้วย พอดีเอื้อมีอย่างที่สองมากหน่อยก็เลยได้ผลออกมาแบบนี้เท่านั้นเอง!!!?!?!?!
เมาท์อีกนิด....
สวนกุหลาบนี่ต้องยกให้เขาเลยเรื่องรักพี่ รักน้อง เลือดชมพู ฟ้า เขาเข้มข้นสมที่เขากล่าวอ้างว่ามีที่เดียวในโลกจริงๆ อันนี้ต้องยอมเขาเลย.....
ดีใจด้วยนะคะ ที่ได้ที่เรียนที่ดีทีเดียว อยู่กันไปยาวๆ เลยค่ะ
ตอนนี้คงใกล้จะเป็นหนุ่มแล้วสิคะ เพราะจำได้ว่าอายุรุ่นๆ เดียว
กับลูกดิฉัน ดีใจด้วยจริงๆ ค่ะ กลับมาอัพบล็อคอีกนะคะ
รอค่ะ :-)