พฤษภาคม 2556

 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
2 พฤษภาคม 2556
All Blog
จับจุด!!!
ช่วงนี้ว่างมาก…. พอลองนับดูทำงานอาทิตย์ละ 3 วัน เข้ากลุ่มรวมพลคนต่างชาติ (เมื่อก่อนเรียกว่ากลุ่มแม่บ้าน แต่ฟังดูมันเช้ย เชย.. เลยเอาชื่อใหม่ไปละกัน จริง ๆ ก็ยังเชยอยู่ดี ฟังเหมือนพวกต่างด้าว หรือต่างดาว ยังไงไม่รู้ เอาเป็นว่าใช้ไปก่อนละกัน ถ้าคิดได้ใหม่ค่อยเปลี่ยน ^_^) อีกอาทิตย์ละ 3-4 วัน แล้วแต่ความขยัน นับไปนับมาก็ไม่ได้ว่างนักนี่หน่า แต่ช่วงนี้กลับรู้สึกกังวลกับการเรียนเอื้อเหลือเกินไม่ใช่การเรียนที่นี่ แต่เป็นการเรียนที่ไทย ที่แม้จะยังมาไม่ถึง แต่ก็คงต้องเตรียมตัว เตรียมใจไว้แต่เนิ่น ๆ ไม่งั้นมีหวัง ทั้งลูกทั้งแม่ ไม่ใครก็ใครต้องร้องไห้ทุกวันแน่นอน… ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

- ที่บ้านเรามีการสอบตามรายวิชาต่าง ๆ นับอย่างคร่าว ๆ ได้ประมาณ 8 วิชา เป็นอย่างต่ำ โดยมีการสอบเป็นระยะ ๆ เช่นสอบเก็บคะแนน สอบกลางเทอม สอบปลายเทอม แถมเดี๋ยวนี้มีระบบ O-NET, A-NET ที่ตัวแม่เองก็ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรชัด ๆ และก็แอบคิดว่ากว่าเอื้อจะถึงเวลาต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยจริง ๆ ก็คงเปลี่ยนอีกอย่างต่ำ ๆ คง 3 ตลบ ส่วนที่นี่…ตอนนี้เอื้ออยู่ Year 3 น่าจะเที่ยบเท่า ป. 3 บ้านเราแล้ว ไม่เคยต้องมีการทดสอบแบบเอาเป็นเอาตาย หรือต้องอ่านหนังสือมากมาย ไม่มีตก ไม่มีผ่าน ไม่มีการประจานใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วก็จะไม่มีไปจนถึง ป.6 อืม… ชีวิตช่างขาดสีสันซะจริง ๆ และนั้นก็เป็นที่มาว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่เอื้อต้องเข้าสู่ระบบการศึกษาไทยแล้วล่ะก็…. ประโยคที่ว่าไม่อิแม่ ก็ลูกนี่ละต้องร้องไห้กันทุกวัน สามเวลาหลังอาหาร มันต้องเกิดขึ้นแน่นอน…. วันก่อนอิแม่อ่านในสมุดสะกดคำของเอื้อว่าอีกสองอาทิตย์จะมีการสอบเรื่อง pronoun โดยมีคำดังต่อไปนี้….บลา ๆ ๆ ๆ… อิแม่ก็เตรียมเอื้อโดยหยิบ Oxford Practice Grammar ฉบับพื้นฐานขึ้นมา เปิดเรื่อง pronoun ให้เอื้อทำไปวันละนิด ละหน่อย สองวันทำที สามวันทำครั้ง แบบชิล ๆ ก่อนสอบติวหนักหน่อยอ่าน ทำแบบฝึกหัดรวมเวลา 20 นาที เช้าก่อนสอบอิแม่แอบทดสอบตั้งแต่ตื่นนอน เอื้อกับคุณแม่ ต้องใช้ pronoun ว่าไร (we เมื่อเป็นประธาน หรือ us เมื่อเป็นกรรม) แล้วก็บลา ๆ ๆ ก่อนใส่รองเท้าไปโรงเรียน อิแม่ยังแอบถามต่อ รองเท้า pronoun ว่า เอื้อตอบ They… เอาล่ะไปได้ กอดกันก่อน… เอื้อเดินไปโรงเรียน มีคุณพ่อเดินตาม อิแม่มองส่งหน้าประตูบ้าน เลิกเรียนอิแม่ไปรับที่โรงเรียน ถามเอื้อว่าวันนี้ทดสอบเรื่อง pronoun เป็นไงบ้างครับ เอื้อตอบเอื้อทำถูกหมด อิแม่แอบคิดในใจรู้ได้ไงว่าถูกหมด??!?!?! เอื้อเหมือนรู้ พูดต่อว่าคุณครูบอกเอื้อว่า ทำถูกหมด อิแม่ยิ้มแก้มปริ คิดในใจนี่แค่ทำสอบแบบเล็ก ๆ อิแม่ยังลุ้นจะแย่ เลยคิดถึงเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ต้องพาเด็กไปสอบเรียนต่อที่นั้น ที่นู้น สาทิตนั้น นู้น นี่ เตรียมนั้น นี่ นู้น หรือระดับเข้ามหาวิทยาลัยนั้น นู้น นี่ คงจะบีบคั้นกันเหลือเกิน… คิดแล้วไม่อยากกลับไทยเลย….. อ้าว เกี่ยวกันไหมนี่!?!?!?!?!

- ต่อมา….การศึกษาไทยมีการแข่งขันสูงปรี้ด ดูจากโรงเรียนกวดวิชานี่ นั้น นู้น เริ่มตั้งแต่ระดับฟันน้ำนม หรือบางคนจองเรียนพิเศษ หรือที่เรียนกันตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง…. ฟังแล้วเพลียกันเลยทีเดียว แต่นี่เป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย และอาจรวมถึงประเทศอื่น ๆ ในเอเชียด้วย แล้วอย่างเอื้อตอนนี้ภาษาไทยก็ขาด ๆ วิ่น ๆ เลขก็คงต้องเรียนอีกเยอะ มีอย่างเดียวที่พอจะต่อกรกับใครได้คือภาษาอังกฤษ งานนี้อิแม่คงลุ้นอย่างเดียว ตัวอื่นหวังแค่เอาตัวรอด…. เฮ้อคิดแล้วเหนื่อย!!!!

- การศึกษาไทย ที่ดูนับวันจะถอยหลังลงคลอง ดูจากตัวอย่างข้อสอบ O-NET เห็นแล้วเหนื่อยหน่าย…. เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อรู้วันหนึ่งเอื้อต้องเข้าไปในระบบที่นับถอยหลัง ฟังดูมันหดหู่ใจจริง ๆ

แล้วก็ลองกลับมาคิดทบทวนใหม่ มองมุมอื่นบ้าง แล้วทุกวันนี้เพื่อนฟูง พี่น้อง ญาติ ๆ เขาก็มีลูก หลานที่อยู่ในระบบการศึกษาไทย หรือตัวเราเองที่ก็เคยอยู่ในระบบการศึกษาไทย แล้วทำไมเรายังยืนอยู่ตรงนี้ได้ ผ่านมาจุดนี้ได้ ก็ต้องแปลว่ามันไม่ได้เลวร้ายไปซะหมดทุกอย่าง …..

บางคนอาจจะถามว่าคิดมากไปเปล่า เดี๋ยวกลับมาก็ปรับตัวได้เองล่ะ แล้วมันก็ผ่านไป แน่นอนอยู่แล้วมันต้องเป็นแบบนั้น….

แต่ถ้าไม่เคยมีความสุขกับการเรียนเลย ไม่ชอบโรงเรียน ไม่เคยหาตัวเองเจอว่าชอบอะไรจริง ๆ แล้วคำถามที่ไม่มีคำตอบพวกนี้ล่ะ….. มันจะผ่านไปได้ไหม!?!?!?!?!?!

แต่ตอนนี้แม่มีคำตอบแล้ว ถ้าโรงเรียนและครูไม่สามารถตอบคำถามพวกนี้ได้ ก็มีแต่พ่อ กับแม่ล่ะที่จะต้องตอบคำถามพวกนี้ให้ลูก พ่อกับแม่คงต้องใส่ใจกับลูกมาก จับจุดให้ได้ว่าลูกชอบหรือสนใจอะไร มันต้องมีอะไรซักอย่างล่ะ ที่สนใจเป็นพิเศษ บางคนบอกว่าไม่เห็นจะสนใจอะไรเลยนอกจากเกมส์ แน่นอนที่สุดมันต้องมีบ้างล่ะ พ่อกับแม่ต้องให้เวลา สังเกต พูดคุย แล้วเมื่อเราเจอแล้วละก็ จงใช้มันให้เป็นประโยชน์ ต่อยอดจากตรงนั้น เช่นลูกชอบต้นไม้ ลองให้เขาปลูกต้นไม้เองเลย ดูแล รดน้ำเอง ต้นอะไรที่เขาสนใจ หาหนังสือ รูปภาพ มาอ่านด้วยกัน จากนั้นก็ลองดูว่าต้นไม้กว่ามันจะโตต้องใช้ดิน น้ำ อากาศ บลา ๆ แล้ว ดิน น้ำ อากาศมาจากไหน ถ้าเขาสนใจต่อ ถ้าไม่สนใจแล้ว แต่ยังสนใจเรื่องต้นไม้ก็ลองหาต้นไม้อื่น ๆ ต้นนี้ขึ้นในน้ำ ต้นนี้บนดิน แล้วต้นไม้ที่ไม่ต้องใช้ดินได้เปล่า ถาม ตอบกันไป….. แบบว่าไปกันให้ถึงที่สุดเลย ไม่หยุด ไปต่อเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นนักพฤกศาสตร์ หรือนักธรนีวิทยาตัวน้อย ๆ ก็ได้นะ…..

ว่าแล้วก็ต้องรีบไปจับจุดเอื้อให้ได้ซะแล้ว…… หวังว่าคำตอบจะไม่ใช่เซียนเกมส์นะลูกนะ!!?!?!?!



Create Date : 02 พฤษภาคม 2556
Last Update : 2 พฤษภาคม 2556 20:55:01 น.
Counter : 868 Pageviews.

1 comments
  
ขนาดอยู่เมืองไทย อยู่กับระบบการศึกษาของไทย ไม่เคยได้ไปเห็นที่ไหนเลยยังเพลียเลยคะพี่กุล

เด็กๆ เค้าเรียนกันหนัก และเหนื่อยมาก จนไม่รู้ว่า วิ่งเป็นยังไงแล้ว
โดย: เรย์ (ray.amp ) วันที่: 20 มิถุนายน 2556 เวลา:16:02:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

viji
Location :
Lancaster  United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



คุณแม่ ลูกหนึ่ง...
เมื่อมีลูก จึงรู้ว่าแม่รักลูกมากแค่ไหน...
และจึงรู้ว่ารักแม่ แค่ไหนด้วย....