เรื่องของหู
ราว ๆ เดือนกว่า ๆ คุณครูเอื้อบอกกับแม่ว่า "เอื้อน่าจะมีปัญหาเรื่องการได้ยิน ให้พาเอื้อไปตรวจ แล้วแจ้งผลด้วย" แม้ว่าแม่จะเชื่อว่าเอื้อไม่น่าจะมีปัญหา แต่พอนึกย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อนเอื้อป่วยเป็นไข้หวัด แล้วก็เกิดหูอักเสบ ซึ่งอาจจะมีผลกับการได้ยิน แต่ที่ไทยเราหมอก็ไม่ได้ติดตามผลอะไร หายแล้วก็แล้วกัน แม้ว่าหมอจะบอกว่าอาจจะมีผลกับการได้ยินก็ตาม...
จากนั้นแม่ก็ไม่รอช้านัดหมอตรวจทันที เราได้คิวตรวจอีก 2 วันต่อมา หมอทั่วไปประเมินเอื้อโดยการพูดคุยกับเอื้อ ส่องดูหูเอื้อ แล้วก็คุยกับแม่ หมอก็ลงความเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหา แต่เพื่อความชัดเจน จะส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจอีกที จากนั้นราว ๆ 4 วีค เราก็ได้คิวตรวจ แบบว่าต้องเดินทางข้ามเมืองกันเลยทีเดียว พ่อกับแม่ต้องไปรับเอื้อก่อนเวลาโรงเรียนเลิก พอเอื้อเดินมาถึงเอื้อก็ถามแม่ว่าทำไมมารับเร็ว พอแม่บอกว่าต้องไปตรวจหู เอื้อก็ตอบกลับมาทันที "หูเอื้อไฟน์"
เราต้องขับรถไปอีกเมืองนึงใช้เวลาประมาณ 30 นาที พอถึงคิวตรวจคุณหมอท่าทางใจดีมาก ก็เข้ามาพูดคุยกับเอื้อเพื่อสร้างความคุ้นเคยกันก่อน จากนั้นก็พาเข้าไปในห้อง พ่อกับแม่ตามไปนั่งดูการตรวจอย่างใกล้ชิด
เริ่มจากหมอถืออุปกรณ์สร้างเสียงจากดังไปเบา ห่างจากเอื้อไม่มากนัก เมื่อเอื้อได้ยินเสียงแล้วให้เอื้อหยิบตัวตุ๊กตาไม้เล็ก ๆ ที่มีถาดหลุมสำหรับตั้งตุ๊กตา ลงตำแหน่งที่เก็บ เอื้อทำได้อย่างไม่ติดขัด
จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นใช้หูฟัง แล้วก็เปลี่ยนตุ๊กตาชุดใหม่เป็นแกนไม้สำหรับใส่ตุ๊กตาสัตว์ที่ตัดเป็นชิ้น ๆ แล้วเสียบลงไปในแกนไม้เพื่อต่อเป็นตัวตุ๊กตา เมื่อได้ยินเสียงก็ให้เอื้อหยิบใส่ลงไปทีละชิ้น ๆ ไล่จากตัวใหญ่ไปหาเล็ก แม่เดาว่าตัวเล็กคงเป็นระดับเสียงที่เบาลง ๆ เพราะช่วงตัวเล็กเอื้อจะใช้สมาธิในการฟังสูงมาก แล้วก็มีลังเลเป็นระยะ ๆ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ต่อจากนั้นก็มีการใช้เครื่องมือตรวจที่หูแล้วก็พิมพ์กราฟออกมา เดาได้ว่าน่าจะเป็นผล
ขั้นตอนสุดท้าย คุณหมอจะนั่งห่างจากเอื้อระดับนึง แล้วให้เอื้อชี้รูปภาพตามคำบอก แต่ละหน้าจะมีรูปภาพ 4 รูป เอื้อต้องชี้รูปให้ถูก งานนี้เอื้อต้องเข้าใจคำภาษาอังกฤษด้วย นอกเหนือจากการได้ยิน คุณหมอจะพูดจากดัง แล้วค่อย ๆ เบาลง ๆ เอื้อชี้ได้ถูกเกือบหมด แต่มีภาพหรือสองภาพที่น่าจะได้ยินแต่ไม่ชัด เลยลังเล แต่พอพูดครั้งที่สองก็ชี้ได้ถูกต้อง
จากนั้นคุณหมอก็สัมภาษณ์พ่อกับแม่เรื่องพัฒนาการของเอื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงคลอด เช่นระหว่างตั้งครรภ์เป็นโรคที่ต้องทานยาหรือเปล่า คลอดแบบไหน เอื้อนั่งได้ตอนกี่เดือน เดินได้เมื่อไหร่ พูดได้เมื่อไหร่ ตอนเล็กๆ ได้ยินเสียงดังแล้วร้องไห้ไหม และบลา ๆ ๆ ๆ
สรุปผลการตรวจ หูเอื้อปกติ แล้วเอื้อก็ย้ำคำเดิม เอื้อบอกแล้วว่า หูเอื้อไฟน์ คุณแม่ไม่เชื่อเอื้อ อืมม... ก็วันก่อนเอานิ้วถูกันที่ข้างหูเอื้อ ถามเอื้อว่าได้ยินไหมเอื้อตอบว่า ไม่ได้ยิน แบบนี้จะให้เชื่อได้ไง แต่ก็ทำให้โล่งใจว่าเอื้อไม่มีปัญหาเรื่องการได้ยิน
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องหู
- คุณครูให้ความสำคัญกับเด็กมาก แม้จะเล็กน้อยก็ตาม
- คุณหมอตรวจอย่างละเอียด เราไม่ได้เสียตังค์ซักบาท
- โรงพยาบาลคนไม่แออัดยัดเยียดแบบบ้านเรา เพราะทุกคนมีคิวเวลาอย่างชัดเจน (ส่วนฉุกเฉินก็คงมีที่ไป) ตอนที่เข้าไปเห็นมีคนนั่งรออยู่แค่ 2 คน ทุกห้องดูเงียบเชียบ ดูไม่เหมือนโรงพยาบาลแม้แต่น้อย สักพักก็เหลือแค่เรา 3 คนพ่อแม่ลูก
- แต่ถ้าเป็นอะไรที่หนักหน่อยแต่ไม่ถึงขั้นฉุกเฉิน ก็รอกันจนเซ็ง เพราะต้องนัดก่อน ส่วนจะได้วันเวลาไหนก็แล้วแต่ต่อรอง และหมอว่าง ตรงกันข้ามกับบ้านเรา ถ้ามีเงินก็เลือกได้จะเร็วจะช้าแบบไหนมีหมด