รักไม่ยุ่ง มุ่งหักอกสาวๆ
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
ขับรถในอังกฤษ VS ไทย อะไรที่แตกต่าง

วันนี้นั่งอ่านกระทู้ไฟซีน่อน แล้วก็ลำลึกได้ว่าไอ้ไฟซีน่อนนี่มันระบาดหนักจริงๆ ในเมืองไทย
แต่จริงๆ แล้วไม่ได้มีแค่ไฟซีน่อน ท้องถนนในเมืองไทยเรายังมีวัฒนธรรมอื่นๆ อีกมากมาย
ที่ถ้าคุณมาขับรถที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะในอังกฤษ คุณจะไม่ได้พบเห็นเลย


ด้วยประสบการณ์ขับรถในไทยมา 15 ปี แล้วมาต่อขับที่อังกฤษอีก 2 ปี
ผมพบว่าเมื่อต้องมาขับรถที่อังกฤษ ผมต้องปรับเปลี่ยนตัวเองค่อนข้างมาก
เพราะจากนักขับไทยธรรมดา ใช้นิสัยการขับแบบไทยๆ
พอมาขับที่อังกฤษ ผมกลายเป็นนักขับชั้นเลวทันที
พอปรับตัวให้กลายเป็นนักขับชั้นธรรมดาที่อังกฤษได้ กลับไปขับรถที่เมืองไทย
ผมกลายเป็นนักขับไทยชั้น "ไอ้บื้อ" ไปซะแล้ว



เคยอ่านหนังสือบางเล่ม อวดอ้างว่าคนอังกฤษเป็นชนชาติที่ขับรถมีมารยาทมาก
ก่อนหน้าผมเองก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ พอมาขับเองเห็นเอง ก็เห็นว่า เออ มันจริงแฮะ
แต่เพื่อนคนอังกฤษเองบอกว่า เดี๋ยวนี้คนอังกฤษมีนิสัยขับรถแย่กว่าเมื่อสิบปีก่อนเยอะ
ยังต้องคิดว่า ตายแล้ว นี่ขนาดแย่แล้วยังขนาดนี้ สิบปีก่อนจะขนาดไหน(ฟะ)

เมื่อพูดถึงการขับรถ ก่อนขับได้ก็ต้องมีใบขับขี่
ที่อังกฤษนี่สำหรับรถยนต์ทั่วไป ใบขับขี่มี 2 แบบ
แบบแรกเรียกว่า Provisional license ใช้สำหรับหัดขับ
ใครอายุเกิน 18 อยากหัดขับรถก็ไปขอแบบฟอร์มที่ไปรษณีย์
กรอกแล้วส่งไป เสียเงินนิดหน่อย ก็จะได้ใบขับขี่ประเภทนี้มาใช้เพื่อหัดขับเท่านั้น
คือเมื่อขับ ต้องมีคนที่มีขับขี่จริงแล้วอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไปนั่งไปด้วย
และรถต้องติดตัวอักษร L ตัวใหญ่ๆ ไว้ให้คนอื่นเห็นเด่นชัดทั้งหน้าหลัง


อีกประเภทคือใบขับขี่ Full License แบบนี้ต้องสอบผ่านก่อน
สอบทั้งทฤษฏีและปฎิบัติ การสอบเข้มข้นมากโดยเฉพาะภาคปฎิบัติ
เพราะต้องสอบขับบนถนนจริง สถานการณ์จริง
แถมกรรมการเขี้ยวมาก ไม่มีการซูเอี๋ย อัตราสอบตกสูงกว่า 50%
ดังนั้นการต้องสอบ 2 รอบหรือ 3 รอบจึงผ่าน เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่นี่
และเพราะใบขับขี่ที่นี่ได้มายากกว่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ คนที่นี่เลยขับรถดี


เข้าเรื่องบ้างดีกว่า เล่าถึงสิ่งที่แตกต่างบนถนนบ้าง
ข้อ 1 ขับรถมามากกว่า 2 ปี ไม่เคยเจอตำรวจตั้งด่านตรวจเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ กลางวันหรือกลางคืน ตำรวจจราจรอังกฤษไม่เค๊ยไม่เคยมาตั้งด่านตรวจรถกันเลย
พี่ตำที่อังกฤษสงสัยรัฐบาลเลี้ยงดี ไม่ต้องใช้เตารีดคันไถ หรือหาลำไพ่พิเศษจากกระบะ มอไซต์ หรือสิบล้อ
ไม่ต้องซ่อนตัวตามใต้เสาทางด่วน หรือที่มืดๆ ตามท้องถนน
ดังนั้นความกวกขันอุ่นใจแบบไทยๆ หาไม่ได้ที่อังกฤษ


โอกาสที่จะได้เห็นตำรวจจราจรตัวเป็นๆ ยืนบนท้องถนน คือเมื่อมีอุบัติเหตุ สภาพอากาศเลวร้าย
มีรถเสียข้างทาง หรือมีสิ่งแปลกปลอมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายบนถนนเท่านั้น


แต่โอกาสที่จะได้เห็นรถตำรวจขับตระเวนไปมานี่เป็นเรื่องปกติ
โดยเฉพาะบนมอเตอร์เวย์ทางระหว่างเมือง
บางครั้งตำรวจตระเวนในรถธรรมดา คอยขับตามคั้นโน้นคันนี้ แล้วก็ตรวจสอบป้ายทะเบียนไปด้วย
ว่าคันนี้จ่ายภาษี หรือมีประกันครบถ้วนหรือเปล่า

อันนี้ดูจากพวกรายการสารคดีครับ ยังไม่เคยโดนเรียกเอง หรือเห็นรถโดนเรียกด้วยตัวเองเลย

ข้อ 2 คนอังกฤษแทบไม่รู้จักการแต่งรถกันเลย
ซื้อรถออกจากโรงงานมาแบบไหน เค้าก็ใช้ต่อกันแบบนั้นแหละ
ร้านประดับยนต์ ขายชุดแต่ง ล้อแมค หาทำยายากมากๆ
ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจ ขับรถมาสองปีกว่า ยังไม่เคยเจอไฟซีน่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
อ้อ รถติดฟิล์มดำมืด หรือฟิล์มปรอทสะท้องแสงแยงตาข้างหลัง
รถโหลดเตี้ย บิ๊กฟุตยกสูง ไม่มีให้เห็นทั้งนั้น


แม้แต่แฟชั่นสุดเท่ห์คือการไม่ติดป้ายทะเบียนหลังที่คนไทยนิยมกันมาก
ยังไม่เคยเจอแม้แต่คันเดียว



3. คนที่นี่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องกันปีละครั้ง หรือนานกว่านั้น
น้ำมันเครื่องที่นี่เปลี่ยนกันทุกๆ ประมาณ 10000 - 15000 ไมล์
ก็ราวๆ หมื่นหกพันกว่าโล หรือสองหมื่นกว่าโลเปลี่ยนครั้งนึง
เป็นน้ำมันเครื่องเกรด semi นี่เอง


ส่วนบ้านเราศูนย์ฯ บอกให้เปลี่ยนทุก 3000 - 5000 โล
ถ้าเป็นพวกน้ำมันสังเคราะห์นานหน่อย หมื่นโล
เอ สงสัยน้ำมันเครื่องที่นี่มันเทพกว่าหรือไงเนี่ย
หรือเราถูกบริษัทขายน้ำมันเครื่องหลอกให้เปลี่ยนเร็วกว่าที่ควรหว่า

4. การกระพริบไฟสูงสำหรับที่ประเทศอังกฤษและอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก
เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการให้ทาง ต่างจากเมืองไทยที่หมายถึง เอ็งหลบไปให้พ้นๆ เลย ออกมาตรูชน


ดังนั้น ถ้าคุณรอเลี้ยว หรือเปิดไฟเลี้ยวขอเปลี่ยนเลน
รถที่สวนทางมาหรือรถที่อยู่ด้านหลังกระพริบไฟให้
แปลว่าเค้าให้ทางคุณ ให้คุณไปก่อน

แถมที่ประหลาดคือ คนที่นี่ให้ทางกันง่ายมากๆ
เวลาจะออกจากซอย หรือเข้าเลนผิดต้องเปลี่ยนเลน ไม่ต้องเครียด
เดี๋ยวคันหลังก็ให้ไปเอง


5. คนที่อังกฤษนี่นิยมเข้าคิวกันมาก แม้แต่การขับรถ
เช่นบนถนนที่มี 2 เลน เมื่อติดไฟแดง
รถส่วนใหญ่จะพร้อมใจกันไปติดรออยู่เลนซ้าย
ไม่ค่อยมีใครออกขวาเพื่อไปติดในคิวที่มันสั้นกว่า ทั้งที่มันก็ว่างๆ แล้วก็ไปตรงต่อเหมือนกัน

ต่างกับเมืองไทย ที่เลนไหนว่างกว่าแม้แต่ช่วงคันรถเดียว
ก็จะมีคนเลื้อยเปลี่ยนเลนไปมา ขอให้ได้ไปเร็วอีกนิดเถอะน่า


ยิ่งไปกว่านั้น คนที่นี่ไม่ค่อยหวงเลน ถ้ารถมันติดเป็นขบวนยาว
แล้วคุณวิ่งขวามาโกงรอปาดซ้าย หรือจะเปลี่ยนเลน หรืออะไรก็ตาม
รถคันหลังมักพร้อมที่จะอภัย และให้ทางให้คุณแทรกเสมอ

เจอแบบนี้บ่อยๆ คุณจะอายไปเองจนหลังๆ ไม่กล้าทำพฤติกรรมแบบนี้
ต่างจากบ้านเรา ที่รถคันหลังจะพยายามขับจี้ตูดคันหน้าให้มากที่สุด
เพื่อปิดทางไม่ให้พวกรอแทรก แทรกตัวเข้ามาได้เด็ดขาด

6. ที่อังกฤษมีวงเวียนเยอะมากถึงมากที่สุด
ต่างจากบ้านเราที่ขนาดใน กทม ยังมีแค่ไม่กี่วงเวียน
วงเวียนที่นี่ยึดหลักว่า ถ้ามีรถทางขวามือ ให้รถทางขวาไปก่อนเสมอ
แม้รถทางคุณจะติดมากๆ ค่อยๆ กระดึ๊บ
แต่เมื่อใดที่มีรถทางขวามา แม้เค้าจะมาทีหลังจากทางที่ว่างกว่า ก็ต้องให้เค้าไปก่อน


แต่ไม่ต้องแปลกใจ คนที่นี่จำนวนไม่น้อยรักความเป็นธรรม
แม้จะมาจากทางขวา ได้สิทธิไปก่อน
แต่ถ้าเค้าเห็นว่ารถทางซ้ายติดว่า คนรอคิวเข้าวงเวียนกันนานกว่า
รถขวาอาจจะหยุด แล้วกระพริบไฟให้คุณไปก่อน หรือผลัดๆ กันไปก็ได้


7 กฏจราจรที่นี่ศักดิ์สิทธิแม้พี่ตำจะไม่มาคอยหลบๆ ซ่อนๆ ตรวจ
คนที่นี่ปฏบัติตามกฏเป็นกิจวัตร แม้ดึกดื่นเที่ยงคืน ติดไฟแดงทั้งๆ ที่เลนอื่นๆ ไม่มีรถ ถนนว่างโล่ง
คนที่นี่ก็จะติดรอจนกว่าจะไฟเชียวนั่นแหละ ลูกลักไก่มีน้อยมากๆ

แต่การลักไก่ตอนไฟเหลือง มีให้เห็นบ้างเหมือนกัน
แต่มีข้อยกเว้นสำหรับคนข้ามถนนนะครับ ที่ถ้าถนนว่างๆ แม้จะเป็นจังหวะห้ามข้าม
คนที่นี่จะข้ามถนนกันเป็นเรื่องปกติ แปลกจริงๆ มันขัดๆ กันเองยังไงไม่รู้

แล้วอะไรที่เหมือนเมืองไทยมั่ง มีไหมหละ

ก็ต้องบอกว่ามีครับ 5 5 5 นั่นคือ พวก taxi วัยรุ่น หรือรถเมล์ เป็นข้อยกเว้นเรื่องมารยาทการขับ
พวกนี้ขับไม่ต่างจากนักขับไทยๆ ทั่วไป สามารถมาขับในเมืองไทยได้โดยไม่กระดาก


คนขับเลวๆ ก็มี แต่โอกาสที่จะเจอพวกนี้ เทียบกับการขับรถในบ้านเราแล้ว
มันน้อยมากๆ บ้านเราเจอทุกวัน ที่นี่นานๆ เจอที


สามสี่เดือนก่อนกลับไปไทย ขับรถวันแรกเผลอใช้นิสัยอังกฤษ
นั่นคือมีน้ำใจ ให้ทางตลอด ไม่ว่าจะมีรถเลี้ยว รถขอเข้าเลน ผลคือได้เรื่องครับ
คันหลังบีบแตรไล่บีบแตรด่าตลอดทาง ต้องปรับตัวกันมากมาย


พอมาชับรถที่ ตปท นี่ ทำให้มันเห็นข้อแตกต่าง หรือความรับผิดชอบต่อสังคม
ที่คนในประเทศพัฒนาแล้วมีมากกว่าอย่างเทียบไม่ติด
ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่สะดวก ไม่ค่อยมีคนทำกัน ก็นับว่าเค้าปลูกฝังกันดี


ยิ่งอะไรเลวๆ เช่นไฟซีน่อนแยงตาชาวบ้าน เปิดไฟตัดหมอกทั้งที่ไม่มีหมอก
ไม่ติดป้ายทะเบียนหลัง หรือติดฟิมล์ปรอทที่มันสะท้อนเข้าตาชาวบ้าน


อะไรๆ ที่ทำแล้วมันส่งผลกระทบคนอื่น เดือดร้อนคนอื่น
นักขับในประเทศที่เค้าพัฒนาแล้วเค้าไม่ค่อยทำกันครับ
ไม่ต้องรอให้ตำรวจมาตั้งด่านตรวจจับ สำนึกเค้ามีกันได้เอง

ก็เลยเอามาบอกเล่ากัน
เห็นคนไทยบางคนบอกเมืองไทยดีที่สุด คนไทยมีน้ำใจ
โดยส่วนตัวก็อยากจะบอกว่า
ผมว่าไม่จริง(หวะ) เพราะวัฒนธรรมการขับรถ
มันสะท้อนตัวตนของคนในชาติได้ดี ว่ามีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคน
เห็นแก่ตัว หรือมีน้ำใจแค่ไหน


Create Date : 23 ธันวาคม 2554
Last Update : 23 ธันวาคม 2554 20:25:49 น. 7 comments
Counter : 3247 Pageviews.

 
แหม่..อ่านแล้วโดนอย่างแรง
แอบขำ แล้วก็เห็นด้วยอย่างนั้นจริงๆค่ะ
อีกอย่าง..
แทบจะไม่เคยได้ยินเสียงบีบแตรบนท้องถนนเลย
เพราะเค้าขับรถมีมารยาทกันมากๆ

วัฒนธรรมการขับรถที่แคว้นเวลส์ก็น่าทึ่งเหมือนกัน
คือพอถึงวงเวียน เค้าจะจอดให้ทางรถที่มาทางขวาก่อน
แล้วคนขับเนี่ยน่ารักมาก เค้าจะยกมือเป็นสัญญาณเหมือนกับขอทาง และเป็นการขอบคุณไปด้วย
ทีแรกก็นึกว่า เค้าเจอคนรู้จัก ก็เลยยกมือทำ่ท่าทักทายกัน
แต่ปรากฏว่า ไปที่ไหนก็เจอแบบนี้ตลอด น่ารักดีค่ะ
ถ้ามีรถสวนมาในทางแคบๆ เหมือนกับจะแย่งกันเสียสละให้อีกฝ่ายไปก่อน ประมาณนั้นเลย 5555

เท่าที่ถามคนใกล้ตัว เขาบอกว่าสถิติปีหนึ่งๆ ในเวลส์
จะมีอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่เกินสิบครั้ง
ทั้งปีนะคะ สิบครั้งเนี่ยถ้าเป็นเมืองไทย
วันเดียว ในจังหวัดเดียว เราก็ทำยอดได้แล้วหละค่ะ จริงมั้ย





โดย: หกพันไมล์ วันที่: 23 ธันวาคม 2554 เวลา:22:56:06 น.  

 
อ่านแล้วโดนใจเหมือนกันค่ะ แอบขำด้วยเพราะว่าเป็นเหมือนกันเลยค่ะ มาขับที่สก็อตแลนด์แรก ๆ นี่ต้องปรับตัวอย่างหนัก เหมือนเราขับรถนิสัยไม่ดียังไงก็ไม่รู้ 555 เดี๋ยวพอไปขับที่ไทยก็กลายเป็นดีเกินไปอีก

ยังไงก็เมอร์รี่คริสต์มาสแล้วก็สวัสดีปีใหม่นะคะ



โดย: แม่น้องไอล่า วันที่: 24 ธันวาคม 2554 เวลา:21:23:01 น.  

 
เห็นด้วยว่า ต่างประเทศ ขับรถมีมารยาทกว่าจริง ๆ
คิดว่า นั่นเป็นเพราะวัฒนธรรมที่มีการปลูกฝังกันมานาน
และใบขับขี่ที่ได้มา ก็แสนยาก
คนจะได้ใบขับขี่ จึงฝึกฝนมาทั้งทฤษฎี และปฏิบัติอย่างถูกต้อง
จะเห็นได้จากวัฒนธรรมการข้ามถนน ก็เหมือนเมืองไทย คือว่าง ก็ข้าม

แต่เรื่องความใจดี มีน้ำใจ
ผมว่า เขาไม่ได้มีมากนักหรอก

เทียบแล้ว ยังคิดว่า คนไทยมีน้ำใจมากกว่า
แต่วัฒนธรรมเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้น เราไม่มี
และมารยาทการขับรถ เราก็ไม่ได้สอนกันมา

การเคารพนบนอบ ไปลา มาไหว้
การนับถือกันเป็นญาติ พี่น้อง
วัฒนธรรมฝรั่ง ไม่มีนะครับ

สรุป ผมคิดว่า สิ่งที่วัฒนธรรมของเราขาดคือ
สำนึกในเรื่องวินัย และการคอร์รัปชั่น
นี่คือปัญหาใหญ่ของเรา


โดย: ช่วยกันพัฒนาเมืองไทยนะครับ IP: 114.73.75.10 วันที่: 25 ธันวาคม 2554 เวลา:4:55:20 น.  

 
เห็นด้วยกับ คุณช่วยกันพัฒนาเมืองไทยนะครับ ด้วยคนค่ะ ส่วนตัวไม่ได้คิดว่าเค้ามีน้ำใจมากกว่า แต่ด้วยการถูกปลูกฝังในระเบียบวินัยที่ดีมากกว่าค่ะ


โดย: คนต่างแดนเหมือนกัน IP: 213.93.59.182 วันที่: 26 ธันวาคม 2554 เวลา:1:46:57 น.  

 
โดนมากค่ะ ที่นี่ที่ฝรั่งเศสก็เหมือนกัน คล้ายๆกับที่อังกฤษเลย


โดย: DaVBeaN วันที่: 5 มกราคม 2555 เวลา:7:02:15 น.  

 
อ่านไปขำไป......โดนจิงๆๆ


โดย: Pui&Deb วันที่: 7 มกราคม 2555 เวลา:1:58:07 น.  

 
เห็นด้วยทุกประการเลยคะ เพราะส่วนตัวขับรถที่เมืองไทยมา 20 กว่าปี พอมาที่นี่เหมือนคนขับไม่เป็นซะงั้นแหนะ นี่ถ้ากลับไปขับที่ไทยอีกสงสัยคงต้องได้ชนกันแน่ โดยเฉพาะเรื่องกระพริบไฟให้ทาง-ขอทางนี่ แบบต้องหยุดใช้ไปเลย (เคยมีคนอังกฤษมาประสบอุบัติเหตุที่นี่ด้วยสาเหตุนี้ด้วยแหละ)


โดย: Nilu Lay IP: 81.105.92.254 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2556 เวลา:2:26:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ประกอบ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ชื่อประกอบครับ อ้วนๆ ดำ ๆ ใส่แว่น แต่ดูดี๊ดูดี ไม่รู้ทำไม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไม "หล่อ" ขนาดนี้
Free counters! free counters
New Comments
Friends' blogs
[Add ประกอบ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.