Welcome to my blog : Victoria's Secreat blog
แก้แค้น 10 ปีเค้าว่ายังไม่สาย แต่นี่จะมาแบนกัน 10 ปี มันจะยังไง part 2

June 2,2010
ถึงวันกำหนดเดินทางของสามีและลูก เราไปรอรับที่สนามบินก่อนถึงเวลาเล็กน้อย ในที่สุด เราสามคนก็ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง

กี้ คือชื่อที่เราเรียกลูกเราบ่อยที่สุด หลับตาพริ้มอยู่ในรถเข็น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นลูกเรา ตอนครั้งสุดท้ายที่เห็นเมื่อตอนไปส่งที่สนามบินเมื่อปลายปีก่อน ผมยังสั้นจุ๊ดจู๋ราวกับเด็กผู้ชาย คราวนี้ลูกแม่โตเป็นสาว ผมยาวประบ่า แต่หน้าตาลูกก็ยังไม่เปลี่ยน ยังสวยเหมือนเดิม ^_^

June 11,2010
นัดสัมภาษณ์ 9 โมงเช้า แต่เราออกตัวค่อนข้างสาย บวกกับรถติดหนักในช่วงเวลาดังกล่าว เราจึงต้องพึ่งพี่วินเพื่อไปให้ถึงจุดหมายได้ทัน เราไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อย แถวไม่ยาวมากนัก จากนั้นก็ถึงคิวเข้าประตู ตรวจสอบโน่นนี่เสร็จ ก็เดินไปตามทาง จนถึงแผนกวีซ่าถาวร นั่งรออยู่นาน จนถึงเวลาเรียกสัมภาษณ์ คนที่สัมภาษณ์เราเป็นผู้หญิงผมทอง วัยคงแก่กว่าเราไม่กี่ปี เคี้ยวหมากฝรั่งแจ๊บๆ เริ่มต้นคุยกับเราเป็นภาษาไทย และกลายพันธุ์เป็นภาษาอังกฤษในเวลาต่อมา ครึ่งแรกของการสัมภาษณ์เหมือนเป็นการเช็คประวัติซะมากกว่า ต่อมาเหมือนเป็นคำถามรายการเกมส์โชว์ ซึ่งเราก็ตอบคำถามได้โดยไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมา เพราะสิ่งที่เราพูดมันคือความจริง Base on true story :P

ต่อมาครี่งหลัง คำถามเริ่มจริงจังมากขึ้น และเกี่ยวพันธ์กับวีซ่าที่เราถืออยู่ เราบอกว่าครอบครัวเรารออยู่ด้านนอก และจะบินกลับอเมริกาพร้อมกันหลังได้วีซ่า ซึ่งเธอได้บอกว่า เราจะไม่ได้กลับไปพร้อมกันแน่นอน เพราะ Over Stay และมีการคาดโทษห้ามเข้าอเมริกาถึง 10 ปี เราฟังถึงตรงนี้ก็สะดุดหูเข้าอย่างจัง ถามกลับไปว่า คุณล้อเล่นหรือเปล่า หล่อนตอบกลับพลางเคี้ยวหมากฝรั่งแจ๊บๆ ว่าไม่ได้ล้อเล่น เรื่องจริงแน่นอน น้ำตาเราก็ไหลออกมาพรากๆๆๆ จินตนาการไปถึงระยะเวลา 10 ปี จะให้เราอยู่เมืองไทยถึง 10 ปีเลยเหรอ แล้วจะทำมาหากินอะไร ลูกล่ะ อยู่ที่ไหน เราวางแผนให้ลูกเราเรียนที่โน่นอยู่แล้ว จะให้ลูกอยู่เมืองไทยกับเราเหรอ แล้วอนาคตลูกล่ะ แล้วถ้าให้อยู่กับพ่อเค้าที่โน่น แล้วเราล่ะ ??? คำถาม และคำตอบ ที่ยิงเข้ามาในหัวสมอง แผน 1,2,3…. ที่คิดเองตอบเอง ในระยะเวลาไม่กี่วินาที มันทำให้บ่อน้ำตามันตื้นโดยอัตโนมัติ ถึงตอนนั้น หูเราได้ยิน แต่สมองมันไม่กลั่นกรองอะไรแล้ว คนที่สัมภาษณ์ถามเราว่าไหวมั๊ย เรายกแขนขึ้นมาปาดน้ำตา พร้อมตั้งคำถามไปว่า เรายังสามารถกลับไปที่โน่นได้อยู่ใช่มั๊ย คุณมีข้อมูลอะไรให้เราได้หรือเปล่า เธอยื่นกระดาษให้เรา หลายแผ่น พร้อมกับบอกว่าให้ทำตามขั้นตอน

จบการสัมภาษณ์อย่างผิดหวัง น้ำตาหายไปแล้ว แต่รู้สึกโลกมันกว้างยังไงไม่รู้ คิดถึงลูก ที่ตอนนี้ก็ยังจำเราไม่ได้เลย แล้วถ้าปล่อยไป 10 ปีจะเป็นยังไง คิดไปต่างๆนาๆ

เราเดินออกมาจากสถานทูต เพื่อข้ามสะพานลอยไปยังตึกตรงกันข้าม ซึ่งคุณสามีและลูกรอเราอยู่ก่อนหน้านี้ ระยะทางมันใกล้เพียงนิดเดียว แต่เรารู้สึกมันไกลมากๆ ในมือหนึ่งถือเอกสารที่เพิ่งได้รับจากทางสถานทูตระบุว่าเราติด section 212(a)(9)(v) , a 10 years bar เราถือแนบกับอก ราวกับแบกหินก้อนหนักๆมาด้วย ในหัวยังตื้อๆตันๆ

ไม่กี่นาทีเราก็เจอหน้าลูกกับคุณสามี และรีบคว้าเจ้าตัวเล็กมากอดไม่ยอมวาง คุณสามีถามว่าเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้พูดอะไรกับสามี เพราะเราหลุดโลกไปแล้ว ได้แต่ส่งเอกสารที่เพิ่งได้รับมาจากทางสถานทูตให้กับคุณสามี เราบอกว่าคำตอบมันอยู่ในนี้ ....



Create Date : 24 สิงหาคม 2553
Last Update : 24 สิงหาคม 2553 22:47:30 น. 1 comments
Counter : 555 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:23:06:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

VICTORIA LOVE
Location :
NC United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add VICTORIA LOVE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.