Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
ชีวิตเศร้าๆของเรา

How about my feeling?

ไดอารี่วันนี้ยาวหน่อยนะคะ

ก่อนหน้านี้อยากจะมาเขียนระบายในบล๊อก แต่ว่าก็มาเขียนไม่ได้

เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนี้เราทำงานมาครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว
.
.
.
.
เอาอย่างงี้ดีกว่า....ก่อนจะเล่าเรื่องปัจจุบัน
เราขอท้าวความถึงเรื่องอดีตชีวิตของเราก่อน
เราเป็นลูกสาวคนเดียว
ที่บ้านเราก็ไม่ได้เคร่งครัดอะไรมาก ค่อนข้างจะตามใจ
แต่เราไม่ใช่คนเที่ยว ไม่ใช่คนเฮฮา ไม่ใช่คน เฟรนลี่
เราค่อนข้างเก็บตัว อยู่กับบ้าน นั่งเบื่อๆ
ชีวิตส่วนมากเราอยู่กับอินเตอร์เนต แล้วก็งานฝีมือที่เราชอบทำ

ตลอดชีวิตการเรียนของเราแต่เด็ก จนถึงจบ ปตรี
เราเรียนในรั้วๆเดียว
ที่เดิม ตลอดเวลาประมานยี่สิบปี
เพราะฉะนั้น เราจะเป็นคนที่ไม่ค่อยไปไหนไกลๆ
ทั้งที่อยู่กรุงเทพมาตลอดชีวิต
แต่ถ้าถามว่ารู้จักแถวนู้น แถวนี้มั๊ย เราไม่รู้

ฟังดูเป็นพวกขี้กลัว ไร้สาระ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
เราก็ไม่ได้เถียงอะไรนะ เราอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆก็ได้

เราเรียบจบมาประมานต้นปี ปีที่แล้ว
หลัวจบมาเรายังชิลอยู่
ไม่ได้สมัครงานมาซักพัก ด้วยข้ออ้างที่ว่า
ยังเขียนเรซูเม่ไม่เสร็จบ้าง ไม่มีชุดไปสัมภาษบ้าง
จนมาถึงช่วงเวลานึง ที่เราสมัครผ่านทางเนต
ก็ไม่เห็นมีใครเรียกเราไปสัมภาษ
ช่วงนั้นเราก็เคว้ง แถมเป็นช่วงที่อกหักด้วย

คราวนี้อาจารที่ปรึกษาเรา เค้าทำวิจัย
แล้วเค้าต้องการผู้ช่วย
เราก็เลยไปเป็นผู้ช่วยวิจัย ทำLabให้อาจารย์
ซึ่งมันเป็นเรื่องของเคมีทั้งนั้น เราไม่ถนัดเชี่ยวชาญ
ถึงเรียนมาบ้างก็เถอะ
แต่อาจารย์ก็สอนเรา

เผอิญตอนนั้น มีเพื่อนเราสองคนก็ทำงานให้อาจารย์อีกสองท่านด้วย
เราเลยมีเพื่อน ไม่เหงา
ตอนกลางวันก็ไปทานข้าวด้วยกัน
ตอนเย็นก็ออกจากห้องพร้อมกัน
ทุกอย่างมันก็โอเค

จนมีช่วงหนึ่ง จุฬารับสมัครปโท ทางด้านโพลิเมอร์และเทคโนสิ่งทอ
เพื่อนเราก็ชวนไปสมัคร
เพื่อนเราเรียนเอกมาทางด้านนี้อยู่แล้ว แต่เราไม่ได้เรียน
เราก็ไปสมัคร ไปสอบ
แต่เราไม่ได้ซีเรียสมาก
หนังสือของเค้าเราก็อ่านนิดเดียว
เผอิญว่าเค้ารับมากกว่าจำนวนคนสมัคร
เราก็ไปสอบ
แล้วก็สอบไม่ติด (ติดก็แปลก)
ที่จริงเราก็ไม่อยากเรียนด้วยล่ะ เพราะว่าถ้าเรียนจริงๆคงเครียดน่าดู
เพราะเราเรียนไม่เก่งด้วย

ระหว่างช่วงนั้นก็มีมีอีกโปรเจคนึงคือ
มีการเปิดรับสมัครอาสาสมัครไปภูฎาน
มีหลายสาขา มีทางด้าน product development : Handicraft
เราก็สมัครไป เราผ่านสอบอังกฤษ ผ่านสัมภาษ
และได้เข้าไปฝึกอบรม
อบรมภาษา อบรมhandicraft และอบรมจิตสำนึกอาสาสมัคร
ซึ่งแต่ละอย่างนั้นเราทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ด้วยความที่เราไม่ค่อยพูด เงอะๆงะๆ
แล้วก็แสดงความคิดเห็นไม่เป็น
สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้ไป

ความจริงแล้ว พ่อแม่คงคาดหวังให้เราได้ไป
เค้าคงคาดหวังกันพอสมควร
แต่พอเราไม่ได้ไปเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร
ที่จริงแล้วที่บ้านไม่เคยว่าอะไรเราเลย
เวลาเราทำไม่สำเร็จ เค้าจะบอกว่า ก็ทำดีที่สุดแล้ว

หลังจากนั้น น้าเราเค้ามีทริปทำทัวกลุ่มเล็กๆไปต่างประเทศ
เค้ามาชวนแม่เรา
แม่ก็มาถามว่าเราอยากไปมั๊ย
ที่จริงแล้วที่ๆเค้าไปเป็นประเทศในฝันเรา
แต่เราบอกว่าไม่อยากไป เปลืองเงิน
เราไม่อยากให้แม่ต้องมาเสียเงินมากมายกับเรา
แต่แม่อยากให้ไป
อยากให้มีประสบการณ์
สุดท้ายแล้วเราก็ไปกะแม่สองคน
เวลาสั้นนิดเดียว ได้เที่ยวน้อย
เจอตำรวจจับ แล้วก็โดนคนว่า
แต่ก็ถึอเป็นประสบการณ์ที่ดีของเรา

หลังจากกลับมาแล้ว
เราก็มีรับจ๊อบพิเศษกับอาจารย์บ้าง
มีไปสัมภาษงานบ้าง
แต่ว่าก็ไม่ได้
ช่วงนั้นเราก็รู้สึกเคว้ง รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์
เพื่อนเราเรียน เพื่อนเราทำงาน อีกคนมีกิจการของตัวเอง
แต่เราอยู่บ้านเฉยๆ นั่งเล่นคอมไปวันๆ เกาะพ่อแม่กินไปวันๆ
เราก็เครียด แต่เราไม่ได้พูดกับใคร
แล้วเราก็เลยคิดโปรเจค
จะทำของแฮนเมดขายทางเนต
เราทำเว็บไซท์เล็กๆ
เย็บสมุดทำมือขาย
ตอนแรกสินค้าแทบไม่มีไรเลย
แม่เราก็เย็บโครเชมาร่วมแจม
เราขายสมุดได้เล่มนึง
แต่ค่าส่งก็แพงจัง(เผอิญว่าวันนั้นเป็นวันหยุด แล้วเราอยากส่งให้ถึงลูกค้าเร็วๆ เราเลยใช้ไปรษณีย์เอกชนแถวบ้าน ซึ่งราคามันแพง)

หลังจากนั้น ก็มีบริษัทนึงเรียกเรามาสัมภาษ
เราก็มา
แล้วเค้าโทรกลับไปว่าเราได้
ให้มาเริ่มทำเดือน พค
เพราะเดือน เมย มันวันหยุดเยอะ
ตอนที่เค้าโทรมาให้ความรู้สึกเป็นกันเองมาก
ทำให้เรารู้สึกอยากมาทำงาน
เค้าบอกว่าที่นี่ทำงานกันแบบพี่น้อง
อย่างนู้นอย่างนี้
เราก็โอเค
ฟังดูแล้วก็น่านุก
เราก็ตบรับคำไป
แล้วก็รอจนถึงวันที่จะมาทำงาน

จนถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เราเริ่มมาทำงานวันแรกวันจันทร์

วันแรกก็ไม่มีอะไรมาก ไม่ค่อยมีอะไรทำ
ฝ่ายบุคคลก็พูดกับเราดี
พาเราไปแนะนำ
มาคุยกะเราบ้าง
ก็ไม่มีอะไร
จนเรานั่นรถตู้กลับบ้าน
นั่งไปได้ซักพัก
เราก็น้ำตาคลอขึ้นมา
เป็นอะไรไม่รู้ แต่เราอยากร้องไห้
เราไม่อยากทำ
เราก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ทำไมถึงจะร้องไห้
จนเรากลับมาบ้าน
ตอนก่อนนอนเราก็คุยกะแม่ไปร้องไห้ไป
จำไม่ได้แล้วว่าคุยอะไรบ้าง

วันที่สองก็เป็นเหมือนเดิม
ไม่ค่อยมีงานอะไร
แต่เราเป็นคนเครียดง่ายไง
บรรยากาศมันก็เครียด
แล้วก็เหมือนเดิม
กลับไปตอนแรกก็ว่าไม่ได้เป็นอะไร
แต่คุยกับพ่อแล้วก็ร้องให้
ก็เล่าๆให้พ่อฟัง
พ่อก็ไม่ได้พูดอะไร
แต่เค้าก็ทำหน้าเครียดๆนิดหน่อย
เพราะที่จริงเค้าไม่อยากให้เราทำแต่แรกแล้ว
เค้าอยากให้เราเรียนต่อ
จนมาถึงวันที่สาม
เราก็ทำงานตามปกติ
พอช่วงเราว่าง
ฝ่ายบุคคลก็เรียกเราไป
แล้วก็ให้เอกสารเรามาดู บอกว่าเด๋วจะโอนให้เราทำ
เป็นเอกสารเกี่ยวกับการทำบัตรส่งออก
เราก็เอามานั่งอ่าน
แล้วก็เครียดๆว่า ทำไมอ่ะ เราเพิ่งเข้ามาทำไมถึงให้เราทำ
ให้เป็นตัวแทนบริษัทเลยเหรอ
เราก็เดินเอาเอกสารไปให้พี่เค้าหลังจากที่เราอ่านเสร็จ
พี่เค้าก็ถามเราว่า เข้าใจรึเปล่า
เราก็บอกว่า ยัง งงๆอยู่นิดหน่อย
แล้วก็ถามเราว่าเราจะทำได้มั๊ย เราก็ว่าคงได้ แต่ถ้าเรื่องกฎหมายนี่เราไม่ค่อยรู้เรื่องหรือเชี่ยวชาญมากนัก
เค้าก็บอกว่าถ้าเป็นผู้ช่วยเจ้านายเนี่ย ต้องทำได้
บริษัทเราก็เคยส่งออกนะ
ปีที่แล้วก็ส่งออกสองไปยุโรปสองครั้ง
%^&$%%^$^% textile กับ #%#%$ textile รู้จักป่าว
เราก็งงว่าอาราย?? เลยตอนไปว่าไม่ทราบค่ะ
เค้าก็ทำหน้าแบบว่า...แล้วก็ถามว่า จบไรมา??
เราก็เลยบอกว่าสิ่งทอ
เค้าก็เลยเรียกเราเดินไปที่โต๊ะ แล้วเอาเรซูเม่ที่เราสมัครมาเปิดดู
ถามว่า EU flower ที่เราเขียนในนี้คืออะไร
เราก็บอกว่ามันคือตรารับรองเรื่องเกี่ยวกับมลพิษ
แล้วเค้าก็เปิดๆๆๆดูใบพวกส่งออกแล้วถามเราว่าเคยเห็นมั๊ย
เราบอกว่าของจริงเรายังไม่เคยทำ
เค้าก็อารมณ์เสียแล้วบอกว่า ใครสอนใครกันแน่เนี่ย
เราก็งงสิ
อ่านมาถึงตอนนี้คงจะคิดว่า โหย เรื่องทำมะดามาก
ใครๆเข้าไปงานใหม่ก็ต้องเจอแบบนี้ใช่ป่าว
แต่แบบว่าคำพูดพวกนี้มันทำให้เราเสียความรู้สึกมาก
ไม่รู้สิแบบว่าคนฟังฟังแล้วรู้รู้สึกแย่มากเลยวันนั้น
เราโทรไปปรึกษาเพื่อนตอนเย็น
แล้วเล่าให้แม่ฟัง
ส่วนมากก็จะบอกว่าให้เราอดทน

พอวันต่อมาก็มีการมาแขวะพุดลอยๆว่า
พวกอ่อนประสบการณ์ก็ได้แต่นั่งอยู่หน้าคอม
มาคอยจ้องเช็คว่าเราทำงานรึเปล่า
พูดจริงๆว่าช่วงนั้นอึดอัดมาก
อยากออกเลยอ่ะ
คือทุกอย่างโดยรวมโอเคนอกจากเรื่องนี้แหละ
แต่เราก็ต้องอดทนใช่มั๊ยล่ะ
ทุกคนต้องอดทน
เราก็จะพยายามอดทนเหมือนกัน





Create Date : 11 พฤษภาคม 2552
Last Update : 11 พฤษภาคม 2552 20:55:16 น. 11 comments
Counter : 817 Pageviews.

 
ต่ายก็ทานข้าวไป1จานเหมือนกาน

แต่มื้อเดียว

อิอิ


โดย: Moon~JulY วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:42:21 น.  

 
สู้ สู้ สู้ สู้ สู้ สู้

อ่านแล้วเข้าใจอ่ะ กลุ้มใจเหมือนกันเลย


โดย: ปลาทอง IP: 119.42.96.73 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:49:00 น.  

 
อ่านมาจนจบ

คืออาจเป็นเพราะพึ่งทำงานยังไม่ชินกับคนมากๆที่มีหลาย

นิสัย ใช่ว่าจะมาดีกับเราหมด

แต่มองแง่ดีคือเค้าสอนเราให้อดทน

ยิ้มสู้เข้าไว้ค่ะ

หรือบางที อาจไม่ใช่งานที่ตัวเองรัก

เลยลำบากหน่อย

ใจเย็นๆค่ะ

สู้ๆ สู้วุ้ยยยย





โดย: Moon~JulY วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:54:05 น.  

 
สู้สู้นะจ๊ะ



โดย: quiquie1306 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:34:06 น.  

 
ขอให้ทำงานอย่างราบรื่นนะคะ

MORNING KISS KA.


โดย: Moon~JulY วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:16:58 น.  

 
ฟังดูแปลกนะ จากประสพการของผมทำงานมาหลายปี
พนักงานใหม่จะต้องมีพี่เลี้่ยง ยิ่งเป็นเด็กเพิ่งจบบริษัทจะต้องไม่ปล่อยให้ทำงานเอง ไม่มีไกด์ไล หรือไม่มี job description แต่ละตำเหน่งงาน

พนักงานใหม่ไม่มีประสพการสักเอะ เขาไม่สามารถทำงานได้ทันทีแม้จะเรียนมาโดยตรง.....แปลกใจมากๆ ครับกับประสพการณ์ของน้อง และบริษัทนี้
เอาใจช่วยครับ
อ้อ อีกอย่างนึ่ง ภายในเดือนแรกเป็นเดือนปราบเซียน เนื่องจากเป็นสังคมใหม่ของเรา ต้องการความคุ้นเคยสักระยะหนึ่ง มาให้กำลังใจครับ


โดย: Yoawarat วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:46:29 น.  

 
เอาล่ะค่ะ มาให้กำลังใจนะคะ

เราเองเป็นลูกคนโต ในจำนวนพี่น้องสามคนค่ะ
เพราะฉะนั้นเราโตขึ้นมาด้วยคำว่า "พี่คนโตต้องรับผิดชอบกว่าน้องๆ" มาตลอด
คือที่บ้านมีอะไรก็เราตลอดค่ะ จริงๆ แล้วก็เครียดนะคะ
โตมาแบบต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย

ชอบอยู่บ้านทำงานฝีมือเหมือนกันค่ะ
เรื่องออกนอกบ้านนี่ ตอนเรียนมหาลัย เพื่อนพาเที่ยวที่นู้นที่นี่
มันดูตื่นตาไปหมด แต่ไม่ได้เที่ยวกลางคืนนะ เพราะห่วงนอนมากกว่า
หลงทางก็ออกบ่อย จากที่เคยกล้าๆ กลัวๆ ก็กลายเป็นความท้าทาย

เพราะฉะนั้นเปลี่ยน "ความกลัว" ให้เป็น "ความท้าทาย" ดูสิคะ
ท้าทายต่อความสามารถของเรา
เราเชื่อว่าไม่มีอะไรที่หนึ่งสมองและสองมือของเรานั้นทำไม่ได้
ถึงแม้ว่าก้าวแรกๆ ที่ทำอาจจะไม่สวยหรูนักก็ตามค่ะ
เหมือนกับที่เริ่มทำงานฝีมือ ชิ้นแรกๆ อาจจะดูไม่สวยนัก
ถ้าเรารู้สึก "สนุก" และ "มีความสุข" ปน "ความท้าทาย"
ผลที่ได้เราก็ภูมิใจในตัวเองค่ะ

อย่าท้อนะคะ

เริ่มแรกอาจไม่ดี ไม่สำเร็จ
แต่ใช่ว่าจะไม่สำเร็จเสมอไป
ตราบใดที่เรายังมีพลังและความมุ่งมั่นค่ะ

อย่าลืมนะคะเปลี่ยน "ความกลัว" ให้เป็น "ความท้าทาย" ค่ะ

สู้ๆ


โดย: oanotai วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:07:58 น.  

 
เอาหล่ะค่ะ อายุยังน้อย (แต่ความอดทนมากโข )
เดินตามฝันตัวเองค่ะ เราชอบอะไร อยากทำอะไร หาให้เจอแล้วทำตามฝัน แม้จะท้อหน่อยแต่ก็จะไม่เหนื่อยล้ามากเกินจะทนไม่ไหวค่ะ
เอาใจช่วยนะ


โดย: รักกัน วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:7:59:53 น.  

 

Thinking Of You Myspace Comments


โดย: Moon~JulY วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:30:41 น.  

 
งานที่ผมทำมั่วล้วนๆครับ

เน้นมั่ว รั่ว และไม่คิดอะไรมาก -_-

บางทีผมว่าชีวิตไม่ต้องไปคิดไม่ต้องยึดติดอะไรมากหรอก
ทำทุกอย่างที่ชอบให้เต็มที่ก็ถือว่าเกิดมาคุ้มแล้วแหละครับ(และอย่าไปเสียเวลากับอะไรที่ไม่ใช่ตัวเราด้วยนะ)

ชีวิตมันสั้นเน้อ 555+


โดย: The Tod (The Tod ) วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:37:53 น.  

 
ปกติพนง.ใหม่เค้าต้องสอนงานก่อนไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่มีประสพการณ์จะทำได้ไง บริษัทฯเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าครับ.....เอาใจช่วยครับ


โดย: yellow.river IP: 124.120.105.100 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:56:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

velvet-mountain
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ด้านมืด ของผู้หญิงตัวดำ









Follow Me on Pinterest


เพื่อนๆสามารถติดตามข่าวสาร งานแฮนเมด ของดีไซน์
และ เรื่องราวน่าสนใจได้ที่นี่ค่ะ
New Comments
Friends' blogs
[Add velvet-mountain's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.