All life is an experiments the more experiments you make, the better....
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
26 เมษายน 2551
 
All Blogs
 

8th Trip - ปิดทริปแบบลืมไม่ลง

ข้ามด่านเข้ามาในอินเดีย ก็มีผู้ชายที่อ้างว่าชื่อ Mr. X (จำชื่อที่เขียนมากับใบจองไม่ได้) ว่าเป็นนายหน้าที่อยู่ในอินเดีย จะจัดการหาตั๋วรถให้ อีตานี่หว่านล้อมให้เราไปรถไฟ ซึ่งเราก็รู้ว่าสบายกว่า แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงหากรถไฟเสียเวลา

เนื่องจากรถจะออกประมาณหกโมงเย็น เราจึงเหลือเวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ในการเต็ดเตร่ แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกค่ะ นั่งดูไอ้ Mr.X มันขูดเลือดขูดเนื้อกับพวกฝรั่ง เกาหลี ที่มารับตั๋วจริงจากมันอีกคนละ 350 รูปี คิดดูนะค่ะ โดนมาจากด่านในเนปาลหนึ่งรอบ ต้องมาที่นี่อีกหนึ่งรอบ น่าเจ็บใจจริงๆ

หลังจากนั่งดูชาวบ้านหัวเสียมาพักใหญ่ ดาก็ได้ฤกษ์หัวเสียบ้าง เพราะตอนดารับตั๋วที่เขียนราคาไว้ว่า 490 รูปี (จ่ายไป 650) ก็โดนเรียกเก็บคนละ 350 จริงๆ แต่ในเมื่อตั๋วมันอยู่ในมือเราแล้ว จะยอมเสียทั้งหมดเหรอค่ะ ดาเสียไปคนละ 100 บอกมันว่าไม่มีตังค์แล้ว มีแค่นี้ ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา จริงๆ ไม่ได้อยากจะให้ แต่ที่ต้องให้เพราะตัดปัญหาบวกความรำคาญ เพราะอย่าลืมว่าที่ดายืนอยู่ตอนนั้นมันชายแดน ที่หาผู้หญิงได้ยากเต็มที แถมก็ค่ำมืดแล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นนี่ หาตัวไม่เจอกันเลยหล่ะ

รถบัสที่เราได้ก็เป็นรถบัสแบบท้องถิ่น ที่ไม่ต้องเทียบกับรถทัวร์ไทย เพราะห่างกันร้อยกิโลได้เลย แต่ดาไม่มีปัญหากับรถพวกนี้หรอกค่ะ สบายมาก แต่ปัญหาใหญ่จริงๆ นะ คือ ทั้งคัน มีคนแค่ 7 คน คือ ลุงคนขับกับลุงกระเป๋า 4 คน สองสาวอย่างเรา แล้วก็ชายหนุ่มถ้าทางเมายาที่พยายามจะคุยกับเราให้ได้อีกหนึ่ง บรรยากาศวังเวงและน่ากลัวโคตรค่ะ คาดว่าที่ไม่มีผู้โดยสารอื่นเลยเพราะเป็นช่วงเทศกาล เลยไม่มีใครเดินทางกัน

เกือบๆ ทุ่มลุงๆ แกก็ออกรถ พร้อมกับการที่เราสองสาวย้ายมานั่งติดกับลุงคนขับ เพราะกลัวไอ้หนุ่มนั่น แถมด้วยคำถามในใจอีกว่า ไปเดลีจริงป่าวว่ะ ถ้าโดนไปขายกลางทางนะ ไม่เหลือแหงม เพราะสภาพชายแดนของที่นี่มันไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลย

แล้วดาก็ต้องมาหนักใจอีกตอนเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดู มิสคอลและข้อความจากไทยนับสิบถามว่า อยู่ไหน ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่โทรกลับบ้าน

อยากรู้ที่มาของคำถามมั้ยค่ะ คือ จำครึ่งแรกของทริปได้มั้ยที่มีน้าๆ มาด้วย อันนั้นที่บ้านรู้ค่ะ พอส่งน้าจากเดลีกลับไทยปุ๊บ ดาก็บอกกับเค้าว่า ตอนเย็นจะนั่งรถไฟกลับบังกาลอร์ ซึ่งใช้เวลาสองวัน ดังนั้น ภายในวันที่สาม ดาก็ควรรายงานตัวตามปกติ แต่ว่า ดาดันไปโผล่ที่วาราณสีและเข้าเนปาล แล้วลืมโทรรายงานเลยนี่สิค่ะ นับๆ ดูก็สิบวันได้มั้ง เหอเหอเหอ ไม่ให้เค้าห่วงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

แต่ก็ยังโทรไม่ได้ เพราะตอนที่นั่งอยู่บนรถนั่นก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เลยต้องรอให้ไปถึงเดลีก่อนถึงจะโทรไปรายงานตัว นั่งสำนึกผิดไปตลอดทางที่ทำให้เค้าห่วงค่ะ เพราะปกติไปเที่ยวไหนไม่เคยบอก กลับมาแล้วค่อยโทร แต่เที่ยวนี้ติดว่าน้าๆ มาด้วย เลยรู้กันไปหมด

สองข้างทางก็ยังเหมือนเดิมค่ะ เป็นป่าโปร่งสลับกับป่าทึบ ทางเป็นฝุ่นสีแดงๆ หลุมบ่อเพียบ บ้านเรือนสองข้างทางก็มืดตึดตื๋อ คาดว่าน่าจะไม่มีไฟใช้มากกว่าไฟดับ รถที่สวนมาเป็นระยะๆ ก็คือรถบรรทุก แล้วความซวยก็มาเยือนตอนประมาณ 3 ทุ่มค่ะ ไฟหน้ารถขาด ทั้งๆ ที่ทางก็อันตราย แต่ลุงคนขับแกใจกล้ามากเลย ไปหยิบไฟฉาย ที่ใช้ถ่านเล็กๆ สองก้อนนั่นแหละไม่ใช่สปอตไลท์ใดๆ ทั้งสิ้น มาส่อง เอ่อ รถคันเท่าบ้าน ส่องด้วยไฟฉายหนึ่งอัน ทางก็ดีขนาดนี้ แถมด้วยรถบรรทุกที่ผ่านเกิดมันนึกว่ารถบัสเป็นรถมอเตอไซต์ขึ้นมาทำไงละลุง

เรานั่งกลัวกันจนกลายเป็นขำไปเลย ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าเครียดจนบ้ารึเปล่านะนั่น ดานั่งไปเกือบชั่วโมงไม่เห็นว่ามันจะได้อะไรดีขึ้นมา เลยไปนอนแผ่ที่เบาะว่างๆ ด้านหลังลุงเลยค่ะ เก็บแรงไว้ดีกว่าเนอะ

ผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง พอเข้าเขตชุมชน ลุงก็หาทางซ่อมเจ้าไฟหน้าได้ นับถือลุงจริงๆ คับสองชั่วโมงไม่มีไฟหน้า กับสภาพทางอย่างนั้น

รถมันโล่งยังไงมันก็ยังโล่งอย่างนั้น ระแวงเจ้าหนุ่มเมายาว่ามันจะมาลวนลาม ระแวงว่าลุงจะพาไปขาย ระแวงอุบัติเหตุ เอาเป็นว่าระแวงจนเลิกระแวง เพราะดาหนียาไปนอนหลับสบายใจเฉิบเลยค่ะ ทิ้งหนูยาผู้น่าสงสารไว้กับความระแวงต่อไป เล่นเอามันค้อน เพราะไม่คิดว่าดาจะหลับลง เอ่อ ก็มันทำอะไรไม่ได้นี่น่า จะลงจากรถก็เจอป่า หนักกว่าเดิมอีกนะนั่น

มารู้สึกตัวช่วงดึกเพราะมีคนมาโดนตัว ปรากฎว่าเป็นลุงกระเป๋าเอาผ้ามาห่มให้ ใจดีเหมือนกันแหะ หลับยาวจนถึงเช้า มาตื่นเพราะลุงมาปลุกให้ไปซดชา พบว่าบนรถมีผู้ชายเพิ่มมาอีก 3 คน เรียกว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย ไม่ค่อยกล้ากินชาเท่าไหร่เพราะกลัวโดนวางยา แถมไอ้บริเวณที่รถจอดคือปั๊มน้ำมันเล็กๆ มีร้านชาเล็กๆ ข้างๆ นอกนั้นก็เป็นที่โล่งๆ ค่ะ ไม่มีอะไรเลย หมอกตอนเช้าก็หนามาก ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียว จะถึงมั้ยว่ะ

11/11/07

สถานการณ์ค่อยดีขึ้นมาหน่อย ตอนช่วงสายๆ ค่ะ เพราะมีคนขึ้นมากขึ้น เข้าไปในตัวเมืองมากขึ้น และดาก็สนิทกับลุงๆ มากขึ้น ก็ขนาดที่ว่ากลายเป็นเด็กเรียกคนขึ้นรถไปเลยแล้วกัน ลุงก็เอ็นดูสองสาวอย่างเราเป็นที่สุด ที่ที่เรานั่งไม่มีใครกล้ามาเบียด ได้เวลาแวะกินข้าวลุงก็เรียกตลอด มีไพ่มาให้เล่น ถึงแม้ลุงๆ จะไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่เราก็คุยกันรู้เรื่องเนอะ

เรานั่งรถบัสตะลุยจากด่านจนเข้าเมืองเดลี ก็เป็นเวลารวม 29 ชม. พอดิบพอดี เหนื่อยสุดๆ เลยค่ะ จากที่สถานีรถบัส เราต้องต่อรถออโต้ไปที่ Main Bazaar ที่เดิมที่เคยพัก เที่ยวนี้เราได้คนร่วมแชร์ค่ารถอีกสองหนุ่มที่ไม่แมนเท่าไหร่ เป็นลูกครึ่งเนปาลสิงคโปร์ ที่บังเอิญมาขึ้นรถคันเดียวกัน และบังเอิญว่าจะขึ้นเครื่องไปเมืองไทยในวันถัดมาพอดี

ค่ารถจากสถานีจนถึงที่พักคือ 200 รูปี เทียบระยะทางและช่วงเวลาดึกดื่นอย่างนี้แล้ว คุ้มคับ พอถึง Main Bazaar เราก็แยกย้ายกับหนุ่ม ๆ เราเลือกไปพักที่ Guesthouse เดิม เพราะดาฝากกระเป๋าไว้ ซึ่งการฝากกระเป๋าตอนเที่ยวนี่ ดาก็ไม่ได้แนะนำแต่ก็ไม่ได้ห้าม เพราะมันจะไม่มีความปลอดภัยใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะการฝากกระเป๋าฟรีๆ แบบที่ดาชอบทำ แต่ตั้งแต่ทำมาทั้งหมด ก็ยังไม่เคยเจอของหายเลยสักครั้งนะ

เราถึง Guesthouse ด้วยสภาพเน่า สกปรก และโสมม จัดการชำระล้างคาบไคลแล้วก็สลบไสลยันเที่ยงของอีกวัน

12/11/07

เราต้องเช็คเอาท์ออกก่อนเที่ยง เหมือนเดิมค่ะ ฝากกระเป๋าไว้ที่ Guesthouse เพราะรถไฟออกตอนสามทุ่ม แล้วเราก็ลากสังขารเน่าๆ ไปหาสิ่งที่เรียกว่าอาหารใส่กระเพาะ เพราะรู้สึกว่าสองวันที่ผ่านมายังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักที เราไปฟาดกันที่ Everest Cafe เพื่อพิสูจน์ความอร่อย

ไม่รู้เพราะหิวหรือเพราะฝีมือพ่อครัว เพราะคิดว่าผัดไทยที่นี่ อร่อยกว่าผัดไทยเมืองไทยหลายๆ เจ้าสะอีก เราสั่งกันจนคนรับออร์เดอร์อึ้งคับ เพราะกลัวว่าจะกินไม่หมด แต่ตอนพี่แกมาเก็บจาน แกพูดมาประโยคว่า ไม่น่าเชื่อว่าตัวเล็กๆ จะกินได้เรียบขนาดนี้ เหอเหอเหอ ลองอดอาหารสักสองวันสิค่ะ จะได้รู้ว่าทำได้ไง

กินอิ่มดาก็โทรไปหัวเราะแหะแหะให้แม่ฟัง และสารภาพว่าหนีไปเที่ยวมานะค้าบบบบบบบ แม่ดาตอบมาคำเดียวว่า “ว่าแล้ว” เบื่อจริงๆ ฮะ มีพ่อแม่รู้ทันอย่างนี้ โทรไปบอกน้าๆ ที่มาเที่ยวด้วยกันช่วงแรก แกก็ส่งเสียงค้อนมาเลย ว่าทำไมไม่พาไปบ้าง โธ่ จะพาไปได้ยังไงละค้าบ ก็ดูความหฤโหดของทริปสิ ไม่บ้าไม่กล้า ไปไม่ได้ง่ะ

ความจริงวันนี้อยากจะไปเที่ยวเดลีให้ทั่วเหมือนกัน แต่สภาพเสื้อผ้าและสังขารไม่อำนวย เราได้แต่เดินเข้าออกร้าน Everest Cafe จนถึงค่ำ

เกือบๆ สามทุ่มก็ได้ฤกษ์แบกของเน่าๆ ในเป้ ขึ้นรถไฟกลับบังกาลอร์ และผ่านค่ำคืนอันเหน็บหนาวของรัฐ UP ไปแบบไม่ยากเย็นมากนัก

13/11/07

ทั้งวันของวันนี้ เราหมดกับการเล่นไพ่ ที่บรรดาขาไพ่คงค้อนเพราะไม่รู้ว่าไพ่ที่ดาเล่นเรียกว่าอะไร กินขนม และนั่งมองเด็กขอทานมาถูพื้นขอตังค์ เด็กวาดหน้าเป็นลิงมาเล่นกายกรรม โชว์งู ที่มีขึ้นมาให้ดูเป็นระยะๆ แต่ที่หน้ากลัวที่สุดคงเป็นกระเทยแขกล่ะค่ะ ที่ดาไม่กล้าแม้แต่จะเก็บภาพมาฝาก เพราะพี่แกน่ากลัวจริงๆ

14/11/07

ประมาณบ่ายโมงครึ่งรถไฟก็ถึงตัวเมืองบังกาลอร์ สถานีที่ดาลงอยู่ใกล้บ้านมาก ระยะทางก็กิโลนิดๆ ทำให้พี่ออโต้เล่นตัวไม่ยอมรับดาขึ้นรถสะอย่างนั้น เออ เดินก็ได้ฟะ

หายหัวจากบ้านไปสามอาทิตย์กว่าๆ กลับมาบ้านพื้นห้องฝุ่นจับหนาเตอะ เลยต้องนั่งทำความสะอาดห้อง แช่ผ้า ยังไม่ได้ทันกินอะไรเลย ก็ได้รับโทรศัพท์จากที่เรียนว่า วันนี้เริ่มเรียนวันแรก อย่าลืมมา

สี่โมงตรง ดาก็ลากสังขารเน่าๆ ของตัวเองไปให้เพื่อนๆ ในห้องแตกตื่น ว่าคนอะไรจะโทรมได้ขนาดนี้ ทุกคนถามว่าไปทำอะไรมา แต่พอดาบอกว่าเพิ่งกลับจากเนปาล ไหงไม่มีใครเชื่อฟะ




 

Create Date : 26 เมษายน 2551
7 comments
Last Update : 2 พฤษภาคม 2551 20:19:49 น.
Counter : 814 Pageviews.

 

เอ่อ ส่วนนี้ของทริป ใครที่รู้จักกับที่บ้านดา อย่าเอาไปเล่าให้ฟังเด็ดขาดนะคับ ถือว่าเป็นความลับของเราสองน้าาาาาาาาาา

 

โดย: veeda 26 เมษายน 2551 17:43:21 น.  

 

ของอย่างนี้ ความลับไม่มีในโลกหรอกครับ แต่ถ้ามีค่าปิดปาก รับรอง เราจะรู้กันแค่ 2 คน จริงๆนะ 555

 

โดย: nongmalakor 26 เมษายน 2551 21:45:46 น.  

 

ตื่นเต้นมาก
อ่านจบโล่งอกค่ะ

 

โดย: รัตน์ jp 26 เมษายน 2551 23:53:50 น.  

 

น่ากลัวจังเลยอ่ะ (เอ่อ..ชั้นก็อยู่กะแกนี่หว่า)
พูดจริงๆตอนลุงเอาไฟฉายส่องหน้ารถ บอกได้คำเดียวว่าหัวเราะทั้งน้ำตา ในใจก็สวดมนต์ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง อย่างนี้สงสัยต้องเรียกว่าคนดีผีคุ้มเนอะ
เล่นเอาไปเล่าต่อได้ชั่วลูกชั่วหลานกันทีเดียว

 

โดย: PriYa 28 เมษายน 2551 23:41:52 น.  

 

nongmalakor - อีกแล้วง่ะพี่แบล็คเมล์กันอีกแล้ว

รัตน์ jp - ตื้นเต้นจริงๆ ค่ะ

Priya - ตูยังหลับลงน้า ไม่เหมือนใครบางคน ผวาไม่ใช่เหรอจ๊ะ

 

โดย: veeda 2 พฤษภาคม 2551 19:45:41 น.  

 

สนุกมาก สนุกมาก

 

โดย: okra 11 พฤษภาคม 2551 15:16:15 น.  

 


okra - แต่ตอนนั้นนะ กลัวมากๆ เลยนะค่ะ กลัวจนหลับง่ะ

 

โดย: veeda 16 พฤษภาคม 2551 17:53:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


veeda
Location :
ประจวบคีรีขันธ์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add veeda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.