~* ชีวิตง่ายๆ สบายๆ ที่ไม่ได้สบายเสมอไป
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
30 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
ครั้งแรกกับการผ่าตัดริดสีดวง

จาก blog ที่ผมเคยเขียนไปก่อนหน้านั้น ว่าไปตรวจริดสีดวงมา
ครั้งแรก...ที่โดนบุกรุกประตูหลัง ???

และแล้ว ก็ถึงวันที่ต้องไปผ่าจริงๆ....
มีเรื่องราวมาเล่ามากมายเลยครับ....

ไล่กันตั้งแต่บ่ายๆ ของวันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค. 51
เดินทางไป รพ.พระมงกุฏ ที่ตึกฉุกเฉิน เพื่อยื่นใบส่งตัวเข้านอน

ที่จริงก่อนหน้านั้น ได้ทำการตรวจ นัดวันนอน นัดวันผ่าเรียบร้อยแล้ว
ได้เตียงที่นอนแล้วด้วย แต่ก็ไม่ทราบว่าทำไมต้องไปที่ตึกฉุกเฉินอีก
แล้วมันก็เป็นจุดแรกที่เกิดเรื่อง ..... เรื่องคือ... สิทธิต่างๆ ของเรา

ผมเป็นพนักงานบริษัท มีประกันสังคม (แต่ผมไม่เคยใช้เลย)
แฟนผมเป็นรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งมีสวัดิการเรื่อง
สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลให้กับสามี (คือผม) ได้...

ด้วยความเข้าใจของผม และแฟน และที่เดินเรื่องมาตั้งแต่ทำบัตร์ผู้ป่วยกับ รพ.
คือ.... การรักษาครั้งนี้ ทั้งค่ารักษา ค่าผ่าตัด ค่าห้องพัก
ทั้งหมด ขอใช้สิทธิการรถไฟ โดยทางการรถไฟ จะทำใบส่งตัวมาให้วันที่ผ่า
นั่นคือ ผมจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย
สำหรับส่วนต่างที่เกิดขึ้น (การรถไฟ ให้ค่านอนพักคืนละ 600) จะจ่ายเงิดสด
แล้วผมจะนำไปเบิกบริษัทอีกครั้งเอง...... นั้นคือทั้งหมดที่คิดไว้ และตกลงกับ รพ. ไว้ตั้งแต่ต้น

แต่ ณ.ตึกฉุกเฉิน เค้าไม่สามารถเดินเรื่องให้ผมได้ เหตุเพราะ ผมเป็นผู้ประกันตน ของประกันสังคม
งง สิครับ อ้าว ก็ผมจะไม่ใช้นี่ ...... ทางฉุกเฉินพยายามจะบอกผมว่า ผมมีประกันสังคมกับ รพ.เปาโล
ผมต้องไปเปาโลก่อน แล้วค่อยให้เค้าส่งตัวมาที่นี่

เอ่อสิ..... ผ่าริดสีดวง เปาโลคงไม่ส่งหรอก..... พูดยังไงๆ เค้าก็ไม่ยอม
สุดท้ายโทรไปถามประกันสังคม ได้ความว่า ......

ประกันสังคมไม่ได้จำกัดสิทธิว่าเราจะใช้ หรือไม่ใช้อะไร ....
แต่ รพ. ของรัฐ (พระมงกุฏ) มีกฏของเค้าไว้เองว่า
ผู้ป่วย ต้อง "ใช้คำว่าต้อง นะครับ" ต้องใช้สิทธิแรกก่อนเสมอ (คือประกันสังคม)
แล้วส่วนต่างที่เกินจากสิทธิแรก ถึงมาใช้สิทธิรองได้ (คือของการรถไฟ)
ในกรณีของผม ผมไม่ยินยอมใช้สิทธิแรก (คือไม่ได้ใช้ประกันสังคม)
เท่ากับว่า.... ผมก็จะไม่ได้สิทธิรองด้วย .... งง ไหม ครับ

บ่ายวันนั้น วุ่นวายมากๆ ผมเองก็ต้องเข้านอนแล้ว พรุ่งนี้จะผ่าแล้ว
ยังมีปัญหาแบบนี้อีก ... สรุป สุดท้าย ผมขอเข้ารักษาแบบไม่ใช้สิทธิอะไรเลย
จะขอจ่ายเงินสด ..... แล้วเดี๋ยวผมค่อยเอาใบเสร็จไปเบิกเอง (ก็ได้วะ)

และแล้ว ก็ได้เข้านอนที่ รพ. พระมงกุฏ ที่ตึกใหม่ ชั้น 13 ห้อง 13/1 เตียง 8 สมใจอยาก....

จบเรื่องความวุ่นวายเฉพาะวันส่งตัว ......
เย็นวันนั้น พยาบาลแจ้งว่า หมอให้มานอนพักเฉยๆ (วันอาทิตย์) ยังไม่มีใครมาตรวจ
ผมก็ซนสิครับ เดินไปเดินมา ทั่วไปหมด ชุดผู้ป่วยก็ยังไม่เปลี่ยน (เปลี่ยนแล้ว เดี๋ยวเดินเล่นไม่ได้)
สุดท้าย กลับขึ้นมาที่เตียง พยาบาลตามหากันให้วุ่น บอกว่าหมอมาหา แต่ผู้ป่วยหาย เหอะๆๆๆ

ครั้งสุดท้ายที่ผมนอน รพ. ก็คงซัก 20 กว่าปีมาแล้ว
วันนี้ (อาทิตย์ ที่ 26) ก็จะเป็นวันแรก ในรอบ 20 กว่าปี ที่มานอน รพ. มันก็ต้องเหงาๆ กันบ้าง
เป็นห้องรวมซะด้วย ผู้ป่วยรอบข้างมีแต่อาการสาหัสๆ

ข้างซ้ายของผม เป็นคุณปู่ มีแค่ครึ่งท่อนบน ใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด
ข้างขวาของผม เป็นใครไม่รู้ แต่ว่ามีเจาะท้องด้วย
ตรงข้ามผม ก็ใครไม่รู้ แต่ก็เจาะท้องเช่นกัน
ตรงข้ามทะแยงไปทางซ้าย ก็เบาหวาน ฝ่าเท้าหายไปครึ่งนึง
ตรงข้ามทะแยงไปทางขวา ก็เจาะท้อง แล้วก็แก่มากๆ

หน้าห้องน้ำ มีผู้ป่วยติดเชื้อรุนแรงอีก 1 คน.....

คืนวันแรกที่นอน รพ. ผู้ป่วยรายแรกที่กลับบ้านเก่า ก็คือคนที่ติดเชื้อรุนแรง
ก็เป็นครั้งแรกนะครับ ที่เห็นคนตาย ตั้งแต่ก่อนเค้าตาย จนวินาทีวุ่นวาย
ที่พยาบาลพยายามช่วย จนเค้าจากไป และพยาบาลเตรียห้อง จนว่าง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คืนแรกทั้งคือ ก็ผ่านไปด้วยความไม่ปกติ เพราะผมนอนไม่หลับเลย
เสียเครื่องช่วยหายใจของเตียงข้างๆ
เสียคุณปู่เตียงตรงข้ามทะแยงขวา แกละเมอเป็นคำด่าตลอดทั้งคือ (ด่าแรงมากๆ ดังมากด้วย)
เอาเป็นว่า คืนแรกทั้งคืน นอนไม่หลับเลยครับ.....

เข้าสู้เช้าวันจันทร์ที่ 27 วันผ่า ....

พยาบาลมาหาผมแต่เช้า บอกว่า เช้สวันนี้ต้องสวน .... เพื่อล้างลำไส้ เหอะๆๆๆ
วิธีการ ก็ไม่มีอะไรมากครับ

มีเหยือก ใส่น้ำสบู่มา 1 เหยือก
สายยาง 1 เส้น
ครีมหล่อลื่น 1 หลอด

แล้วก็เริ่มเอาครีบทาสายยาง แล้วเอาปลายอีกข้างเสียที่เหยือก
แล้วเอาปลายข้างที่ทาครีม .... ทิ้มที่ก้นผม !!!!! (เป็นครั้งที่ 2 ที่โดนบุกรุกประตูหลัง)

พยาบาลแจ้งว่าถ้าอั้นไม่ไหว ให้บอก แต่สุดท้ายก็กรอกไปซะหมดเหยือก....
พยาบาลบอกอีกว่า ถ้ารู้สึกปวดเร็ว ให้อั้นไว้หน่อย แล้วค่อยไปถ่าย

สุดท้าย ผมนอนอั้นอยู่ประมาณเกือบ 3 นาที มีพยายามบาลมาถามว่า ปวดหรือยัง
ผมก็บอกไปตรงๆ ซื่อๆ ว่า ปวดแล้วครับ แต่ยังสามารถอั้นได้

พยาบาลบอกว่า เอ้า... เค้าให้ไปถ่าย จะมาอั้นทำไม ไป๊ ไปถ่ายได้แล้ว ....
หลังจากถ่ายออกมา ผมก็ไปเดินเล่นยามเช้าอีกหน่อย วิวชั้น 13 มันสวยจริงๆ
แต่กลับมาที่เตียง ก็มีพยาบาลยืนรออยู่ 1 คน "ไปไหนมาคะ มานี่เลย มาให้น้ำเกลือ"

เวลาผ่านไป ผมนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่เตียง ......
9 โมงกว่าๆ ก็มีคนมาบอกว่า ไปผ่าได้แล้ว .......

วันนี้ผมโชคดีมากครับ ที่ห้องผ่าตัดของ รพ.พระมงกุฏเพิ่มย้ายชั้นมา
วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดห้องผ่าตัดใหม่ และผม !!! เป็นผู้ป่วยรายแรก ที่จะเข้าห้องผ่าตัดใหม่

เจ้าหน้าที่เข็ญเตียงก็บอกว่า วันนี้วันแรกเลยนะครับ
ผมยังไม่เคยเข็ญไปห้องใหม่เลย

ผมก็บอกว่า ผมก็ผ่าครั้งแรกเหมือนกัน เหอะๆๆๆๆๆ
ไปถึงมีคนมาถ่ายรูปด้วย แต่ดูบรรยากาศวุ่นวายๆน่าดู
อะไรๆ ก็ยังไม่เข้าที แหมแต่ อ.หมอที่ผ่าตัด ยังต้องออกมาเข็ญผมเข้าห้องเองเลย เหอะๆๆๆ

เจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัดก็แซวว่าเราเป็นเจ้าแรก
ผมเลยแซวกลับไปว่า แล้วระบบมันจะปกติไหมครับ ผ่าๆไป คงไม่ดับนะ เหอะๆๆ.....

เอ้า... มาว่าเรื่องผ่าตัดดีกว่า ผมใช้วิธีบล็อคหลังครับ
ขอบอกว่าเจ็บมากๆ ทิ้มหลายทีมากๆ
คงเป็นเพราะผมนอนท่าไม่ดีเท่าไร ทำให้คนเจาะ เจาะไม่ได้ซักที
เล่นซะผมน้ำตาไหลเลย ... กว่าจะชาท่อนล่าง ผมโดนทิ้มไปซะเกือบ 7-8 ที (รวมยาชาด้วย)

ระหว่างผ่าตัด หนาวมากๆครับ คงเป็นเพราะน้ำเกลือ ที่เปิดให้ผมแบบเต็มที่
เพราะขนาดเจ้าหน้าที่เองยังบ่นๆว่าร้อน แบบว่าแอร์ยังไม่เข้าที่
ผ่าๆไป เดี๋ยวก็มีคนจากห้องอื่นมาขอไอ้โน่น ขอไอ้นี่ (วันแรกก็งี้แหละ)

ผ่าเสร็จก็ประมาณ 10 โมงกว่าๆ นอนพักฟื้นอีก 1 ชั่วโมง ออกมาจากแผนกผ่าตัดก็ 11 โมง....

ผ่าเสร็จออกมา รู้สึกยังไง เหอะๆๆๆๆๆ วันจันทร์ทั้งวัน ยังไม่รู้สึกครับ
มันยังชาอยู่ แต่ปัญหาคือ ช่วงเย็นๆ เนื้องจากว่าท่อนล่างยังไม่หายชา
แต่ผมรู้ตัวว่าปวดฉี่มากๆๆๆๆๆ แต่ไม่สามารถฉี่ได้ (เพราะตรงนั้นมันไม่รู้สึก)
แต่ปวดตรงกระเพาะฯ จนหน้ามืด เหงื่อแตก ความดันตกฮวบๆ
เล่นเอาพยาบาลวิ่งกันวุ่น ว่าผมเป็นอะไร โทรตามหมอกันใหญ่

สุดท้ายผมบอกว่า พี่ครับ ผมปวดฉี่มากๆ แต่ฉี่ไม่ได้
ช่วยสวนให้ผมหน่อย .......

เท่านั้นแหละครับ ความเจ็บปวดที่มากกว่าตอนผ่าตัดก็มาถึง
มันเจ็บจริงๆนะ การ "สวนลำกล้อง" เนี้ย ... แต่เมื่อสวนไปปั๊ป
ฉี่ไหลออกมาเกือบ 1 ลิตร อาการหน้ามืดเหงื่อแตกผมก็หาย...
ความดันก็กลับสู่สภาพปกติ......

แล้ววันจันทร์ทั้งวัน จนเย็น จนเกือบๆ 2 ทุ่ม ผมก็ยังไม่สามารถฉี่เองได้
สุดท้ายจึงต้องขอให้พยาบาลกลับมาสวนใหม่อีกรอบ คราวนี้ สวนคาไว้เลย
เหอะๆๆๆๆ สายยางมันใหญ่กว่าตอนสวนช่วงบ่ายอีก -*-
แถมยาชาเริ่มหมดแล้ว เจ็บโคตรๆ เลยครับ.....

และก็เช่นเคย คืนวันจันทร์ ผมก็นอนไม่หลับอีก.....
แต่คืนนี้ มีอะไรอีกแล้ว อยู่ดีๆ พยาบาลก็ขอให้คนที่อยู่ข้างขวาผม
ไปนอนห้องอื่น แล้วประมาณตี 2 (ของวันใหม่ ... อังคาร) มีก็ผู้ป่วยรายใหม่เข้ามา
มานอนข้างๆ ผม มาแบบวุ่นวายมากๆ หมอ + พยาบาลเพียบ
ผมไม่รู้หรือกว่าเค้าเป็นอะไรมา รู้แต่ว่าอาการแย่มากๆ
แล้วสุดท้าย เค้าก็จากไปช่วงเที่ยงๆ วันอังคาร .......

ส่วนสำหรับตัวผมเอง ก็เอาสายยางสวนลำกล้องออกช่วงเช้า
เพื่อพยายามฉี่เองให้ได้ แล้วก็สำเร็จ ........

ส่วนการถ่ายหนก ทีแรกก็พยายามที่ รพ. แต่ไม่สำเร็จ มีแต่แผ่นๆอะไรไม่รู้ออกมา
หมอบอกว่า มันเป็นแผ่นเจลห้ามเลือด หลุดออกมาก็ไม่เป็นไร

แล้วเย็นๆวันอังคาร ผมก็กลับบ้าน .....

แล้วประสบการ์ณการผ่าตัด นอน รพ. ของผม ก็จบเพียงเท่านี้.....

ก็ไม่มีอะไรมากครับ มาเล่าสู่กันฟัง ... ไปละครับ ไปนอนต่อ.....



Create Date : 30 ตุลาคม 2551
Last Update : 30 ตุลาคม 2551 11:01:06 น. 30 comments
Counter : 30218 Pageviews.

 
เวลาอยู่โรงพยาบาล ห้องรวมดีกว่าค่ะ ห้องเดี่ยวต้องมีคนคอยอยู่เป้นเพื่อน บางทีเเต่ละคนต้องทำงานวุ่นวายค่ะ
อยู่ห้องรวมเพื่อนหายคนเเต่ละคนต่างๆกัน ไม่เหงา เเถมไม่กลัว" ผี " ด้วย

เล่าอะไรข้ามตอนค่ะ เช่นฉีดยาชาที่ไหน? ตรงเเขน? ตัดยังไง ต้องอ้าหรือเปล่า? นึกภาพไม่ออกเพราะไม่เคยเป็น
เเต่เคยให้เอากล้องส่องเข้าไป " หลายครั้ง " ทีเดียว..ไม่ใช่เจ็บอย่างเดียว ..อายด้วย

เเก้หมดเเล้วใส่กางเกงที่เจาะเป็นวงกลมใหญ่กว่าฝ่ามือตรงก้น ..ลมโกรกสบัดเลย
คิดเเล้วยังเเค้นอยู่

หวังว่าคงอาการดีขึ้นนะคะ ..เอาใจช่วย คุณภรรยาห่วงมากๆเลยค่ะ


โดย: * ยูกะ * (YUCCA ) วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:11:53:39 น.  

 
เป็นประสบการณ์ที่อ่านแล้วหยุดอ่านไม่ได้นะคะ น่าสนใจดี= =น่ากลัวด้วยการผ่าตัดนี่ หายไวๆนะคะวิ่งได้ไวๆ


โดย: Elizabethan วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:15:20:13 น.  

 
ซีก็เคยเป็นช่วงนึงอ่าคะ งัดยาระบายแบบยาลูกกลอนมากินทีละ 15-20 เม็ด ในมหาลัย เพื่อนชะงักกันหมดเลยค่ะ
ขั้นตอนการเจ็บหลังผ่าตัดนี่มันน่ากัวจิงๆค่ะ

หายไวๆนะคะ
นึกภาพตาม เข้าใจค่ะ ว่าเจ็บมากๆๆๆ


โดย: Ceelicious วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:20:33:30 น.  

 
โห...คุณ โป้ง..ผมยังไม่กล้า เลย เรื่องผ่าตัดเนี่ย...

แล้ว ทำไม คุณโป้งไม่นอนห้องพิเศษ ล่ะครับ หรือว่า ไม่มีใครมาเฝ้าเอ่ย...


โดย: ITTIWAT99 IP: 58.64.52.48 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:20:01 น.  

 
คนเฝ้าเต็มเลยครับ แต่หาห้องไม่ได้อ่ะ


โดย: วาซุตะคุง v( ^o^ )v วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:7:17:04 น.  

 
ไม่ทราบว่าค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดเท่าไหร่คะ ดิฉันคงต้องผ่าเหมือนกัน...เฮ้อ......มันทรมาน


โดย: ริซซี่ IP: 58.8.92.64 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:16:25 น.  

 
รพ.บอกมาถูกต้องแล้วนะครับ

มีสิทธิประกันสังคมของตัวผู้ป่วยเองแล้ว(ตัวคุณวสุ) ก็ต้องใช้สิทธินี้ก่อนนะครับ แต่ถ้าเกินจะไปใช้สิทธิของคู่สมรสได้ อันนี้เป็นหลักเกณฑ์ทั่วๆไปของการักษาพยาบาลครับ

ประกันชีวิตที่เป็นแบบประกันสุขภาพก็เป็นแบบนี้ จะเบิกได้ต้องเบิกจากสิทธิหลักของผู้ป่วยมาก่อนครับ ถ้าเกินถึงจะมาลำดับต่อๆไปครับ

ไม่งั้นเงินที่จ่ายกับประกันสังคมก็เสียเปล่า ยกเว้นคุณจะไม่ใช้สิทธิอะไรเลยคือจ่ายเองทั้งหมดครับ


โดย: Athlons วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:17:17:12 น.  

 
เราผ่าตัดริดสีดวง ที่ ร.พ.วิภาวดีครับ ค่าใช้จ่ายประมาณ 38000 ค่อนข้างแพงนะ แต่การรักาก็ได้ผล ไม่เจ็บเลยตอนผ่าตัด แต่หลังจากการผ่าตัดแล้ว จะเจ็บตอนถ่าย ซึ่งก็เป็นธรรมดา ครับ ทนสัก 1 อาทิตย์ก็หายเป็นปกติ พยายามกินผักกับผลไม้เยอะๆ ลด อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ไปเลย เราน้ำหนักลดลงตั้งเยอะ ลองดูหลายๆที่ก็ได้ แต่ถ้ามีปัญหาอะไร แอดมาปรึกษาได้ครับ ผมเข้าใจว่ามันทรมานแค่ไหน กับการเป็นโรคนี้


โดย: Bellclicksa@hotmail.com IP: 124.121.142.203 วันที่: 13 เมษายน 2553 เวลา:21:43:07 น.  

 
หมอเอกลักษณ์สหคลินิก รักษาเฉพาะโรคริดสีดวงทวารหนักด้วยยาสมุนไพร ไม่ผ่าตัด หลังรับการรักษาสามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตปกติได้ บริการตรวจฟรี
ที่อยู่ 21/20 เส้นทางลัดถนนจรัญฯ บางขุนนนท์-ชัยพฤกษ์ แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กทม.
สอบถาม 02-8813713, 089-0399317

//www.facebook.com/home.php?#!/profile.php?id=100001544941080
//ekkalaksahaclinic.hi5.com
//ekkalak_sahaclinic.plazathai.com


โดย: หมอเอกลักษณ์สหคลินิก IP: 61.90.96.129 วันที่: 12 กันยายน 2553 เวลา:12:39:10 น.  

 
o ก็อยากแบ่งปันประสบการณ์การ ผ่าตัดริดสีดวงทวาร โดยใช้เครื่องมือแบบใหม่ ที่เรียกว่า สแต็ปเลอร์ หรือ( Stapled hemorrhoidectomy) หรือที่เรียกว่า PPH (procedure for prolapsed and hemorrhoid)
ลองอ่านดูนะครับ
โดยส่วนตัวผมเป็นคนต่างจังหวัด(เชียงใหม่) แต่ตัดสินใจเดินเข้ากรุงเพราะรักษาที่ต่างจังหวัดแล้วไม่หาย(โดยใช้วิธียิงยางรัด) ผมได้ตะลอนๆ ไปหลายโรงพยาบาลเพื่อจะรักษาโดยเริ่มจากไปโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนในวันที่๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เพราะญาติคนหนึ่งแนะนำว่าดี แต่พอไปถึงก็ดีจริงอย่างที่ว่าแต่ค่าผ่าตัดแพงมาก อยู่ที่ ๖-๗ หมื่น แต่ถ้าเป็นคริสเตียนก็มีส่วนลดให้ซึ่งผมก็ไม่ได้ถามรายละเอียดเพราะว่าผมเป็นคริสเตียนในหกิจฯ ไม่ใช่ของสภาฯ จึงตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลพระรามเก้า แต่ที่นั่นค่ารักษา ๗๕,๐๐๐ โดยประมาณ คิดดูคนต่างจังหวัดอย่างผมจะเอาเงินมาจากที่ไหนตั้งมากมายขนาดนั้น จึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลของรัฐบาลเพื่อจะถูกกว่า จึงได้ไปโรงพยาบาลจุฬาฯ ในวันที่๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดมีหมอเก่งๆ หลายคน พอๆ กับโรงพยาบาลศิริราช แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่าคนไข้เยอะมากๆ แค่วันนั้นที่ผมไปมี ๕๐๐ กว่าคน (นี่แค่แผนกลำไส้ใหญ่และทวารหนักนะเนี่ย) จึงเปลี่ยนใจไปโรงพยาบาลพระมงกุฎ เพราะเข้าใจว่า อาจารย์ ปริญญา ทวีชัยการ ที่ออกรายการทีวีทรูวิชั้นช่อง ๒๒ เกี่ยวกับโรคริดสีดวงรักษาอยู่ที่นั้น อีกอย่างคนน้อยด้วยจึงตัดสินใจไปถึงที่นั่นในรุ่งเช้าวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ แต่เมื่อไปถึงแผนกลำไส้ไหญ่และทวารหนักมีคนเยอะมากคิวผ่าตัดผ่าตัดถูกจองเต็มจนถึงหลังสงกรานต์เลยทีเดียว มองหาหน้าอาจารย์ปริญญาก็ไม่เจอ มีแต่หมอฝึกงานหนุ่มๆ ไม่กี่คน จึงได้ถามพวกเขาว่าท่านอาจารย์ปริญญาไม่ได้รักษาที่นี่แล้วเหรอ? หนึ่งในหมอหนุ่มฝึกงานซึ่งดูรู้เรื่องกว่าคนอื่นตอบมาว่า “ท่านลาออกไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแล้ว(รพ.พญาไท)” แกยังบอกอีกว่า “บอกตรงๆ ถ้าพี่จะผ่าผมสามารถจองคิวให้ได้” ไอ้เราก็ดีใจนึกว่าจะได้ผ่าในเร็วๆ นี้ จึงถามกลับไปว่าเมื่อไหร่?? แกเปิดสมุดคิวดูพร้อมกับบอกว่า “วันที่ ๑๖ เมษา พี่” ได้ยินอย่างนั้นคิดในใจคงไม่ได้การแล้วจึงรีบไปโรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล พหลโยธิน ในบ่ายวันนั้นเลย ไปถึงหมอก็บอกว่าจะไม่ใช้วิธีผ่าตัดแบบใหม่(PPH) แต่จะใช้แบบเก่าซึ่งจะเจ็บและต้องใช้เวลาพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลนานประมาณ ๒ อาทิตย์ ผมก็ถามว่าทำไม? หมอก็บอกว่าเคยถามเพื่อนที่เป็นหมอด้วยกันซึ่งเคยใช้วิธีนี้มันบอกว่าไม่ดี ผมก็ไม่กล้าถามต่อว่าไม่ดีอย่างไร แต่ทราบมาทีหลังว่าถ้าเป็นริดสีดวงทวารแบบภายนอกมันจะดันและตัดหัวริดสีดวงออกได้ไม่หมด..แต่กรณีของผมเป็นแบบภายในมากกว่าภายนอกซึ่งมีภายนอกบ้างเล็กน้อย
ในที่สุดก็กลับมาที่พักแล้วมานั่งคิดตัดสินใจอยู่สักพัก จึงได้ตัดสินใจโทรศัพท์ไปถามที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนถึงส่วนลดต่างๆ ที่เราจะได้รับ จึงได้ความว่าถ้าหากมีอาจารย์จากที่โบสถ์รับรองก็สามารถทำบัตรสมาชิกของโรงพยาบาลและได้รับส่วนลดค่ายา ๑๐ เปอร์เซ็นต์และค่าห้อง ๒๐ เปอร์เซ็นต์ จึงได้ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาอาจารย์ที่ให้โบสถ์รับรองเราก็นัดเจอกันในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
พอวันที่๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ผมก็ไปรอที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนประมาณ ๑๐.๐๐ น. พออาจารย์ที่โบสถ์มาถึงก็ไปยื่นเรื่องทำบัตรสมาชิกเสียค่าทำบัตร ๑๐๐ บาท ทำเสร็จก็ดำเนินเรื่องรักษาทันทีโดยอันดับแรกเข้าห้องตรวจเลือดก่อน จากนั้นไปเอ๊กซเรย์ปอดทำทุกอย่างเสร็จแล้วจึงเข้าไปที่ห้องพิเศษตึกหมอแวลล์ชั้น ๖ห้องที่ W622 ถึงห้องก็ประมาณเวลาเที่ยงพอดี พยาบาลก็มาแนะนำรายละเอียดการใช้ห้องพิเศษอย่างดี เสร็จแกก็ออกไปทิ้งให้ผมพักอยู่บนเตียง จากนั้นไม่นานก็มีพยาบาลอีกคนเข้ามาบอกว่าจะมาทำการสวนอุจจาระให้ผม ผมก็บอกว่าเบาๆ กับผมนะเพราะผมเป็นคนธาตุเบา และไม่ได้ทานอะไรมานานเกิน ๘ ชั่วโมงแล้ว อีกอย่างเมื่อเช้านี้ผมก็ถ่ายมาแล้วด้วย แกก็บอกว่าถ้าอย่างลองดูสักสองสามถุงก็แล้วกัน ว่าแล้วแกก็บอกให้ผมถอดกางเกงเอาผ้าขาวม้ามานุ่งไว้แกบอกเพื่อความสะดวกกว่า แล้วให้ผมนอนตะแคงซ้ายบนเตียงแล้วแกก็เอาน้ำที่ใช้สวนสีออกเขียวอ่อนๆ เหมือนน้ำมะนาว ความจุประมาณเท่าน้ำโอเลี้ยงที่ขายกันตามตลาดถุงหนึ่ง พอแกบรรเลงทายาช่วยหล่อลื่นจากนั้นก็ลงมือสวนยังไม่หมดถุงผมก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาทันทีแกถามว่าไหวมั้ย? ผมบอกไม่ไหวแร้ว...รีบลุกเข้าห้องน้ำปล่อยออกจนรู้สึกว่าหมดค่อยเดินออกมาจากห้องน้ำ พักประมาณ ๕ นาทีผ่านไปก็สวนอีกเป็นรอบที่สอง พอรอบนี้สวนใส่จนหมดถุงเลยไม่ปวดทันทีเหมือนรอบแรก แต่ถ่ายทีเดียวสองรอบเลย เล่นเอาอ่อนเปรี้ยเพลียแรงเพราะไม่ได้ทานอะไรมาเลยตั้งแต่เมื่อคืน รอบที่สามแกเดินเข้ามาถามว่าอุจจาระยังมีกากอยู่ใหม? ผมบอกมีบ้างครับ.. ถ้างั้นต้องเอาอีกรอบ แกพูดพร้อมกับให้ผมนอนบนเตียงท่าเดิมแล้วก็บรรเลงสวนอีกเป็นรอบที่สาม เสร็จแล้วแกบอกถ่ายรอบสุดท้ายไม่ต้องกดน้ำทิ้งนะ..จะมาตรวจดู ผมก็ไปถ่ายอีกสองรอบ เล่นเอาหมดแรงแถมยังแสบรูตูดจากการสอดสายสวน..ในที่สุดแกมาดูแล้วบอกว่ายังไม่พอต้องสวนอีก....โอ..ผมบอกกับตัวเองว่า กูจะตายก่อนผ่าตัดไหมนี่?? ในขณะเดียวกันผมก็สังเกตเห็นที่ประตูหน้าห้องมีเปลรออยู่แล้ว เป็นเปลที่จะมารับผมเข้าห้องผ่าตัด มีพยาบาลสองคนเดินเข้ามาแล้วก็ออกไปเพราะรู้ว่าผมยังสวนไม่เสร็จ คนที่ก็เข้ามาสวนรอบที่สี่เสร็จไม่กดทิ้งแกมาดูแล้วอืม..ใช้ได้ ผมนึกในใจว่าจะพอแล้ว แกบอกเอารอบนี้เป็นรอบสุดท้ายก็แล้วกัน บรรเลงสวนรอบที่ห้าเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นแบบสวมมาจากข้างหลังส่วนกางเกงเป็นแบบผ้าถุงสีขาว ขึ้นเตียงเข้าห้องผ่าตัด
เข้าห้องผ่าตัดประมาณสี่โมงเย็นบรรยากาศในห้องผ่าตัดค่อนข้างเย็นพอไปถึงห้องผ่าตัดเขาก็ให้เปลี่ยนเตียงซึ่งมีเล็กกว่า มีหมอผู้หญิงสองคน พยาบาลสามคน ส่วนหมอจิรศักดิ์(ที่จะผ่าตัดผม) เดินเข้ามาอีกสักครู่หนึ่ง เมื่อทีมผ่าตัดมาถึงแล้วหมอผู้หญิงคนหนึ่งก็ทำการฉีดน้ำเกลือเข้าที่แขนซ้าย ผมนี่ทั้งตื่นเต้นทั้งกลัวทั้งหนาวแม้จะมีผ้าปิดสองชั้น แต่ตัวผมข้างในนั้นล่อนจ้อนเลยกางเกงในก็ถูกถอดตั้งแต่อยู่ที่ห้องแล้ว ผมกลัวปากสั่นตัวเกร็งไปหมด จนคนที่เติมน้ำเกลือเห็นแล้วบอกไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกรง ผมก็พยายามข่มใจ จนหมออีกคนบอกจะฉีดยาสลบเข้าทางสายน้ำเกลือนะ ผมบอกเดี๋ยวตอนที่ผมฟื้นตัวจากยาสลบช่วยเตรียมถุงให้ด้วยนะเพราะผมจะอาเจียน แกถามว่ารู้ได้ไง ผมตอบเคยผ่าตัดแก้วหูทะลุมาแล้วแกก็ตอบว่าไม่เป็นไรเอายาแก้เมาผสมเข้าไปด้วยก็แล้วกัน (จริงป่าววะ??) พอแกฉีดยาสลบเสร็จผมก็เริ่มง่วงนอนไม่เจ็บเหมือนตอนผ่าตัดแก้วหูแฮะ จากนั้นผมก็หลับ(สลบ)ไป ในระหว่างที่ผมสลบอยู่ทีมหมอก็คงบรรเลงผ่าตัดตามวิธีการของเขา
ผมรู้สึกตัวขึ้นมายังไม่เต็มที่ได้ยินเสียงเอะอะในบริเวณห้องที่ผมอยู่ คงเป็นห้องสำหรับให้ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดมาพักฟื้น ซึ่งห้องก็ไม่กว้างมาก มีคนไข้อยู่ประมาณ สี่คนรวมผมด้วย ผมก็พยายามจะมองไปตามเสียงนั้นว่าเป็นอะไรแต่ไม่กล้าฝืนมากเพราะกลัวอาเจียนแต่ครั้งนี้ไม่รู้สึกเมาฟื้นตัวแบบสบายๆ ผมมองไปก็เห็นไม่ชัดแต่ฟังจากเสียงแล้วเป็นเสียงของพยาบาลสางสามคนกับคนไข้ชายที่สูงอายุประมาณ ๗๐ กว่าๆ กำลังอาเจียนออกมาแกพยายามจะช่วยตนเองซึ่งสร้างปัญหาให้เหล่านางพยาบาลไม่น้อย
จากนั้นไม่นานผมก็ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัดประมาณหกโมงเย็นคนเข็นก็บอกว่าอาจจะสะเทือนแล้วเจ็บบ้างนะ โอ แต่ไม่บ้างเลยโดยเฉพาะเวลาที่ต้องเข็นผ่านทางต่างระดับมันเจ็บมาก แต่ในที่สุดก็เข้ามาถึงที่ห้องก็ขึ้นเตียงนอนสักพักก็มีอาหารมาให้เป็นข้าวต้มพร้อมกับยา ๒ เม็ด ผมลองกินข้าวดูก็กินได้เล็กน้อยมันกินไม่ลง พอกินข้าวเสร็จกินยาแล้วก็นอนหลับไป จนประมาณห้าทุ่มก็รู้สึกปวดฉี่นิดๆ จึงแบกสังขารลุกไปฉี่ดู แค่นั้นและ โหแม่เจ้า เบ่งเท่าไหร่ก็ไม่ยอมออก ตรงนั้นไม่รู้สึกเลย บังคับก็ไม่ได้ บอกกับตัวเอง กูเสื่อมสมรรถภาพรึเปล่าเนี่ย ปลอบใจตนเอกลับมานอนต่อที่เตียงแล้วพยามจับและบังคับ ตรงนั้นดูให้มันรู้สึกหรืออย่างน้อยให้มันแข็งตัวก็ยังดีแต่ไม่เป็นผลเลย เที่ยงคืนพยาบาลมาตรวจพร้อมวัดไข้พร้อมถามว่าฉี่ไปกี่ครั้ง ตอบไม่ตั้งแต่ผ่าตัด ผิดปกติเพราะ ๘ ชั่วโมงผ่านมาแล้ว คงต้องสวนปัสสาวะแล้ว ผมบอกขอเวลาหน่อยอาจะยังไม่ปวดเต็มที่ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตีสองค่อยมาดูอีกทีก็แล้วกัน โล่งใจพอพยาบาลออกไปก็รีบไปฉี่ดูเบ่งเท่าไหร่ก็ไม่ออกกลับมา นอนต่อจนประมาณ ตีหนึ่งครึ่ง ไปเบ่งฉี่ดูอีกก็ไม่ออก กลัวมาก ทำใจกดออดเรียกพยาบาลก็เข้ามา ๒ คนถามว่ามีอะไร บอกช่วยสวนปัสสาวะให้หน่อยเพราะฉี่ไม่ออก แค่นี้แหละพยาบาลทั้งสองบอกรอสักครู่ ไปเอาเครื่องมือก่อน จากนั้นทั้งสองก็บรรเลงทันที ให้ผมถอดกางเกงออกจนหมด งอเข่าตั้งชูขึ้นเอาน้ำยาฆ่าเชื้อมาทาบริเวณไอ้นั่นของผมจากนั้นใส่สารหล่อลื่นเข้าไปในท่อปัสสาวะ แล้วทำการสวนทันทีพยาบาลยืนอยู่ข้างผมข้างละคน คนขวาเป็นคนสวนบอกว่าเจ็บหน่อยนะ แกจับไอ้นั่นผมแล้วเอาสายสอดเข้าท่อ โหโครตเจ็บเลย เมื่อสายท่อเข้าได้ที่แล้วปัสสาวะก็ไหลออกมาพยาบาลคนซ้ายก็เอามือมากดบริเวณหน้าท้องแถวๆ ตรงกระเพาะปัสสาวะ ผมได้ยินเสียงน้ำปัสสาวะไหลลงสู่ขวดที่เขาเตรียมไว้ เสียงเหมือนเราฉี่ลงโถส้วม สักพักเสียงเงียบลง เข้าใจว่าหมดแล้วเพราะผมก็ช่วยเบ่งอยู่ซึ่งมันก็ได้ผล จากนั้นพยาบาลทั้งสองก็เก็บอุปกรณ์เพื่อจะออกจากห้องไป ผมได้ถามว่าฉี่ออกมาได้เท่าไหร่ คนซ้ายมือตอบว่า มีประมาณ ๘๐๐ มิลลิลิตร โหเกือบ ๑ ลิตรเลยนะเนี่ย พอพยาบาลออกไปแล้วผมก็นึกบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้แทนที่จะนอนพักอยู่ดีๆ ดันอยากลองดูว่าฉี่เองได้หรือยัง จึงลุกขึ้นไปฉี่ดูที่ห้องน้ำแบ่งดูมันออกมานิดหนึ่งแต่โหแทบน้ำตาเล็ดเพราะมันแสบมากๆ ตรงท่อปัสสาวะ (มานึกดูทีหลังคงเป็นเพราะตอนสอดท่อมันคงอักเสบเล็กน้อยแล้วพอเราเบ่งฉี่ออกมาความเค็มที่อยู่ในน้ำปัสสาวะไปสัมผัสกับท่อปัสสาวะจึงทำให้เกิดการแสบดังกล่าว) จากนั้นกลับมานอนที่เตียงพยายามข่มตาให้หลับทั้งแสบทั้งทรมาน สักพักจึงหลับได้
จนเช้าวันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ตื่นขึ้นมารู้สึกปวดฉี่จึงไปฉี่ดูก็สำเร็จฉี่เองได้แล้วแต่ยังแสบอยู่บ้าง จากนั้นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จกลับมานอนที่เตียง สักพักก็เขาก็เอาอาหาร(ข้าวต้ม+ไมโลซองหนึ่ง)มาให้พร้อมกับยาที่ต้องทาน เสร็จก็นอนพักต่อ ตื่นมาอีกทีก็สิบโมงกว่าๆ จึงโทรศัพท์บอกให้ญาติมาทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล พอประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่งญาติก็มาถึงเขาไปก็ดำเนินเรื่อง ระหว่างที่ผมรออยู่ที่ห้องพยาบาลก็เอาหารมาให้บอกเป็นมื้อสุดท้าย (มีข้าวต้ม+หมูทอดกระเทียม+ผักผัดรวม+ผัดเห็ดใส่ไข่และของหวาน) ทานยังไม่ทันเสร็จญาติก็มาบอกว่าเรียบร้อยแล้วพร้อมกับหิ้วถุงยาที่ต้องไปทานต่อที่บ้านและใบเสร็จ สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด ๕๐,๒๖๑ บาท บอกกับตัวเองในใจ ทำไมตูดกูมันแพงถึงครึ่งแสนเลยเหรอว่ะ แ..ง เลย พอทำใจได้แล้วก็กดออดเรียกพยาบาลบอกว่าจะออกจากห้องแล้ว สักครู่ก็มีรถเข็นมารับพนักงานก็บริการพามาส่งถึงหน้าโรงพยาบาลพร้อมกับเรียกแท็กซี่ให้ พอแท็กซี่มาถึงเราก็นั่งกลับบ้าน.. นึกในใจชาตินี้อย่าให้กูต้องผ่าตัดริสีดวงอีกเลย.......เข็ดๆๆ


โดย: คนต่างจังหวัด IP: unknown, 58.8.134.113 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:27:59 น.  

 
ยายขอแนะนำ ผู้ที่มีปัญหาโรคริดสีดวงทวาร
กรุณาเข้าไปดูที่ //www.ekkalak-sahaclinic.com นะจ๊ะ
อยู่ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ นี่เอง
ยายเข้าไปดูมาแล้ว ดูภาพแล้วน่ากลัวจริงๆ
แต่หมอเขาก็เก่งนะ หลานยายหายมาแล้ว
ลองเปิดดูนะจ๊ะ


โดย: คุณยาย IP: 125.26.189.234 วันที่: 25 มิถุนายน 2554 เวลา:22:07:09 น.  

 
ไปรับการรักษาด้วยเครื่องมือสแต็ปเลอร์ หรือ( Stapled hemorrhoidectomy)ที่โรงพยาบาลจุฬาเมื่อวันที่24สิงหาคม2554ทีมหมอทุกท่านตั้งแต่วิสัญญีจนถึงหมอผ่าตัดเก่งมาก ฉีดยาชาด้วยวิธีบล็อกหลังแทบไม่รู้สึกเลขมือเบามากๆๆ เสร็จจากการผ่าตัดเมื่อไรไม่รู้ตื่นมาอีกทีก็ูถูกเข็นมานอนที่เตียงแล้ว ยายนอนรักษาตั็้งแต่วันที่23เพื่อเตรียมการผ่าเหมือนคุณๆ แล้วเช้า8.30น.ของวันที่24ก็เข้าห้องผ่าตัดออกจากโรงพยาบาลวันที่25 แผลผ่าไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่เจ็บตอนที่กลับมาบ้านแล้วต้องถ่ายนี่ซิ เหมือนมีอะไรบวมอยู่ที่ปากทวารหนักไปหาหมอก็บอกว่าปกติของการรักษา ยายอยากจะแนะนำสำหรับคนที่ต้องการหาข้อมูลการรักษาว่าถ้ามีสิทธิประกันสังคมและมีเวลารอพอ(ยายจองคิวเมื่อประมาณเดือนกค.54)จะเสียค่ารักษาเพียงแค่ค่าเครื่องมือตัวนี้ราคา16,000บาท(มีเศษนิหน่อย)แต่ดีกว่าการผ่าตัดแบบธรรมดามาก


โดย: ยายแว่น IP: 125.24.207.66 วันที่: 31 สิงหาคม 2554 เวลา:13:59:13 น.  

 
เพิ่งไปผ่ามาเมื่อวันที่10กันยา ที่ผ่านมาเหมือนกันค่ะ นัดหมอไว้ก่อนล่วงหน้า บ่าย2โมงครึ่งของวันที่10ก็เดินทางถึงโรงพยาบาล พอถึงก็แค่แจ้งชื่อกับพยาบาล รอประมาณ5นาทีก็เจอคุณหมอ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าต้องงดน้ำและอาหารหลัง8โมงเช้านะคะ คุณหมอก็แค่ถามประวัตินิดหน่อย แล้วพยาบาลก็ให้เปลี่ยนชุดเป็นของโรงบาล เราต้องถอดทุกอย่าง คอนแทคแลนก็ต้องถอด ห้ามทาแล็ป แต่วันนั้นทาไปค่ะ พยาบาลล้างออกให้หมดเลยขอบอกว่าแล็ปเท้าซะด้วย หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จจะถึงขั้นตอนที่ทรมารสุดๆ คือการเจาะเลือดและให้น้ำเกลือ ขอบอกว่าเจ็บมาก หลังจากเจาะเลือดเสร็จ บุรุษพยาบาลก็มาเข็นเตียงเราไปที่ห้องผ่าตัด ทุกคนที่ห้องผ่าตัดใจดีและเป็นกันเองมากพอไปถึงก็เริ่มทำการบล็อกครั้ง เค้าฉีดยาให้ที่ไขกระดูกสันหลัง ขอบอกตามตรงว่าไม่เจ็บเลย รอสักพักมองนาฬิกา ตอนนี้15.45นาฬิกา คุณหมอที่จะทำการผ่าตัดก็เดินเข้ามา แต่เรามองไม่เห็นนะ เหมือนกับว่าคุณหมอกำลังทำอะไรสักอย่าง ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที คุณหมอบอกว่าเสร็จแล้ว ตกใจมาก เราไม่รู้สึกอะไรเลย เร็วมาก หลังจากนั้นก็ไปนอนที่ห้องพักฝื้น ห้องพักฝื้นจะมีพยาบาลคอยดูอาการเราตลอด สรุปว่ามือเราชาจนไม่สามารถวัดชีพจรได้ แต่ขาไม่รู้สึกชาเลยแปลกมา ระหว่างที่เราอยู่ห้องพักฝื้น พยาบาลก็พาคุณแม่ไปรอที่ห้องพักที่เตรียมไว้ให้เรา อยู่ห้องพักฝื้นประมาณ1ชั่วโมงก็มีบุรุษพยาบาลมาเข็นเตียงเราไปที่ห้องพักที่ทางโรงบาลจัดไว้ให้ พอไปถึง คุณแม่นอนดูทีวีบนโซฟาสบายเลย นอนรอจนสี่ทุ่มถึงจะสามารถลุกขึ้นเดินได้ ระหว่างนั้นขอบอกว่าหิวน้ำมาก พอกินได้ก็ซดซะเต็มที่ พยาบาลจะคอยเข้ามาวัดความดันและให้ยาแก้ปวดตลอด ตอนช่วงประมาณสองทุ่ม พยาบาลมาถอดสายน้ำเกลือออก แต่ไม่ได้เอาเข็มออกเพราะบอกว่าเวลาให้ยาแก้ปวดจะได้ไม่ต้องฉีดใหม่ให้ผ่านสายเลย ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา มาเจ็บตรงที่ถอดสายน้ำเกลือแต่คาเข็มไว้นี่แหระ น้ำตาไหลเลยทีเดียว พอหลังสี่ทุ่มก็ลุกขึ้นเดินได้ กินข้าวกินยา สักพักคุณหมอก็เข้ามาดูอาการแล้วบอกว่าถ้าเที่ยงคืนยังไม่ฉี่ให้เรียกพยาบาลมาสวน แต่โชคดี ฉี่ก่อน หลังจากนั้นก็นอน ตลอดทั้งคืนปวดมือมากเข็มก็ยังคาอยู่ พอเช้าก็กินอาหาร บอกพยาบาลว่าปวดที่เข็ม พยาบาลคนแรกก็ไม่ยอมเอาออกเราสังเกตว่ามันเริ่มบวมแล้ว รออีกประมาณชั่วโมงก็มีพยาบาลอีกคนเข้ามา เค้าบอกว่ามือบวมแร้วจะถอดเข็มให้ ตอนนั้นดีใจมาก พอถอดเข็มแร้วเหมือนยกความเจ็บปวดออกไปทั้งหมด กินข้าวกินยาเสร็จก็อาบน้ำ อีกพักคุณหมอก็เข้ามา บอกว่าสามารถกลับบ้านได้ แต่งตัวเปลี่ยนชุดรอเช็คค่าใช้จ่าย เราจ่ายทุกอย่างทั้งค่ากินค่าตรวจรักษาในครั้งแรก ค่าห้องพัก ค่าเครื่องผ่าตัด เอาเป็นว่าจ่ายทุกอย่างทั้งหมดแค่ไม่ถึงสี่หมื่น มันรู้สึกดีนะ ที่เราไม่ต้องไปทนเจ็บจาการผ่าตัดแบบปกติทั่วไป เพราะเป็นเครื่องมือใหม่ แล้วก็ไม่รู้สึกเจ็บเรย เจ็บมากที่สุดก็เข็มน้ำเกลือแหละ นอนโรงพยาบาลแค่คืนเดียวฉีดยาบล็อคหลังก็แค่ครั้งเดียว มันง่ายกว่าอีกอย่างก็ตรงที่เราไม่เบิกค่าใช้จ่าย เราจ่ายเงินสดเอง และที่ดีอีกอย่างเราสามารถขับรถไปเองได้ ไปกลับก็ประมาณ300กิโลเมตรได้ สุดท้ายที่น่าจดจำที่สุดคือการเข้าโรงพยาบาลครั้งแรกในชีวิต มันไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิส ถ้าใครสนใจก็ลองสอบถามได้นะ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี อ.สองบุญ และนี่ก็เป็นประสบการณ์การผ่าตัดที่มาเล่าสู่กันฟัง


โดย: stardust IP: 180.180.91.80 วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:0:08:58 น.  

 
ขอถามรายละเอียดหน่อยค่ะหลังจากผ่ามาแล้วมันจะมีปมโผล่ออกมามันจะยุบไปเองไหมค่ะ


โดย: เจน IP: 27.130.100.56 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:14:05 น.  

 
ตอนนี้ท้องได้ห้าเดือน. มาเป็นตอนท้องนี้ละ เพราะถ่ายรำบากนั่งก็ไม่ได้ถ้าผ่าตัดตอนนี้คงรำบากน่าดู ท้องก็โตมากและกลัวว่าจะมีผลต่อลูกหรือเปล่าไหนจะค่าใช้จ่ายอีก อายก็อาย คิดมากแล้วตอนนี้ มันอาจจะเป็นเวรกรรมของเราเอง


โดย: นที IP: 116.15.203.191, 220.255.2.41 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:0:52:58 น.  

 
ตอนนี้เราท้องอยู่สี่เดือนค่ะ เป็นเหมือนกัน แต่เราเป็นมานานแล้ว ยื่นออกมา2ติ่ง ยาวประมาณติ่งละเกือบ1ซม. ก่อนหน้านี้ก็มีเลือดออกปนมาเป็นระยะ พอกลับไปทานผักผลไม้ ทานน้ำเยอะๆ ถ่ายให้เป็นเวลา ไม่เบ่งแรงๆ อาการก็ดีขึ้น แต่ติ่งที่ยื่นออกมาก็ไม่หาย สอดกลับเข้าไปไม่ได้ เพราะเราเป็นมานานมากกว่า 10 ปี ตอนนี้มันระคายเคืองมาก เหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่ก้นตลอดเวลา เลยตัดสินใจอยากผ่าตัด แต่คุณหมอบอกว่า ช่วงตั้งครรภ์ ริดสีดวงจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะเลือดจะไปคั่งที่บริเวณทวารหนัก ผ่าตอนนี้ก็อาจจะเป็นอีก และอีกอย่าง อาจจะเสียเลือดมาก ซึ่งอาจเป็นอันตรายกัลลูก และอีกอย่างค่าใช้จ่ายก็แพง 50000 ขึ้นไป ในเมื่อตอนนี้ไม่ได้เจ็บอะไร เราเลยรอไปก่อน


โดย: JJ IP: 110.77.178.233 วันที่: 30 พฤษภาคม 2555 เวลา:16:31:46 น.  

 
รบกวนถามว่าพี่ๆคนที่เคยผ่าไปแล้ว มีติ่งเกิดหรือไม่ครับ กลับไปถามหมอ เค้าบอกว่าเป็นแผลหลังจากผ่าตัด T.T ซึ่งหมอบอกว่า คนที่ผ่าส่วนใหญ่เค้าจะมีติ่งเนื้อแบบนี้เกิดขึ้นทั้งนั้น เลยอยากรู้ว่าคนอื่นๆจะมีเหมือนผมมั้ยอะคับ


โดย: ป IP: 124.120.144.104 วันที่: 6 มิถุนายน 2555 เวลา:20:24:01 น.  

 
มีติ่งหลังผ่าเหมือนกันเพิ่งผ่ามาได้อาทิตย์เดียวยังไม่ได้เจอหมอเลย



โดย: กีวี่ IP: 122.61.94.171 วันที่: 12 กรกฎาคม 2555 เวลา:11:26:02 น.  

 
อยากรู้ว่า ถ้าต้องผ่าตัดต้องสวนอุจจาระด้วยหรอคะ น่ากลัวจิงๆ แล้วมันใช้ประกันสังคมได้หรอคะ


โดย: พิกเลต IP: 223.27.192.186 วันที่: 23 กรกฎาคม 2555 เวลา:14:22:10 น.  

 
เราผ่าที่นิวซีแลนด์ การสวนอุจจาระไม่ได้น่ากลัวเหมือนเทองไทยเลย มีเจหลอดเล็กๆ เท่าหลอดย่แก้สิว พยาบาลบีบเข้สทางทวารหนักแล้วบอกใหทนจนกว่าจะทนไม่ได้แล้วค่อยไปถ่าย



โดย: กีวี่ IP: 122.61.94.171 วันที่: 23 สิงหาคม 2555 เวลา:15:44:43 น.  

 
ใบอนุญาติเลขที่ 10110001753
หมอเอกลักษณ์สหคลินิก

การแพทย์แผนไทยประยุกต์และการแพทย์แผนปัจจุบัน

คลินิกรักษาเฉพาะโรคริดสีดวงทวาร รักษาด้วยยาสมุนไพร ไม่ผ่าตัด

หลักการและเหตุผล //www.ekkalakclinic.com

เวลาที่ให้การรักษาใช้เวลาสั้นๆ เพราะทางคุณหมอทราบดีว่าผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวารมีความทุกข์ ทรมานจากอาการของโรคริดสีดวงทวาร ซึ่งกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก การให้การรักษาจึงต้องใช้เวลาสั้นๆ ประมาณ 8-10 นาที หลังรับการรักษาที่คลินิกผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ทันที
การให้การรักษาในคลินิกนั้นทางคุณหมอจะให้การรักษาเพียงครั้งเดียวและจัดยาให้ผู้ป่วยกลับบ้าน โดยทั่วไปอาการของผู้ป่วยจะเริ่มดีขึ้นหลังจากการรักษาทันที ประมาณวันที่ 10 – 14 (หลังจากที่ทำการรักษาที่คลินิก) อาการจะดีขึ้นอย่างชัดเจน และหายได้ภายใน 1 เดือน
คุณหมอจะนัดดูอาการเป็นระยะเพื่อติดตามผลการรักษา ถ้าผู้ป่วยอยากกลับมาตรวจซ้ำก็สามารถมาได้ตามวันเวลาดังกล่าว หรือโทรฯนัดหมายล้วงหน้าเพื่อรับการตรวจติดตามผลการรักษา


หลักการรักษา

1. การให้การรักษาในคลินิก
- การทำหัตถการ (ผู้ป่วยจะนอนในท่าตะแคงด้านใดด้านหนึ่ง)
- ใช้ศาสตร์ด้านการแพทย์แผนไทยประยุกต์และการแพทย์แผนปัจจุบัน
- ใช้ยาสมุนไพรและยาแผนปัจจุบัน

2. การจ่ายยาสำหรับรับประทาน
- ยาสมุนไพร ประเภท ยากระสาย ยาต้ม ยาเม็ด
- ยาแผนปัจจุบัน ประเภท ยาเม็ด

3. การจ่ายยาสำหรับใช้ทา
- ยาแผนปัจจุบัน ประเภท ยาน้ำใช้ทา

4. การจ่ายยาสำหรับใช้นั่งแช่
- ยาสมุนไพร ประเภท ผง ใช้ผสมน้ำนั่งแช่

หมายเหตุ

- ให้การรักษา 1 ครั้ง ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ทันที
- ยาที่จ่ายให้เมื่อถึงกำหนดวันจะระบุว่าจะใช้ยาประเภทใด เมื่อใด
- ขณะให้การรักษาผู้ป่วย....ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนตะแคง และมีการปกปิดอวัยวะส่วนอื่นอย่างมิดชิด


ค่ารักษาพยาบาล

สำหรับค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจและวินิจฉัยจากคุณหมอก่อน คุณหมอจะบอกกับผู้ป่วยเอง เหตุผล เพราะผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวารบางรายเป็นเพียงน้อยๆ อาการไม่รุนแรงมาก อาจใช้ยาในการรักษาปริมาณไม่มากนัก ค่าใช้จ่าย ค่ารักษา ค่ายา ก็ไม่มาก แต่ถ้าในบางรายที่เป็นมากๆ อาการรุนแรงมาก การให้ยาในการรักษาก็อาจต้องใช้ปริมาณมากขึ้น ค่ายา ก็อาจต้องเพิ่มขึ้นเหมือนการรักษาตามโรงพยาบาลหรือตามคลินิกทั่วไป เมื่อให้ยาในการรักษาปริมาณมากขึ้นก็ต้องมีเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องปกติครับ


วันเวลาที่เปิดทำการ
จันทร์ – ศุกร์ เวลา 17.00 – 21.00 น.
เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 9.00 – 18.00 น.

ติดต่อสอบถาม นัดหมาย
02-8813713
085-7399727
089-0399317

www.ekkalakclinic.com


โดย: หมอ. IP: 58.11.27.36 วันที่: 9 กันยายน 2555 เวลา:19:47:49 น.  

 
ติ่งเนื้อหลังผ่าจะหายไมมั๊ยอ่ะคะ TT


โดย: Noname IP: 115.67.69.120 วันที่: 29 กันยายน 2555 เวลา:22:09:52 น.  

 
เอาประสบการณ์มาแนะนำครับ

ผมได้ผ่าตัดโรคริดสีดวงเมื่อเดือน กันยายน 2555 เพราะมันอักเสบมาก ต้องผ่าตัดเท่านั้น ผมผ่าตัดแบบธรรมดา โดยฉีดยาเข้ากระดูกสันหลังครับ และหมอก็ผ่าตัดปกติ พอผ่าเสร็จพร้อมทั้งยาหมดฤทธิ์ เป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก... ผมร้องจนสลบคาเตียงเลยครับ ผมนอนพักฟื้น 2 วัน หมอก็ให้ไปพักที่บ้านครับ

ก่อนกลับบ้านหมอแนะนำแค่นั่งน้ำอุ่น เช้าเย็น + กินยาที่หมอให้ ผมก็ทำตาแต่ไม่ค่อยดีขึ้น คือ มีติ่งโผล่มารอบทวาร + เป็นแลเพิ่ม + มีหนองเยอะมาก + ถ่าย ทรมานมาก

ผมก็เลย เซาะหาวิธีต่างๆ ที่จะทำให้มันดีขึ้น (และก็ได้มาโดนบังเอิญ)
- การขับถ่ายผมจะนั่งถ่ายในน้ำอ่น ลดความทรมานได้มาก และถ่ายงายขึ้นด้วยครับ ผมคิดว่าน้ำอุ่นช่วยให้กล้ามเนื้อมันยืดตัว คลายตัวอ่ะครับ และผมก็ทาน HI Q PRO เป็นพวกผงดีทอกอ่ะครับ ช่วยการระบายได้ดีโคตรๆ
- การนั่งน้ำอุ่นให้ผสมผงด่างทับทิมเล็กน้อย อย่าใส่มากนะครับ ใส่สัก5-10 เกล็ดก็พอ ช่วยล้างแผลได้อย่างดี ด่างทับทิมหาซื้อได้ตามคลีนิกทั่วไปครับ กระปุกละ 20 บาทเอง
- การกินอาหาร ผมทาน ปลาทู + มะละกอ + แก้วมังกรา(อันนี้ดีมาก) + น้ำเยอะ ๆ + ผัก
- ยา หากทานยาที่หมอสั่งหมดแล้วแต่ยังไม่หาย ผมแนะนำ ยาแคปซูลเพชรสังฆาต ของอโศกครับ เป็นสมุนไพร อันนี้ช่วยได้เยอะครับ


ลองดูนะครับ มีปัญหา ปรึกษาผมได้ที่ gijone@hotmail.com กิบ ครับ ยินดีให้คำปรึกษาครับ เพราะเข้าใจเลย ว่าหลังผ่าตัดมันทรมานมากๆๆๆๆ


โดย: gijone IP: 223.207.9.147 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2555 เวลา:14:55:23 น.  

 
เราก็เป้นแต่ไม่มีเลือดออกมาแต่เราไม่กล้าไปหาหมอเราอายแต่ก็กลัว
ผ่าตัดมันเจ็บมากเลยหรอค่ะ


โดย: nb IP: 115.87.117.157 วันที่: 15 มิถุนายน 2556 เวลา:11:42:52 น.  

 
ถ้ายังไม่ได้ผ่า ขอให้ทบทวนก่อนหาวิธีรักษาอย่างอื่นก่อน เพราะหลังจากผ่าริดสีดวงแล้วเป็นอะไรที่ทรมานสุด ถ้าย้อนเวลาได้จะไม่ผ่าเลย

มันปวดมากกว่าตอนไม่ผ่าอีกนะ เหมือนรูมันเล็กลงเวลาถ่ายทรมานหว่าเดิมอีก มันออกไม่ได้คะ. ต้องใส่ผ้าอนามัยตลอด


โดย: บัวตอง IP: 27.55.216.237 วันที่: 24 สิงหาคม 2557 เวลา:11:02:27 น.  

 
ขอโทษนะค่ะคุณ..วาซุตะคุง รบกวนถามหน่อยค่ะแล้วค่ารักษาพยาบทั้งหมดเท่าไหร่ค่ะ พอดีจะไปผ่าที่โรงพยาบาลพระมุงกุฎเช่นกันอ่ะค่ะ
พอดีจะไปผ่าที่โรงพยาบาลพระมุงกุฎเช่นกันอ่ะค่ะ


โดย: Pook luuk IP: 171.100.111.20 วันที่: 15 สิงหาคม 2558 เวลา:20:06:41 น.  

 
เดือน ม.ค ก็จะผ่าเช่นกันค่ะที่ ร.พ จุฬา แต่ดิฉันมีประกันสังคมที่ ร.พ เปาโล ร.พ. จุฬาจ.มให้มาขอใบส่งตัวที่ ร.พ เปาโล แต่ ร.พ เปาโลไม่ยอมทำใบส่งตัว เมือก่อนที่ดิฉันจะไปรักษาที่ ร.พ จุฬา ก็รักษาที่ ร.พ เปาโลแต่เขาไม่สนใจรักษาแถมยังมาโกหกว่า เป็นริดสีดวงระยะ3-4 ไม่มารถผ่าได้ทั้งๆฉันศึกษาในเน็ต เพื่อนๆที่เป็นเขาบอกว่าระยะ 3-4 ต้อง พอดิฉันขอใบส่งตัวทาง ร.พ เปาโลบอกว่าเขาจะผ่าเองเขาไม่ส่งตัว ตอนนี้ดิฉันใจโลเลจะเอาไงดีหากไม่มีใบส่งตัวเราต้องจ่ายค่ารักษาเองทั้งหมด แต่ ร.พ จุฬานัดไปนอน ร.พ วันที่ 21 ม.ค ผ่า 22 ม.ค แต่เปาโลจะผ่าให้นัดเดือน ม.ค เหมือนกันแต่ยังไม่มีกำหนดผ่าเลย ดิฉันจะเลือก ร.พ ไหนดี ระหว่า เปาโลใช้สิทธิ์แรักันสังคม กับ ร.พ จุฬา จ่ายเอง
ใครก็ได้ช่วยแนะนำที


โดย: บุญณิศา IP: 124.120.54.218 วันที่: 26 ธันวาคม 2558 เวลา:13:33:51 น.  

 
ผมอ่านแล้วดูชิวมากเลยคับเท่าที่อ่านประสบการผ่าริดสีดวงแต่ละคนแต่ละที่เรื่องการผ่าไม่น่ากัวอย่างที่คิดคับสิ่งที่น่ากัวที่สุดคือหลังผ่าคับผมบอกได้เต็มปากเพราะระหว่างผมพิมยุนิผมพึ่งผ่าไป10เมษาจะมาทรมานตอนเบ่งชี่กะปวดแผลที่ตูดมันเป็นอะไรที่เชื่อมต่อกันมากเลยคับแล้วที่เจ็บโครตๆเลยตอนอึน้ำตาไหลเหงื่อแตกน่าจะมืดหวังว่าเจ็บครั้งนิจะคุ้มค่ากับการที่จะปล่อยให้เป็นไปเรื่อยนะคับความเห็นส่วนตัวนะคับถ้าอยากผ่ารีบตัดสินใจเลยคับอย่าปล่อยให้อายุมากเกินถ้าถึงเวลานั้นแล้วผมว่าหมอคงไม่อยากผ่าให้แน่นอนคับขนาดผมสี่สิบก่ายังมีความรุสึกจะขาดใจเลยคับ


โดย: วีระพันธ์ IP: 171.98.184.14 วันที่: 13 เมษายน 2559 เวลา:15:49:33 น.  

 
ผมอ่านแล้วดูชิวมากเลยคับเท่าที่อ่านประสบการผ่าริดสีดวงแต่ละคนแต่ละที่เรื่องการผ่าไม่น่ากัวอย่างที่คิดคับสิ่งที่น่ากัวที่สุดคือหลังผ่าคับผมบอกได้เต็มปากเพราะระหว่างผมพิมยุนิผมพึ่งผ่าไป10เมษาจะมาทรมานตอนเบ่งชี่กะปวดแผลที่ตูดมันเป็นอะไรที่เชื่อมต่อกันมากเลยคับแล้วที่เจ็บโครตๆเลยตอนอึน้ำตาไหลเหงื่อแตกน่าจะมืดหวังว่าเจ็บครั้งนิจะคุ้มค่ากับการที่จะปล่อยให้เป็นไปเรื่อยนะคับความเห็นส่วนตัวนะคับถ้าอยากผ่ารีบตัดสินใจเลยคับอย่าปล่อยให้อายุมากเกินถ้าถึงเวลานั้นแล้วผมว่าหมอคงไม่อยากผ่าให้แน่นอนคับขนาดผมสี่สิบก่ายังมีความรุสึกจะขาดใจเลยคับ


โดย: วีระพันธ์ IP: 171.98.184.14 วันที่: 13 เมษายน 2559 เวลา:15:51:58 น.  

 
ยาวมากแต่ก้ออ่านจนจบ ความรู้สึกเหมือนดูซี่รี่เกาหลีคือต้องอ่านจนจบ ขอบคุณที่มาแชร์ความรู้นะคะ


โดย: Net IP: 184.22.210.160 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2560 เวลา:0:25:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PongMoji
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Friends' blogs
[Add PongMoji's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.