... หลังจากที่สนุกสนานกับการเล่นสกีกันไปแล้วพวกเราก็ไปเที่ยวกันต่อที่ “ป้อมฮวาซอง” และ “ตำหนักแฮงกุง” ขอเอารูปสวย ๆ จากมืออาชีพของน้องหนึ่งมาโพสต์ให้ดูกันนะคะ น้องเขาถ่ายสวยจริง ๆ











...จากนั้นก็ไปรับประทานอาหารมื้อเย็นที่ภัตตาคาร “คาลบี้” ต้นตำรับอาหารเลื่องชื่อของประเทศเกาหลีใต้เป็นหมูย่างที่ผ่านการหมักจนได้ที่นำมาย่างบนเตาถ่านร้อน ๆ สุกกำลังดีแล้วตัดเป็นชิ้นพอคำ รับประทานกับซอส,กระเทียม,กิมจิ และใช้ใบผักกาดหอมสดห่อเป็นคำ ๆ คล้ายเมี่ยงคำทานพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ และเครื่องเคียงค่ะ หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะอร่อยเหมือนเช่นเคย ...





..หลังจากนั้นก็เราก็กลับโรงแรมที่พักเพื่อพักผ่อนหรือใครจะไปเดินช๊อปปิ้งก็ได้ตามแต่สะดวกค่ะเพราะว่าที่พักของเราใกล้กับ “ตลาดเมียงดง” ที่วัยรุ่นชอบไปเดินเที่ยวซื้อของกันค่ะมีรูปมาให้ดูด้วยค่ะน่าเดินเที่ยวไหมคะ ...








... จบไปอีกหนึ่งวันเช้าวันต่อมาวันนี้เรามีโปรแกรมจะไปเที่ยวที่ศูนย์โสมค่ะเอารูปโสมมาฝากดูเหมือนคนไหมคะที่จริงเขาห้ามถ่ายรูปค่ะนี่แอบถ่าย ...











... เราได้มีโอกาสเดินทางไปบ้านสี่ฤดูและที่นี่เองที่พวกเราก็ได้มีโอกาสพบปะและมีการสัมภาษณ์ผู้กำกับซีรี่ย์เกาหลีชื่อดังซึ่งก็คือเรื่อง “Autum in my heart, Winter love song, Summer sence, Spring walz”ใครก็ตามที่มีโอกาสได้ดูซีรี่ย์ 4 เรื่องนี้ต้องเกิดความประทับใจอย่างแน่นอนค่ะ ... นุชเก็บรูปผู้กำกับคนเก่งมาให้เพื่อน ๆ ดูด้วยค่ะและมีการถ่ายรูปเป็นที่ระทึกขวัญกันตามแต่ใจชอบค่ะ ...














... ถึงเวลาหม่ำอีกแล้วค่ะคราวนี้พวกเขาพาเราไปทานอาหาร ณ ภัตตาคาร ชาบู ชาบู เห็ด ซึ่งเป็นสุกี้สไตล์เกาหลีบนหม้อไฟร้อน ๆ ประกอบด้วยหมูสไลซ์ ผักบำรุงสุขภาพต่าง ๆ เช่น แครอท ผักขม เห็ดเข็มทอง น้ำซุปกระดูกไก่ร้อน ๆ และที่จะขาดไม่ได้ก็คือเส้นอุด้งมีข้าวสวยร้อน ๆ และเครื่องเคียงอีกด้วยค่ะ








... เมื่อถ่ายรูปกันเสร็จเรียบร้อยเราก็ไปเที่ยวที่ Ice Bar Sub-Zero อีกแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของกรุงโซลเพื่อสัมผัสประสบการณ์ความเย็นในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งก่อนที่ทุกคนจะเข้าไปในห้องที่ปรับอากาศอยู่ที่ลบห้า-หกองศาเซลเซียสพวกเราจะต้องใส่ชุดกันหนาวที่ทางร้านเตรียมไว้ให้เพื่อปรับอุณภูมิของร่างกาย ภายในห้องดังกล่าวจะเต็มไปด้วยเครื่องใช้ต่าง ๆ ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ เคาเตอร์บาร์ที่ทำด้วยน้ำแข็งนั่นรวมถึงแก้วที่ใส่เครื่องดื่มให้กับทุกคนด้วยพวกเราสนุกสนานไปกับการถ่ายภาพกับประติมากรรมน้ำแข็งในมุมต่าง ๆ จนแทบจะลืมความหนาวเหน็บที่ล้อมรอบตัวอยู่เลยค่ะ ...








... และแล้วก็มาถึงเวลาที่รอคอยกับการดินเนอร์สุดหรูกับพระรองเรื่อง “กุงเอส” ชื่อ “คังดู” ตัวจริงดูหล่อกว่าในทีวีค่ะที่สำคัญนิสัยดีมาก Friendly สุด ๆ นอกจากจะได้ดินเนอร์กับเขาแล้วยังได้มีการแจกลายเซ็นพร้อมกับถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกอีกด้วยค่ะ มีการตอบคำถามรวมถึงคำสัมภาษณ์ซึ่งคำถามที่นุชประทับใจก็เห็นจะได้แก่คำถามเกี่ยวกับผู้หญิงในเสป็คของเขานี่ล่ะค่ะ ... เขาตอบได้น่ารักมากเพราะเขาบอกว่าเขาชอบผู้หญิงที่ใจดีและฉลาดรวมถึงอ้างอิงคำกล่าวของคนเกาหลีอีกด้วยว่า “การมีแฟนสวยจะมีความสุขไปสามปีแต่ถ้ามีแฟนที่ใจดีและฉลาดจะมีความสุขไปชั่ว 3 อายุคนนั่นหมายถึงรุ่นเขา รุ่นลูก และรุ่นหลาน











... เช้าวันสุดท้ายของการเดินทางเราก็ได้ไปเที่ยวบลูเฮ้าส์-ดิวตี้ฟรี-พระราชวังถ๊อกซูคุง และเดินทางกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัยขอโทษที่ไม่มีรูปให้ดูนะคะเพราะว่าภาพมันไม่ค่อยชัดค่ะสรุปว่า Trip นี้เป็นทริปที่ทั้งสนุกและประทับใจมากค่ะ ต้องขอบคุณมาม่าที่ทำให้เราได้ไปร่วมจอยทริปที่แสนสนุกสนานในครั้งนี้ค่ะ ...