Bloggang.com : vanillahome : หรรษาสุดสัปดาห์ที่เกาะพะงัน

หรรษาสุดสัปดาห์ที่เกาะพะงัน

ทริปนี้เป็นการรวมตัวของพี่น้องพ้องเพื่อนจากที่ทำงานเก่าที่เกาะสมุย เหตุทำให้เกิดทริปนี้เนื่องด้วยพี่คนหนึ่งที่เป็นที่เคารพรักของทุกคนในกลุ่มกำลังจะย้ายกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ดังนั้นทุกคนในกลุ่มเลยถือโอกาสนี้จัดทริปรวมตัวกันเป็นการส่งท้าย เรากับพี่อีกคนหนึ่งซึ่งย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพฯกันก่อนแล้ว ก็เลยต้องแบกร่างกายอันเหนื่อยล้ากับกระเป๋าสตางค์แฟบๆ ไปรวมกลุ่มกับเขาด้วย

เราเดินทางกับบางกอกแอร์เวย์ ออกจากกรุงเทพฯไปเกาะสมุยด้วยเที่ยวบินเที่ยวเช้าสุด (6 โมงเช้า) ความทรมานของการเดินทางด้วยเที่ยวบินนี้ก็คือการที่ต้องตื่นแต่เช้าไปเช็คอิน สรุปคืนก่อนหน้านั้นนอนไปแค่ 2 ชั่วโมงเอง หลังจากที่เช็คอินเสร็จก็มานั่งเล่นในห้องรับรองผู้โดยสารของบางกอกแอร์เวย์ เป็นห้องที่นั่งสบาย มีอินเตอร์เน็ตให้เล่น มีอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการ

ตอนแรกคิดว่าจะหลับเมื่ออยู่บนเครื่องบินแล้ว แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ นั่งคุยกับพี่ที่ไปด้วยกันตลอดเวลาบิน กิจกรรมนอกเหนือจากการคุย ได้แก่ การเก็บภาพเมฆสวยฟ้าใสกับแสงแรกแห่งวันที่ปรากฎให้เห็นนอกหน้าต่าง

อ่านนิตยสารฟ้าไทยนิดๆ หน่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ๆ เล่มนี้มีเรื่อง มาเก๊า ที่กำลังอยากไปอยู่พอดี

ทำอะไรเพลินๆ ไปได้ซักพัก ก็เห็นวิวเกาะพะงันแล้ว วิวจากมุมสูงเป็นมุมแปลกตา ปกติเวลามาสมุยไม่ค่อยได้สำรวจอะไรซักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่จะหลับหรือไม่ก็เดินทางมาตอนกลางคืน เห็นภาพแบบนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน

ใกล้ถึงแล้ว เกาะสมุย เห็นตัวเกาะแล้ว

ถึงซักทีสนามบินเกาะสมุย สนามบินใหม่ที่นี่เปิดให้บริการได้มาประมาณปีนึงเห็นจะได้ เป็นสนามบินที่เก๋มาก จริงๆ แล้วแอบชอบสนามบินเก่ามากกว่า ไม่ได้มีอะไรมากและค่อนข้างเล็ก แต่มันให้อารมณ์สนามบินบนเกาะมากๆ

พี่ที่ทำงานเก่ามารับที่สนามบินไปกินโจ๊ก ร้านข้าวเช้า ชื่อร้านน่ารักดี โจ๊กอร่อยใช้ได้ หลังจากนั้นก็ไปทักทายเพื่อนๆ ที่ทำงานเก่า คุยสับเพเหระไปเรื่อยๆ จนได้เวลาอาหารกลางวัน เราไม่รอช้าขอไปกินร้านส้มตำเจ้าโปรดทันที หลังจากอิ่มหมีพลีมันก็ได้เวลาเดินทางขึ้นเรือไปเกาะพะงันพอดี จริงๆ แล้วถ้าอยากนั่งเรือแบบสบายๆ ขอแนะนำให้ไปขึ้นเรือของบริษัทลมพระยา เพราะเป็นเรือ Catamaran วิ่งเร็ว นั่งสบายในห้องแอร์ แต่เผอิญวันนั้นต้องรอให้เพื่อนๆ ที่ทำงานเก่าเลิกงานตอนเที่ยงก่อน ซึ่งเป็นเวลาที่เรือของบริษัทลมพระยาออกไปแล้ว พวกเราจึงไปลงเรือของบริษัทอื่นแทน ซึ่งต้องไปขึ้นที่ท่าเรือแถวบางรัก ใช้เวลาเดินทางจากเกาะสมุยประมาณ 40 นาที

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของการเยือนเกาะพะงันของเรา ส่วนพี่ๆ เพื่อนๆ คนอื่น ส่วนใหญ่จะมาเป็นครั้งแรก ทั้งๆ ที่ทำงานอยู่เกาะสมุยมากว่า 2 ปี คนเราก็อย่างนี้แหละ ว่าไหม อะไรที่ใกล้ๆ มักไม่ค่อยได้เห็น ไม่ค่อยได้ไป ครั้งแรกเรามาเที่ยวกับครอบครัวช่วงสงกรานต์ มาพักที่พะงันบุรีรีสอร์ทซึ่งอยู่หาดริ้นใน คราวนี้มาพักกันที่สะรีกันตังรีสอร์ทซึ่งอยู่ที่หาดศรีกันตัง

ลักษณะที่พักเป็นบังกะโล แต่ละหลังแยกเป็นสัดส่วน ไล่กันไปตามระดับไหล่เขา เป็นรีสอร์ทที่สวยงามใช้ได้ ห้องพักก็สะอาด เหมาะสมกับราคาที่ถือว่าไม่แพงจนเกินไป

วิวจากหน้าห้องพัก และบริเวณหาดของรีสอร์ท

รีสอร์ทมีสระว่ายน้ำขนาดพอเหมาะไว้บริการด้วย

หลังจากเก็บสัมภาระต่างๆ ทุกคนก็ลงความเห็นว่าต้องหาอาหารเที่ยงรับประทานกันซะแล้ว เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ได้ทานอะไรมาเลย บรรยากาศร้านอาหารของทางรีสอร์ทก็ดูดีพอใช้ได้

เนื่องจากเราทานส้มตำจากสมุยมาแล้ว ก็เลยสั่งแค่ของว่าง ทุกคนบ่นกันใหญ่ว่าอาหารไม่อร่อยทั้งๆ ที่หิวโซกันทั้งนั้น เห็นว่ารสชาดอาหารขาดๆ เกินๆ ไม่สามารถบอกได้ว่าอาหารที่ทานอยู่เป็นอะไรกันแน่ เรารอดตัวไปเนื่องจากสั่งแค่น้ำมะพร้าวกับเครปที่รสชาดพอทนได้

หลังจากผิดหวังกับอาหารที่รีสอร์ทกันไปแล้ว พวกเราเช่ารถตู้ไปชมหาดที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดของเกาะพะงัน นั่นก็คือ หาดท้องนายปาน ทางไปลำบากมาก ขึ้นเขาลงเขาตลอด ที่แย่ไปกว่านั้นใช้ระยะเวลาการเดินทางถึง 40 นาที นั่งรถไปได้ซักพัก รถตู้ที่นั่งมาก็ดันเสียกลางทางซะอีก ต้องเสียเวลารอรถมาเปลี่ยน กว่าจะไปถึงหาดท้องนายปานก็เย็นย่ำ หาดก็ไม่ได้สวยอย่างที่คิด น่าจะเล่นน้ำที่รีสอร์ทมากกว่า

ใช้เวลาเดินทางกลับอีก 40 นาที ใจนึกถึงแต่จะเล่นน้ำท่าเดียว ถึงรีสอร์ทก็เกือบค่ำ แต่ยังดีที่วันนั้นอากาศดี แดดแรง เกือบทุ่มแล้ว ฟ้ายังสว่าง ก็ยังพอเล่นน้ำทะเลได้ พลบค่ำก็ไปว่ายน้ำต่อกันที่สระของรีสอร์ท หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จ พวกเราก็พร้อมสำหรับอาหารเย็น “แต่ต้องไม่ทานที่รีสอร์ทนะ” อันนี้สมาชิกในกลุ่มเห็นพ้องต้องกัน พวกเราไปเดินเล่นกันบริเวณตัวเมืองซึ่งอยู่ใกล้กับหาดริ้น แล้วก็ตัดสินใจเลือกร้าน Lucky ซึ่งคราวก่อนที่เรามาพะงันก็มาทานที่ร้านนี้เหมือนกัน ต่างคนต่างหิว ต่างคนต่างสั่ง อาหารเย็นวันนั้นของเรา ได้แก่ ข้าวไก่ผัดขี้เมา และสตรอเบอร์รี่ปั่น จริงๆ แล้วสั่งอาหารทะเลเผามาด้วย จานใหญ่น่ากินมาก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะกำลังหิวได้ที่

กลับมาจากทานอาหารเย็นก็เกือบ 5 ทุ่ม ความง่วงงุนเข้ามาแทรกแซงอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลับไปทั้งชุดที่ใส่ไปทานข้าว ตื่นมาอีกทีได้เวลาอาหารเช้าพอดี หลับสนิทเพราะเหนื่อยมากๆ สำหรับอาหารเช้าพวกเราตกลงกันว่าจะทานที่รีสอร์ทเพื่อความสะดวก แต่พยายามสั่งอะไรที่ไม่ต้องปรุงมากเพื่อลดความเสี่ยงของความไม่อร่อย เราสั่งเซตอาหารเช้าแบบอเมริกันมา ซึ่งไม่ผิดหวังเพราะอาหารไม่ต้องใช้ผีมือการปรุงมาก

อิ่มกับอาหารเช้าแล้ว เราก็มาเก็บภาพทะเลยามเช้า คนอื่นๆ ก็มีแยกย้ายไปนอนต่อบ้าง เล่นน้ำบ้าง พายเรือคายัคบ้าง เป็นช่วงเวลาของการพักผ่อนตามอัธยาศัยอย่างแท้จริง

และเนื่องจากยังพอมีเวลาก่อนจะเช็คเอ้าท์เพื่อไปขึ้นเรือกลับเกาะสมุย เรากับสมาชิกบางคนในกลุ่มเลยไปใช้บริการสปาของรีสอร์ทกัน

เราเลือกนวดเท้า บริเวณที่นั่งนวดเท้าสบายมากๆ หันหน้าออกทะเล สัมผัสได้ถึงอารมณ์แห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง

นวดเสร็จก็กลับห้องไปอาบน้ำ เตรียมพร้อมเดินทางไปท่าเรือเพื่อลงเรือกลับเกาะสมุย พวกเราตกลงกันว่าจะแบกท้องไปทานอาหารกลางวันกันที่เกาะสมุยทั้งๆ ที่เลยเวลาอาหารมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นตอนไปถึงร้านส้มตำเจ้าโปรดอีกร้านหนึ่งของเราที่เกาะสมุย ต่างคนก็ต่างลงมือสังหารหมู่อาหารตรงหน้าอย่างไม่รีรอ พอท้องอิ่มแปล้ก็กลับไปนั่งพักที่บ้านของพี่คนหนึ่ง รอเวลาจะไปทานอาหารเย็นเป็นการส่งท้าย อาหารเย็นมื้อนี้ไปทานพิซซ่าคั่วกลิ้งกัน แปลกดีแต่อร่อย ได้อารมณ์อาหารใต้ไปอีกแบบ

จบทริปด้วยการเดินทอดน่องชมช้อปปิ้งพลาซ่าที่เพิ่งเปิดใหม่ของสนามบินเกาะสมุย สนามบินเกาะสมุยเขาช่างหาอะไรเก๋ๆ มาให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินใจกันเสียจริง บริเวณพลาซ่ามีทั้งร้านอาหาร สปา ร้านขายสินค้าต่างๆ เดินเล่นแก้เบื่อได้หากมาเช็คอินก่อนเวลา