Group Blog |
พรบ.จัดตั้ง ต่อ มาตรา 8 ให้จัดตั้ง (1) ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางขึ้นในกรุงเทพมหานคร และให้มี เขตอำนาจตลอดกรุงเทพมหานคร (2) ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสงขลาขึ้นในจังหวัดสงขลา และ ให้มีเขตอำนาจตลอดจังหวัดสงขลา (3) ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา ขึ้นในจังหวัดนคร ราชสีมาสงขลา และให้มีเขตอำนาจตลอดจังหวัดนครราชสีมา (4) ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ และให้มีเขตอำนาจตลอดจังหวัดเชียงใหม่ (5) ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุบลราชธานี ขึ้นในจังหวัดอุบล ราชธานี และให้มีเขตอำนาจตลอดจังหวัดอุบลราชธานี (6) ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระยองขึ้นในจังหวัดระยอง และ ให้มีเขตอำนาจตลอดจังหวัดระยอง (7) ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นในจังหวัดสุราษฎร์ ธานี และให้มีเขตอำนาจตลอดจังหวัดสุราษฎร์ธานี (8) ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครสวรรค์ ขึ้นในจังหวัดนคร สวรรค์ และให้มีเขตอำนาจตลอดจังหวัดนครสวรรค์ (9) ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น ขึ้นในจังหวัดขอนแก่น และให้มีเขตอำนาจตลอดจังหวัดขอนแก่น ในจังหวัดอื่น นอกจากจังหวัดที่ได้จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวตาม วรรคหนึ่งแล้ว ให้จัดตั้งแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวขึ้นในศาลจังหวัดทุก ศาล แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดใดจะเปิดทำการเมื่อใดให้ ประกาศโดยพระราชกฤษฎีกา ให้แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ในศาลจังหวัดมีเขตอำนาจเช่นเดียว กับศาลที่ตั้งแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวนั้น สำหรับจังหวัดที่มีศาลจังหวัด มากกว่าหนึ่งศาล ถ้าจะเปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาล จังหวัดเพียงบางศาลจะให้แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดที่เปิด ทำการนั้นมีเขตอำนาจตลาดท้องที่ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดที่ยังมิได้ เปิดทำการแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวด้วยก็ได้ ทั้งนี้ ให้ระบุเขตอำนาจ ดังกล่าวไว้ในพระราชกฤษฎีกาตามวรรคสองด้วย ให้ศาลเยาวชนและครอบครัว เป็นศาลยุติธรรมชั้นต้นตามพระธรรมนูญ ศาลยุติธรรม มาตรา 9 ให้โอนบรรดาคดีที่ค้าพิจารณาอยู่ในศาลคดีเด็กและเยาวชน กลาง ศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดสงขลา ศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัด นครราชสีมา ศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ ศาลคดีเด็กและ เยาวชนจังหวัดอุบลราชธานี ศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดระยอง ศาลคดี เด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัด นครสวรรค์และศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดขอนแก่นก่อนวันที่พระราชบัญญัติ นี้ใช้บังคับไปพิจารณาพิพากษาในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ศาล เยาวชนและครอบครัวจังหวัดสงขลา ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด นครราชสีมา ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ศาลเยาวชนและ ครอบครัวจังหวัดอุบลราชธานี ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดระยอง ศาล เยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด นครสวรรค์หรือศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น แล้วแต่กรณี มาตรา 10 การจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนอกจากที่ได้จัด ตั้งตาม มาตรา 8 ให้กระทำโดยพระราชบัญญัติ ซึ่งจะต้องระบุเขตอำนาจของ ศาลนั้นไว้ด้วย และจะเปิดทำการเมื่อใดให้ประกาศโดยพระราชกฤษฎีกา เมื่อได้จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด ขึ้นในจังหวัดที่มีแผนกคดี เยาวชนและครอบครัวเปิดทำการอยู่แล้ว ให้ยุบเลิกแผนกคดีเยาวชนและ ครอบครัวนั้น และให้โอนบรรดาคดีที่ค้างพิจารณาในแผนกดังกล่าวไปพิจารณา พิพากษาในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดที่จัดตั้งขึ้น มาตรา 11 ศาลเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมี คำสั่งในคดีดังต่อไปนี้ (1) คดีอาญาที่มีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำความผิด (2) คดีอาญาที่ศาลซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาได้โอนมาตาม มาตรา 61 วรรคหนึ่ง (3) คดีครอบครัว ได้แก่ คดีแพ่งที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำ การใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัว แล้วแต่กรณี ซึ่งจะต้อง บังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (4) คดีที่ศาลจะต้องพิพากษาหรือสั่งเกี่ยวกับตัวเด็กและเยาวชนตามบท บัญญัติของกฎหมายซึ่งบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลเยาวชนและครอบครัว มาตรา 12 ในกรณีที่ปัญหาว่าคดีใดจะอยู่ในอำนาจศาลเยาวชนและ ครอบครัวหรือศาลยุติธรรมอื่น ไม่ว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในศาลเยาวชนและครอบ ครัวหรือศาลยุติธรรมอื่น ให้ประธานศาลฎีกาเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดคำวินิจฉัยของ ประธานศาลฎีกาให้เป็นที่สุด มาตรา 13 ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าด้วยการโอนคดี ในท้องที่ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวเปิดทำการแล้ว ห้ามมิให้ศาลชั้นต้นอื่นใด ในท้องที่นั้นรับคดีที่อยู่ในอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัวไว้พิจารณาพิพากษา มาตรา 14 ในระหว่างการพิจารณาของศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดี เยาวชนและครอบครัว แม้จะเลยจะมีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์หรือเกินยี่สิบปี บริบูรณ์หรือบรรลุนิติภาวะแล้วด้วยการสมรส แล้วแต่กรณี ให้ศาลนั้นคงมี อำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไปจนเสร็จสำนวน และถ้าจะมีอุทธรณ์หรือฎีกาก็ ให้เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาคแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว หรือศาล อุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว หรือศาลฎีกาแผนคดีเยาวชนและครอบ ครัว ที่จะพิจารณาพิพากษาต่อไป และให้ศาลเช่นว่านั้นคงมีอำนาจใช้วิธีการ สำหรับเด็กและเยาวชนตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ มาตรา 15 ในกรณีที่ปรากฏในภายหลังว่าข้อเท็จจริงในเรื่องอายุหรือ การบรรลุนิติภาวะด้วยการสมรสของบุคคลที่เกี่ยวข้องจะผิดไป หรือศาลอื่นใด ได้รับพิจารณาพิพากษาคดีโดยไม่ต้องด้วย มาตรา 13 ซึ่งถ้าปรากฏเสียแต่ต้น จะเป็นเหตุให้ศาลนั้น ๆ ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาก็ตาม ข้อบกพร่องดัง กล่าวไม่ทำให้การพิจารณาพิพากษาของศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาและ ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวเสียไป ถ้าข้อเท็จจริงตามวรรคหนึ่งปรากฏขึ้นในระหว่างการพิจารณา ไม่ว่าใน ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา ให้ศาลนั้น ๆ โอนคดีไปยังศาลที่มีอำนาจ เพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไป มาตรา 16 ในศาลเยาวชนและครอบครัวทุกศาลให้มีผู้พิพากษาและผู้ พิพากษาสมทบตามจำนวนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกำหนด มาตรา 17 การแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวจะได้ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตุลาการตามกฎหมายว่าด้วย ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ ซึ่งเป็นผู้มีอัธยาศัยและความประพฤติเหมาะ สมที่จะปกครองและอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชนและเป็นผู้มีความรู้และความ เข้าใจเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว ผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวจะเป็นผู้พิพากษา ในศาลชั้นต้นอื่น ด้วยก็ได้ มาตรา 18 ในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ให้มีอธิบดีผู้พิพากษา ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางหนึ่งคน รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและ ครอบครัวกลางสองคน และเลขานุการศาลเยาวชนและครอบครัวกลางซึ่ง แต่งตั้งจากข้าราชการตุลาการหนึ่งคน ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในทางราชการ จะกำหนดให้มีรองอธิบดีผู้ พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมากกว่าสองคนก็ได้ ในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด ให้มีผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชน และครอบครัวจังหวัดศาลละหนึ่งคน ในกรณีที่จัดตั้งแผนกคดีเยาวชนและ ครอบครัวขึ้นในศาลจังหวัดใด ให้มีผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและ ครอบครัวในศาลจังหวัดนั้นหนึ่งคน และเพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ ผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว มีฐานะเสมือนผู้พิพากษา หัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด มาตรา 19 เมื่อตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัว กลางว่างลงหรือผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้รองอธิบดี ผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเป็นผู้ทำแทน ถ้ามีผู้ดำรงตำแหน่ง นั้นมากกว่าหนึ่งคน ให้ผู้มีอาวุโสสูงสุดเป็นผู้ทำการแทน ถ้าผู้มีอาวุโสสูงสุด ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ผู้มีอาวุโสถัดลงมาตามลำดับเป็นผู้ทำการแทน เมื่อตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด หรือผู้ พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวว่างลง หรือผู้ดำรงตำแหน่ง ดังกล่าวไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ผู้พิพากษาผู้มีอาวุโสสูงสุดในศาลหรือ แผนกนั้นเป็นผู้ทำการแทนได้ ถ้าผู้พิพากษาผู้มีอาวุโสสูงสุดในศาลหรือแผนกนั้น ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ผู้พิพากษาผู้มีอาวุโสถัดลงมาตามลำดับเป็นผู้ทำ การแทน ในกรณีที่ไม่มีผู้กระทำการแทนตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง รัฐมนตรีว่า การกระทรวงยุติธรรมจะสั่งให้ผู้พิพากษาศาลใดศาลหนึ่งเป็นผู้ทำการแทนก็ได้ มาตรา 20 อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเป็น ผู้รับผิดชอบงานของศาลเยาวชนและครอบครัวทั่วราชอาณาจักร โดยให้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและ อธิบดีผู้พิพากษาตามที่บัญญัติไว้ในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม *หมายเหตุ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนฯ (ฉบับที่ 2) 2543 รก.เล่ม 117 ตอนที่ 103 ก 13 พ.ย.2543 มาตรา 21 ให้รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมี อำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับรองอธิบดีผู้พิพากษาและรองอธิบดีผู้พิพากษาภาคตาม ที่บัญญัติไว้ในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม และให้มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยอธิบดี ผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ตามที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชน และครอบครัวกลางมอบหมาย มาตรา 22 ให้อธิบดีผู้พิพากษาภาคมีอำนาจตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 14 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ในส่วนที่เกี่ยวกับศาล เยาวชนและครอบครัวที่อยู่ในเขตอำนาจของตนและให้เป็นผู้บังคับ บัญชาและรับผิดชอบงานธุรการของศาลเยาวชนและครอบครัวที่อยู่ ในเขตอำนาจของตนตามที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัว กลางมอบหมาย เมื่อมอบหมายแล้วให้ผู้มอบหมายรายงานไปยัง สำนักงานศาลยุติธรรม *หมายเหตุ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนฯ (ฉบับที่ 2) 2543 รก.เล่ม 117 ตอนที่ 103 ก 13 พ.ย.2543 มาตรา 23 ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้พิพากษาหัวหน้าศาลตามที่บัญญัติไว้ใน พระธรรมนูญศาลยุติธรรม *หมายเหตุ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนฯ (ฉบับที่ 2) 2543 รก.เล่ม 117 ตอนที่ 103 ก 13 พ.ย.2543 มาตรา 24 ภายใต้บังคับ มาตรา 25 ศาลเยาวชนและครอบครัวต้องมีผู้ พิพากษาไม่น้อยกว่าสองคน และผู้พิพากษาสมทบอีกสองคนซึ่งอย่างน้อยคนหนึ่ง ต้องเป็นสตรี จึงเป็นองค์คณะพิจารณาคดีได้ ส่วนการทำคำพิพากษาหรือคำสั่ง ของศาลนั้น ถ้าคำพิพากษาหรือคำสั่งจะต้องทำโดยองค์คณะพิจารณาคดีหลาย คน คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นจะต้องบังคับตามคะแนนเสียงฝ่ายข้างมากของผู้ พิพากษาและผู้พิพากษาสมทบที่เป็นองค์คณะพิจารณาคดีนั้น ในกรณีที่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาสมทบดังกล่าวมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้นำบทบัญญัติแห่งพระ ธรรมนูญศาลยุติธรรมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ในการพิจารณาพิพากษาคดีครอบครัวใด จะต้องมีผู้พิพากษาสมทบเป็น องค์คณะหรือไม่ให้เป็นไปตาม มาตรา 109 มาตรา 25 ในคดีซึ่งอยู่ในอำนาจอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบ ครัวกลาง รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางผู้พิพากษาหัว หน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังวัด ผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและ ครอบครัว หรือผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวคนใดคนหนึ่งตาม มาตรา 21 และ มาตรา 22 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ถ้าอธิบดีผู้พิพากษาศาล เยาวชนและครอบครัวกลาง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัด หรือผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวเห็นว่าในการ พิจารณาคดีนั้นมีเหตุอันสมควรจะสั่งให้ผู้พิพากษาสมทบคนใดคนหนึ่งนั่งพิจารณา ร่วมกับตนหรือร่วมกับผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวก็ได้ หรือจะสั่งให้ ผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวคนใดคนหนึ่งร่วมเป็นองค์คณะด้วย ก็ให้มี อำนาจสั่งได้และให้องค์คณะเช่นว่านี้มีอำนาจพิพากษาคดีตาม มาตรา 22 (5) หรือ (6) แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 26 ผู้พิพากษาสมทบตาม มาตรา 16 จะได้ทรงพระกรุณาโปรด เกล้า ฯ แต่งตั้งจากบุคคลซึ่งคณะกรรมการตุลาการตามกฎหมายว่าด้วย ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการคัดเลือกตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใน กฎกระทรวงและต้องมีคุณสมบัติดังนี้ (1) มีอายุไม่น้อยกว่าสามสิบปีบริบูรณ์ (2) มีหรือเคยมีบุตรมาแล้วหรือเคยทำงานเกี่ยวข้องกับการสงเคราะห์ หรือการอบรมเด็กมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี (3) ได้รับการอบรมในเรื่องความมุ่งหมายของศาลเยาวชนและครอบ ครัว และหน้าที่ตุลาการมาแล้วตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระ ทรวง (4)มีคุณสมบัติที่จะเป็นข้าราชการธุรการได้ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการฝ่ายตุลาการ เว้นแต่ในเรื่องพื้นความรู้ให้เป็นตามที่กำหนดในกฎ กระทรวง (5) ไม่เป็นข้าราชการประจำ ข้าราชการการเมือง สมาชิกรัฐสภา หรือทนายความ (6) มีอัธยาศัยและความประพฤติเหมาะสมแก่การพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครัว ผู้พิพากษาสมทบให้ดำรงตำแหน่งคราวละสามปี แต่จะทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระให้ดำรงตำแหน่ง ต่อไปอีกก็ได้ ผู้พิพากษาสมทบที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระให้คงปฏิบัติ หน้าที่ต่อไปจนกว่าผู้พิพากษาสมทบคนใหม่จะเข้ารับหน้าที่ ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ผู้พิพากษาสมทบจะต้องปฏิญาณตนต่อหน้าอธิบดีผู้ พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและ ครอบครัวจังหวัด หรือผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ซึ่งตน จะเข้าสังกัด แล้วแต่กรณี ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรมและรักษา ความลับในราชการ มาตรา 27 ผู้พิพากษาสมทบเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 28 ผู้พิพากษาสมทบพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (1) ออกตามวาระ (2) ตาย (3) ลาออก (4) ขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 26 (5) ขาดการปฏิบัติหน้าที่ตามเวรปฏิบัติการที่กำหนดถึงสามครั้งโดยไม่มี เหตุอันสมควรหรือกระทำการใด ๆ ซึ่งถ้าเป็นข้าราชการตุลาการแล้วจะต้อง พ้นจากตำแหน่งเพราะถูกลงโทษไล่ออก ปลดออกหรือให้ออกตามกฎหมายว่า ด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ การพ้นจากตำแหน่งตาม (2) หรือ (3) ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อ ทรงทราบถ้าเป็นการพ้นจากตำแหน่งตาม (4) หรือ (5) ต้องได้รับความ เห็นชอบของคณะกรรมการตุลาการตามกฎหมายว่าด้วย ระเบียบข้าราชการ ฝ่ายตุลาการ และให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้ ให้พ้นจากตำแหน่ง มาตรา 29 ในกรณีที่ตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบว่างลงเพราะเหตุอื่นนอก จากถึงคราวออกตามวาระตาม มาตรา 28 (1) จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลที่คณะกรรมการตุลาการคัดเลือกขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างก็ได้ ให้ผู้ พิพากษาสมทบซึ่งดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ ซึ่งตนดำรงตำแหน่งแทน มาตรา 30 ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางผู้พิพากษา หัวหน้าศาลเยาวชน และครอบครัวจังหวัดหรือผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดี เยาวชนและครอบครัว แล้วแต่กรณี กำหนดเวรปฏิบัติการของผู้พิพากษาสมทบ ซึ่งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ ผู้พิพากษาสมทบที่นั่งพิจารณาคดีใด จะต้องพิจารณาคดีนั้นจนเสร็จเว้นแต่ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้เพราะเจ็บป่วยหรือมีเหตุจำเป็นอย่างอื่น ในกรณีเช่นว่า นี้ ให้ผู้มีอำนาจตามวรรคหนึ่งจัดให้ผู้พิพากษาสมทบอื่นเข้าปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้พิพากษาสมทบจะได้รับค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง ค่าเช่าที่พักและ ค่าตอบแทนอย่างอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา มาตรา 31 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยวินัยและการรักษาวินัยสำหรับข้าราช การตุลาการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ มาใช้บังคับ แก่ผู้พิพากษาสมทบโดยอนุโลม อืม...สงสัยเป็นนักกฎหมาย...แต่ว่า ชื่อหัวข้อนี้ the law หรือว่า the low จ้า..กะ ลัง งง
โดย: samita วันที่: 3 ธันวาคม 2548 เวลา:20:50:29 น.
โดย: ติกาหลัง (ติกาหลัง ) วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:21:52:15 น.
โอย............เครียด......แทน
โดย: ปูเป้ IP: 203.113.34.11 วันที่: 14 มกราคม 2549 เวลา:13:46:03 น.
บุคคลใดจะอนุเคราะห์แนวข้อสอบพนุกงานพินิจ
โดย: 123 IP: 125.24.133.193 วันที่: 8 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:36:25 น.
ภาพนี้ให้
มินตรา คงอ้น โดย: มินตรา คงอ้น IP: 202.151.6.36 วันที่: 7 ธันวาคม 2550 เวลา:10:23:31 น.
วันนี้มีเรื่องอัดอั้นตันใจขอร้องเรียนศาลครอบครัวและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ที่ตัดสินคดีด้วยความมักง่ายสะเพร่าขาดซึึ่งความยุติธรรม และจริยธรรมโดยสิ้นเชิง ผู้พิพากษาท่านใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้น่าจะพิจจารณาตนเองและรีบแก้ไขสิ่งที่ทำผิดพลาดไปแล้วให้ถูกต้องเสียโดยเร็ว เรื่องมีอยู่ว่ามีผู้หญิงไทยฟ้องร้องฝรั่งขอมีสิทธิ์ในทรัพย์สินระหว่างสมรส ผู้หญิงแจ้งที่อยู่ของฝรั่งเป็นเท็จ หมายศาลถูกส่งไปยังบ้านที่เคยเป็นที่อยู่ของฝรั่งแต่อยู่ในครอบครองของฝ่ายหญิงแต่ฝรั่งได้ย้ายออกมาตั้งสองปีกว่าแล้ว มีหลักฐานที่อยู่ใหม่ของฝรั่งด้วย ตกลงฝรั่งก็ไม่เคยรู้เรื่องว่าตนเองถูกฟ้อง ก็เลยไม่เคยได้มีโอกาสไปศาลเพื่อต่อสู้คดีเลย ศาลตัดสินไปเรียบร้อย ให้ทรัพย์ของฝรั่งตกเป็นของผู้หญิงครึ่งหนึ่ง ทั้งๆที่ผู้หญิงกับฝรั่งได้หย่าขาดจากกันมาแล้วเป็นเวลาเกือบสามปี ทรัพย์นี้เป็นของฝรั่งที่เขามีหลักฐานว่ามันเป็นทรัพย์ส่วนตัวของเขาเขาโอนเงินจากเมืองนอกมาซื้อ ไม่ใช่สินสมรส พอฝรั่งทราบก็ตั้งทนายขอให้พิจจารณาคดีใหม่ ทนายยื่นเรื่องไปแล้วศาลชั้นต้นยกคำร้อง ตอนนี้เลยต้องยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง ถ้าท่านผู้พิพากษาหรือท่านใหนก็ตามได้อ่านกระทู้นี้ ดิฉันขอความกรุณาช่วยทำเรื่องที่ผิดให้มันถูกต้องด้วย ฝรั่งที่เขาหนีร้อนมาพึ่งเย็นที่ประเทศไทยของเรา เขาเดือดร้อนมากเพราะพวกเขาถูกคนไทยบางคนเอารัดเอาเปรียบ จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวบางคนถึงขนาดต้องฆ่าตัวตายเพราะพวกเขาหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ถ้าศาลยุติธรรมของไทยไม่มีความยุติธรรมแล้ว เขาจะหันหน้าไปทางใหนได้นอกจากต้องฆ่าตัวตายเท่านั้น ดิฉันขอให้กระบวนการพิจจารณามีความถูกตัองเที่ยงธรรมและรอบคอบมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะความผิดพลาดและความมักง่ายของท่าน มันสามารถทำลายชีวิตและโอกาสของคนที่หวังจะมาพึ่งท่านได้
โดย: คุณแพม IP: 183.88.65.91 วันที่: 26 ตุลาคม 2554 เวลา:9:16:25 น.
|
ติกาหลัง
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] อย่าเอาความรักไปผูกพันกับเวลา อย่ากลัวที่จะเสี่ยง เพราะคุณไม่อาจจะวิ่งหนีไปตลอดชีวิต Friends Blog
|