สุรัชดา โหราพยากรณ์ดวงชะตาด้วยหลัก ดารา-โหราศาสตร์ ..ร่วมแก้ไขปัญหา ผ่อนคลายชะตากรรม ด้วยจิตสัมผัส ไพ่ทาโรต์
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
25 มกราคม 2553

คติธรรมจากหลวงปู่ทวด..ที่ใช่เลย



พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย
นิ่งเสีย โพธิสัตว์ละได้ย่อมสงบ


FORWARD MAIL จาก กัลยาณมิตร ที่ยาย่าอ่านแล้วก็ต้องบอกว่า
"ใช่เลย" เลยขอนำจิตกุศลของผู้คัดลอก มาเผยแพร่ต่อไปค่ะ
****************************


หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
ท่านเป็นพระมหาเถระที่รู้จักกันทั่วประเทศ
ในนาม " หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด "
คาถาบูชาท่าน คือ
นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา

ชาติกาล 3 มีนาคม พ.ศ. 2125
ชาติภูมิ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา
บรรพชา เมื่ออายุได้ 15 ปี
อุปสมบท เมื่ออายุ 20 ปี
มรณภาพ 6 มีนาคม พ.ศ.2225
สิริรวมอายุได้ 99 ปี

คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวด
ธรรมประจำใจ

พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย
นิ่งเสีย โพธิสัตว์ละได้ย่อมสงบ


ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้
ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น
ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ

สันดาน
ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได้
แต่สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง
ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก

ชีวิตทุกข์
การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ
จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ
จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ
จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ
เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ
เมื่อเราจะออกจากบ้าน
ก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน
ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ
นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหา

ปัจจัยบรรเทาทุกข์
การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น
เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม
เราต้องเป็นตัวของเราเอง
และเราจะต้องวินิจฉัยในเหตุการณ์
ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่า
สิ่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ

ยากกว่าการเกิด
ในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย
แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก
เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย

ไม่สิ้นสุด
แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด
กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น

ยึดจึงเดือดร้อน
ทุกวันนี้ เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน
ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโนน่ ยึดนี่
ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ
โดยไม่คำนึงถึงธรรมสากล
จักรวาลโลกมนุษยนี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก
สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม
ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน
เกิดการฆ่าฟันกัน
เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ
ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า
สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ
นี่คือ หลักความจริงของธรรม

อยู่ให้สบาย
ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น
เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด
อยู่กันอย่างไม่ยินดี อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย
อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณ
ของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์
เหนือคำสรรเสริญ เหนือนินทา
เหนือความผิดหวัง เหนือความสำเร็จ เหนือรัก เหนือชัง

ธรรมารมณ์
การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ คือ
การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง
อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน
คือ รู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน
เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆ แล้ว
ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น
เราย่อมเกิดความโทมนัส เสียใจน้อยใจ

เป็นทุกข์กรรม
ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า
เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม
ตายเพราะกรรมแล้ว
ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์ มีความรื่นเริง

มารยาทของผู้เป็นใหญ่
ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง
มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่
ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก
คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ

โลกิยะ หรือ โลกุตระ
คนที่เดินทางโลกุตระ ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้
คนที่เดินทางโลกิยะ ย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก
เพราะอะไร ?
ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว
ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม
ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า ?
ถ้าเป็นไปได้
พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้งธรรมราชา ไม่ดีหรือ?
แต่มันเป็นไปไม่ได้
เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน
เราต้องตัดสินใจ ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ
ในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง

ศิษย์แท้
พิจารณากายในกาย พิจารณาธรรมในธรรม
พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ
นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

รู้ซึ้ง
ทุกอย่างจะต้องมีเหตุ เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล
ผลนั้นเกิดจากเหตุ
เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว
เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา

ใจสำคัญ
การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์
จะต้องทำด้วยความศรัทธา
ผลสะท้อนมันจะเกิดขึ้นเกินความคาดหมาย

หยุดพิจารณา
คนเรานี้ ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียว
จิตมันจะฟุ้งซ่าน
และถ้าภาวะนั้น
ตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือ หยุดพิจารณา
แล้วค้นสัจจะของ ศีล สมาธิ ปัญญา
ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้

บริจาค
ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ
จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอก
การสวดมนต์เป็นการภาวนา
การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน
เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ
การบริจาคภายในย่อมได้กุศล
มากกว่า การบริจาคภายนอก
นี่คือเรื่องของนามธรรม

ทำด้วยใจสงบ
เราจะทำบุญก็ดี เราจะทำอะไรก็ดี
จงทำด้วยความสงบ
อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน
เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น มันจะพาเราไปสู่หายนะ
เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จงอย่าทำ
นั่งให้จิตใจมันสบายเสียก่อน
เมื่อจิตใจสบายแล้ว ปัญญาก็เกิด
เมื่อเกิดปัญญาแล้ว
จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก

มีสติพร้อม
จะทำสิ่งใดก็ตาม เราต้องมีสติพร้อม
คือ อย่าให้มีโทสะ อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ
อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผล
มาอยู่เหนือความจริง

เตือนมนุษย์
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว
มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีงานทำในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว
มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก
มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า

พิจารณาตัวเอง
คืนหนึ่งก็ดี วันหนึ่งก็ดี
ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที ไม่ติดต่อกับใคร
ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ ว่า
ที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร
คือให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง
คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น
เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้
มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง

คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของหลวงปู่ทวด ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม





Create Date : 25 มกราคม 2553
Last Update : 25 มกราคม 2553 8:52:23 น. 5 comments
Counter : 761 Pageviews.  

 
จริงทุกอย่าง...........


โดย: ยังไงก็น้อง วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:11:36:56 น.  

 
จริงทุกอย่าง...........


โดย: ยังไงก็น้อง วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:11:37:41 น.  

 


ขอกราบนมัสการ ค่ะ


โดย: kwan_3023 วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:12:35:11 น.  

 
ขอกราบนมัสการด้วยคน


โดย: Tong IP: 117.47.141.162 วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:13:34:33 น.  

 
รู้ไว้ใช่ว่า......
คำเทศน์หลวงปู่ทวดทั้งหมด ที่เผยแผ่กันทั้งหมด มาจากที่ท่านเทศน์ไว้ ณ สำนักปู่สวรรค์ ราว 40 ปีแล้ว ยังมีอีกเชิญไปค้นคว้า
ส่วนคาถาที่ใช้บูชาท่าน (ของท่านเอง) คือ
อิติ อิติ โพธิสัตว์ 3จบ
ส่วน นะโม โพธิสัตโต อะคันติมายะ อิติภะคะวา เป็นของพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ แต่งขึ้นเพื่อบูชาท่าน ใช้ใด้เหมือนกัน แต่หลวงปู่ทวดบอก ของท่านจำง่ายกว่า


โดย: นาย ทนโท่ IP: 115.67.161.59 วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:18:39:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กระติ๊ดแดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




นนท์รภัส พยากรณ์....nonrapat@yahoo.com
New Comments
[Add กระติ๊ดแดง's blog to your web]